Love Forever ชาติไหนก็รักเธอ
9.4
6) น้องบังคับ(?)
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความทบทวนตัวละครก่อนอ่านนนน(เนื่องจากกระแสจำชื่อตัวละครไม่ได้ มาแรง)
ภาณุ = ป๊อปปี้ ปลายฟ้า = ฟาง
ธานนท์ = โทโมะ กอหญ้า = แก้ว
ดนัย = เขื่อน ม่านแก้ว = เฟย์
รินลดา = จินนี่ ภาพร = พิม
กานดา = ขนมจีน นิภพ = จองเบ
ริสา = หวาย
ตอนที่ 6
“หมอบอกว่าพรุ่งนี้พี่ก็ได้ออกจากโรงพยาบาลแล้ว ดีใจมั้ยพี่ฟ้า?”หลังจากอยู่โรงพยาบาลได้สักอาทิตย์กว่าๆก็เริ่มไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง อาการปวดหัวมีน้อยลง คุณหมอจึงอนุญาตให้กลับบ้านได้
“. . . . . . . . . . . . .”
“เฮ้? พี่ฟ้า?”งงกับสีหน้าครุ่นคิดของพี่สาว เงียบแบบนี้นี่ไม่ได้ฟังเธอเลยใช่ไหม?
“. . . . . . . . . . . . .”
“พี่ฟ้าาาาาาา!!! >[]<”
“เฮ้ย! ม่านแก้ว! เรียกเบาๆก็ได้ พี่ตกใจหมดเลย”
“ม่านแก้วต้องบอกพี่ฟ้ามากกว่า ว่าพี่ฟ้าควรจะฟังม่านแก้วบ้าง ไม่ใช่เอาแต่นั่งเหม่อ คิดเรื่องนู่นเรื่องนี้ จนปล่อยให้ม่านแก้วพูดคนเดียวเหมือนคนบ้า -3-”น้องสาวร่ายย๊าวววววจนไปถึงเมืองลาว(เวอร์ - -) พี่สาวก็ได้แต่นั่งปากเหวอกับสิ่งที่น้องพูด
‘อ้าว . . . เมื่อกี้หัวหอมพูดหรอ? พี่ไม่เห็นได้ยินอะไรเลยนะ -0- ’
“โอ๋ๆ พี่ขอโทษ พี่ก็คิดไปเรื่อยแหละ ว่าแต่เมื่อกี้เราพูดว่าอะไรหรอ?”
“ม่านแก้วบอกว่าพรุ่งนี้พี่จะได้ออกจากโรงพยาบาลแล้ว พี่ดีใจรึเปล่า?”
“ดีใจสิ อยู่ที่นี่น่าเบื่อจะตาย”บอกน้องสาวด้วยใบหน้าสดใส ก่อนที่คุณหมอเจ้าของไข้จะเข้ามา
“เป็นยังไงบ้างครับคุณฟ้า ยังมีอาการปวดหัวอยู่รึเปล่า?”
“ก็ดีขึ้นค่ะ แต่ก็ยังมีอาการอยู่บ้าง”
“อืม ครับ งั้นคุณฟ้าต้องจำไว้นะครับว่าเมื่อไรที่ปวดหัว ให้หายใจเข้าลึกๆ ตั้งสติให้ดีๆ พยายามไม่คิดมากนะครับ”เธอพยักหน้ารับ ถึงแม้จะยังงงๆกับสิ่งที่หมอบอก
‘ตั้งสติ? . . . . มันเกี่ยวกับอาการปวดหัวด้วยหรอค่ะหมอ?’
“ตกลงว่าพรุ่งนี้พี่ฟ้ากลับบ้านได้ใช่มั้ยค่ะหมอ?”ม่านแก้วถามอย่างตื่นเต้น รอยยิ้มที่ปรากฏอยู่บนใบหน้า ทำให้ผู้เป็นพี่อดที่จะยิ้มตามไม่ได้
“ดูจากอาการแล้ว กลับวันนี้เลยก็ได้ครับ”
“จริงหรอค่ะหมอ?! รักคุณหมอที่สุดเลยยย! พี่ฟ้า! เก็บของเร็วๆ!”ร้องออกมาอย่างดีใจ เผลอกระโดดกอดคุณหมอจนเจ้าตัวตาโตเป็นไข่ไดโนเสาร์(- -) ก่อนจะ(ตะโกน)บอกพี่สาวให้รีบเก็บของ ที่จริงควรจะเป็นเธอที่ต้องดีใจไม่ใช่หรอ?!
เมื่อเก็บของเสร็จ ก็เที่ยงพอดี สองสาวทำเรื่องออกจากโรงพยาบาลทันที ทั้งคู่แวะทานข้าวที่ศูนย์อาหารของโรงพยาบาล แต่ยังไม่ทันจะได้ทานก็ดูเหมือนว่าอาหารและขนมในช่วงเช้าจะทำพิษกับน้องสาวซะแล้ว . .
ปุ๊ด!~
“อี๋! ม่านแก้ว! พี่บอกแล้วใช่ไหมว่าให้เก็บอาการต่างๆเวลาอยู่ในที่สาธารณะ โดยเฉพาะ . . ตด!”ดุน้องเสียงเบา เมื่อกลิ่นและเสียงเริ่มมาเตะหูและจมูก
“แหะๆ เอ่อ พี่ฟ้า รอ อู๊ยยยย! ม่านแก้วตรงนี้ก่อนนะ ข้าศึกโจมตีแล้ว ถ้าไม่รีบไป มีหวังประตูเมืองคงพัง อู๊ยยย! ระ รอตรงนี้นะ! ”ต่อให้เอาช้างมาฉุดก็คงหยุดเธอไม่ได้ ขายาวเรียวรีบวิ่งตรงไปยังห้องน้ำทันที ถ้าช้ากว่านี้ มีหวังได้อายหัวมุดขยะแน่ๆ
“หึๆ ยัยหัวหอมเอ๊ย”นั่งรอน้องสาวที่ไม่มีทีท่าว่าจะมาสักที เวลาผ่านไปเกือบ 10 นาทีก็ยังไรวี่แวว ท้องร้องถี่ขึ้น จึงต้องเดินไปหาอะไรทานรอน้องสาวก่อน
“ข้าวราดแกงเขียวหวานไก่สองจานค่ะ!/หนึ่งถุงครับ!”เดินเลือกร้านอาหารจนมาเจอร้านที่ถูกใจ สั่งเมนูโปรดแต่ใครกันนะที่มาสั่งพร้อมเธอ?
