เดชแม่ยาย

9.3

เขียนโดย ชนบท

วันที่ 8 เมษายน พ.ศ. 2554 เวลา 23.54 น.

  7 ตอน
  7 วิจารณ์
  27.26K อ่าน
แชร์นิยาย Share Share Share

 

4) สะดุดรักข้ามรุ่น

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ขนาดตัวอักษร เล็ก กลาง ใหญ่ ใหญ่มาก
สะดุดรักข้ามรุ่น
ระหว่างที่ผมกับเจ้าคมยืนคุยกันอยู่  เสียงทักจากข้างหลังอย่างคุ้นเคยก็ดังขึ้น
“อ้าว?พี่มาได้อย่างไงกันล่ะ”เสียงหวานๆพูดแบบเจตนาแอ๊บ  ดังทักทาย
เมื่อผมหันไปก็เจอกานดา  เทพีสงกรานต์ของหมู่บ้านนางรองเดินกรีดกรายมาในชุดรัดรูปโชว์ทรวดทรงอร่ามชวนให้น้ำลายไหลยามมอง  กานดาเดินยิ้มร่ามาเกาะแขนของผม  นมคู่ใหญ่ถูไถแขนผมไปมา
“พี่มาที่นี่จะมาดูกานดาเต้นออกกำลังกายเรอะ?  น่าบอกกานดาล่วงหน้าสักหน่อย  กานดาจะได้แต่งมาให้ยั่วมากกว่านี้”
“โอ้ยย...แม่คุณเอ้ย...แค่นี้ก็ดีกว่าตรงแก้ผ้าหน่อยเดียวแล้ว”เจ้าคมมองแล้วกลืนน้ำลาย”จะมาเต้นจ้ำบะหรือจะมาเต้นออกกำลังกายกันแน่นี่”
กานดาหันไปมองค้อนเจ้าคม
“ปากมอมจริงๆเลยแก  นี่ฉันแต่งโชว์มาทำบุญทำทานให้ไอ้พวกมีปัญญาแค่มองแล้วไม่ได้แอ้มต่างหาก  อยากดูก็ดูซะ แล้วเอาไปใช้สไลด์ตัวหนอนของแกในจินตนาการเอา  ฉันจะได้บุญด้วย”
เจ้าคมยกมือไหว้ท่วมหัว”สาธุ?ขอให้บุญกุศลอันมหาศาลครั้งนี้ของกานดาจงส่งเสริมให้ชาติหน้าไปเกิดเป็นชะนีจริงๆเถอะ  จะได้สมใจที่ชาตินี้ต้องมาทนเป็นชะนีในร่างคน  วันๆตามหาแต่พี่ผู้ใหญ่เขาแล้วร้องเรียกผัวๆๆๆๆๆ”
“ไอ้คมบ้า....มึงด่ากูเรอะ?  ดูสิพี่  ไอ้คมมันด่าว่า กานดาเป็นชะนี ร่านหาผู้ชายนะ พี่ต้องจัดการนะ  กานดา ไม่ยอมๆๆๆ”
กานดากอดแขนแล้วเขย่าฟ้องผม นมยิ่งถูแขนจนผมรำคาญต้องจับเอามือของเธอออก และแว้บหนึ่งที่มองไปบนเวทีรู้สึกอุปทานว่า  สาวน้อยนั่นมองมาที่ผมและประกายตาวูบหนึ่งดูเหมือนจะไม่พอใจ  แต่มันก็แค่วูบเดียวจริงๆ  เพราะสาวน้อยยังโยกย้ายส่ายลีลานำเต้นต่อไป
“ปล่อยพี่เถอะกานดา  อย่าทำอย่างนี้  ประเจิดประเจ้อน่าเกลียด  ใครเห็นจะว่าร้ายให้กานดาเอาได้...”
“เชอะ?ว่าก็ว่าไปสิ  กานดาไม่แคร์ เขาจะได้รู้ว่า กานดานี่แหละ ตัวจริงและเป็นว่าที่เมียของผู้ใหญ่บ้านนางรอง”
“ฮื่อออ...เหลวไหลไปกันใหญ่แล้วกานดา  ปล่อยพี่นะ...”
“ตอนนี้ให้ปล่อย?  คืนนั้นละอัดกานดาระบมเลย  ใช่สิ? ได้กานดาแล้วนี่ จะด่าจะว่าจะไล่ส่งอย่างไงก็ได้ กานดามันใจง่ายเอง ที่ยอมไปแล้วเลยเสียเปรียบ”เทพีหมู่บ้านทำดราม่าทันทีและทำท่าเช็ดคราบน้ำตาตรงหางตา
“แต่คืนนั้นน่ะ?  พี่อยู่ข้างล่างตลอดเลยนะ  กานดาบอกว่าพี่ไม่ต้องน้องทำเอง  แล้วกานดาก็เล่นเองทำเองคนเดียวเลยนะ”
“แล้วมันไม่เหมือนพี่ทำตรงไหนล่ะ? สรุปแล้วกานดาทำให้พี่น้ำแตกหรือเปล่า?”กานดาเถียงไม่ลดล่ะ
“พอแล้วกานดา?  เราอย่าคุยเรื่องนี้กันเลย  กินในที่ลับมาคุยกันในที่แจ้งมันไม่เหมาะ”
เทพีบ้านนางรองสะบัดหน้าทำงอนใส่”ไม่รู้ล่ะ?  พี่ต้องยกฐานะของกานดาเสียที  มากินฟรีกานดาเฉยๆอย่างนี้ กานดาไม่ยอมนะ   หรือจะให้กานดาไปตามพี่มดง่ามมาแฉ...”
“อย่ามาขู่พี่กานดา?  เธอก็ไม่ใช่สาวใช่แส้  แล้วคืนนั้นพี่ก็เมามากด้วย  ถ้ายังขืนคุยเลอะเทอะกับพี่อย่างนี้  พี่จะเลิกคุยด้วยตลอดไปเลยนะ  กานดาก็รู้นิสัยของพี่นี่”ผมพูดเสียงเข้ม  กานดาเลยทำท่าหงอๆไป
 
ผมมองกลับไปบนเวที  ร่างน้อยๆนั้นยังนำเต้นอย่างสนุกสนาน  ชวนมองและน่าหลงใหลและจะดีกว่านี้มากเลย  ถ้าไม่มีฝูงวรนุชเต้นตามอย่างอุบาวศ์สายตาของพวกไอ้เม้งอยู่ข้างล่าง มองแล้วช่างเหมือนนางฟ้ากำลังกรีดกรายร่ายรำสวยงามแล้วมีฝูงเปรตนรกดิ้นทุรนทุรายร้องขอส่วนบุญจังเลย
 
