The revenge แค้นร้ายกลายรัก
เขียนโดย OUM_PF
วันที่ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2555 เวลา 12.57 น.
แก้ไขเมื่อ 12 มีนาคม พ.ศ. 2556 17.14 น. โดย เจ้าของนิยายฟิคชั่น
20)
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความThe revenge แค้นร้ายกลายรัก ตอนที่ 20 หัวใจ
“จูบฉันสิ...”
“!!!”นั่นทำเอาหญิงสาวผงะ เธอไม่เคยคิดสักนิดว่าจะต้องมาทำอะไรน่าเกลียดๆอย่างนี้ อีกอย่างเธอเป็นผู้หญิง
การที่จูบผู้ชายก่อนคงดูไม่งามนัก
“เร็วสิ”เขาพูดชิดริมฝีปากของเธอ ทำให้เธอต้องเบี่ยงหน้าหลบ เพราะระยะประชิดกับเขาขนาดนี้ หัวใจไม่รักดีของ
เธอมันเต้นไม่เป็นส่ำ มันเต้นแรงเสียจนเธอกลัวว่าคนตรงหน้าจะรับรู้ถึงแรงนี้ ถ้าเขารู้เขาต้องหัวเราะเยาะเธอเป็นแน่
“ฟางทำไม่เป็น อย่า!”เมื่อเธอบอกเขาอย่างนั้น ก็ต้องร้องเสียงหลงออกมาอีกรอบเมื่อเขาผลักเธอลงนอนราบกับ
เตียงอีกครั้ง รอยยิ้มที่เธอไม่ปรารถนาจะได้เห็นบนใบหน้าหล่อคมที่เธอหลงใหลกลับเผยขึ้นอีกครั้ง รอยยิ้มที่แฝง
ไปด้วยความร้ายกาจจนน่าใจหาย
“ก็เพราะว่าทำไม่เป็นไงถึงต้องสอน เพราะต่อไปเธอต้องเป็นคนทำให้ฉัน ในฐานะนางบำเรอ”สถานะที่เขายัด
เหยียดให้เธอนั้น เธอไม่ได้ต้องการสักนิด แต่เขาก็เฝ้าตอกย้ำเธอเป็นร้อยรอบพันรอบอย่างกลัวว่าเอจะลืม
“บอกแล้วไงว่าไม่เป็น!”เธอพูดพร้อมกับผลักอกเขาแรงๆ เธอเป็นคนนะ มีความเป็นคนและศักดิ์ศรีอยู่ถึงแม้ว่าจะ
น้อยนิด แต่เธอก็ขอรักษามันไว้ให้ถึงที่สุด แต่แรงเพียงน้อยนิดของเธอก็ไม่ได้ช่วยพยุงตัวเองให้ลุกจากร่างของ
ซาตานร้านที่กดทับเธอไว้ได้เสียที
“อยู่นิ่งๆถ้าไม่อยากเจ็บตัว วันนี้ฉันเหนื่อยมามากพอแล้ว ยังจะไม่ทำอะไรเธอหรอก นอนได้แล้ว”เขาพูดด้วยน้ำ
เสียงเย็นชา ก่อนจะยอมลุกจากตัวเธอไปเข้าห้องน้ำ มือเล็กกุมสาบเสื้อที่ถูกฉีกกระชากโดยชายหนุ่มเข้าหากัน
ก่อนจะไปนอนขดตัวอยู่ในโซฟาขนาดที่พอจะให้ตัวเล็กๆของเธอนอนได้ ร่างสูงที่เดินออกมาจากห้องน้ำพร้อมๆ
