The revenge แค้นร้ายกลายรัก
8.6
เขียนโดย OUM_PF
วันที่ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2555 เวลา 12.57 น.
33 ตอน
692 วิจารณ์
131.86K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 12 มีนาคม พ.ศ. 2556 17.14 น. โดย เจ้าของนิยายฟิคชั่น
21)
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความThe revenge แค้นร้ายกลายรัก ตอนที่ 21 ความรู้สึกที่เธอเองก็ไม่แน่ใจ...
“คุณภาณุ!!!” “มานี่!!!!”แรงกระชากที่เขากระชากเธอนั้นแรงเสียจนร่างบอบบางปลิวไปปะทะแผ่นหลังของคนที่
ลากเธอไป ขาที่ไม่แข็งแรงและไม่มั่นคงนั้นเป็นเหตุให้เธอลงไปนั่งกองอยู่บนพื้น ป๊อปปี้หันมามองคนตัวเล็กที่นั่ง
ร้องไห้อยู่บนพื้น ข้อเท้าที่บาดเจ็บนั้นมีเลือดซึมออกอย่างเห็นได้ชัด หากเป็นก่อนหน้าที่เธอไม่ได้ติดต่อกับคนที่
บ้านเขาคงมีเมตตาดูแผลให้เธออยู่หรอก แต่นี่เธอทำให้เขาไม่พอใจเอง...ก็ช่วยไม่ได้ แขนแกร่งตวัดช้อนอุ้มร่าง
เล็กขึ้นอย่างง่ายดายราวกับเธอเป็นเพียงตุ๊กตายัดนุ่นตัวหนึ่ง เขาจัดการยัดเธอเข้าไปในรถคันสูง ก่อนจะออกรถ
ด้วยความเร็วสูงความอารมณ์โกรธที่พุ่งสูงของเขา แต่ละที่ที่รถเคลื่อนตัวผ่านยิ่งน่ากลัวไปทุกทีเมื่อเขามุ่งหน้าจาก
บ้านหลังงามผ่านสวนองุ่นนับพันไร่เข้ามาในป่าที่เริ่มลึกขึ้นเรื่อยๆ
“คุณจะพาฟางไปไหน”หญิงสาวถามอย่างตื่นกลัวกับเส้นทางที่มีแต่ป่ารกทึบเป็นทิวทัศน์ข้างทาง “เดี๋ยวก็รู้...”
.......................................................................................................................................
สายตาคมจับจ้องไปที่ถนนอย่างมันน่าสนใจเสียเต็มประดา ต่างกับหัวใจที่ไม่ได้จดจ่ออยู่กับถนนเบื้องหน้าสักนิด
แต่มันกลับลอยไปอยู่กับหญิงสาวผู้ถือดี พลันสายตาก็สะดุดเข้ากับรถคันคุ้นตา ร่างบางนั้นยกมือขึ้นปาดเหงื่อด้วย
อากาศที่ร้อนจัด เธอหันมาเมื่อเจอกับรถของเขา สิ่งที่น่าแปลกคือ เธอเลือกที่จะหันหลังกลับไปสนใจรถของเธอ
ต่อ ไม่คิดจะขอความช่วยเหลือจากเขาแม้แต่น้อย ยิ่งถนนทางออกไร่ของเขายิ่งน่ากลัวอยู่นานๆทีจะมีรถผ่าน ซึ่ง
มันก็ห่างจากบ้านเธออยู่พอควร แต่หญิงสาวไม่แม้แต่จะกลัวเลย เขาตัดสินใจจอดรถเพื่อ...อะไรสักอย่างเนี่ย
แหละ อย่าสนใจ ขอแค่ให้รู้ว่าเขาไม่ได้ห่วงเธอก็พอ!