“นาย . . . อะ! เอาอีกแล้ว”ทั้งสองหันมามองหน้ากันโดยไม่ได้นัดหมาย อาการปวดหัวพร้อมกับภาพต่างๆนานาผุดขึ้นมา จนเธอแทบตั้งตัวไม่ทัน
‘หายใจลึกๆ . . สติมา อาการหาย สติมา อาการหาย . . . โอ๊ยยยย! ไอ้สติบ้า! มาสักทีสิ!’
“เอ่อ . . . คุณเป็นอะไรรึเปล่า?”
“เปล่าค่ะๆ อะ เอ่อ . . . . แกงเขียวหวานได้แล้ว ขอตัวนะค่ะ”
[Panu talk]
“เอ่อ . . . คุณเป็นอะไรรึเปล่า?”พอผมหันไปหาผู้หญิงคนนั้น . . ทำไมกัน? ผมพูดอะไรไม่ออกเลย
“เปล่าค่ะๆ อะ เอ่อ . . . . แกงเขียวหวานได้แล้ว ขอตัวนะค่ะ”เธอคนนั้น . . . ใช่แน่ๆ! คนที่ผมเดินชนเมื่ออาทิตย์ก่อน!
“พ่อหนุ่มจ๊ะ! แกงเขียวหวานไก่ใส่ถุงได้แล้วจ้า”อะ อ้าว ป้าทำเสร็จตอนไหนเนี่ย? พอผมหันไปหาเธออีกที . . . หายไปไหนแล้ว?!
“ได้เวลาแล้วสิ”วันนี้ผมมีประชุมตอนบ่าย เลยมาเยี่ยมคุณแม่ก่อน เวลาก็เหลืออีกไม่นาน เฮ้อ~ เหนื่อยจริงๆ
“แม่ครับ”ผมเปิดประตูเข้ามาก็เห็นคุณหมอกำลังคุยกับคุณแม่อยู่
“อ้าว คุณภาณุมาพอดีเลย ตอนนี้คุณหญิงสามารถออกจากโรงพยาบาลได้แล้วนะครับ แต่ต้องระวังเรื่องการเดินขึ้นลงบันได”
“จริงหรอครับ แล้วเรื่องโรคมะเร็งล่ะ?”
“หะ?! โรงมะเร . . . ”
“อ๋อ! หมอบอกแม่ว่าให้มาตรวจทุกเดือนน่ะลูก”คุณหมอพูดยังไม่จบคุณแม่ก็พูดแทรกขึ้นมาก่อน ผมมองหน้าคุณหมอที่ทำหน้างงกับคุณแม่ที่เหงื่อตกสลับกัน
“คะ ครับๆ ผมวันนี้ผมซื้อแกงเขียวหวานไก่มาฝากแม่ด้วย เดี๋ยวให้แจนใส่ถ้วยให้นะครับ พอดีผมมีประชุม”
“ไปเถอะลูก เดี๋ยวจะเข้าประชุมสาย”
“ครับแม่ เดี๋ยวตอนเย็นผมจะให้ลุงหมายมารับนะครับ”ลุงหมายคือคนขับรถที่บ้านผมเอง ผมลาท่านแล้วเดินออกมาจากห้อง . . . มันแปลกๆนะ คุณว่ามั้ย?
“แจน ฉันอยากกินผลไม้ ลงไปซื้อให้หน่อยสิ”หลังจากที่ลูกชายสุดที่รักออกไปได้สักพัก เธอก็บอกให้คนใช้ลงไปซื้อของเพื่อจะได้เปิดทางคุยเรื่องส่วนตัวกับคุณหมอได้สะดวก
“ค่ะ คุณผู้หญิง”
“คุณหญิงครับ นี่มันเรื่องอะไรกัน?”หลังจากคนใช้ออกไป หมอก็เปิดประเด็น
“ไม่มีอะไรหรอกค่ะคุณหมอ”
“แต่ผมงงมากเลยนะที่คุณภาณุพูด มะเร็งอะไรกัน? คุณหญิงไม่ได้เป็นมะเร็งสักหน่อย ร่างกายก็ออกจะแข็งแรง”
“ฉันอยากลองใจลูกชาย เลยโกหกว่าเป็นมะเร็งและจะอยู่ได้อีกไม่นาน คุณหมอช่วยเล่นตามฉันหน่อยแหละกัน แล้วก็อย่าบอกภาณุด้วย”เธอโกหกคำโตออกไป คุณหมอทำหน้าลำบากใจเล็กน้อย
“มันจะดีหรอครับ?”ถามด้วยน้ำเสียงไม่แน่ใจ
“ถือซะว่าฉันขอนะ”แล้วสุดท้ายก็ต้องใจอ่อน ยอมเล่นตามเกมของเธอ ก่อนจะขอตัวไปตรวจคนไข้รายอื่น สักพักก็มีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น รายชื่อที่ปรากฎอยู่บนหน้าจอทำให้รอยยิ้มผุดขึ้นมาทันที
“สวัสดีค๊าคุณพี่ เป็นยังไงบ้างค่ะ?”
“ก็เรื่อยๆค่ะคุณน้อง แต่วันนี้ความลับของพวกเราเกือบแตกแล้วสิค่ะ ดีที่พี่คิดคำพูดออก”
“โชคดีนะเนี่ย แต่ก็เกิดว่าตาภาณุรู้เรื่องที่เราโกหกขึ้นมาจะทำยังไงล่ะค่ะ?”
“แหม! คุณน้องค๊า ถ้าเกิดว่าเราไม่บอก ทำตัวไม่มีพิรุธ ลูกชายพี่ก็ไม่มีวันรู้หรอกค่ะ 555 ”บทสนทนายังคงไปเรื่อยๆ แต่สิ่งที่ทั้งสองกำลังทำ อาจทำให้ลูกๆของพวกเธอทรมาณทั้งกายและใจโดยที่พวกเธอไม่รู้ตัว . . .