กับสอดสายตามองหาร่างบอบบางที่สมควรจะนอนขดตัวในผ้าห่มผืนหนาบนเตียง แต่เขากลับมองไม่เห็นเธอ เท้า
เรียวย่างสามขุมเพื่อจะเดินออกไปตามร่างเล็กแต่ก็ต้องสะดุด เมื่อสายตาคมมองเห็นร่างเล็กๆที่นอนขดตัวอยู่บน
โซฟาตัวเล็กที่ขนาดเขานั่งแค่คนเดียวก็แทบไม่เหลือที่ว่าง แต่เธอกลับนอนขดตัวอยู่ในนั้นได้อย่างสบายๆ เขา
สังเกตเห็นสีหน้าของเธอที่ไม่สู้ดีนัก มือเล็กที่เกร็งกำสาบเสื้อเข้าหากันอย่างแน่น ปากก็ขมุบขมิบบ่นอะไรสักอย่าง
หนึ่งที่เขายังจับศัพท์ไม่ได้ เขาเดินไปหยิบผ้าห่มบนเตียงก่อนจะนำมันมาคลุมให้ร่างเล็ก แล้วกลับไปนอนบนเตียง
อันที่จริงตอนนี้ควรจะเป็นร่างบอบบางของเธอที่นอนกอดก่ายเขาอยู่แทนเตียงที่ว่างเปล่าต่างหาก แต่เขายังมีเวลา
อีกเยอะ ไม่จำเป็นต้องรีบร้อน เสียงรถยนต์คันหรูที่แล่นเข้ามาในบ้านทำให้เช้าที่แสนจะน่าเบื่อของหนุ่มหล่อหน้า
ใสให้มีชีวิตชีวา เมื่อร่างบางงก้าวเข้ามาในบ้านพร้อมๆกับคำถามที่เขาไม่คิดว่าจะได้ยินมันอีกหลังจากคืนวาน
“พี่ป๊อปอยู่ไหมคะ”คำถามที่ทำเอาเขาเดือดปุดๆ ให้ตายสิ!!! ในเมื่อไม่รู้จักหลาบจักจำก็คงต้องสั่งสอนให้เข็ด
เสียที
“อยู่บนห้องน่ะ ยังไม่ลงมาเลยสงสัยเมื่อคืนคงจะหนัก”เขาพูดความอ้อมๆและจงใจจะเน้นคำว่าคงจะหนักให้เธอรู้
เรื่องที่พี่ชายเขามีเจ้าของเป็นตัวเป็นตนแล้ว
“คงจะหนัก หมายความว่ายังไงคะ”เขาแสยะยิ้ม ก่อนจะบอกอย่างไม่ยี่หระ
“ก็อย่างที่ฉันทำกับเธอไง หึ...คราวนี้คงรู้แล้วนะ”ไม่ต้องรอให้โทโมะอธิบายไปมากกว่านั้น ภาพของหญิงสาว
ร่างบอบบางที่ถูกป๊อปปี้อุ้มพาดบ่าเดินลงมาจากชั้นบนของบ้านหลังงามก็อธิบายทุกคำถามในใจของแก้วเสียจน
หมดเปลือก ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าหญิงสาวร่างเล็กที่หันหลังให้เธออยู่คือใคร คงจะหนีไม่พ้น สาวน้อยหน้าหวานอย่าง
ฟาง ป๊อปปี้ค่อยๆวางร่างเล็กลงบนโซฟาตัวยาวก่อนจะหันมาทักทายเธอ...แค่ตามมารยาท
“สวัสดีครับน้องแก้ว มาหาไอ้โมะหรอครับ”คำถามที่พ่วงมากับคำทักทายทำเอาเธอและโทโมะประสานสายตากัน