“รถเป็นอะไร”เขากอดอกถามร่างบางที่ยังไม่ยอมหันมาแลเขาแม้แต่น้อย เขาเดินเข้าไปประชิดเธอก่อนจะเค้น
เสียงถามอีกรอบ
“หูแตกรึไง ฉันถามว่ารถเป็นอะไร”เธอหันขวับมาทางเขา พร้อมๆกับค้อนปะหลับปะเหลือก ก่อนจะยอมตอบออก
มาด้วยน้ำเสียงอ้อมแอ้ม
“ก็เสียสิ...ถามได้”นี่สิถึงจะเรียกว่าคุณหนูจริญญาไม่อย่างนั้นคงไม่ตอบคำถามได้กวนเบื้องล่างถึงเพียงนี้หรอก
เมื่อเขาเองก็เบื่อที่จะต่อล้อต่อคำกับเธอจึงเลือกที่จะไปเปิดฝากระโปรงรถที่เปิดขึ้นพ้อมๆกับควันสีขาวที่พวยพุ่ง
ออกมาอย่างมากมายจากหม้อน้ำ
“หม้อน้ำแตก”เขาพึมพำคนเดียวก่อนจะหันมาถามหญิงสาวที่มองดูอยู่อย่างสนใจ
“เรียกช่างหรือยัง”
“เรียกคนขับรถที่บ้านมาแล้ว คุณกลับไปเถอะฉันอยู่คนเดียวได้ ถึงแถวนี้จะเปลี่ยวแต่ตอนนี้มันยังสว่างโร่อยู่เลย
ฉันคงไม่ถูกฉุดหรอก”เธอกล่าวอย่างถือดี ก่อนจะเปิดประตูรถแล้วเข้าไปนั่ง
“โจรมันคงจะเลือกเวลาหรอกนะ แล้วเรื่องอะไรฉันจะปล่อยเมียตัวเองให้ถูกฉุด”เขาว่าแล้วก็ย่างสามขุมเข้าไป
กระชากร่างบางที่นั่งอยู่ในรถที่เปิดประตูอ้าซ่า โจรมันเห็นคงจะเลี่ยงหรอกนะ เมื่อได้ร่างของเธอแล้วก็จัดการปิด
และล็อกประตูรถ ก่อนจะยัดเธอเข้าไปในรถ
“อย่าคิดจะหนีลงมาเชียวนะ”เขาชี้หน้าเธออย่างคาดโทษ ก่อนจะปิดประตูรถ แล้วกึ่งเดินกึ่งวิ่งมานั่งประจำตำแหน่ง
คนขับรถ ก่อนจะออกรถวิ่งไปตามสายถนนที่ออกจากไร่
“คุณจะพาฉันไปไหน”เป็นคำแรกที่หญิงสาวหันมาถามเขาตั้งแต่ออกรถมานานนับครึ่งชั่วโมง
“เธอต้องชอบแน่” แก้วแทบไม่เชื่อหูตัวเองเมื่อชายหนุ่มข้างกายเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนที่ใครต่อใครก็ยากที่จะ
ได้ยินจากผู้ชายคนนี้ หัวใจไม่รักดีก็กลับพองโตขึ้นมาเสียดื้อๆ เมื่อเส้นทางข้างหน้าเริ่มจะเข้าป่าลึกเรื่อยๆ สองข้าง
ทางมีแต่ต้นไม่ใหญ่ที่เขียวชอุ่มจนทำให้หน้าร้อนนี้เย็นสบายขึ้นมาทันตา เขาจอดรถลงก่อนจะหันมาพูดกับเธอ
“ลงมาเถอะเดี๋ยวเราจะเดินเข้าไปกัน”เขาพูดก่อนจะก้าวลงรถนำหน้าไปก่อน เธอที่ไมมั่นใจว่าเขาพามาทำอะไรที่
นี่ ความกลัวถึงกลับเข้าแทรก เขาคงไม่ใจร้ายขนาดพาเธอมาห่าหมกป่าหรอกนะ
“ลงมาสิ สาบานว่าไม่ได้พาเธอมาฆ่าหมกป่าหรอกน่า”คำพูดของเขาทำเอาเธอสะดุ้งโหยง เขาอ่านความคิดของ
คนเป็นด้วยหรอเนี่ย เธอสูดลมหายใจเข้าก่อนจะเปิดประตูรถตามลงไป
“คุณไม่ล็อกรถก่อนหรอคะ”
“ไม่ต้องหรอก ป่าลึกขนาดนี้ไม่มีขโมยหรอก กุญแจก็อยู่นี่ ไปกันเถอะ”เขาเอื้อมมือมากุมมือของเธอไว้ก่อนจะเดิน
นำพาไปตามเส้นทางที่เรียกว่าค่อนข้างลำบาก แต่มือใหญ่ที่เกาะกุมเธอไว้ก็สามารถประคับประคองให้เธอผ่าเส้น
ทางที่ลำบากไปได้อย่างง่ายดาย และอกความรู้สึกหนึ่งที่เธอไม่รู้ว่าจะเรียกมันว่าอะไร มันจะใช่ความอุ่นใจรึเปล่า
นะ เมื่อเธอรู้สึกปลอดภัยเมื่อมีเขาอยู่ข้างกายอย่างนี้...