“อ่าาา~ ขอโทษนะพี่ฟ้าที่มาช้า ^0^”เดินกลับมาที่เดิมก็เห็นพี่สาวตนเองนั่งเขี่ยข้าวไปมา ความสงสัยเกิดขึ้นทันที คิ้วสวยผูกกันเป็นโบว์ ฝ่ามือผ่านหน้าสวยหลายครั้งแต่ไม่มีปฏิกริยาโต้ตอบ
“. . . . . . . . . . . . .”
“เป็นอะไรอีกแล้วเนี่ย? พี่ฟ้า พี่ฟ้า! . . .”
“. . . . . . . . . . . . .”
“เฮ้ออ~ เหม่ออีกแล้ว . . . เอ๊ะ! ข้าวราดแกงเขียวหวานไก่นิ! *0* พี่ฟ้าต้องซื้อมาให้เราแน่ๆเลย ง่ำๆ >)-(<” ล่ะสายตาจากพี่สาวมาสนใจจานอาหารแทน กว่าผู้เป็นพี่จะรู้ตัว อาหารที่ตนซื้อมาให้น้องสาวก็หมดเกลี้ยงเสียแล้ว
“อะ อ้าว . . . ม่านแก้ว มาตอนไหนเนี่ย?”
“แหม! กว่าจะรู้ตัว - - มาตอนที่พี่ฟ้านั่งเหม่อนั่นแหละ เป็นอะไรรึเปล่า หรือว่าปวดหัว?”
“ก็ปวดบ้าง ไม่เป็นไรหรอก . . . .ว่าแต่เราเถอะ ไปเข้าห้องน้ำหรือไปทำอะไรกันแน่ นานมากเลย - -”
“ก็ช่วงนี้ระบบขับถ่ายมันไม่ค่อยดีอ่ะพี่ฟ้า มาแต่ล่ะทีเหมือนสึนามิซัดเข้าฝั่งเลย -0-”กลั้นขำกับประโยคที่น้องพูด ถ้าไม่ติดว่ามีคนอยู่เยอะ ระเบิดหัวเราะไปนานแล้ว - -
“สมน้ำหน้า กินเยอะก็เป็นแบบนี้แหละ”
“ง่า พี่ฟ้าอ่ะ -3- . . . . อ่อพี่ฟ้า! เย็นวันนี้เราไปบริษัทของธานนท์กันนะ”ตอนแรกเหมือนมีทีท่าว่างอน แต่พอนึกเรื่องสำคัญได้ก็เปลี่ยนโหมดทันที
“บริษัทคุณธานนท์? ไปทำไม?”คิ้วผูกเป็นโบว์ทันทีที่น้องสาวพูด
“พี่ฟ้าจำเรื่องที่ยัยกอหญ้าพูดได้มั้ยว่าอยากให้พี่ไปร่วมงานด้วย”
“อืมมมมมม อ๋อ! จำได้ๆ . . . อย่าบอกนะว่า . .”
“พอดีมันมีการเปลี่ยนแปลงนิดหน่อย ยัยกอหญ้าบอกว่างานมีการเลื่อนให้เร็วขึ้น จะเริ่มอีกไม่กี่อาทิตย์แล้ว ก็เลยโทรมาถามอาการพี่ ตอนนั่นม่านแก้วออกจากห้องน้ำพอดี พอรู้ว่าพี่ออกจากโรงพยาบาลวันนี้ ก็รีบบอกให้ม่านแก้วพาพี่ไปหาที่บริษัทตอนเย็น” พูดไปจนผู้เป็นพี่กระจ่าง
‘ไหนตอนนั้นบอกว่าไม่รีบไง -*-’
“เอ่อ. . . เอาตรงๆนะม่านแก้ว พี่ยังไม่ได้คิดเรื่องนี้เลย”
“พี่ฟ้าก็ตกลงไปเลยสิ แค่ถ่ายภาพเองนะ”
“มันก็จริง แต่ถ้าพลาดเนี่ย งานเค้าล่มเลยนะ ยิ่งเป็นงานใหญ่ด้วย เกิดพี่ปวดหัวขึ้นมากะทันหันล่ะ จะทำยังไง?”
“พี่ไม่ต้องห่วงหรอก เพราะน้องสุดที่รักคนนี้จะไปด้วย ;D”
“ห๊า? แล้วเราไม่ไปทำงานรึไง?”ยิ่งงงเข้าไปใหญ่ เมื่อน้องสาวพูดประโยคที่ฟังดีๆเหมือนเป็นการบังคับทางอ้อม -*-
“จริงสิ ม่านแก้วลืมบอกพี่นินา พอดีอาทิตย์หน้าหมอริสาลาพักร้อน ก็เลย . . . ถือโอกาส หยุดซะเลย ><”
“ =___= แล้วหมอริสาเค้าหยุดนานมั้ย?”
“อาทิตย์สองอาทิตย์เอง เพราะฉะนั้นพี่ฟ้าต้องรับงานนี้!”จ้องหน้าน้องสาวอย่างเซ็งๆ ไม่รู้ว่าเป็นน้องหรือแม่กันแน่ - -
“ถ้าจะพูดแบบนี้ พี่ว่าบังคับพี่ตั้งแต่แรกก็จบ -..-”
“เออน่าๆ เรากลับบ้านไปเก็บของกันดีกว่านะ ตกเย็นเมื่อไรก็ไปเมื่อนั่นเลย ^^”ดูเหมือนเธอจะมีความสุขอยู่เพียงคนเดียว ไม่หันมามองใบหน้าอันบูดบึ้งของพี่สาวเล๊ย! - -
“ว่าไงม่านแก้ว คุณฟ้าตกลงมั้ย?”