โดยมิได้นัดหมาย เขาคิดได้อย่างไรว่าเธอจะมาหาน้องชายของเขา ในขณะเดียวกันเธอเห็นแววตาบางอย่าง ที่
ยากจะคาดเดาของโทโมะ เหมือนกำลังโศก น้อยใจ และโกรธเกรี้ยวในเวลาเดียวกัน ยากเหลือเกิน...ยากเสียจน
เธอเดาไม่ถูก เมื่อสติกลับมาเธอก็หันหน้ากลับมาตอบคำถามของป๊อปปี้ “แก้วมาหาพี่ป๊อปค่ะ”เขาเลิกคิ้วเป็นเชิง
คำถาม
“คือ คือว่า...เอ่อ แก้ว...”เมื่อไม่รู้ว่าจะหาข้ออ้างอะไรเธอก็ไปไม่ถูก เธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามาที่นี่เพื่ออะไร แต่ที่แน่ๆ
คือเธออยากมาที่นี่
“หึ มาอ่อยล่ะสิไม่ว่า ไหนๆก็มาแต่เช้าแล้วอยู่ทานข้าวด้วยกันก่อนสิงั้น”คำพูดเจ็บแสบและคำชวนที่ดูเหมือนจะไม่
เต็มใจสักนิดของโทโมะทำเอาเธอใจหาย แต่ความรู้สึกอีกอย่างที่เธอไม่แน่ใจก็คือ...น้อยใจ เอ๊ะ บ้าน่าเธอมีสิทธิ์
คิดแบบนั้นที่ไหนกัน
“จริงสิ อยู่ทานด้วยกันก่อนนะครับ”ป๊อปปี้หันมาชวนเธออีกคน เธอพยักหน้าน้อยๆก่อนจะนั่งลงบนเก้าอี้ที่เขาถอย
ให้ แวบหนึ่งที่หัวใจพองโตก่อนจะยุบลงอย่างไม่ทันได้ตั้งตัว เมื่อ....
“หิวรึยัง”ป๊อปปี้เดินไปพูดกับคนตัวเล็กที่ช้อนดวงตาคู่สวยขึ้นมองอย่างไม่เข้าใจเขา ก็เมื่อคืนเขายังเป็นซาตาน
ร้ายอยู่เลย คำถามที่ไม่ต้องการคำตอบของชายหนุ่ม เมื่อเขาช้อนร่างเล็กขึ้นอุ้มแนบอกแล้ววางบนเก้าอี้ข้างเขา ก็
กว่าจะลงมาได้ก็เถียงกันเป็นเรื่องใหญ่โต เมื่อคนตัวเล็กอวดเก่งโชว์ว่าเดินเองได้ แต่ผลลัพธ์คือเจ้าตัวลงไปนั่ง
แหมะที่พื้น เพิ่มความระบมให้ข้อเท้าอีกหน่อย ครั้นจะประคองลงมาก็ยุกยิกอีกเดี๋ยวจะพากันตกบันไดเปล่าๆ เลย
จัดการอุ้มพาดบ่าเสียเลย
“ทานกันเลยดีกว่า”ก่อนทุกคนจะเริ่มลงมือทานอย่างตั้งอกตั้งใจเสียจนเกินเหตุจำเป็น ทำให้โต๊ะทั้งโต๊ะอยู่ใน
ความเงียบงัน ก่อนป๊อปปี้จะพูดทำลายความเงียบที่เงียบจนน่ากลัว
“เอ้อ เมื่อวานที่ฉันเข้ากรุงเทพฯตื่นมาไม่เห็นแกเลย แกไปไหนแต่เช้าฮะไอ้โมะ”คำพูดของป๊อปปี้ทำเอาคนมีชนัก