“ถึงแล้ว”เสียงทุ้มข้างใบหูเรียกเธอคืนกลับสู่โลกของความเป็นจริง...
สวย...ภาพที่ปรากฏเบื้องหน้าไม่ต่างไปจากภาพวาดเลยสักนิด น้ำตกสูงชันที่มีสายน้ำไหลรินลงมากระทบโขดหิน
ใหญ่เบื้องล่างเสียงของมันราวกับเสียงดนตรีของธรรมชาติที่ขับกล่อมให้ผู้พบเห็นได้เคลิบเคลิ้มและหลงใหล สาย
น้ำใสที่มองเห็นหินกรวดน้อยใหญ่เรียงกันอย่างสวยงามราวกับจับวางใต้สายน้ำที่ไม่ได้เชี่ยวกราด
“อยากเล่นน้ำรึเปล่า”ชายหนุ่มถามเธอข้างใบหูของเธอ เธอพยักหน้าเบาๆก่อนเขาจะจับจูงมือของเธอลงไปในน้ำ
ใส เขาปล่อยให้เธอเล่นน้ำอยู่ตรงนั้น โดยไม่ลืมที่จะกำชับเสียงเข้มว่าห้ามไปไหนไกลกว่านั้นเพราะสายน้ำจะเริ่ม
เชี่ยวกราด เธอก็ได้แต่เล่นอยู่ตรงนั้นโดยไม่รู้ว่าเขาไปไหนเสีย เมื่อเล่นจนเบื่อแล้วเธอจึงเลือกที่จะเดินไปนั่งบน
โขดหินและหย่อนเท้าลงแช่น้ำเย็นฉ่ำ มงกุฎดอกไม้ป่าสีม่วงสดใสถูกสวมลงบนศีรษะทุยสวยของแก้วอย่างเบามือ
พร้อมๆกับโทโมะที่ทรุดตัวลงนั่งข้างเธอ ก่อนจะตวัดมือหนายกร่างบางมานั่งบนตักอย่างง่ายดาย
“ชอบรึเปล่า”เธอจับมงกุฎดอกไม้บนศีรษะก่อนจะพยักหน้าเบาๆ พวงแก้มที่แดงระเรื่ออย่างน่ารักทำเอาเขาอดใจ
ไม่ไหวที่จะก้มลงหอมอย่างเต็มรัก
“คุณทำให้ฉันหรือคะ”
“อืม ฉันเห็นว่ามันสวยดี เธออยากกลับหรือยัง”เมื่อแสงแดดที่เคยเจิดจ้ากลับหายไปกลายเป็นท้องฟ้าที่มืดครึ้มลง
อย่างเห็นได้ชัด คงไม่ต้องสงสัยว่าเหตุใดฤดูร้อนฝนถึงได้ตก หากฤดูกาลไม่แปรปรวนคงไม่ได้เรียกว่าประเทศ
ไทย
“ค่ะ”เขาพยุงเธอขึ้นก่อนจะพาไปที่รถเพื่อพาเธอกลับให้เร็วที่สุด ก่อนที่ฝนจะตกลงมาเสียก่อน...