“คนอย่างม่านแก้ว มีหรือจะเกลี้ยกล่อมพี่ฟ้าไม่ได้ หึๆ”เมื่อมาถึงบ้าน พี่สาวก็ขอหลับเอาแรง ส่วนตนก็ไปหลังบ้านเพื่อติดต่อหาเพื่อนสาวที่วานให้เธอช่วยขอร้องพี่สาวให้มาร่วมงานด้วย
“แกเกลี้ยกล่อมหรือบังคับกันแน่ =..=”ฟังจากน้ำเสียงก็พอจะเดาออกว่าม่านแก้วต้องใช้วิธีบังคับแน่ๆ
“ทั้งสองอย่าง ฮ่าๆๆ เดี๋ยวตอนเย็นฉันจะพาไปหาแหละกัน”
“ไม่ต้องๆ! เดี๋ยวนายธานนท์จะส่งคนไปรับ”
“รบกวนเปล่าๆน่า ฉันไปกับพี่ฟ้าสองคนก็ได้”
“แกปฏิเสธฉันไม่ทันแล้ว เพราะนายธานนท์สั่งกับคนขับรถเรียบร้อยแล้ว แถมตอนนี้คนๆนั้นก็ไม่อยู่ นายธานนท์เข้าประชุม อีกนานกว่าจะประชุมเสร็จ”
“แล้วแกทำไมไม่เข้าประชุมด้วยล่ะ”หลังจากฟังเพื่อนพูดมานาน ก็ถามกลับบ้าง
“ก็ฉันปวดท้องอ่ะ ถ้าฉันเข้าประชุมด้วย ฉันคงฟังไม่รู้เรื่อง จับใจความไม่ได้แน่ๆ”
“อ่ะๆ งั้นก็ได้ -3-”
“โอเคคคคค! สี่โมงเย็นเจอกันนะ ;3”
“เอ๊ะ! จะสี่โมงเย็นแล้ว หัวหอมไปไหน?”เมื่อตื่นขึ้นมาก็พบแต่ความว่างเปล่า นัดเธอไว้สี่โมงเย็นแท้ๆ หายไปไหนกัน?
“กระดาษอะไร?”รู้สึกกระหายน้ำจึงเดินไปที่ตู้เย็น แต่กลับเห็นกระดาษโน้ตแปะไว้
“พี่ฟ้า พอดีหมอริสาโทรตามให้ไปช่วย วันนี้มีคนไข้เยอะ เรื่องที่บริษัทไม่ต้องห่วง จะมีคนมารับพี่ ม่านแก้วเห็นพี่หลับอยู่เลยไม่อยากปลุก หัวหอมขอโทษนะ :3”
“เฮ้อ! ทิ้งพี่ตลอดเลย”
ติ๊งน๊อง ๆ ~
“อ่ะ! สงสัยจะมาแล้ว”เธอรีบเดินไปหยิบเอกสารต่างๆพร้อมกล้องถ่ายรูปด้วย มันก็ต้องเตรียมพร้อมเสมอสินะ
“เอ่อ . . . สวัสดีค่ะ”ออกมาจากบ้านก็เจอชายร่างสูงใส่ชุดสูทดูดี นี่หรอคนขับรถ บระเจ้าาา!~ *0* เทพบุตรชัดๆ!
“คุณ เอ่อ ม่านแก้วหรือคุณฟ้าครับ?”
“ฉันฟ้าค่ะ :)”
“อ่อครับ เชิญครับ”เปิดประตูให้ เธอมองอย่างอึ้งๆ เกิดมาไม่เคยมีใครทำให้แบบนี้เลย T^T แต่ก็ขึ้นไปนั่งแต่โดยดี
“แล้วคุณม่านแก้วไปไหนล่ะครับ?”พอขับรถไปได้สักพัก เขาก็ชวนเธอคุย คงเป็นเพราะเห็นเธอนิ่งๆเกรงๆล่ะมั้ง?
“ไปทำงานน่ะค่ะ พอดีว่ามีงานเยอะ ทางนู่นเลยโทรตาม แล้วคุณ . . เอ่อ . .”
“อ่อ ผมนิภพครับ เป็นคนขับรถของคุณธานนท์ นานๆคุณธานนท์ถึงจะเรียกใช้ที ฮ่าๆ”
“อ๋อค่ะ 5555”ทั้งสองคุยกันไปเรื่อยๆจนถึงบริษัท
“คุณฟ้าไปที่ห้องคุณธานนท์ถูกมั้ยครับ?”
“ไม่ค่ะ ฟ้าไม่เคยมา”มองตึกสูงตรงหน้าอย่างกลัวๆ
“งั้นเดี๋ยวผมจะขึ้นไปส่งนะครับ :D”
“ขอบคุณค่ะ ^^”รู้สึกอุ่นใจขึ้นมา ก่อนจะเดินตามนิภพไป . . หลังจากขึ้นลิฟท์ไปจนถึงชั้นสูงสุดของตึกสูง เสียงโทรศัพท์ของนิภพก็ดังขึ้น บทสนทนาดำเนินไปเรื่อยๆ ก่อนที่เจ้าตัวจะหยุดเดินแล้วพูดกับปลายสายด้วยความเคารพ
“ครับคุณท่าน ผมจะรีบไป . . . . . เอ่อ คุณฟ้า . .”
“ถ้ามีธุระก็รีบไปเถอะค่ะ :-)”บอกกับคนข้างๆ เขาพยักหน้าก่อนจะบอกทางไปห้องของธานนท์
“ขอบคุณนะครับที่เข้าใจผม ผมไปก่อนนะครับ”
“บ๊ายบายค่ะ ^_^”ส่งยิ้มหวานๆให้ทีนึง ก่อนจะหันมาเผชิญกับความจริง . . . . . - -
“เฮ้อออ~ ปลาทองจริงๆเลยฉัน คุณนิภพเพิ่งบอกเมื่อกี้แท้ๆ ลืมได้ยังไง! แล้วไปทางไหนล่ะเนี่ย? TT”ในเมื่อพยายามนึกเท่าไรก็นึกไม่ออก ก็ต้องเดินไปมั่วๆแหละ เผื่อไปถูก(-*-)
“โอ๊ย!”แต่ยังไม่ทันจะได้ก้าวไปไหน ก็ดันมีคนมาเดินชนซะแล้ว
“ผมขอโทษครับ . . . . . . อ้าว คุณ. . . !”