....การนำเต้นจบลง สาวร่างเล็กเดินเอาผ้าซับเหงื่อมาทางที่ผมยืนอยู่  มีไอ้เม้งตามคุยมาไม่ห่าง  และสมุนของมันล้อมมาเป็นขบวน  เมื่อมาเจอผมเธอก็ยิ้มและยกมือไหว้ทักทาย
”สวัสดีค่ะ....อ่า....พี่....ผู้ใหญ่....”
“แหม...พี่อะไร?  เรียกมันลุงไปเลย  ไม่ต้องไปเกรงใจ อายุมันเยอะกว่าพ่อน้องโสอีก....”ไอ้เม้งแทรกแบบไม่เกรงใจ
“ฮึ่มมม...ถ้ากูเป็นลุงของน้องโส  กูว่ามึงก็เป็นปู่ของเขาละหว้า...พูดจาไม่ดูสังขารของตัวเอง...”
แต่พอไอ้เม้งจะพูดต่อ  โสภาก็ยกมือห้ามมันกับผมไว้   
“เอ้อ....พอเถอะค่ะ?  แหม...คุยกันได้ถึงใจจังเลยนะคะ  เอาเป็นว่าอย่าเถียงกันดีกว่าค่ะ  อายเด็กๆแถวนี้นะคะ...”
คำห้ามและประชดนิ่มๆแต่จิกลึกของสาวร่างเล็กทำเอาผมกับไอ้เม้งหยุดเถียงทางวาจา  แต่หันมาเชือดเฉือนกันทางสายตาแทน  แล้วโสภาก็หันมาถามผมพร้อมรอยยิ้มใสๆหน้าชุ่มเหงื่อ  แก้มแดงๆเรื่อๆด้วยเลือดฝาดทำเอาใจผมสั่นๆ
“เอ่อ...พี่ผู้ใหญ่มาที่นี่ทำไมรึค่ะ?”
“เอ่อ...คะ...คือ...ผะ...ผม....เอ้ย...พะ...พี่...จะมา...เอ่อ....”
“คือพี่ผู้ใหญ่เขาจะมาอุดหนุน  หมูปิ้งของหนูโสนะ แต่มาไม่ทันมันหมดก่อน”เจ้าคมที่ยืนข้างๆลำคาญเลยพูดแทนให้
“ใช่จ๊ะ?ๆๆใช่...แต่....”ผมหันจ้องหน้าไอ้เม้งแล้วเน้นเสียง”แต่ถูกไอ้พวกขี้หลีเหมาตัดหน้าหมด...”
“เฮ้ย....มึงว่าใคร?  ใครขี้หลี พูดดีๆนะ  เดี๋ยวมีเรื่อง”กำนันเม้งตาขวางมองผม
“ก็ว่ามึงนั่นแหละ ไอ้วรนุชหัวงู”
“เฮ้ย?ไอ้ผู้ใหญ่นี่กูเป็นกำนันนะ ในเขตตำบลนี้มึงเป็นสายงานใต้บังคับบัญชาของกูนะ  พูดจาให้เกียรติกันบ้าง”
“แหมมึงเอายศเอาศักดิ์มาข่มกูหรอ?  ต่อให้มึงเป็น ผบ.ตำรวจกูก็จะเรียกมึงว่าไอ้เม้งไอ้เม้ง  ไอ้เม้ง  มึงจะทำไมกู”
“กูไม่ทนกับมึงแล้วโว้ย.....”ไอ้เม้งโกรธจนหน้าแดง”เด็กๆตื้บมันเลย...”
ลูกน้องมันพอรับคำสั่งแล้วก็ทำท่าจะเข้ารุมผม  แต่แล้วกลับลังเล  มองหน้ากัน เพราะคราวนี้ไม่มีใครมาห้าม
“เอ่อ...เฮียกำนันจะให้ทำอะไร...เอ่อ....ผู้ใหญ่นะครับ...”เจ้าคนตัวใหญ่ทำท่าสั่นๆถาม
“กระทืบมันไง...”ไอ้เม้งย้ำ
“จะดีหรอเฮียกำนัน...นั่น...เอ่อ...ผู้ใหญ่นะครับ?...”
“เออ..กูรู้แล้วว่ามันเป็นผู้ใหญ่  แล้วทำไม? แล้วมันเป็นพ่อของมึงด้วยหรอ?..”ไอ้เม้งหงุดหงิดกับสมุน
“ไม่ใช่หรอกเฮียกำนัน....แต่...”
“แต่อะไรวะ?”
“แต่นั่นผู้ใหญ่....บ้านนางรองนะครับ?..”ลูกน้องของมันชักเหงื่อตก
“มึงกลัวมันหรอ?”
“แล้วเฮียกำนันเล่าครับ?”ลูกน้องของมันถามกลับ
“เฮ้ย...วันนี้วันอะไร?”ไอ้เม้งทำลังเลแล้วถามลูกน้องมัน
“วันพระครับ  เฮียกำนัน”ลูกน้องมันตอบ
“วันพระหรอ   อื่มมม.....งั้นวันนี้งดทำร้ายคน  กูไม่อยากทำบาป  โชคดีของมึงนะ ไอ้ผู้ใหญ่”
ดูมันพูดกัน  ใจมดทั้งลูกพี่ลูกน้อง  หาข้ออ้างไปแบบมุดดินแห้ง
“ว่าแต่น้องโสพร้อมจะไปกินดินดาน...เอ้ย....ดินเนอร์  กับพี่กำนันหรือยัง...ล่ะจ๊ะ”มันหันไปชวนโสภาต่อ หลังจากเลิกเถียงกับผม
“เอ่อ...คือว่า...โส...”สาวร่างเล็กทำท่าเหมือนหนักใจ
“น้องโสเขาจะไปกินข้าวเย็นกับกู  ไอ้ดินเนอร์ดินดานของมึงนะ  เขาไม่ไปกินกับมึงหรอก...ไปหากินคนเดียวเหอะ..”
“อะไรนะน้องโส?...ไหนบอกว่าจะไปกับพี่กำนันไง?  แล้วไปนัดกับไอ้ผู้ใหญ่หลังเนินนี่ได้ยังไงล่ะ  หลอกลวงพี่กำนันเรอะ  ทำได้ยังไง? น้องโสใจร้าย....ใจร้ายกับพี่กำนันมั๊กๆๆ”ไอ้เม้งทำเสียงอ้อนน่าถีบให้หงาย
“เอ่อ...โสยังไม่รับปากเลยนะคะ...ลุงกำนัน...”
“พี่กำนันบอกให้เรียกพี่  ทำไมไม่เรียก?”
“เอ่อ..คือโสทำใจเรียกไม่ได้ค่ะ..ลุงกำนัน?.”
“เอาเถอะเรียกบ่อยๆเดี๋ยวก็ชิน  แต่พี่กำนันสงสัย  ทีไอ้ผู้ใหญ่นี่ทำไมเรียกพี่ได้?”
สาวร่างเล็กยิ้มหวาน”เรียกได้ค่ะ...พี่ผู้ใหญ่นี่เรียกได้สบายเลย...”
“ทำไมเรียกได้?”
“พี่เขาเป็นพระเอกค่ะ...ชัดไหม?”
“เอ่อ..ชัดเลยน้องโส...”
 