...............................................................................................................................
จัดมาตามคำขอโทโมะ-แก้ว ป๊อปฟางรอตอนหน้านะจ้ะ^^
“คุณภาณุ!!!” “มานี่!!!!”แรงกระชากที่เขากระชากเธอนั้นแรงเสียจนร่างบอบบางปลิวไปปะทะแผ่นหลังของคนที่
ลากเธอไป ขาที่ไม่แข็งแรงและไม่มั่นคงนั้นเป็นเหตุให้เธอลงไปนั่งกองอยู่บนพื้น ป๊อปปี้หันมามองคนตัวเล็กที่นั่ง
ร้องไห้อยู่บนพื้น ข้อเท้าที่บาดเจ็บนั้นมีเลือดซึมออกอย่างเห็นได้ชัด หากเป็นก่อนหน้าที่เธอไม่ได้ติดต่อกับคนที่
บ้านเขาคงมีเมตตาดูแผลให้เธออยู่หรอก แต่นี่เธอทำให้เขาไม่พอใจเอง...ก็ช่วยไม่ได้ แขนแกร่งตวัดช้อนอุ้มร่าง
เล็กขึ้นอย่างง่ายดายราวกับเธอเป็นเพียงตุ๊กตายัดนุ่นตัวหนึ่ง เขาจัดการยัดเธอเข้าไปในรถคันสูง ก่อนจะออกรถ
ด้วยความเร็วสูงความอารมณ์โกรธที่พุ่งสูงของเขา แต่ละที่ที่รถเคลื่อนตัวผ่านยิ่งน่ากลัวไปทุกทีเมื่อเขามุ่งหน้าจาก
บ้านหลังงามผ่านสวนองุ่นนับพันไร่เข้ามาในป่าที่เริ่มลึกขึ้นเรื่อยๆ
“คุณจะพาฟางไปไหน”หญิงสาวถามอย่างตื่นกลัวกับเส้นทางที่มีแต่ป่ารกทึบเป็นทิวทัศน์ข้างทาง “เดี๋ยวก็รู้...”
.......................................................................................................................................
สายตาคมจับจ้องไปที่ถนนอย่างมันน่าสนใจเสียเต็มประดา ต่างกับหัวใจที่ไม่ได้จดจ่ออยู่กับถนนเบื้องหน้าสักนิด
แต่มันกลับลอยไปอยู่กับหญิงสาวผู้ถือดี พลันสายตาก็สะดุดเข้ากับรถคันคุ้นตา ร่างบางนั้นยกมือขึ้นปาดเหงื่อด้วย
อากาศที่ร้อนจัด เธอหันมาเมื่อเจอกับรถของเขา สิ่งที่น่าแปลกคือ เธอเลือกที่จะหันหลังกลับไปสนใจรถของเธอ
ต่อ ไม่คิดจะขอความช่วยเหลือจากเขาแม้แต่น้อย ยิ่งถนนทางออกไร่ของเขายิ่งน่ากลัวอยู่นานๆทีจะมีรถผ่าน ซึ่ง
มันก็ห่างจากบ้านเธออยู่พอควร แต่หญิงสาวไม่แม้แต่จะกลัวเลย เขาตัดสินใจจอดรถเพื่อ...อะไรสักอย่างเนี่ย
แหละ อย่าสนใจ ขอแค่ให้รู้ว่าเขาไม่ได้ห่วงเธอก็พอ!