-ถ้าจะพูดแบบนี้ พี่ว่าบังคับพี่ตั้งแต่แรกก็จบ-
-Paifah-
----------------------------------------------------------------------------------------------
ปลายฟ้าภาษาอังกฤษถูกมั้ยอ่า TT เฮ้ออออ ชั่งเถอะๆ! -3-
รู้สึกดีใจลึกๆนะ ที่มีคนพอจะเดาเนื้อเรื่องออก ;)
ว่าแต่ . . . ใครกันหน๊อออ? ที่เดินมาชนแม่กระต้ายน้อย? . . . ♥
ภาณุ = ป๊อปปี้ ปลายฟ้า = ฟาง
ธานนท์ = โทโมะ กอหญ้า = แก้ว
ดนัย = เขื่อน ม่านแก้ว = เฟย์
รินลดา = จินนี่ ภาพร = พิม
กานดา = ขนมจีน นิภพ = จองเบ
ริสา = หวาย
ตอนที่ 6
“หมอบอกว่าพรุ่งนี้พี่ก็ได้ออกจากโรงพยาบาลแล้ว ดีใจมั้ยพี่ฟ้า?”หลังจากอยู่โรงพยาบาลได้สักอาทิตย์กว่าๆก็เริ่มไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง อาการปวดหัวมีน้อยลง คุณหมอจึงอนุญาตให้กลับบ้านได้
“. . . . . . . . . . . . .”
“เฮ้? พี่ฟ้า?”งงกับสีหน้าครุ่นคิดของพี่สาว เงียบแบบนี้นี่ไม่ได้ฟังเธอเลยใช่ไหม?
“. . . . . . . . . . . . .”
“พี่ฟ้าาาาาาา!!! >[]<”
“เฮ้ย! ม่านแก้ว! เรียกเบาๆก็ได้ พี่ตกใจหมดเลย”
“ม่านแก้วต้องบอกพี่ฟ้ามากกว่า ว่าพี่ฟ้าควรจะฟังม่านแก้วบ้าง ไม่ใช่เอาแต่นั่งเหม่อ คิดเรื่องนู่นเรื่องนี้ จนปล่อยให้ม่านแก้วพูดคนเดียวเหมือนคนบ้า -3-”น้องสาวร่ายย๊าวววววจนไปถึงเมืองลาว(เวอร์ - -) พี่สาวก็ได้แต่นั่งปากเหวอกับสิ่งที่น้องพูด
‘อ้าว . . . เมื่อกี้หัวหอมพูดหรอ? พี่ไม่เห็นได้ยินอะไรเลยนะ -0- ’
“โอ๋ๆ พี่ขอโทษ พี่ก็คิดไปเรื่อยแหละ ว่าแต่เมื่อกี้เราพูดว่าอะไรหรอ?”
“ม่านแก้วบอกว่าพรุ่งนี้พี่จะได้ออกจากโรงพยาบาลแล้ว พี่ดีใจรึเปล่า?”
“ดีใจสิ อยู่ที่นี่น่าเบื่อจะตาย”บอกน้องสาวด้วยใบหน้าสดใส ก่อนที่คุณหมอเจ้าของไข้จะเข้ามา
“เป็นยังไงบ้างครับคุณฟ้า ยังมีอาการปวดหัวอยู่รึเปล่า?”
“ก็ดีขึ้นค่ะ แต่ก็ยังมีอาการอยู่บ้าง”
“อืม ครับ งั้นคุณฟ้าต้องจำไว้นะครับว่าเมื่อไรที่ปวดหัว ให้หายใจเข้าลึกๆ ตั้งสติให้ดีๆ พยายามไม่คิดมากนะครับ”เธอพยักหน้ารับ ถึงแม้จะยังงงๆกับสิ่งที่หมอบอก
‘ตั้งสติ? . . . . มันเกี่ยวกับอาการปวดหัวด้วยหรอค่ะหมอ?’
“ตกลงว่าพรุ่งนี้พี่ฟ้ากลับบ้านได้ใช่มั้ยค่ะหมอ?”ม่านแก้วถามอย่างตื่นเต้น รอยยิ้มที่ปรากฏอยู่บนใบหน้า ทำให้ผู้เป็นพี่อดที่จะยิ้มตามไม่ได้
“ดูจากอาการแล้ว กลับวันนี้เลยก็ได้ครับ”
“จริงหรอค่ะหมอ?! รักคุณหมอที่สุดเลยยย! พี่ฟ้า! เก็บของเร็วๆ!”ร้องออกมาอย่างดีใจ เผลอกระโดดกอดคุณหมอจนเจ้าตัวตาโตเป็นไข่ไดโนเสาร์(- -) ก่อนจะ(ตะโกน)บอกพี่สาวให้รีบเก็บของ ที่จริงควรจะเป็นเธอที่ต้องดีใจไม่ใช่หรอ?!
เมื่อเก็บของเสร็จ ก็เที่ยงพอดี สองสาวทำเรื่องออกจากโรงพยาบาลทันที ทั้งคู่แวะทานข้าวที่ศูนย์อาหารของโรงพยาบาล แต่ยังไม่ทันจะได้ทานก็ดูเหมือนว่าอาหารและขนมในช่วงเช้าจะทำพิษกับน้องสาวซะแล้ว . .
ปุ๊ด!~
“อี๋! ม่านแก้ว! พี่บอกแล้วใช่ไหมว่าให้เก็บอาการต่างๆเวลาอยู่ในที่สาธารณะ โดยเฉพาะ . . ตด!”ดุน้องเสียงเบา เมื่อกลิ่นและเสียงเริ่มมาเตะหูและจมูก
“แหะๆ เอ่อ พี่ฟ้า รอ อู๊ยยยย! ม่านแก้วตรงนี้ก่อนนะ ข้าศึกโจมตีแล้ว ถ้าไม่รีบไป มีหวังประตูเมืองคงพัง อู๊ยยย! ระ รอตรงนี้นะ! ”ต่อให้เอาช้างมาฉุดก็คงหยุดเธอไม่ได้ ขายาวเรียวรีบวิ่งตรงไปยังห้องน้ำทันที ถ้าช้ากว่านี้ มีหวังได้อายหัวมุดขยะแน่ๆ
“หึๆ ยัยหัวหอมเอ๊ย”นั่งรอน้องสาวที่ไม่มีทีท่าว่าจะมาสักที เวลาผ่านไปเกือบ 10 นาทีก็ยังไรวี่แวว ท้องร้องถี่ขึ้น จึงต้องเดินไปหาอะไรทานรอน้องสาวก่อน
“ข้าวราดแกงเขียวหวานไก่สองจานค่ะ!/หนึ่งถุงครับ!”เดินเลือกร้านอาหารจนมาเจอร้านที่ถูกใจ สั่งเมนูโปรดแต่ใครกันนะที่มาสั่งพร้อมเธอ?