ไอ้เม้งนอกเรื่องกับโสภาไปพักใหญ่ก็กลับมาต่อเรื่อง
“มึงไปนัดน้องโสตอนไหนวะ?”แล้วหันไปมองหน้าสาวร่างเล็ก”จริงเรอะน้องโส  ที่ว่านัดกับมันไว้?”
สาวร่างเล็กลังเลชั่วครู่ก็ยิ้มแล้วพยักหน้า”ค่ะ...โสนัดพี่ผู้ใหญ่ไว้  จะไปกันรึยังคะ” 
สาวร่างเล็กพูดจบก็เดินมายืนข้างผม  เธอมองสบตาผมทำเอาชุ่มชื่นหัวใจบอกไม่ถูก
“แล้วกานดาเล่าพี่?  ให้กานดาไปด้วยนะ”เทพีบ้านนางรองเดินเข้ามาเอาหุ่นอวบๆล้นไม้ล้นมือเบียดสาวร่างเล็กเซออกไปจนเกือบหัวทิ่ม พลางจับแขนของผมเขย่าออดอ้อน”กานดาไม่ได้ไปกินข้าวกับพี่มานานแล้ว  ให้กานดาไปด้วยนะ”
ผมแกะมือเทพีหุ่นเนื้อ นม ไข่ ออกและค่อยๆดันออกห่างๆ”กานดา?...พี่นัดน้องโสไว้แล้ว  ไว้วันหลังนะ”
กานดาทำสีหน้าไม่พอใจ หันไปมองเด็กสาวร่างเล็กแล้วแอ่นอกมองอย่างดูแครน
“ไปกับอีเด็ก...เอ้ย...ไปกับน้องโสตามลำพังหรอ?”
ผมพยักหน้า  ส่วนโสภาก็ยืนมองมา  หน้าตาของเธอดูเฉยๆ  แต่สายตาบ่งบอกว่าไม่พอใจ
“เฮอะ?...”กานดาเดินวนรอบตัวสาวร่างเล็กราวจะสำรวจแล้วเดินมาคุยกับผมเบาๆ”อีเด็กคนนี้มันมีอะไรดีกว่ากานดารึพี่  ตัวก็เล็ก ของก็เล็ก  สวยก็น้อยกว่า  มีดีแค่สดกว่าเท่านั้น  แต่สดนะสู้เก๋าไม่ได้หรอกพี่”
“อย่าคิดสกปรกนะกานดา?  พี่กับโสไปกินข้าวกันเฉยๆ  ไม่ได้ไปทำบัดสีกัน  พูดจาให้เกียรติกันบ้าง  ผู้หญิงเหมือนกัน”
กานดาเบ๊ะปาก”เฮอะ?..ใครไปกินข้าวกับพี่เคยรอดสักคนเรอะ?  ชะตาหอยขาดแน่ละมึงวันนี้?”
แล้วกานดาก็เดินส่ายก้นพาหุ่นชวนฝันจากไป  พลางบ่นพอได้ยิน”เฮอะ?ชวนไปบนนอนฟูกนุ่มๆไม่ไป อยากนอนบนไม้กระดานแห้งๆแข็งๆก็ตามใจ”
 
“เอาละ?...น้องโสไปกันเหอะ”ผมเอ่ยปากชวนทันที
“ตกลงจะไปกับไอ้ผู้ใหญ่จริงๆเรอะ?”กำนันเม้งยังถามอย่างอาลัยอาวรณ์
สาวร่างเล็กพยักหน้า”ค่ะ...คิวของลุงกำนันไว้วันหลังนะค่ะ..”
ไอ้เม้งทำหน้าจ๋อยๆ ส่วนผมผายมือเชิญสาวร่างเล็กให้เดินไปที่รถของผม  ไอ้เม้งมองตาละห้อย  ผมหันมายิ้มยักคิ้วเยาะเย้ยมัน  แหมมันสะใจจริงๆ  แต่เสียงบ่นเจ้าคมดังแว่วๆ
“อีหนูนี่สำคัญนะนี่  แค่ทำใสซื่อพูดอ้อนไม่กี่คำ  สิงห์เฒ่าแถวนี้ก็กัดแย่งกันฝุ่นตลบเลย....”
 
ผมเดินมาหาเจ้าชมที่เก็บร้านเสร็จแล้ว  สาวร่างเล็กยิ้มหวานบอกผู้เป็นอา
“อาชม?  เอ่อวันนี้โสจะไปกินข้าวเย็นกับ...พี่ผู้ใหญ่นะ...อากลับไปก่อนนะ...”
เจ้าชมสะดุ้ง หน้าตาตื่น”ฮ้าท์....ไปกินข้าวเย็นกับผู้ใหญ่เรอะ?  อย่าไปเลยยัยโส....อันตราย....”
“อันตรายอะไร?  ไอ้ชม มึงพูดดีๆ  กูชวนไปกินข้าว  ไม่ได้ลวงน้องโสไปฆ่าหั่นศพ...”
“ก็นั่นแหละพี่...สาวๆไปกิ....น”มันต้องหยุดพูดเมื่อผมชี้หน้ามันแล้วทำตาดุ
“มึงหยุดพูดเลยนะ?   เดี๋ยวน้องโสจะตื่นแล้วรู้ตัว...เอ้ย...น้องโสเขาจะกลัวไม่กล้าไปกับกู...”
สาวน้อยปิดปากหัวเราะเสียงใส ดูแล้วน่ารักน่าหลงใหลยิ่งนัก”มีอะไรหรออาชม?  พี่ผู้ใหญ่ใจดีและน่ารักอย่างนี้  อาชมพูดเหมือนพี่เขาน่าหวาดกลัวไม่ควรเข้าใกล้...”
“ใช่?ไอ้ชมกูมีอะไรน่ากลัววะ?...ไปเหอะน้องโส...”ผมทำท่าผายมือชวนสาวน้อยเดินไปที่รถของผม
“แต่?...ยัยโส...คือ...”เจ้าชมยังทำท่าห่วง
สาวร่างเล็กหันมายิ้มหวานๆ”เชื่อมือโสเถอะ...ว่าจะปลอดภัยกลับมา...”
“ใช่?....น้องโสปลอดภัยแน่เมื่อไปกับพี่   ส่วนมึงไม่ต้องห่วงกูจะพาน้องโสกลับมาส่งอย่างปลอดภัยแน่  ไอ้ชม...”
แล้วเราก็หันเดินกันไปที่รถ แต่เอ...โสภาบอกว่าให้เชื่อมือว่าเธอจะกลับมาอย่างปลอดภัย  ฟังดูแปลกๆ แต่ผมก็ไม่ได้ติดใจอะไร เพราะยามนี้รู้สึกลิงโลดใจ  ที่จะไปได้กินข้าวกับสาวน้อยวัยใสคนนี้
“พี่?แล้วผมเล่าให้ไปด้วยไหม?”เจ้าคมถามทันทีเมื่อเห็นผมกำลังจะพาโสภาไปเชือดเอ้ย...ไปกินข้าวกันตามลำพัง
“เอ้า?พอไหม สำหรับกลับคนเดียว?...”ผมควักแบงค์สีม่วงให้มันไปหนึ่งใบ
“พอครับพี่...”แต่มันยังมองสาวน้อยโสภาอย่างระแวง พลางกระซิบ”พี่ระวังตัวด้วยนะ?”
“บ้าเรอะกูไปกินข้าวกับน้องโส  ต้องระวังอะไร เด็กตัวแค่นี้จะทำอะไรกูได้..”
“นั่นแหละที่ผมห่วง?”
“มึงห่วงเขาหรอ?”ผมถามกระเซ้า
“ห่วงพี่นั่นแหละ  ผมว่ามันมีอะไรแปลกๆนะ”
“มึงนี่คิดมาก  เขาสิต้องกลัวกู  ไม่ใช่กูต้องกลัวเขา  กูไปละเสียเวลา...”
แล้วผมก็ขับรถออกมาและตรงดิ่งไปยังตัวอำเภอ ยังไงคืนนี้ต้องมีอะไรติดไม้ติดมือกลับบ้านบ้างละ
 