ติดหลังอย่างแก้วสำลักข้าวเสียยกใหญ่
“ผมไป...”โทโมะพูดแล้วหันไปมองแก้วที่สำลักข้าวจนหน้าดำหน้าแดงและกำลังได้รับความช่วยเหลือจากฟางอยู่
“ผมไปในไร่มาน่ะครับ ออกไปเดินเล่น”เขาคิดว่าคำตอบของเขาคงทำให้สาวสวยตรงหน้าพอใจไม่น้อย อาหารเช้า
ค่อยๆพร่องลงทีละน้อยทีละน้อยก่อนจะหมดลงจากความตั้งใจทานที่มากเกินเหตุของทุกคน ป๊อปปี้ที่ขอตัวพา
ภรรยาสาวขึ้นไปพักผ่อนบนห้องก่อน ทิ้งไว้แต่สองหนุ่มสาวที่จ้องหน้ากันตาเป็นมัน
“รออะไรอยู่อีก กลับไปซะทีสิ ไม่เห็นหรอว่าพี่ป๊อปกลับไปดูแลเมียแล้ว และฉันก็เห็นว่าไม่มีเหตุจำเป็นที่เธอ
ต้องอยู่ที่นี่อีก”เขาพูดก่อนจะหันหลังให้และกำลังจะเดินออกไปหากเสียงของเธอไม่รั้งเขาไว้
“มีสิคะ อ้อ แล้วฉันคิดว่าฟางคงไม่ได้เป็นภรรยาพี่ชายคุณหรอกค่ะ ถ้าใช่จริงๆฉันเชื่อว่าเขาคงไม่พาฟางออกจาก
บ้านแล้วมาอยู่ที่นี่โดยไม่มีแม้แต่สัมภาระแน่ เพราะฉะนั้นหมายความว่าฉันยังมีหวัง”เธอพูดอย่างต้องการให้ความ
หวังตัวเอง เมื่อเธอสังเกตเห็นสีหน้าไม่สู้ดีของสาวหน้าหวานและเสื้อยืดตัวโคร่งและกางเกงบอลที่หล่อนสวมใส่อยู่
นั่นก็มากเกินพอแล้วสำหรับการเข้าข้างตัวเอง
“งั้นก็ตามสบาย”เขาพูดก่อนจะสวมหมวกแล้วขึ้นรถเพื่อเข้าไปในไร่ เธอได้แต่มองรถที่ค่อยๆลับสายตาไปด้วยแวว
ตาที่เจ้าหล่อนไม่รู้เลยว่ามันแฝงความวูบไหวมากแค่ไหน เขาไม่แคร์เธอเลยสักนิด ซ้ำยังตอกย้ำเธออย่างไม่ใช่คน
ที่เคยบอกว่ารักเธอ เพราะอย่างนี้...เธอถึงไม่กล้าที่จะรักเขา... ...........................................................................................................................
“อยู่นิ่งๆสิ”เขาปล้ำร่างเล็กที่ยังดื้อไม่ยอมให้เขาทายาให้ ก่อนเจ้าตัวจะยอมสยบในที่สุดเมื่อเห็นแววตาดุๆของเขา
มือเรียวสวยจับหมับที่ข้อเท้าเล็กที่ยังคงบวมเป่ง เขาคิดว่าอีกสองสามวันคงหาย ก่อนจะเริ่มละเลงยาทาลงบนข้อ
เท้าของเธอ ใบหน้าแสนหวานนั้นเบ้น้อยๆเพราะความเจ็บ คงคิดว่าเขามือหนักละสิท่า...