“นาย . . . อะ! เอาอีกแล้ว”ทั้งสองหันมามองหน้ากันโดยไม่ได้นัดหมาย อาการปวดหัวพร้อมกับภาพต่างๆนานาผุดขึ้นมา จนเธอแทบตั้งตัวไม่ทัน
‘หายใจลึกๆ . . สติมา อาการหาย สติมา อาการหาย . . . โอ๊ยยยย! ไอ้สติบ้า! มาสักทีสิ!’
“เอ่อ . . . คุณเป็นอะไรรึเปล่า?”
“เปล่าค่ะๆ อะ เอ่อ . . . . แกงเขียวหวานได้แล้ว ขอตัวนะค่ะ”
[Panu talk]
“เอ่อ . . . คุณเป็นอะไรรึเปล่า?”พอผมหันไปหาผู้หญิงคนนั้น . . ทำไมกัน? ผมพูดอะไรไม่ออกเลย
“เปล่าค่ะๆ อะ เอ่อ . . . . แกงเขียวหวานได้แล้ว ขอตัวนะค่ะ”เธอคนนั้น . . . ใช่แน่ๆ! คนที่ผมเดินชนเมื่ออาทิตย์ก่อน!
“พ่อหนุ่มจ๊ะ! แกงเขียวหวานไก่ใส่ถุงได้แล้วจ้า”อะ อ้าว ป้าทำเสร็จตอนไหนเนี่ย? พอผมหันไปหาเธออีกที . . . หายไปไหนแล้ว?!
“ได้เวลาแล้วสิ”วันนี้ผมมีประชุมตอนบ่าย เลยมาเยี่ยมคุณแม่ก่อน เวลาก็เหลืออีกไม่นาน เฮ้อ~ เหนื่อยจริงๆ
“แม่ครับ”ผมเปิดประตูเข้ามาก็เห็นคุณหมอกำลังคุยกับคุณแม่อยู่
“อ้าว คุณภาณุมาพอดีเลย ตอนนี้คุณหญิงสามารถออกจากโรงพยาบาลได้แล้วนะครับ แต่ต้องระวังเรื่องการเดินขึ้นลงบันได”
“จริงหรอครับ แล้วเรื่องโรคมะเร็งล่ะ?”
“หะ?! โรงมะเร . . . ”
“อ๋อ! หมอบอกแม่ว่าให้มาตรวจทุกเดือนน่ะลูก”คุณหมอพูดยังไม่จบคุณแม่ก็พูดแทรกขึ้นมาก่อน ผมมองหน้าคุณหมอที่ทำหน้างงกับคุณแม่ที่เหงื่อตกสลับกัน
“คะ ครับๆ ผมวันนี้ผมซื้อแกงเขียวหวานไก่มาฝากแม่ด้วย เดี๋ยวให้แจนใส่ถ้วยให้นะครับ พอดีผมมีประชุม”
“ไปเถอะลูก เดี๋ยวจะเข้าประชุมสาย”
“ครับแม่ เดี๋ยวตอนเย็นผมจะให้ลุงหมายมารับนะครับ”ลุงหมายคือคนขับรถที่บ้านผมเอง ผมลาท่านแล้วเดินออกมาจากห้อง . . . มันแปลกๆนะ คุณว่ามั้ย?
“แจน ฉันอยากกินผลไม้ ลงไปซื้อให้หน่อยสิ”หลังจากที่ลูกชายสุดที่รักออกไปได้สักพัก เธอก็บอกให้คนใช้ลงไปซื้อของเพื่อจะได้เปิดทางคุยเรื่องส่วนตัวกับคุณหมอได้สะดวก
“ค่ะ คุณผู้หญิง”
“คุณหญิงครับ นี่มันเรื่องอะไรกัน?”หลังจากคนใช้ออกไป หมอก็เปิดประเด็น
“ไม่มีอะไรหรอกค่ะคุณหมอ”
“แต่ผมงงมากเลยนะที่คุณภาณุพูด มะเร็งอะไรกัน? คุณหญิงไม่ได้เป็นมะเร็งสักหน่อย ร่างกายก็ออกจะแข็งแรง”
“ฉันอยากลองใจลูกชาย เลยโกหกว่าเป็นมะเร็งและจะอยู่ได้อีกไม่นาน คุณหมอช่วยเล่นตามฉันหน่อยแหละกัน แล้วก็อย่าบอกภาณุด้วย”เธอโกหกคำโตออกไป คุณหมอทำหน้าลำบากใจเล็กน้อย
“มันจะดีหรอครับ?”ถามด้วยน้ำเสียงไม่แน่ใจ
“ถือซะว่าฉันขอนะ”แล้วสุดท้ายก็ต้องใจอ่อน ยอมเล่นตามเกมของเธอ ก่อนจะขอตัวไปตรวจคนไข้รายอื่น สักพักก็มีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น รายชื่อที่ปรากฎอยู่บนหน้าจอทำให้รอยยิ้มผุดขึ้นมาทันที
“สวัสดีค๊าคุณพี่ เป็นยังไงบ้างค่ะ?”
“ก็เรื่อยๆค่ะคุณน้อง แต่วันนี้ความลับของพวกเราเกือบแตกแล้วสิค่ะ ดีที่พี่คิดคำพูดออก”
“โชคดีนะเนี่ย แต่ก็เกิดว่าตาภาณุรู้เรื่องที่เราโกหกขึ้นมาจะทำยังไงล่ะค่ะ?”
“แหม! คุณน้องค๊า ถ้าเกิดว่าเราไม่บอก ทำตัวไม่มีพิรุธ ลูกชายพี่ก็ไม่มีวันรู้หรอกค่ะ 555 ”บทสนทนายังคงไปเรื่อยๆ แต่สิ่งที่ทั้งสองกำลังทำ อาจทำให้ลูกๆของพวกเธอทรมาณทั้งกายและใจโดยที่พวกเธอไม่รู้ตัว . . .