ระหว่างนั่งรถกันไปผมลอบมองร่างของเด็กสาวในชุดรัดรูป แหมสัดส่วนมันเร้าใจดีถึงจะร่างจะเล็กแต่สัดส่วนก็ดูเหมาะเจาะ  กลิ่นเหงื่อผสมกลิ่นกายของสาวน้อยคลุ้งอยู่ในรถ  โดยมีแอร์เป็นสื่อนำ  ผมสูดแล้วใจสั่นๆ  จนอยากจะละพวงมาลัยไปกอดฟัด  แต่ใจเย็นๆ สาวน้อยคนนี้ยังเด็กนักและดูจะใสซื่อ ที่สำคัญดูเธอจะมีใจให้เรา ถ้าเห็นแก่เงินคงยอมไปกับไอ้เม้งแล้ว
 
“มองทางบ้างสิคะ?  ชำเลืองมองโสอย่างงี้เดี๋ยวก็ขับรถตกถนนหรอก”เสียงใสๆเอ่ยบอก  แหมรู้ด้วยว่าเราแอบมอง
“เปล่าครับ...น้องโส  ไม่ได้แอบมองแต่พี่...ชื่นชมนะ  หุ่นน้องโสนี่ดีจริงๆ  ไม่รู้มาก่อนเลยว่าเป็นครูเต้นนำแอร์โรบิกด้วยเต้นนำได้สง่าแล้วสวยงามจริงๆ”
สาวน้อยยิ้ม”ก็โสเคยเรียนเต้นมาสมัยยังอยู่กรุงเทพฯเพื่อไว้ออกกำลัง ส่วนเรื่องที่พี่ผู้ใหญ่ว่าสวยงามและสง่านี่  แล้วดีพอ..เอ่อ..จะสู้....เอ่อ...คนที่ชื่อกานดาได้ไหมคะ...”
ผมหันมามองสาวน้อยแล้วตอบไม่ถูก เล่นถามแบบจี้จุดใจดำอย่างนี้”ก็ดีไปคนละอย่าง   แต่พี่ไม่ขอวิจารณ์ เพราะการวิจารณ์สัดส่วนของผู้หญิง  ผู้ชายดีๆเขาไม่ทำกันหรอก”
“แล้วผู้ชายชั่วๆเขาชอบทำกันหรอคะ?”สาวน้อยถามกลับจนผมต้องหันไปมองหน้า
“เอ่อ...จะ..จ๊ะ....”
“โสโชคดีนะ...ที่ได้มากับคนดี....”สาวน้อยมองสบตาของผมยิ้มๆ
ผมถอนหายใจยาวๆแล้วถามสิ่งคาใจ
“ทำไมน้องโสไม่ไปกับไอ้เม้งล่ะ  ทำไมมากับพี่แล้วยังโกหกว่านัดไว้แล้วด้วย  ทั้งที่เรายังไม่เคยได้คุยกันเลย”
สาวน้อยถอนหายใจ  มองออกไปทางหน้าต่าง
“โส...เบื่อพวกผู้ชายที่มองโสแล้วคิดแต่เรื่องจะร่วมเตียงมีเซ็กส์ ทำไมผู้ชายชอบมองผู้หญิงแล้วคิดแค่นั้นก็ไม่รู้?  คิดอย่างอื่นบ้างไม่ได้เลยรึไง ?   เช่นผู้หญิงคนนี้เก่งนะ  ผู้หญิงคนนั้นกล้าหาญนะ มีเรื่องมากมายให้น่าชื่นชมเกี่ยวกับผู้หญิง  แต่ผู้ชายก็มองแค่เรื่องเซ็กส์ และชอบคุยว่าเคยมีเซ็กส์ด้วยและเป็นอย่างไง?”สาวน้อยถอนหายใจหลังจากร่ายยาว
เอ่อ...น้องเอ๋ย...พี่ก็คิด  แต่ตอนนี้ขอทำตัวเป็นคนดีเอาใจไปก่อน   
 “ทำไม ไอ้เม้งมันมองน้องโสอย่างงั้นรึ งั้นพรุ้งนี้พี่จะไปจัดการมันให้เอง พี่จะสั่งสอนมันให้จำไว้ว่าห้ามมายุ่งกับน้องโสและต่อไปนี้พี่จะให้น้องโสเป็น?....เอ่อ....”
สาวน้อยจ้องตาผมแล้วยิ้ม”เป็นอะไรล่ะคะ?...”
“เป็นคนพิเศษ...ที่พี่ต้องคอยดูแล..และห่วงใยก็แล้วกันนะ...”
ผมตอบแบบอึดอัด  รู้สึกว่ายามอยู่ใกล้สาวคนนี้  ลวดลายชั้นเชิงที่เคยใช้หลอกพาสาวๆไปล่อ  มันกลับไม่กล้าจะนำออกมาใช้   รู้สึกเขินอายที่จะพูดสิ่งที่ตรงกับใจและความรู้สึกจริงๆ
“อย่าเลยค่ะ?  ความจริงกำนันเม้งก้อไม่ได้วุ่นวายกับโสเท่าไหร่หรอก?  แต่โสแปลกใจว่าหมู่บ้านนี้คนหนุ่มๆหายไปไหนหมด  ที่มาตามมาดูและมาจีบโส  ทำไมมีแต่คนสูงวัยและคนแก่?”
คำตอบของสาวน้อยทำเอาผมสำรักไอโขรกๆ
“เป็นอะไรไปคะ...”เด็กสาวยื่นมือมาจับไหล่ของผม  พร้อมถามอย่างห่วงใย
“มะ...มะ..ไม่เป็นไรหรอก...แค่มัน...เอ่อ...ไอธรรมดาน่ะ...”
 
ธรรมดาครับที่จะเป็นอย่างนั้น เพราะถ้าลองไอ้เม้งมันหมายตาผู้หญิงคนไหนก็ไม่มีใครในหมู่บ้านกล้ายุ่ง ใครกล้าแหยมมักถูกมันส่งลูกน้องมากระทืบคางเหลือง  ส่วนผมเองก็เช่นกันถ้าใครเป็นผู้หญิงของผมก็ไม่มีใครกล้ามาแตะ แต่น่าประหลาดตรงที่ ผมกับไอ้เม้งไม่เคยชอบผู้หญิงคนเดียวกันเลยสักครั้ง จะมีก็ครั้งตั้งแต่สมัยวัยรุ่นที่มันมาจีบสร้อยแข่งกับผม  ผ่านไปเกือบๆ 20 ปี  เพิ่งจะมาแข่งจีบโสภากันนี่แหละ  และเป็นช่วงที่น่าสังเวชมากเพราะ  หัวหงอกกันแล้วแต่มาแย่งจีบเด็ก..
 