“หายไวๆล่ะ”คำพูดของชายหนุ่มทำเอาหัวใจดวงน้อยที่เหี่ยวเฉากลับพองโตขึ้นอีกครั้ง แต่ประโยคถัดมาของเขาก็
ทำให้เธอตาสว่างว่าทำไมเขาถึงต้องพูดอย่างก่อนหน้านี้
“จะได้ไปช่วยทำงานในไร่ซะที...เธอคงรู้ว่าฉันไม่ได้พาเธอมาที่นี่เพื่อกินนอนอย่างสบายๆแน่ ฉันจะไปทำงานก่อน
ตอนเที่ยงลงไปหาข้าวกินด้วย อย่าลืมกินแล้วก็ทายาด้วย ถ้าไม่อยากโดนตัดขาทิ้ง”เขาร่ายยาวก่อนจะผลุนผัน
ออกจากห้องไปทันที เธอมองตามแผ่นหลังกว้างที่หายวับไปเมื่อบานประตูไม้ปิดลงแล้วค่อยๆผ่อนลมหายใจ
ออกอย่างเหนื่อยล้า หลังจากเมื่อคืนก็เกือบจะพลาดท่าเสียทีให้เขาอีกรอบ แต่ยังดีที่โชคเข้าข้างเธอทำให้เขา
เปลี่ยนใจ แต่ตอนตื่นกลับต้องมาทะเลาะกันอย่างเด็กอนุบาลที่ไม่ได้ดั่งใจเมื่อเธอไม่ยอมให้เธอประคองลงไปชั้น
ล่าง สุดท้ายก็ต้องโนอุ้มพาดบ่าลงไปเสียง่ายๆ ส่วนตอนนี้ก็ต้องมานั่งจับเจ่าอยู่ภายในห้องสี่เหลี่ยมกว้างๆนี้คน
เดียวอีก ป่านนี้ที่บ้านของเธอจะเป็นยังไงบ้างนะ คุณพ่อคุณแม่ของเธอจะเป็นอย่างไรบ้าง พลันความคิดดีๆก็วิ่งเข้า
สู่สมองในเมื่อคิดถึงก็โทรหาสิ เธอพยุงร่างกายที่แสนจะหนักอึ้งลงไปที่ชั้นล่างอย่างทุลักทุเล ก่อนจะมาหยุดอยู่
ตรงเครื่องมือสื่อสาร เธอยกหูโทรศัพท์ขึ้นก่อนจะกดหมายเลขที่จำได้ขึ้นใจเพื่อโทรออก รอเพียงไม่นานปลาย
สายก็รับ
“คุณพ่อ ฟางเองนะคะ”เธอกรอกน้ำเสียงสั่นเครือลงไปในกระบอกโทรศัพท์ แต่เพียงได้ยินเสียงของบิดา
ที่เจือความกังวลก็ทำให้เธอทุกข์ใจอย่างบอกไม่ถูก
“ฟาง หนูจริงๆใช่ไหมลูก พ่อกับแม่คิดถึงลูกมากนะ หนูเป็นยังไงบ้าง สบายดีไหมลูก”ท่านร่ายยาวชุดใหญ่ เธอ
กลืนก้อนสะอึกกลับลงไปในลำคอก่อนจะตอบคนเป็นพ่อด้วยน้ำเสียงสดใส
“ฟางก็คิดถึงคุณพ่อกับคุณแม่ค่ะ ฟางสบายดีค่ะ คุณพ่อกับคุณแม่เป็นยังไงบางคะ”
“พ่อกับแม่สบายดีลูก”น้ำเสียงของบิดาไม่ได้บ่งบอกว่าสบายดีอย่างที่บอกกับเธอสักนิด น้ำตาที่พยายามกลั้นไว้
กลับหยดลงบนแก้มนวล เพราะเธอครอบครัวที่แสนสุขถึงได้พังลงต่อหน้าต่อตา มิหนำซ้ำบริษัทที่บิดาพยายาม
สร้างมากับมือก็กำลังจะล้มลงต่อหน้าต่อตา
“บริษัทของเราเป็นอย่างไรบ้างคะ”ขณะที่เธอกำลังตั้งใจฟังคำตอบของบิดาอย่างใจจดใจจ่อ โทรศัพท์ในมือกลับ
ถูกกระชากไปจากมือ พร้อมกับที่บุคคลปริศนากระแทกหูมันลงไป เป็นการตัดบทสนทนา
“คุณภาณุ!!!”
""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""
วันนี้มันวันอัปยศอะไรเนี่ย ข่าวป๊อปฟางเลิกกันอีกแล้วหรอ T T ยังไงก็อย่าเพิ่งท้อน้า จงเชื่อว่านักข่าวมักเก่งที่จะเขียนเรื่องเท็จมากกว่าเรื่องจริง จึงเชื่อในสิ่งที่เรารู้ เราเห็นและเราติดตามมาเท่านั้น
คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