“อ่าาา~ ขอโทษนะพี่ฟ้าที่มาช้า ^0^”เดินกลับมาที่เดิมก็เห็นพี่สาวตนเองนั่งเขี่ยข้าวไปมา ความสงสัยเกิดขึ้นทันที คิ้วสวยผูกกันเป็นโบว์ ฝ่ามือผ่านหน้าสวยหลายครั้งแต่ไม่มีปฏิกริยาโต้ตอบ
“. . . . . . . . . . . . .”
“เป็นอะไรอีกแล้วเนี่ย? พี่ฟ้า พี่ฟ้า! . . .”
“. . . . . . . . . . . . .”
“เฮ้ออ~ เหม่ออีกแล้ว . . . เอ๊ะ! ข้าวราดแกงเขียวหวานไก่นิ! *0* พี่ฟ้าต้องซื้อมาให้เราแน่ๆเลย ง่ำๆ >)-(<” ล่ะสายตาจากพี่สาวมาสนใจจานอาหารแทน กว่าผู้เป็นพี่จะรู้ตัว อาหารที่ตนซื้อมาให้น้องสาวก็หมดเกลี้ยงเสียแล้ว
“อะ อ้าว . . . ม่านแก้ว มาตอนไหนเนี่ย?”
“แหม! กว่าจะรู้ตัว - - มาตอนที่พี่ฟ้านั่งเหม่อนั่นแหละ เป็นอะไรรึเปล่า หรือว่าปวดหัว?”
“ก็ปวดบ้าง ไม่เป็นไรหรอก . . . .ว่าแต่เราเถอะ ไปเข้าห้องน้ำหรือไปทำอะไรกันแน่ นานมากเลย - -”
“ก็ช่วงนี้ระบบขับถ่ายมันไม่ค่อยดีอ่ะพี่ฟ้า มาแต่ล่ะทีเหมือนสึนามิซัดเข้าฝั่งเลย -0-”กลั้นขำกับประโยคที่น้องพูด ถ้าไม่ติดว่ามีคนอยู่เยอะ ระเบิดหัวเราะไปนานแล้ว - -
“สมน้ำหน้า กินเยอะก็เป็นแบบนี้แหละ”
“ง่า พี่ฟ้าอ่ะ -3- . . . . อ่อพี่ฟ้า! เย็นวันนี้เราไปบริษัทของธานนท์กันนะ”ตอนแรกเหมือนมีทีท่าว่างอน แต่พอนึกเรื่องสำคัญได้ก็เปลี่ยนโหมดทันที
“บริษัทคุณธานนท์? ไปทำไม?”คิ้วผูกเป็นโบว์ทันทีที่น้องสาวพูด
“พี่ฟ้าจำเรื่องที่ยัยกอหญ้าพูดได้มั้ยว่าอยากให้พี่ไปร่วมงานด้วย”
“อืมมมมมม อ๋อ! จำได้ๆ . . . อย่าบอกนะว่า . .”
“พอดีมันมีการเปลี่ยนแปลงนิดหน่อย ยัยกอหญ้าบอกว่างานมีการเลื่อนให้เร็วขึ้น จะเริ่มอีกไม่กี่อาทิตย์แล้ว ก็เลยโทรมาถามอาการพี่ ตอนนั่นม่านแก้วออกจากห้องน้ำพอดี พอรู้ว่าพี่ออกจากโรงพยาบาลวันนี้ ก็รีบบอกให้ม่านแก้วพาพี่ไปหาที่บริษัทตอนเย็น” พูดไปจนผู้เป็นพี่กระจ่าง
‘ไหนตอนนั้นบอกว่าไม่รีบไง -*-’
“เอ่อ. . . เอาตรงๆนะม่านแก้ว พี่ยังไม่ได้คิดเรื่องนี้เลย”
“พี่ฟ้าก็ตกลงไปเลยสิ แค่ถ่ายภาพเองนะ”
“มันก็จริง แต่ถ้าพลาดเนี่ย งานเค้าล่มเลยนะ ยิ่งเป็นงานใหญ่ด้วย เกิดพี่ปวดหัวขึ้นมากะทันหันล่ะ จะทำยังไง?”
“พี่ไม่ต้องห่วงหรอก เพราะน้องสุดที่รักคนนี้จะไปด้วย ;D”
“ห๊า? แล้วเราไม่ไปทำงานรึไง?”ยิ่งงงเข้าไปใหญ่ เมื่อน้องสาวพูดประโยคที่ฟังดีๆเหมือนเป็นการบังคับทางอ้อม -*-
“จริงสิ ม่านแก้วลืมบอกพี่นินา พอดีอาทิตย์หน้าหมอริสาลาพักร้อน ก็เลย . . . ถือโอกาส หยุดซะเลย ><”
“ =___= แล้วหมอริสาเค้าหยุดนานมั้ย?”
“อาทิตย์สองอาทิตย์เอง เพราะฉะนั้นพี่ฟ้าต้องรับงานนี้!”จ้องหน้าน้องสาวอย่างเซ็งๆ ไม่รู้ว่าเป็นน้องหรือแม่กันแน่ - -
“ถ้าจะพูดแบบนี้ พี่ว่าบังคับพี่ตั้งแต่แรกก็จบ -..-”
“เออน่าๆ เรากลับบ้านไปเก็บของกันดีกว่านะ ตกเย็นเมื่อไรก็ไปเมื่อนั่นเลย ^^”ดูเหมือนเธอจะมีความสุขอยู่เพียงคนเดียว ไม่หันมามองใบหน้าอันบูดบึ้งของพี่สาวเล๊ย! - -
“ว่าไงม่านแก้ว คุณฟ้าตกลงมั้ย?”