“รถเป็นอะไร”เขากอดอกถามร่างบางที่ยังไม่ยอมหันมาแลเขาแม้แต่น้อย เขาเดินเข้าไปประชิดเธอก่อนจะเค้น
เสียงถามอีกรอบ
“หูแตกรึไง ฉันถามว่ารถเป็นอะไร”เธอหันขวับมาทางเขา พร้อมๆกับค้อนปะหลับปะเหลือก ก่อนจะยอมตอบออก
มาด้วยน้ำเสียงอ้อมแอ้ม
“ก็เสียสิ...ถามได้”นี่สิถึงจะเรียกว่าคุณหนูจริญญาไม่อย่างนั้นคงไม่ตอบคำถามได้กวนเบื้องล่างถึงเพียงนี้หรอก
เมื่อเขาเองก็เบื่อที่จะต่อล้อต่อคำกับเธอจึงเลือกที่จะไปเปิดฝากระโปรงรถที่เปิดขึ้นพ้อมๆกับควันสีขาวที่พวยพุ่ง
ออกมาอย่างมากมายจากหม้อน้ำ
“หม้อน้ำแตก”เขาพึมพำคนเดียวก่อนจะหันมาถามหญิงสาวที่มองดูอยู่อย่างสนใจ
“เรียกช่างหรือยัง”
“เรียกคนขับรถที่บ้านมาแล้ว คุณกลับไปเถอะฉันอยู่คนเดียวได้ ถึงแถวนี้จะเปลี่ยวแต่ตอนนี้มันยังสว่างโร่อยู่เลย
ฉันคงไม่ถูกฉุดหรอก”เธอกล่าวอย่างถือดี ก่อนจะเปิดประตูรถแล้วเข้าไปนั่ง
“โจรมันคงจะเลือกเวลาหรอกนะ แล้วเรื่องอะไรฉันจะปล่อยเมียตัวเองให้ถูกฉุด”เขาว่าแล้วก็ย่างสามขุมเข้าไป
กระชากร่างบางที่นั่งอยู่ในรถที่เปิดประตูอ้าซ่า โจรมันเห็นคงจะเลี่ยงหรอกนะ เมื่อได้ร่างของเธอแล้วก็จัดการปิด
และล็อกประตูรถ ก่อนจะยัดเธอเข้าไปในรถ
“อย่าคิดจะหนีลงมาเชียวนะ”เขาชี้หน้าเธออย่างคาดโทษ ก่อนจะปิดประตูรถ แล้วกึ่งเดินกึ่งวิ่งมานั่งประจำตำแหน่ง
คนขับรถ ก่อนจะออกรถวิ่งไปตามสายถนนที่ออกจากไร่
“คุณจะพาฉันไปไหน”เป็นคำแรกที่หญิงสาวหันมาถามเขาตั้งแต่ออกรถมานานนับครึ่งชั่วโมง
“เธอต้องชอบแน่” แก้วแทบไม่เชื่อหูตัวเองเมื่อชายหนุ่มข้างกายเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนที่ใครต่อใครก็ยากที่จะ
ได้ยินจากผู้ชายคนนี้ หัวใจไม่รักดีก็กลับพองโตขึ้นมาเสียดื้อๆ เมื่อเส้นทางข้างหน้าเริ่มจะเข้าป่าลึกเรื่อยๆ สองข้าง
ทางมีแต่ต้นไม่ใหญ่ที่เขียวชอุ่มจนทำให้หน้าร้อนนี้เย็นสบายขึ้นมาทันตา เขาจอดรถลงก่อนจะหันมาพูดกับเธอ
“ลงมาเถอะเดี๋ยวเราจะเดินเข้าไปกัน”เขาพูดก่อนจะก้าวลงรถนำหน้าไปก่อน เธอที่ไมมั่นใจว่าเขาพามาทำอะไรที่
นี่ ความกลัวถึงกลับเข้าแทรก เขาคงไม่ใจร้ายขนาดพาเธอมาห่าหมกป่าหรอกนะ
“ลงมาสิ สาบานว่าไม่ได้พาเธอมาฆ่าหมกป่าหรอกน่า”คำพูดของเขาทำเอาเธอสะดุ้งโหยง เขาอ่านความคิดของ
คนเป็นด้วยหรอเนี่ย เธอสูดลมหายใจเข้าก่อนจะเปิดประตูรถตามลงไป
“คุณไม่ล็อกรถก่อนหรอคะ”
“ไม่ต้องหรอก ป่าลึกขนาดนี้ไม่มีขโมยหรอก กุญแจก็อยู่นี่ ไปกันเถอะ”เขาเอื้อมมือมากุมมือของเธอไว้ก่อนจะเดิน
นำพาไปตามเส้นทางที่เรียกว่าค่อนข้างลำบาก แต่มือใหญ่ที่เกาะกุมเธอไว้ก็สามารถประคับประคองให้เธอผ่าเส้น
ทางที่ลำบากไปได้อย่างง่ายดาย และอกความรู้สึกหนึ่งที่เธอไม่รู้ว่าจะเรียกมันว่าอะไร มันจะใช่ความอุ่นใจรึเปล่า
นะ เมื่อเธอรู้สึกปลอดภัยเมื่อมีเขาอยู่ข้างกายอย่างนี้...