ระหว่างทางที่เรานั่งรถไปด้วยกัน ผมก็เริ่มคุยกับเธอ
 
“ว่าแต่น้องโสนี่เป็นคนกรุงเทพฯโดยกำเนิดรึ?”ผมเริ่มซักประวัติของเธอ
“ใช่ค่ะ?  คุณพ่อเป็นคนกรุงเทพฯ  ส่วนคุณแม่เป็นคนต่างจังหวัด  ทั้งสองพบรักกันที่บ้านเกิดของคุณแม่  และคุณย่าชอบคุณแม่มาก  เพราะคุณแม่เป็นคนสวย  เรียบร้อยและมารยาทดี  แต่น่าเสียดายที่คุณพ่อเสียไปแล้ว”น้ำเสียงเด็กสาวฟังเศร้าๆ
“เอ่อ...พี่เสียใจด้วย...อ้า..อย่าคุยเรื่องเศร้าเลยดีกว่า  เอาละ...ถึงแล้ว  ร้านนี้อร่อยที่สุดในตัวจังหวัดแล้ว”
ผมจอดรถและพาสาวน้อยเข้าไปนั่งในร้านอาหารติดริมแม่น้ำ  บรรยากาศดี ยิ่งยามใกล้ค่ำอย่างนี้ ได้นั่งกินไปดูแม่น้ใหลเอื้อยไป  คุยกับสาวๆไปเพลินอย่าบอกใครเลย
“น้องโสอยากทานอะไรสั่งเลยนะ ไม่ต้องเกรงใจ”ผมแสดงความใจปล้ำหวังหลอกเด็กให้เหลิง
“พี่ผู้ใหญ่สั่งเถอะ  โสเกรงใจ”เด็กสาวยังไว้ตัว
ผมเลยสั่งอาหารมา3 – 4 อย่างและนั่งกินกันไปเรื่อยๆ
“เคยมากินข้าวกับไอ้เม้งอย่างนี้หรือเปล่า?”
เด็กสาวส่ายหัว”ไม่กล้าหรอกค่ะ?  ลุงกำนันแกไม่น่าไว้ใจ....”
“แล้วมากับพี่นี่แสดงว่า  น้องโสไว้ใจพี่”ผมถามอย่างกระหยิ่มในใจ  ที่สาวน้อยไว้ใจผมมากกว่าไอ้เม้ง
“ก้อ..พี่ผู้ใหญ่นี่  สำหรับโสดูแล้วซื่อๆดี ที่สำคัญ....”
“อะไรหรือ?  ไอ้ที่สำคัญของน้องโสน่ะ?”ผมขมวดคิ้วจ้องมองเด็กสาว  เธอเห็นอะไรในตัวผมจึงไว้ใจยอมมาด้วย
“โสรู้สึกว่า....”เธอเว้นช่วงไปอึกใจ  ผมกลับรอฟังอย่างอึดอัด”ขอโทษนะคะ  คือโสไม่กล้าพูดน่ะ”
“พูดมาเถอะ  พี่อยากรู้”
“คือโสเห็นความเหงาในดวงตาของพี่น่ะ  ความเหงาเหมือนเฝ้ารอใครบางคน”ผมฟังถึงตัวชาวูบหันหน้าออกไปมองแม่น้ำ เด็กสาวเห็นอาการของผมถึงหน้าเสีย”ขอโทษนะค่ะ ถ้าเรื่องนี้มันสะเทือนใจพี่ผู้ใหญ่โสไม่พูดแล้ว  เราพูดเรื่องอื่นกันเถอะ”
ผมยิ้มแล้วมองหน้าเด็กสาว”สบายใจเถอะ คนเราทุกคนย่อมมีความหลังทั้งนั้นทั้งเรื่องดีและไม่ดี  แต่เขาว่าคนเหงาย่อมเข้าใจคนเหงา  แล้วน้องโสเคยเหงาอย่างงั้นด้วยรึ?”
“ไม่เคยค่ะ....โสยังเด็กอยู่นะคะ  ยังไม่เคยมีแฟน แต่เคยเห็นคนมีแฟนแล้วอยู่ห่างไกลจากแฟนของตัวเอง เขาท่าทางจะมึนๆงงๆไม่ค่อยรู้สึกตัวว่ามีชีวิตอยู่ในโลกนี้เหมือนพี่ผู้ใหญ่นี่แหละค่ะ”
“โฮ่ะ...พี่ดูแย่ขนาดนั้นเชียวเรอะฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า...”
แล้วเราก็หัวเราะกันอย่างสนุกสนาน  แต่ผมกับหัวเราะได้เต็มเสียงเป็นครั้งแรก  นับตั้งแต่สร้อยจากไป
“อื่มม....น้องโส? พี่ว่าเราไปเดินห้างชื้อของใช้กันก่อนดีกว่า  เอาไหม?”
ผมชวนสาวน้อยหลังกินมื้อค่ำกันเสร็จแล้ว
“แต่โส..ไม่ได้เอาเงินมา.”เด็กสาวท่าทางอึดอัด
ผมยิ้ม”ไม่เป็นไร  น้องโสอยากได้อะไร  พี่จะชื้อให้”
เด็กสาวก้มหน้ายิ้มที่มุมปากตาวาว  ท่าทางคงอยากได้อะไรเหมือนกันแหละ แต่คงจะไม่มีเงินชื้อเอง  พอมีคนจะชื้อให้เลยดีใจ  เด็กๆก็อย่างนี้แหละยังใสซื่อเก็บอาการไม่ค่อยอยู่
 
เราเดินห้างประจำอำเภอซึ่งไม่ใหญ่มาก  แต่ก็มีสินค้าจำเป็นให้เลือกชื้อหลายอย่าง เด็กสาวชื้อของประเภทสบู่ยาสีฟันและเครื่องสำอางหลายอย่างผมคอยถือตระกล้าเดินตามเธอ และปล่อยเธอเลือกชื้อตามสบายโดยไม่อั้น อยากได้อะไรหยิบเลยและผมก็รู้สึกมีความสุขอย่างประหลาด 
“นี่ไงเจอแล้ว?”เด็กสาวก้มลงหยิบสบู่ก้อนกลมๆขนากเขื่องขึ้นมา”ของจริงหรือเปล่า”เด็กสาวเอามาอ่านสลากและพิจจารณาอย่างถ้วนถี่”โสเคยเจอของปลอมเข็ดเลยต้องดูให้ดีก่อนชื้อ”
แล้วเธอก็เอามาใส่ตระกล้าก่อนเดินนำหน้าผมไปชื้ออย่างอื่น   ผมอดหยิบมาดูไม่ได้ว่าสบู่อะไรวะ  ต้องปลอมด้วย ขายดีขนาดไหน  ยี่ห้ออะไร แต่เมื่ออ่านสลากแล้วต้องรีบวางและรู้สึกอายๆยังไงไม่รู้  เพราะสลากมันเขียนว่า
“ใช้สำหรับล้างในส่วนซ่อนเร้นของสตรี  อ่านสลากให้ดีก่อนชื้อ ระวังของปลอมและเลียนแบบ”แม่งเอ้ยใครเห็นกูตอนยืนอ่านหรือเปล่าวะผมกัดฟันมองเด็กสาวตามหลังไป อีหนูเอ้ย...หนูเป็นคนแรกในชีวิตที่ให้ผู้ใหญ่คนดังอย่างพี่พามาชื้อสบู่ล้างจิมิได้เนี๋ย
 