“คนอย่างม่านแก้ว มีหรือจะเกลี้ยกล่อมพี่ฟ้าไม่ได้ หึๆ”เมื่อมาถึงบ้าน พี่สาวก็ขอหลับเอาแรง ส่วนตนก็ไปหลังบ้านเพื่อติดต่อหาเพื่อนสาวที่วานให้เธอช่วยขอร้องพี่สาวให้มาร่วมงานด้วย
“แกเกลี้ยกล่อมหรือบังคับกันแน่ =..=”ฟังจากน้ำเสียงก็พอจะเดาออกว่าม่านแก้วต้องใช้วิธีบังคับแน่ๆ
“ทั้งสองอย่าง ฮ่าๆๆ เดี๋ยวตอนเย็นฉันจะพาไปหาแหละกัน”
“ไม่ต้องๆ! เดี๋ยวนายธานนท์จะส่งคนไปรับ”
“รบกวนเปล่าๆน่า ฉันไปกับพี่ฟ้าสองคนก็ได้”
“แกปฏิเสธฉันไม่ทันแล้ว เพราะนายธานนท์สั่งกับคนขับรถเรียบร้อยแล้ว แถมตอนนี้คนๆนั้นก็ไม่อยู่ นายธานนท์เข้าประชุม อีกนานกว่าจะประชุมเสร็จ”
“แล้วแกทำไมไม่เข้าประชุมด้วยล่ะ”หลังจากฟังเพื่อนพูดมานาน ก็ถามกลับบ้าง
“ก็ฉันปวดท้องอ่ะ ถ้าฉันเข้าประชุมด้วย ฉันคงฟังไม่รู้เรื่อง จับใจความไม่ได้แน่ๆ”
“อ่ะๆ งั้นก็ได้ -3-”
“โอเคคคคค! สี่โมงเย็นเจอกันนะ ;3”
“เอ๊ะ! จะสี่โมงเย็นแล้ว หัวหอมไปไหน?”เมื่อตื่นขึ้นมาก็พบแต่ความว่างเปล่า นัดเธอไว้สี่โมงเย็นแท้ๆ หายไปไหนกัน?
“กระดาษอะไร?”รู้สึกกระหายน้ำจึงเดินไปที่ตู้เย็น แต่กลับเห็นกระดาษโน้ตแปะไว้
“พี่ฟ้า พอดีหมอริสาโทรตามให้ไปช่วย วันนี้มีคนไข้เยอะ เรื่องที่บริษัทไม่ต้องห่วง จะมีคนมารับพี่ ม่านแก้วเห็นพี่หลับอยู่เลยไม่อยากปลุก หัวหอมขอโทษนะ :3”
“เฮ้อ! ทิ้งพี่ตลอดเลย”
ติ๊งน๊อง ๆ ~
“อ่ะ! สงสัยจะมาแล้ว”เธอรีบเดินไปหยิบเอกสารต่างๆพร้อมกล้องถ่ายรูปด้วย มันก็ต้องเตรียมพร้อมเสมอสินะ
“เอ่อ . . . สวัสดีค่ะ”ออกมาจากบ้านก็เจอชายร่างสูงใส่ชุดสูทดูดี นี่หรอคนขับรถ บระเจ้าาา!~ *0* เทพบุตรชัดๆ!
“คุณ เอ่อ ม่านแก้วหรือคุณฟ้าครับ?”
“ฉันฟ้าค่ะ :)”
“อ่อครับ เชิญครับ”เปิดประตูให้ เธอมองอย่างอึ้งๆ เกิดมาไม่เคยมีใครทำให้แบบนี้เลย T^T แต่ก็ขึ้นไปนั่งแต่โดยดี
“แล้วคุณม่านแก้วไปไหนล่ะครับ?”พอขับรถไปได้สักพัก เขาก็ชวนเธอคุย คงเป็นเพราะเห็นเธอนิ่งๆเกรงๆล่ะมั้ง?
“ไปทำงานน่ะค่ะ พอดีว่ามีงานเยอะ ทางนู่นเลยโทรตาม แล้วคุณ . . เอ่อ . .”
“อ่อ ผมนิภพครับ เป็นคนขับรถของคุณธานนท์ นานๆคุณธานนท์ถึงจะเรียกใช้ที ฮ่าๆ”
“อ๋อค่ะ 5555”ทั้งสองคุยกันไปเรื่อยๆจนถึงบริษัท
“คุณฟ้าไปที่ห้องคุณธานนท์ถูกมั้ยครับ?”
“ไม่ค่ะ ฟ้าไม่เคยมา”มองตึกสูงตรงหน้าอย่างกลัวๆ
“งั้นเดี๋ยวผมจะขึ้นไปส่งนะครับ :D”
“ขอบคุณค่ะ ^^”รู้สึกอุ่นใจขึ้นมา ก่อนจะเดินตามนิภพไป . . หลังจากขึ้นลิฟท์ไปจนถึงชั้นสูงสุดของตึกสูง เสียงโทรศัพท์ของนิภพก็ดังขึ้น บทสนทนาดำเนินไปเรื่อยๆ ก่อนที่เจ้าตัวจะหยุดเดินแล้วพูดกับปลายสายด้วยความเคารพ
“ครับคุณท่าน ผมจะรีบไป . . . . . เอ่อ คุณฟ้า . .”
“ถ้ามีธุระก็รีบไปเถอะค่ะ :-)”บอกกับคนข้างๆ เขาพยักหน้าก่อนจะบอกทางไปห้องของธานนท์
“ขอบคุณนะครับที่เข้าใจผม ผมไปก่อนนะครับ”
“บ๊ายบายค่ะ ^_^”ส่งยิ้มหวานๆให้ทีนึง ก่อนจะหันมาเผชิญกับความจริง . . . . . - -
“เฮ้อออ~ ปลาทองจริงๆเลยฉัน คุณนิภพเพิ่งบอกเมื่อกี้แท้ๆ ลืมได้ยังไง! แล้วไปทางไหนล่ะเนี่ย? TT”ในเมื่อพยายามนึกเท่าไรก็นึกไม่ออก ก็ต้องเดินไปมั่วๆแหละ เผื่อไปถูก(-*-)
“โอ๊ย!”แต่ยังไม่ทันจะได้ก้าวไปไหน ก็ดันมีคนมาเดินชนซะแล้ว
“ผมขอโทษครับ . . . . . . อ้าว คุณ. . . !”
-ถ้าจะพูดแบบนี้ พี่ว่าบังคับพี่ตั้งแต่แรกก็จบ-
-Paifah-
----------------------------------------------------------------------------------------------
ปลายฟ้าภาษาอังกฤษถูกมั้ยอ่า TT เฮ้ออออ ชั่งเถอะๆ! -3-
รู้สึกดีใจลึกๆนะ ที่มีคนพอจะเดาเนื้อเรื่องออก ;)
ว่าแต่ . . . ใครกันหน๊อออ? ที่เดินมาชนแม่กระต้ายน้อย? . . . ♥
คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9.5 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9.3 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9.2 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