“ถึงแล้ว”เสียงทุ้มข้างใบหูเรียกเธอคืนกลับสู่โลกของความเป็นจริง...
สวย...ภาพที่ปรากฏเบื้องหน้าไม่ต่างไปจากภาพวาดเลยสักนิด น้ำตกสูงชันที่มีสายน้ำไหลรินลงมากระทบโขดหิน
ใหญ่เบื้องล่างเสียงของมันราวกับเสียงดนตรีของธรรมชาติที่ขับกล่อมให้ผู้พบเห็นได้เคลิบเคลิ้มและหลงใหล สาย
น้ำใสที่มองเห็นหินกรวดน้อยใหญ่เรียงกันอย่างสวยงามราวกับจับวางใต้สายน้ำที่ไม่ได้เชี่ยวกราด
“อยากเล่นน้ำรึเปล่า”ชายหนุ่มถามเธอข้างใบหูของเธอ เธอพยักหน้าเบาๆก่อนเขาจะจับจูงมือของเธอลงไปในน้ำ
ใส เขาปล่อยให้เธอเล่นน้ำอยู่ตรงนั้น โดยไม่ลืมที่จะกำชับเสียงเข้มว่าห้ามไปไหนไกลกว่านั้นเพราะสายน้ำจะเริ่ม
เชี่ยวกราด เธอก็ได้แต่เล่นอยู่ตรงนั้นโดยไม่รู้ว่าเขาไปไหนเสีย เมื่อเล่นจนเบื่อแล้วเธอจึงเลือกที่จะเดินไปนั่งบน
โขดหินและหย่อนเท้าลงแช่น้ำเย็นฉ่ำ มงกุฎดอกไม้ป่าสีม่วงสดใสถูกสวมลงบนศีรษะทุยสวยของแก้วอย่างเบามือ
พร้อมๆกับโทโมะที่ทรุดตัวลงนั่งข้างเธอ ก่อนจะตวัดมือหนายกร่างบางมานั่งบนตักอย่างง่ายดาย
“ชอบรึเปล่า”เธอจับมงกุฎดอกไม้บนศีรษะก่อนจะพยักหน้าเบาๆ พวงแก้มที่แดงระเรื่ออย่างน่ารักทำเอาเขาอดใจ
ไม่ไหวที่จะก้มลงหอมอย่างเต็มรัก
“คุณทำให้ฉันหรือคะ”
“อืม ฉันเห็นว่ามันสวยดี เธออยากกลับหรือยัง”เมื่อแสงแดดที่เคยเจิดจ้ากลับหายไปกลายเป็นท้องฟ้าที่มืดครึ้มลง
อย่างเห็นได้ชัด คงไม่ต้องสงสัยว่าเหตุใดฤดูร้อนฝนถึงได้ตก หากฤดูกาลไม่แปรปรวนคงไม่ได้เรียกว่าประเทศ
ไทย
“ค่ะ”เขาพยุงเธอขึ้นก่อนจะพาไปที่รถเพื่อพาเธอกลับให้เร็วที่สุด ก่อนที่ฝนจะตกลงมาเสียก่อน...
...............................................................................................................................
จัดมาตามคำขอโทโมะ-แก้ว ป๊อปฟางรอตอนหน้านะจ้ะ^^
คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8.9 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8.4 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8.4 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