“อ้าวผู้ใหญ่มาได้ยังไง”เสียงทักดังมาจากข้างๆ  เมื่อผมหันไปก็เจอเจ๊เดือนคนรู้จักที่ย้ายจากบ้านนางรองมาขายของในตัวอำเภอ  เจ๊เดือนหันไปเห็นโสภามากับผมก็ยิ้ม”ไง?ผู้ใหญ่  เดี๋ยวนี้ลดอายุคู่ควงลงขนาดนี้เลยรึ ระวังพรากผู้เยาว์นะ”
“แหม?เจ๊เดือนผมแค่พาเด็กมาเที่ยวชื้อของน่ะ  ไม่ได้คิดอะไรหรอก”ผมพูดยิ้มๆเขินๆ
“เอ็นดูเด็กว่างั้น? แต่เจ๊ว่าผู้ใหญ่จะให้เด็กดูเอ็นมากกว่า”เจ๊เดือนดักคออย่างรู้ทัน
“ก้อเอ็นดูไปก่อน  ถ้าเด็กอยากดูเอ็นผมก็ขัดไม่ได้หรอก”
ระหว่างที่ผมคุยกับเจ๊เดือน  เด็กสาวไปหยุดยืนตรงซุ้มขายชุดชั้นใน เธอยืนมองชุดชั้นในที่ใส่หุ่นโชว์แล้วถอนหายใจก่อนเดินไปดูอย่างอื่นต่อ ผมเดินตามไปแต่หยุดมองชุดชั้นในก็ได้เห็นราคา  โอ้โฮ้? ยกทรงกับกางเกงในนี่ราคามันน่าขนลุกขนาดนี้เลยรึ?  มิน่าเล่าเด็กสาวถึงไม่กล้าจะชื้อ  อื่ม..จะชื้อให้ก็ไม่รู้ขนาด  แต่ผมนึกออกจึงเดินกลับไปหาเจ๊เดือน  และให้แกกะขนาดของโสภาให้
“คัพB เด็กคนนั้นขนาดนี้แน่นอน แต่เจ๊ว่า คัพนี้ก็ไม่เบานะ  สำหรับผู้หญิงตัวเท่านั้น”
“ขอบคุณเจ๊?  แค่กะไซร์ให้ก้อพอ  ไม่ต้องวิจารณ์”ผมบอกแกขำๆ
“ทำไมจะไปพิสูทธ์เองรึ?  แต่เอ..น่าแปลกนะ”เจ๊เดือนทำสงสัย
“น่าแปลกอะไร?”
“ไม่เคยเห็นผู้ใหญ่พาผู้หญิงคนไหนมาเดินชื้อของเลย ท่าทางเด็กคนนี้จะมีอะไรพิเศษสำหรับผู้ใหญ่ม้าง...”
“อย่าทำเป็นเดาเลย  ผมก็แค่พาเด็กมาชื้อของธรรมดาเท่านั้น  ไม่มีอะไรจริงๆ”ผมบอกปัดๆไป
“แต่เอ...เจ๊รู้สึกว่าเด็กคนนี้มันคุ้นๆนะท่าทางการเดินและหน้าตา อื่ม.....แต่นึกไม่ออกว่ะ แต่เอาเหอะ จะเหมือนใครก็ช่างยังไงท่าทางจะไม่รอดมือผู้ใหญ่อยู่แล้ว  ไงๆก้อเบาๆมือหน่อยนะ  เด็กมันยังเล็ก  สงสารเด็กมัน เจ๊ไปละ”
แหมพูดซะกูชั่วเป็นอาชืพเลย ผมเดินตามเด็กสาวชื้อของอีกสอง-สามอย่างซึ่งรวมๆที่ชื้อราคาก็ไม่เท่าไหร่  เมื่อจ่ายเงินเสร็จก็กลับมาที่รถ  และเวลาก็เกือบๆสองทุ่มแล้ว
 
“พี่ว่าเราไปหาอะไรเย็นๆดื่มกันก่อนไหม  เดินห้างตั้งนานทั้งร้อนทั้งเมื่อย”ผมแสร้งชวนเพื่อถ่วงเวลา  และหาช่องจะเผด็จศึก  หากมีโอกาศ
“โสว่าเรากลับกันเหอะ  กว่าจะถึงบ้านมันจะดึกนะ”สาวน้อยพูดซื่อๆ
“แต่ว่า....”
“กลับเถอะพี่ผู้ใหญ่ ถ้ากลับกันดึกๆแล้วมีใครเห็นว่าพี่ผู้ใหญ่กลับมากับโสแล้วเขาเอาไปคุยกัน  พี่ผู้ใหญ่จะเสียชื่อนะคะ”
ผมสะดุ้งในคำพูดของเด็กสาว แทนที่จะกลัวตัวเองเสียหายว่ากลับมากับผู้ชายมืดๆค่ำๆ  ดันกลัวผมเสียหายเพราะกลับไปกับเธอดึกๆ  เออ...เป็นไปได้  แต่ผมมานึกอีกที  เด็กสาวคนนี้ก็ดูใสซื่อดี และมองแววตาแล้วรู้สึกเธอพูดเหมือนจริงใจไร้เดียงสาแท้ๆไม่เสแสร้ง  อื่ม...ค่อยๆเลี้ยงไปก่อนและคอยระวังไอ้เม้งก็พอ  พร้อมเมื่อไหร่ค่อยลงมือก็ได้นี่
 
....ผมจึงขับรถพาเด็กกลับ เด็กสาวหยิบถุงเอาของที่ชื้อมาออกมาดูและทดลองใช้แป้งบ้าง  น้ำหอมบ้างแล้วถามผมถึงคุณภาพ  ผมมองความน่ารักและไร้เดียงสาแล้วพาลนึกไปถึงสร้อย  นึกถึงตอนที่ชื้อแป้งหอมเครื่องสำอางมาฝากจากในเมืองแล้วเธอดีใจกระโดดกอดผม   พร้อมกับมองอย่างชื่นชมยินดี  ท่าทางของสาวน้อยตอนนี้ก็แทบไม่ต่างกัน
“ท่าทางพี่ผู้ใหญ่จะหมดเงินไปเยอะเลยนะ  ชื้อให้โสเยอะแยะอย่างนี้”
“อื่ม...ไม่เท่าไรหรอก?ขอแค่น้องโสได้แล้วมีความสุข พี่ก้อยินดีเสียเงินชื้อให้เท่าไรก้อได้?”ผมลอบมองแล้วเห็นเด็กสาวอมยิ้ม
“แล้วพี่ผู้ใหญ่ชื้อให้สาวๆทุกคนอย่างงี้เลยรึเปล่าคะ?”เด็กสาวปรายตามองผมแล้วถามกระเซ้ามายิ้มๆ
“ก้อทุกคนแหละ...อ้าวล้อเล่น”ผมต้องรีบบอกเมื่อเห็นเด็กสาวหน้าสลด”พี่ไม่เคยเดินห้างกับสาวๆมาก่อนเลยในชีวิต  เพิ่งมีน้องโสนี่แหละ  คนแรก”
“ไม่ใช่สาวๆหรอก?โสยังเด็กอยู่เลยนะคะ อย่าลืม ยังไม่ใช่สาวๆ”เด็กสาวพูดน้ำเสียงงอนๆ
“แล้วน้องโสอายุเท่าไรล่ะ?”
“โสเพิ่ง16 ย่าง 17 ปีเอง”
“อ้าวไหนเจ้าคมมันว่า18 – 19 แล้ว  แต่ยังไง 16 – 17นี่ก็ถือว่าเป็นสาวใช้ได้แล้วนะ”
“ใครล่ะที่ชื่อคมแล้วบอกพี่ผู้ใหญ่ว่าโส18 – 19 โสโตขนาดนั้นเลยรึ?”
“ก้อเห็นว่าจบม . 6 แล้วน่าจะประมาณนั้นนี่”
“โสสอบเทียบเลื่อนชั้นได้ค่ะ....เลยจบไว”
“มิน่าเล่า?ถึงตัวเล็กดูยังเด็กๆจัง”
“แล้วพี่ผู้ใหญ่คิดว่าโส โตแค่ไหน?”
ผมหันไปมองแล้วพิจจารณา  เด็กสาวนอนพิงเบาะเอนตัวเอามือประสานท้ายทอยมองผมด้วยสายตาซื่อๆและยิ้มยั่วๆ  ผมถอนหายใจ แล้วหันกลับมามองถนน
“ก้อประมาณนั้นแหละ?”ผมหัวเราะเบาๆ
“ประมาณไหน?”เด็กสาวยังถาม
“เอ่อ....น้องโส.  พี่ถามอะไรอย่างหนึ่งจะได้ไหม?  แล้วขอให้ตอบจริงๆ”ผมเปลี่ยนเรื่อง
“จะถามอะไรล่ะ?”
“เอ่อ....คือว่า  น้องโสเคย...เอ่อ...มีแฟนรออยู่ที่กรุงเทพฯไหม?”
สาวน้อยหัวเราะตัวโยน”ไม่มีหรอกค่ะ?  บอกแล้วไงว่าโสยังเด็ก  และแม่ของโสก็เข้มงวดเรื่องคบผู้ชาย  โสเชื่อฟังแม่ค่ะ  เลยไม่เคยมีแฟน  แต่ก็มีพวกคนแก่ๆชอบมาจีบโส  ชวนไปชื้อโน่นชื้อนี่  แต่โสไม่เคยไปด้วยหรอก  พวกนี้มันชอบหลอกเด็ก  แม่บอกว่าให้โสระวัง  อย่าเห็นแก่ของที่เอามาล่อน่ะ”
แหมฟังแล้วเหมือนถูกหลอกด่า
“แล้วอย่างพี่ล่ะ?เข้าข่ายไหม?  พวกคนแก่ที่มาหลอกน้องโสน่ะ”
“พี่ผู้ใหญ่ยังไม่แก่นะ  ดูดีกว่าพวกคนวัยเดียวกันเสียอีก  โสอยู่ใกล้แล้วรู้สึกปลอบภัยและอบอุ่น”
“จริงหรอ?”ผมรู้สึกปลื้มน้อยๆและออกจะเขินๆเมื่อเด็กสาวชมซึ้งๆหน้า”หลอกคนแก่ให้ดีใจเล่นหรือเปล่า?”
“อย่าพูดว่าตัวเองแก่สิ?  ไม่งั้นจะแก่จริงๆนะ?  สำหรับโส พี่ผู้ใหญ่ยังดูหนุ่มและแข็งแรง ที่สำคัญ?”
“อะไรหรอ?”ผมถามทันทีเมื่อเด็กสาวพูดค้างไว้แค่นั้น
“ไว้อีกสักพักให้โสแน่ใจก่อนแล้วจะบอกพี่ผู้ใหญ่  เอาละถึงบ้านอาชมแล้ว  ขอบคุณนะพี่ผู้ใหญ่ที่กรุณาชื้อของให้โส”
เด็กสาวเปิดประตูและหอบของก้าวลงเมื่อรถจอดสนิท
“เดี๋ยวก่อนโส?”ผมเรียกเด็กสาวแล้วยื่นถุงให้เธอ”เห็นโสอยากได้เลยชื้อมาให้”
“อะไรหรอ?”เด็กสาวทำหน้างงๆแล้วรับมาเปิด  พอเห็นเป็นชุดชั้นในที่เธอยืนดูที่ห้างก็อุทานตาโต”โอ้โฮ้.....พี่ผู้ใหญ่ชื้อให้โสหรอ  อูยย์ แพงขนาดนี้โส....”
“รับไว้เหอะ?โสคู่ควรที่จะใส่มัน พี่อยากให้โสรับไว้แล้วใส่ให้....”
“แล้วใส่ให้อะไรหรอคะ?”เด็กสาวมองผมแบบเหล่ๆ
“แล้วใส่มันเสริมความมั่นใจนะสิ?”ผมตอบเลี่ยงๆจากความตั้งใจเดิม
“ขอบคุณคะ”เด็กสาวยกมือไหว้ผม
“กลับมาแล้วเรอะ?”เจ้าชมออกมารับหลานสาว”ปลอดภัยไหม?”
ผมฟังแล้วไม่พอใจ”ทำไมถามทุเรศๆอย่างงั้นวะไอ้ชม  น้องโสไปกับกูแล้วมันอันตรายขนาดนั้นเชียวรึ?”
“ก็ใกล้เคียงนะพี่  ใครๆเขาก็รู้กันทั้งหมู่บ้าน  ว่ากิตติศัพท์ความเอื้ออารีย์ต่อสาวๆในหมู่บ้านนี้ของพี่น่ะมันขนาดไหน?”
“อาชมคะ  โสปลอดภัยดี แล้วพี่ผู้ใหญ่เขาก้อสุภาพกับโสมาก อาอย่าพูดกับพี่เขาอย่างงั้นนะ  ฟังไม่ดีเลย”เด็กสาวบอกอาของตัวเองเสียงขุ่นๆ
“เห็นไหมไอ้ชม  ฟังหลานของมึงพูด  แล้วคราวหลังมึงพูดดีๆกับกูนะ  ไม่งั้นโดนแน่ คราวนี้เห็นแก่โสนะ กูจะไม่เอาเรื่อง”
เจ้าคมหน้าเจื่อนๆไป
“พี่กลับก่อนนะน้องโส”ผมหันไปบอกเด็กสาว
เจ้าชมหอบของเดินเข้าบ้านไปก่อน  เด็กสาวยืนยิ้มโบกมือให้ผม
“ขับรถกลับบ้านดีๆนะพี่ผู้ใหญ่  แล้วคืนนี้โสจะฝันถึงค่ะ...”พูดจบเด็กสาวก็หันหลังวิ่งตามเจ้าชมเข้าบ้านไป
...ผมยืนยิ้มมองตามจนเด็กสาวเข้าบ้านไป หัวใจชุ่มชื่นเหมือนกลับมาเป็นหนุ่มอีกครั้ง........
 
ผมขับรถกลับมาถึงบ้าน  พบว่าสายใจยังไม่กลับ เมื่อเข้ามาภายในบ้านผมก็นั่งเล่นที่ห้องรับแขก  สายใจยกน้ำมาให้  ผมเอ่ยขอบใจ สายใจยืนมองผมยิ้มๆ  จนผมแปลกใจ
 
“ยิ้มอะไรรึ?”ผมหันไปถามแม่บ้านสาวทรงโต
“เด็กคนนั้นสวยมากไหม?”
“เด็กคนไหน?”ผมถามกลับ
“ก็คนที่ทำให้พี่กลับมาดึกนี่ไง”
ผมยิ้มแล้วถอนหายใจ
“อ้อ...สายใจรู้ได้ไง  วันๆไม่เห็นได้ออกไปไหน?”
“พี่คมบอกตอนกลับมาเอารถ  บอกว่าพี่พาครูสอนเต้นแอร์โรบิกคนใหม่ไปเที่ยว”
“อื่ม...ก็สวยและน่ารักดี...แต่ออกจะเด็กเล็กไปหน่อย....เลยไม่ค่อยเน้นเท่าไร...”
ผมตอบไปตรงๆ  แต่สายใจเดินมายืนข้างๆมองผมตาหวานเชื่อม
“ระดับผู้ใหญ่นี่นะ  คำนึงเรื่องอายุ  สาวเกิน 15 คนไหนเขาก็อยากได้พี่เป็นผัว แค่บอกเข้าแถวมารอแบให้แล้ว...”
“พูดเกินไปนะสายใจ...ว่าแต่วันนี้ยังไม่กลับบ้านเรอะ?”
“กลับได้ไง?  ก็พี่ยังไม่กลับมา  เลยต้องเฝ้าบ้านรออยู่นี่ไง”
สายใจเดินมานั่งข้างๆผมแล้วโน้มตัวมากอดคอซบมาที่อกผม
“พี่?นานแล้วนะ  ส่งส่วยให้สายใจหน่อยสิ”
ผมค่อยๆประคองร่างของสายใจลุกเดินไปที่ห้องนอน  สายใจยังอ้อน
“อีกหน่อยสายใจคงหมดความหมาย  ถ้าเด็กนั่นเข้ามาที่นี่  ทุกวันนี้ก็แทบจะไม่มีความหมายอยู่แล้วนี่”
ผมประคองสายใจนั่งลงที่เตียงนุ่ม  แล้วคิดคำนึงถึงเด็กสาวโสภาแว้บหนึ่ง....
“ไม่เคยมีใครมีความหมายสำหรับพี่  สายใจก็รู้...”
“แต่พี่คมบอกว่าเด็กคนนี้ท่าทางไม่เหมือนคนอื่นๆที่พี่เคยเจอมา..”
สายใจกอดคลึงเคล้าตามร่างกายของผม  เพื่อสร้างอารมณ์ให้ผม  และค่อยๆถอดเสื้อของผมออก
“เด็กคนนั้นดูเป็นเด็กดีนะ  ท่าทางซื่อๆ และ...”
“ทำแสร้งหน้าซื่อ  หวังโก่งค่าตัวรึเปล่า..”
เสียงสายใจพูดเยาะๆและดูแครน
“อย่าพูดอย่างนั้น  เด็กคนนั้นไม่เหมือนคนอื่นๆ”
“ระวังจะไปหลงเด็กจนโงหัวไม่ขึ้นนะ?”
สายใจพูดทีเล่นทีจริง
“สายใจก็รู้นี่....พี่เคยรักใครที่ไหน...และก็ไม่เคยคิดที่จะรักใครด้วย.....”
ผมบอกแม่บ้านคู่สวาทไปตรงๆ
“แม้นแต่สายใจก็ไม่เคยเลยหรอ?”
สายใจถามแบบกระเซ้า
“ไม่มีข้อยกเว้นให้ใครทั้งนั้น...แหละ...สายใจอย่าลืมข้อตกลงของเราสิ....”
ผมบอกเธอและเริ่มกอดจูบกันเพื่อบรรเลงบทพิศวาสเหมือนที่เคยมีต่อกันมา..
ทุกอย่าผ่านไปตามท่วงท่าและลีลาของมัน เริ่มต้นอย่างแผ่วพลิ้ว  รุนแรงอย่างบ้าคลั่งในช่วงต่อมา และสงบลงเมื่อถึงจุดหมาย....
เกมกามของผมกับสายใจจบลง เธอนอนซุกตัวอยู่ใต้ผ้าห่ม  ผมเดินมายืนที่หน้าต่าง  การมีเซ็กส์ของผมมันก็แค่สัญชาตญาณเท่านั้น  มันไม่ได้ลึกซึ้งหรือตราตรึงใจ  หลายปีมานี่ ผมมีสัมพันธ์กับสาวมากหน้า เพื่อหวังค้นหาเซ็กส์ที่ขาดหายไปกว่า 20 ปี  แต่ยิ่งค้นหา ผมกลับไม่เจอ  ไม่เคยกระฉูดได้สะใจและอิ่มเอมในอารมณ์ เลยผมเดินออกมานอกห้อง สวมใส่เสื้อยืดกางเกงบ็อกเซอร์ ผมเดินมาเรื่อยๆมานั่งที่ศาลาหน้าบ้าน....
 
 
....สร้อย...ใต้ดวงจันทร์เดียวกันนี้เธออยู่ที่ไหนนะ...ผมมองไปที่ดวงจันทร์   ภาพของสร้อยในวันวานปรากฎฉายอยู่ในดวงจันทร์กลมโต  แล้วภาพนั้นก็ถูกภาพของโสภาเบียดตกหายไป   อ้าวทำไมเป็นอย่างนั้นเล่า?.......
 
 
พ่อเคยบอกว่าทุกสิ่งฟ้ากำหนดมา แต่ผมเคยถามพ่อว่าแล้วฟ้าทำไมชอบกำหนดสิ่งที่โหดร้ายมาให้แก่มนุษย์  พ่อบอกว่าฟ้ามักโหดร้ายและปราณีกับมนุษย์พอๆกัน  แต่เมื่อผมถามว่าแล้วเจตนาของฟ้าคืออะไร?  พ่อจะตอบว่าก็เพื่อทดสอบคนไง  แล้วฟ้าจึงได้ทดสอบอย่างโหดร้ายนักล่ะ.......................
 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
10 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา