เดชแม่ยาย

9.3

เขียนโดย ชนบท

วันที่ 8 เมษายน พ.ศ. 2554 เวลา 23.54 น.

  7 ตอน
  7 วิจารณ์
  27.09K อ่าน
แชร์นิยาย Share Share Share

 

5) อุ่นไอรักแต่หนหลัง

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

อุ่นไอรักแต่หนหลัง

 

อากาศยามเช้าของวันนี้สดชื่นผมตื่นเช้าเหมือนเช่นเคย  สายใจวันนี้หน้าตาแจ่มใสเพราะได้ไปหลายดอกนำกาแฟและขนมมาให้ผมเหมือนเคย  สายใจวางขนมแล้วก็ก้มตัวมาหอมแก้มของผมฟอดใหญ่ๆแล้วเดินเข้าบ้านไปทำงานตามหน้าที่  เมื่อคืนเธอไม่ได้กลับบ้าน เพราะอยู่รับส่วยกับผมทั้งคืน  ผมนั่งมองเหม่อไปเหมือนทุกๆวัน  แต่ทำไมวันนี้ใจทำไมคิดถึงแต่สาวน้อยคนนั้น  รู้สึกทุรนทุรายอยากเจอหน้า  ยิ้มเป็นสุขเมื่อนึกถึงเรื่องเมื่อวานที่ไปกินข้าวและชื้อของด้วยกัน  มันรู้สึกสุขใจและปลื้มใจที่มีสาวน้อยคนนั้นมาอยู่ใกล้ๆ  วันนี้ก็ไม่มีอะไรทำ  มีเวลาว่างเยอะแยะขนาดนี้  จึงตัดสินใจ  โทรตามเจ้าคมมาหา  เพียงไม่ถึงอึดใจ  เจ้าคมก็โผล่มาหาผม....

“มีอะไรให้กระผมรับใช้ครับเจ้านาย?”เจ้าคมถามพร้อมหัวเราะร่า  หลังนั่งลงข้างๆผม”แล้วเมื่อคืนเป็นไง?  เด็กนั่น...แจ๋วไหม?”

ผมถอนหายใจ”ไม่ได้ทำอะไรเลย  เห็นท่าทางซื่อๆพูดจาน่ารัก  และเด็กมากๆจนกูทำอะไรไม่ลง”

“หา?เด็กนั่นทำให้พี่ใจอ่อนขนาดทำอะไรไม่ลงเลยรึ  ไม่น่าเชื่อ ท่าจะ มามีความรักเอาตอนแก่เสียแล้วพี่ผู้ใหญ่ของเรา”

“มึงนี่พูดไปเรื่อยแล้วนะ  คนอย่างกูไม่เคยรักใคร  มึงก็รู้ว่าหัวใจของกูมีไว้รอ.....”

“เอาอีกแล้วพี่นี่  งมงายอยู่กับเรื่องในอดีตอยู่ได้  พี่เราอยู่กับปัจจุบันนะ  ถ้าสร้อยจะกลับมาจริงๆน่ะ  มันน่าจะมาได้แล้ว  นี่ 20 ปีแล้ว  บางทีตอนนี้เขาอาจ....”

“อาจ...อะไรวะ?”ผมขมวดคิ้วถามเจ้าคม

เจ้าคมโบกมือห้าม”ไม่คุยแล้วเรื่องนี้....เอาเรื่องที่พี่เรียกผมมาดีกว่า  จะเรียกผมมาคุยเรื่องอะไร?”

 “ก็เรื่องของเด็กคนนั้นแหละ”ผมบอกเจ้าคมกลับไป

“โอ้ยยย....นี่พี่ถ้าจะชอบเขามากนะนี่  ไม่ห่างเรื่องนี้เลย  คุยแต่เรื่องของเด็กคนนี้...”

“เออ...ก็?...กูเองก็ชักสงสัยตัวเองว่ะ?”

“ชัวส์....อาการนี้...พี่หลงรักเด็กคนนั้นแน่นอนเลยทีเดียวเชียว  พี่รู้ตัวหรือเปล่า?”

“เฮ้ย?....ไม่จริงอ่ะ  กูหลงรักเด็กคนนั้นเรอะ  ไม่ใช่ละม้าง?”ผมพยายามตอบปฎิเสธเจ้าคม

“เอานะ?  พี่ฟังผมถาม  แล้วตอบว่าใช่? ไม่ใช่?  อันนี้เป็นแบบทดสอบว่าเราชอบเขาไม่ชอบ  ตอบเสร็จแล้วผมจะสรุปให้”

ผมพยักหน้าลองเล่นกับมันดู  เจ้าคมก็เริ่มถามผม

“เอาละนะ  ข้อแรก   ตื่นเช้ามาก็อยากเห็นหน้า  ไม่งั้นหงุดหงิดทำอะไรไม่ได้เลย”

“เอ่อ...ใช่?”

“ข้อสอง...คิดถึงเขา   ตั้งแต่ตื่นเช้า...จะกิน จะนอน  จะเดิน.เรื่อยไปจนถึงเข้านอน....บางทีก็ฝันถึงด้วย  ใช่ไหม?”

“ก็?...ใช่ว่ะ”

“ข้อสาม... เห็นหน้าเขาทีไร หัวใจก็เต้นโครมครามโดยไม่มีเหตุผล…”

“อื่มมม...ใช่ว่ะ”

”ข้อที่สี่....ชอบแอบมองเขาทั้งระยะใกล้และระยะไกล  และทำโดยเขาไม่รู้ตัว  ไม่กล้าจะสบตา  เพราะกลัวเขาจะรู้”

“อ่า...ก็ใช่อีก?”

“ข้อที่ห้า....อยากรู้เรื่องราวของเขาไปเสียทุกเรื่อง  เจอที่ไหนพยายามเข้าไปหา  หรือต้องพาตัวเองเข้าไปเกี่ยวข้องด้วย”

“ชะ..ใช่...เลยว่ะ..”

“ข้อที่หกนะ....อยากได้เจอ  อยากพูดคุย  อยากได้ยินเสียง  อยากยิ้มให้  ตลอดเวลาที่อยู่ใกล้แล้วมีความสุข”

“เฮ้อ...ใช่อีกว่ะ?”

“ชักหนักแล้วนะพี่...ข้อที่เจ็ด  มีอารมณ์สุนทรีย์ขึ้นมาเฉยๆ  เช่น  พับดาวเล่นใส่ขวด  เขียนกลอน  และนั่งเพ้อรำพันอย่างตอนนี้น่ะ”

“ข้อนี้ก้อ...เกือบๆว่ะ  กูว่าจะเขียนกลอนถึงสักหน่อย  แต่ไม่ว่าง”

”ข้อที่แปดแล้วนะ  ถ้าได้เห็นเขาเดินมากับใคร  ยืนคุยกับใคร  มันรู้สึกหัวใจปั่นป่วน  จนทนไม่ไหว  ยิ่งดูนานๆอกมันจะระเบิดออกมา”

“เออ....อันนี้แน่นอน”

“ข้อที่เก้าแล้วพี่  ผมหวั่นๆแทนเลย  ซาบซึ้งกับบทเพลง  และชอบดูหนังที่มีฉากรักหวานๆ  แล้วก็นั่งดูแอบซึ้งอยู่คนเดียว”

“อื่มม...ก็มีนะ  แต่...เอ่อ...มะ...มีวะ ชะ ใช่”

“มาถึงข้อที่สิบแล้ว  อยากจะหล่อและก้อดูดีขึ้นมาอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน  ต้องส่องกระจกมองตัวเองเสมอๆก่อนออกไปเจอเขา”

“กูก้อทำประจำอยู่แล้ว  แต่ก่อนจะไปเจอน้องโส  กูก็อยากให้ตัวของกูดูดีที่สุดน่ะ  ก้อ  ใช่  อีกนั่นแหละ”

“เอาละ  ข้อที่สิบเอ็ดแล้ว  อยากรู้ข้อมูลส่วนตัวของเขา  เกิดวันไหน  ทำงานอะไร  บ้านอยู่ไหน  อยากรู้เบอร์โทรของเขา  พยายามสืบให้รู้ให้วุ่นวายไปหมด”

“อ้าว.....ก้อกูอยากรู้นี่หว่า  เพื่อไว้ติดต่อเขา  สรุปว่าใช่”

“ข้อที่สิบสองนะพี่  อยากรู้ว่าเขาชอบอะไร  ดูหนังฟังเพลงแบบไหน  และของโปรดคืออะไร?”

“ก้อกูอยากเอาใจเขานี่  ก้อใช่อีกแหละ....”

“อันนี้ข้อที่สิบสาม...เริ่มกังวลเป็นห่วง  กลัวว่าเขาจะมีใคร  แล้วกังวลว่าเขาจะไม่ชอบเรา  และคิดไปเองต่างๆนานา”

“ก็เข้าเค้า   สรุปว่าใช่อีกนั่นแหละ...”

“ข้อสุดท้ายนะพี่...เริ่มเพ้อเจ้อ  บนบานอธิฐานไปเรื่อยเปื่อยต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์  ขอให้เขาสนใจเราที่เหอะ”

“ก็มีบ้างแต่ก็....ใช่อีกนั่นแหละ”

เจ้าคมที่เอากระดาษมาวางบนโต๊ะหินอ่อนแล้วขีดถูกทั้งสิบสี่ข้อส่ายหัว

“ว่าไง?  อาการของกูเป็นยังไงบ้างว่ะ?”

เจ้าคมถอนหายใจ  แล้วมองดูในกระดาษก่อนละสายตามาจ้องหน้าของผม

“พี่รู้ไหมว่าไอ้แบบทดสอบอันนี้  แค่ตอบว่าใช่เพียงห้าข้อ  ก็เข้าข่ายแล้วว่ารักเขา  แต่ของพี่นี่  มันใช่เลยหมดทุกข้อ   ก็ไม่ต้องคิดและไม่ต้องสงสัยอะไรเลย  เพราะว่ามันใช่  มันโดน  มันตรงเผง  ว่าจริงแท้และแน่นอน...เลย   ยังนี้แหละที่เราเรียกกันว่าพี่ทั้งหลงทั้งรักเขากว่าใคร  รักชนิดโงหัวไม่ขึ้นแล้ว”

“ขนาดนั้นเชียวเรอะวะ  ไอ้คม  มึงชัวส์หรือมั่วนิ่นเนี่ยะ?”

“อันนี้เป็นแบบทดสอบที่ได้รับการรับรองมาแล้วและใช้กันอย่างแพร่หลาย  และยืนยันว่าแม่นยำร้อยเปอร์เซนท์”

“นี่กูหลงรักเด็กคนนั้นจริงๆรึ?”เจ้าคมยื่นหน้ามาใกล้ๆพอผมหันไปเจอก็ตกใจ”ไอ้วรนุชระยะเผาขนเอ้ย..มึงทำกูตกใจหมด”

“เอาล่ะพี่...ในเมื่อพี่ห้ามใจตัวเองไม่ได้  ผมก็จะทุ่มสุดตัวเพื่อไปสืบประวัติที่แท้จริงของเด็กคนนี้มาให้  และจะเอามาให้พิจารณาว่า เด็กคนนี้คู่ควรกับพี่หรือเปล่า? ”เจ้าคมบอกผม

“แต่กูไม่ได้บอกเลยนะ  ว่ากูจะเอาเด็กคนนี้ทำเมียอย่างเปิดเผย”ผมย้ำเจตนากับเจ้าคม

“ก็รู้ไว้? มันก็ไม่เสียหายอะไรนี่?ไว้เป็นข้อมูล  พี่จะเอาไหม?”

“งั้นมึงลองไปสืบมา  กูจะรอฟัง  แต่อย่าให้นานนะ”

“ค่าใช้จ่ายล่ะพี่?”เจ้าคมแบมือขอเงินหน้าด้านๆ

ผมถอนหายใจ  ควักเงินให้มันไป

“รอฟังประวัติเด็กคนนี้  เพื่อพี่และผมจะได้หายสงสัยเสียทีว่าเธอเป็นใคร?มาจากไหน?และมาตีสนิทกับพี่นี้มีเจตนาอะไร?  ผมไปล่ะ...”

เจ้าคมกำลังจะเดินไปขึ้นรถ  แต่มันหันกลับมาหาผม

“มีอะไรวะ?”ผมถามเมื่อมันทำท่าหนักใจ

“พี่?  ผมจะหายไปสักพัก  ระหว่างผมไม่อยู่นี่  พี่อย่าไปใกล้ชิดกับเด็กคนนั้นนะ”

“ทำไมวะ...?”

“พี่เจอเด็กนั่นแค่สองวัน  และเด็กนั่นทำพี่หวั่นไหวได้ขนาดนี้  ผมกลัวว่า....”

“กลัวอะไร?”

“เอาเป็นว่า...ผมรู้สึกไม่ค่อยดีเลย  กลัวว่าพี่จะ....”

“จะอะไร?  ไอ้คมที่มึงพูดมานี่กูงงนะ”

เจ้าคมถอนหายใจ”เอาอย่างงี้  พี่หยุดเครื่อนไหว  หยุดคิด และหยุดทุกอย่างเกี่ยวกับเด็กคนนั้นให้หมด  รอจนผมกลับมา  แล้วค่อยเริ่มกัน  ตกลงไหม?”

ผมหัวเราะ”มึงนี่?  ทำอย่างกับเด็กคนนั้นยิ่งใหญ่และน่ากลัวขนาดจะมีอิทธิพลที่จะเปลี่ยนแปลงชีวิตของกูเลย”

“อย่าทำเป็นเล่นไปนะพี่  ผมขอเตือน”

“เอาล่ะ?  เพื่อความสบายใจของมึง  กูรับปากว่าจะไม่เข้าใกล้เด็กนั่นจนกว่ามึงจะกลับมาก็แล้วกัน  ไง?  สบายใจหรือยัง”

“ทำให้ได้อย่างที่พี่บอกนะ...ผมไปล่ะ....รักษาตัวด้วยพี่”

“เออ...ไปเหอะ  แล้วรีบเอาข้อมูลมาไวๆล่ะ”

เจ้าคมยิ้ม  และเดินไปขึ้นรถก่อนขับออกไป

ผมมองตามเจ้าคนที่ขับรถออกไป  ถามตัวเองในใจว่ารักเด็กสาวคนนั้นจริงหรือเปล่า  แล้วถ้ารักจริง  เกิดสร้อยกลับมาตอนนี้จะทำอย่างไร  แต่นั่นเป็นปัญหาที่ยังไม่เกิดขึ้น  ปัญหาตอนนี้คือ  เด็กสาวคนนั้นกำลังทำให้ผมปั่นป่วนในหัวใจยิ่งนัก  ตอนนี้เธอมาตัดกำลังใจของผมที่มั่นคงเฝ้ารอสร้อยไปได้เยอะเลย  และวันนี้ผมก็อยากจะเจอเธอเหมือนกัน  น่า...เด็กตัวแค่นั้นจะทำอะไรผมได้  เจ้าคมมันกลัวเกินไป  จริงอยู่เพราะผมร่ำรวยเข้าขั้น  จึงมีผู้หญิงมากหน้าคิดจะจับผม  แต่ก็ไม่เคยมีผู้หญิงคนไหน  เคยจับผมได้เลย  ไม่เว้นแม้นแต่เด็กคนนี้  ผมอาจเป็นอย่างที่เจ้าคมเคยว่า  เหมือนเด็กที่กำลังเห่อของเล่นชิ้นใหม่ที่ท้าทายและเร้าใจ  เท่านั้นเอง....

ผมเคยคิดจะให้เจ้าคมไปตามสืบหาที่อยู่ของสร้อย  แต่ทว่าผมไม่กล้าให้มันไป  เพราะอะไรหรอ?  เพราะกลัวที่จะได้รู้ว่าสร้อยเป็นอยู่อย่างไร  เพราะกลัวจะได้รับรู้ว่าเธอมีความสุขกับครูสมบูรณ์  เพราะกลัวที่จะไปวุ่นวายกับปัจจุบันของเขา  เพราะกลัวจะกลายเป็นตัวการที่จะไปทำลายความสุขครอบครัวของเขา  ผมจึงทำได้เฝ้า  ทำได้แต่รอ  ให้สร้อยกลับมาสัญญาก่อนลาในวันนั้น....

เมื่อเจ้าคมออกไปหาข้อมูลเชิงลึกของเด็กสาวคนนั้น  ผมก็ต้องออกไปหาข้อมูลเชิงตื้นด้วยตัวเองบ้างดีกว่า  เฮอะ?นี่ผู้ใหญ่บ้านนางรองนะโว้ย  ล่อคนมาตั้งเยอะแล้ว  ไม่แน่จริงไม่อยู่รอดปลอดเมียมาได้นานขนาดนี้หรอก  แล้วผมก็เข้าไปแต่งตัวและขับรถออกไปยังบ้านเจ้าชม  เมื่อไปถึงผมก็จอดรออยู่ไม่ห่างบ้านเจ้าชมเท่าไหร่  ซุ่มดูความเครื่อนไหวว่าเด็กสาวคนนั้นกำลังทำอะไร  สักพักก็เห็นสาวน้อยจูงรถมอร์เตอร์ไซร์เก่าๆออกมาสตาร์ทแต่ดูท่าจะไม่ติด  ผมจึงทำท่าขับรถเข้าไปจอดใกล้ๆแสร้งทำเป็นผ่านมาและแวะทักทาย

“สวัสดีค่ะ...พี่ผู้ใหญ่...ไปไหนมาคะ?”สาวน้อยยกมือไหว้และไถ่ถาม

“เอ่อ...พี่ไปธุระที่ตลาดมา   พอดีจะกลับบ้านเลยผ่านมาทางนี้”ผมตอบทำเป็นฟอร์มเพื่อไม่ให้เธอรู้ว่าผมมาเฝ้าแอบมองและรอเพื่อเจอเธอ

“แต่...เอ่อ...บ้านของพี่ผู้ใหญ่เท่าที่โสรู้  เอ่อ...บ้านของพี่ผู้ใหญ่ไม่ได้ไปทางนี้นี่คะ”

“อ้า?...มันมีทางลัดน่ะ  แต่อย่าสนใจเลย  ว่าแต่รถของน้องโสเป็นอะไรไปน่ะ?”ผมรีบชวนคุยเรื่องอื่นทันที

“ไม่รู้ค่ะ?  เสียบ่อยมากเลย  เมื่อวานอาชมก็ต้องจูงกลับจากตลาดทีนึงแล้ว...”สาวน้อยทำหน้าเซ็งๆ

“แล้วน้องโสจะไปไหนล่ะ?”

“โสว่าจะเอาเงินไปโอนที่ธนาคารน่ะ”

“ถ้างั้นไปกับพี่ไหม?”ผมรีบชวนทันที

“อ้า...โส...เกรงใจค่ะ  ไม่กล้ารบกวนหรอก”สาวน้อยรีบปฎิเสธ

“ไม่ต้องเกรงใจหรอกน้องโส  พี่เป็นคนของประชาชน  ยินดีรับใช้และช่วยเหลือทุกคนเสมอ”

“ทุกคนเลยหรอคะ?”

“เอ่อ...ทุกคนเลยจ๊ะ...”ผมตอบและยิ้มให้แบบคิดว่าเท่ส์ที่สุด

“เอ่อ...งั้นรอโสสักครู่นะคะ...”

แล้วสาวร่างเล็กก็จูงรถเข้าไปในบ้านและหายไปอึดใจ  ก่อนออกมา

“อ้า...รอนานไหม?  โสพร้อมแล้วค่ะ  ไปกันเถอะ”

“เชิญขึ้นรถของพี่เลย  น้องโส....”

แล้วผมก็ขับรถพาเด็กสาวมายังธนาคาร  เราเดินเคียงคู่กันไปข้างใน  วันนี้คนค่อนข้างเยอะ  ผมจึงขอตัวไปนั่งรอ  ส่วนสาวน้อยไปต่อคิวรับบริการ  ระหว่างนั้นผมก็นั่งอ่านข่าวจากหนังสือพิมพ์ฆ่าเวลาไป....

แต่แล้วขณะที่นั่งรออยู่นั้น  มีชายสามคนคลุมหัวด้วยหมวกไอ้โม่ง  มีอาวุธครบมือวิ่งเข้าเอาปืนจี้ยาม  และไล่ทุกคนให้มาหมอบรวมกันแล้วหนึ่งในสามก็ประกาศลั่น

“หยุดนี่คือการปล้น  ไม่อยากตายอย่าขัดขืนไปรวมกันทางโน้น  แล้วหมอบลง”

เสียงร้องหวีดว้ายของผู้หญิงดังแข่งกันลั่น  ผมเองละตาจากหนังสือพิมพ์ก็ถูกพวกมันคนหนึ่งผลักไล่ให้ไปหมอบรวมกับคนอื่นๆ  ผมมีอาการตกใจเล็กน้อยแต่นึกถึงโสภาขึ้นมาได้พยายามมองหา  ก็เห็นสาวน้อยนั่งตัวสั่นอยู่ตรงเคาเตอร์บริการ  ผมผุดลุกจะไปหาเพื่อช่วยปลอบใจ  ก็ถูกถีบกระเด็นออกมาตรงกลางทางเดินของประตู  พวกมันตามมาคว้าคอเสื้อแล้วเอาปืนจ่อหัวของผม

“ทำไม?มึงอยากตายเรอะ...กูบอกให้หมอบอยู่เฉยๆนะ  ฟังไม่รู้เรื่องเรอะ”

“พี่ผู้ใหญ่?โสกลัวค่ะ...”สาวน้อยทรุดนั่งตัวสั่นทำหน้าเหมือนจะร้องไห้

“อ้าว? นี่มันผู้ใหญ่คนดังนี่หว่า”ไอ้คนที่เอาปืนจ่อหัวของผมเอ่ยขึ้น  หลังมองหน้าของผมชัดๆ  ขณะที่อีกสองคนกำลังโกยเงินสดใส่ถุง  ผมยิ้มให้มันแหย๋ๆ

“รู้จักด้วยหรอ?”ผมถามมันแบบจำใจ

“เฮอะ?...ใครคิดจะเป็นโจรในย่านนี้  ถ้าไม่รู้จักมึงก็โค-ตะ-ระ เชยไม่สมควรเป็นโจรหรอก”เจ้าคนที่เอาปืนจ่อหัวของผมบอก

“เฮ้ย?...เสร็จหรือยัง”แล้วมันก็หันไปถามพรรคพวกที่กำลังโกยเงินใส่ถุง

“เรียบร้อยพี่”

“งั้นไปกันได้แล้ว”พูดจบมันก็ผลักผมลงไปนั่งรวมกับทุกคนที่หมอบอยู่

“โอ้ย...ผู้ใหญ่  อยู่ที่นี่ทั้งคนปล่อยให้โจรมันปล้นต่อหน้าต่อตาได้ยังไง?”ชาวบ้านที่อยู่ข้างๆถามผม

“แล้วจะให้ไปทำอะไรได้เล่า?  มันมีอาวุธครบมืออย่างนั้น  ข้ามาตัวเปล่าไม่นึกว่าจะเจอเรื่องอย่างนี้นี่”

“ก็น่าจะทำอะไรสักอย่าง  ปล่อยให้โจรมาเหยียบจมูกได้ยังไง?”

“พูดไปเรื่อย...จะให้ไปถุยน้ำลายใส่สู้กับปืนของมันเรอะ”

พวกโจรเมื่อได้เงินก็เดินมารวมกัน  และถอยออกทางประตู

“หมอบลง?...แล้วห้ามขยับ...”เจ้าคนหนึ่งสั่งแล้วพากันหนีออกไปทางประตู

“พี่?ตำรวจมา”

มีเจ้าโจรอีกคนถือปืนวิ่งตามเข้ามาสมทบท่าทางจะเป็นคนขับรถพาหนี  มันบอกถึงเหตุการณ์ข้างนอก  ได้ยินเสียงหวอรถตำรวจลั่น  พวกมันทำท่าตกใจ  ขณะที่ทุกคนก็ยังหมอบไม่กล้าขยับ

“ตายโหงแล้วทำไงกันดีวะ?  พ่อมึงมากันอย่างนี้  ผิดแผนๆได้ยังไง”

พวกมันถอยกลับเข้ามาและสั่งทุกคนให้หมอบอย่างเดิม  มันเดินงุ่นง่านปรึกษากันต่างๆนานา  และมองออกไปทางกระจกด้านหน้าเป็นระยะๆ

“โฮ้...บ้านนอกขนาดนี้ทำไมตำรวจมันเยอะจัง?”

“ยิงฝ่าวงล้อมออกไปเลยไหม?”

“บ้าเรอะมึง? ทำเป็นหนัง จอนห์ วู ไปได้  จะได้ถูกยิงตายห่าหมู่นะสิ”

ขณะที่พวกมันกำลังปรึกษากันอยู่นั้นเสียงบอกผ่านจากโทรโข่งของตำรวจก็ดังเข้ามา

“คนข้างในจงฟัง...ขณะนี้กำลังของเจ้าหน้าที่ตำรวจล้อมไว้หมดแล้ว  จงวางอาวุธ  ปล่อยผู้บริสุทธ์ออกมา  และออกมามอบตัวซะ  เราไม่อยากให้เกิดการสูญเสียชีวิต”

พวกโจรเดินกันงุ่นง่ามข้างใน  ต่างเถียงและต่อว่ากัน

“เอาไงดีวะ?  แม่งเดินสายมาปล้นถึงบ้านนอกขนาดนี้ยังจะพลาดได้”

“เพราะมึงแหละ  เสือกไม่ดูให้ดี  ธนาคารมันอยู่ห่างโรงพักแค่ข้ามถนนนี่เอง  กูบอกแล้วว่าอย่ามาปล้น  ไม่เชื่อกูเลยเป็นอย่างนี้”

“ก็เขาบอกที่อันตรายที่สุดคือที่ปลอดภัยที่สุดนี่  กูเลยเลือกที่นี่”

“แล้วกูโง่หรือปัญญาอ่อนวะนี่  ที่ไปให้มึงวางแผนปล้น”เจ้าคนหนึ่งบ่น

“แล้วเอาไงดีละพี่?”

“สู้ตายโว้ย...เรามีตัวประกันเยอะนี่  โดยเฉพาะไอ้นี่...”

พวกมันกวาดตามองไปทั่วและเดินมาดึงคอเสื้อของผมให้ลุกขึ้นมา

“แม่งตัวใหญ่ชิป...ลุกขึ้นมา  ไอ้ผู้ใหญ่”

ผมยกมือชูขึ้นและเดินนำหน้าตามที่มันสั่ง  มันให้ผมออกมาหน้าประตู  พอออกมาพวกตำรวจก็ขยับอาวุธและมีท่าทีตื่นเต้น

“เฮ้ย....พวกกูมีตัวประกันเยอะนะโว้ย  อย่าบุกเข้ามานะ  ไม่งั้นกูจะฆ่าตัวประกันให้หมด  ไปเอาเฮลิคอบเตอร์มารับพวกกูหนีไปเดี๋ยวนี้  เร็ว  ไม่งั้นกูจะเริ่มฆ่าตัวประกัน  ถ้าไม่ทำตามที่พวกกูขอกัน”

“โอโฮ...นี่มึงขอเฮลิคอบเตอร์หนีเลยหรอ?  แล้วบ้านนอกอย่างนี้เขาจะไปเอาที่ไหนมาให้มึง ขอมากไปอ่ะเปล่า?”ผมบอกเตือนสติมัน

“เงียบไปเลยนะมึง  หน้าที่ของมึงเป็นตัวประกันนะ”เจ้าโจรมันดุผม

“ตกลง...แต่อย่าทำอะไรตัวประกันนะ”นายตำรวจที่นำทีมมาจับกุมตะโกนรับปากมา”แต่ขอเวลาพวกเราติดต่อกองบัญชาการก่อน”

“ได้?  พวกกูให้เวลา 10 นาที”

เจ้าโจรยอมรับข้อเสนอแล้วพาผมเข้ามาข้างใน  และไล่ไปรวมกับพวกตัวประกันอื่นๆ   ผมมองหาโสภาก็ถอนหายใจที่เห็นเธอยังนั่งตัวสั่นอยู่ที่เดิม  ผมเงยหน้าไปสบตายิ้มให้และผงกหัว  โบกมือว่าปลอดภัย  แต่ผมก็ต้องสะดุ้งเมื่อถูกจิกผมให้ลุกขึ้นมา

“กูบอกให้อยู่เฉยๆ  มึงทำไมไม่ฟัง  ส่งซิกให้ใคร  ส่งให้ตำรวจเรอะ?”

มันคนหนึ่งเดินเข้ามาจับคอเสื้อของผมให้ลุกขึ้นและเอาปืนจ่อหัวถาม

“เปล่า?ไม่ได้ทำอะไรเลย  แค่?”

“แค่อะไร?”มันตวาดถาม  แล้วหันไปเจอเด็กสาวร่างเล็กนั่งตัวสั่นอยู่”อ้อ?...ห่วงอีเด็กนี่หรอ  ลูกสาวของมึงรึไง?”

“เฮ้ยอย่าไปยุ่งกับน้องโสนะ  ถ้าพวกมึงแตะต้องเธอละก้อ....”ผมร้องห้ามแต่พูดได้แค่นั้น

“ทำไม? ถ้าพวกกูแตะต้องแล้วมึงจะทำไม”มันทำท่ามีอารมณ์โมโห  แล้วหันเอาปืนมาจ่อผม

“ทำไม? มึงจะทำอะไรกู  เขาลือว่ามึงเก่งจังเลย  ปราบโจรผู้ร้ายมานับไม่ถ้วน  ตอนนี้มึงเก่งให้กูดูหน่อยดิ”

มันท้าทายในสภาพที่เป็นต่อผม  และผมได้แต่ยืนนิ่งให้มันถากถาง

“กูจะลองปล้ำอีเด็กนี่ต่อหน้ามึง  ดูซิ?  มึงจะทำอะไรได้”

“เฮ้ย?อย่านะ  น้องโสยังเด็กอยู่  พวกมึงอย่าทำอะไรน้องโสนะ”ผมพยายามขอร้องพวกมัน

“กูจะทำ...มึงจะทำไมกู?  เอาโว้ยข่มขืนเด็กโชว์ต่อหน้าผู้ใหญ่ แหนบทองหน่อยโว้ย...ฮ่า  ฮ่า  ฮ่า  ฮ่า.....”

แล้วมันก็เดินไปลากตัวของสาวน้อยที่มีทีท่าตื่นตระหนกมายืนต่อหน้าผม

“ตกลงอีเด็กนี่เป็นอะไรกับมึง?  ลูกสาวรึ?   ก็ไม่น่าใช่?  หน้าตาไม่เห็นเหมือนมึงเลย  เมียของมึงรึเปล่า?  ท่าทางจะใช่  แหมมึงนี่  เอาเด็กทำเมียเลยนะ  ฮ่า  ฮ่า  ฮ่า  ฮ่า...”

“กูขอเตือนนะ?  มึงอย่ายุ่งกับน้องโสนะ  ไม่งั้นกูเอามึงตายแน่”ผมชักเก็บอารมณ์ไม่อยู่

“มึงนึกว่ามึงเป็น จา พนม หรือไง  พวกกู 4 คนมีปืนครบมือ มึงจะสู้ได้หรอ?”

“ปล่อยกู...ไอ้พวกวรนุชหน้ามืด”ผมพยายามดิ้นแต่เจอด้ามปืนตบเข้าที่ขมับจนล้มทั้งยืน

 “แหมทำเก่ง?  เฮ้ยพวกมึงคุมตรงนี้ไว้ดีๆ  ระหว่างรอ เฮลิคอบเตอร์  พวกเรามาจุดเทียนเวียนวน อีเด็กนี่ฆ่าเวลาดีกว่า”

เจ้าคนพูดฉุดข้อมือของสาวน้อยแล้วลากตัวไปทางหลังเคาเตอร์   ส่วนผมถูกเหยียบหลังจ่อท้ายทอยด้วยปืน  สาวน้อยดิ้นสุดฤทธ์ไม่ยอมไปด้วย

“พวกมึงนี่มันสุดยอดเลย  เข้ามาปล้นกลางวันแสกๆยังไม่พอ  ตำรวจล้อมจับ  พวกมึงก็ยังมีอารมณ์จะล่อผู้หญิงอีก  พวกมึงนี่..แม่ง...โหด – เลว – หื่น จริงๆ”

ผมตะโกนด่าพวกมัน  แต่เจอต่อยเปรี้ยงมาที่หน้าเลยต้องหยุดพูด  เดี๋ยวจะโดนอีก  มันเจ็บน่ะ

“ปล่อยนะ...ปล่อย...พวกแกจะทำอะไรฉัน  ไม่เอา  ไม่เอา  ปล่อยนะ  ปล่อยฉันนะ  พี่ผู้ใหญ่ช่วยโสด้วย”สาวน้อยพยายามสะบัดขัดขื่นแต่ก็ถูกตบจนหน้าหงายลงมานอนกองกับพื้น  อยากจะวิ่งไปช่วยใจจะขาดแต่ทำไม่ได้

“อีนี่  ต้องให้ออกแรง”

....แล้วมันก็เดินมาลากตัวสาวน้อยพยายามพาไปที่หลังเคาเตอร์ให้ได้  แต่เด็กสาวก็ยังดิ้นขัดขืนจนถูกตบอีกฉาด  ลงไปนอนระทวย  มันเดินเข้ามาจิกผมแล้วทำท่าจะตบอีก

“ฤทธ์เยอะนักมึง  กูบอกว่าอย่าขัดขืน  ชอบแบบตบ-จูบใช่ไหม? ”

“เฮ้ย...หยุด?”ผมตวาดและสลัดตัวลุกขึ้นยืน  มองพวกมันตากร้าว”พอได้แล้ว  พวกมึงได้เงินและตำรวจจะเอา ฮ. มารับแล้วก็น่าจะพอ  พวกมึงจะทำร้ายเด็กทำไม?  มันจะเกินไปแล้วนะโว้ย...”

“อ้าว?ทำเก่งนะเมิง....ยิงทิ้งแม่งเลยดีไหมเนี่ย  กูจะได้ชื่อว่าเป็นคนฆ่าผู้ใหญ่คนดังนี่  สร้างเครดิทให้กูด้วย?”

มันหยุดมือแล้วเดินตรงดิ่งยกปืนเล็งมาหาผม  แต่แล้วมันก็เหยียบกระบองยามหน้าทิ่มคะมำลงนอนวัดพื้น

“เฮ้ย?...อะไรวะ?”พวกมันสองคนที่คุมตัวของผมอุทานและเผลอหันไปมองด้วยความตกใจ

จังหวะนั้นผมก็จับข้อมือที่ถือปืนของเจ้าคนหนึ่งแล้วบิดจนปืนหล่นก่อนจะชกเข้าเต็มๆหน้าจนมันหงายท้องลงไปนอน  แต่ผมเจ็บมือชะมัด เจ้าโจรอีกคนที่ยังตะลึงแต่หันปืนจะมายิงก็ถูกผมเตะเข้าที่หว่างขา  มันตาค้างตัวงอทรุดลงนอนหงายไป  เจ้าคนที่ปล้ำสาวน้อยยังนอนอยู่ที่เดิม  ผมวิ่งเข้าไปเตะเต็มๆตรงก้านคอ  มันปลิวไปกระแทกเคาเตอร์ตกลงมาแน่นิ่งหันไปดูรอบๆก็พบว่ามันหมอบนิ่งกันหมด  ยกเว้นไอ้คนโดนเตะที่เป้ามันนอนกุมเป้าบิดตัวร้องโหยหวน  พอจัดการพวกมันสามคนเรียบร้อยในเวลาชั่วอึดใจอย่างที่ตัวผมเองก็งงๆว่าทำไปได้อย่างไง  ผมก็รีบวิ่งเข้าไปประคองสาวน้อยที่นั่งร้องไห้ตัวสั่นด้วยความหวาดกลัวทันที

สาวน้อยสะอึกสะอื้นโผเข้ากอดผมแน่น  ผมเองก็กอดเธอและลูบที่เส้นผมนุ่มๆเพื่อปลอบโยน  แหมท่าจะกลัวมาก  ดูสิตัวสั่นเลย  เฮ้อ...เด็กหนอเด็ก

“ไม่เป็นไรแล้วน้องโส  ปลอดภัยแล้ว”

“ฮือ  ฮือ  ฮือ  ฮือ  ฮือ  ฮือ  โสกลัวจังเลย  โสกลัวจริงๆ  พี่ผู้ใหญ่ ฮือ  ฮือ ฮือ ฮือ ฮือ....”

“ปลอดภัยแล้วจ๊ะน้องโส  นิ่งซะ  พี่อยู่นี่  ไม่มีใครทำอะไรน้องโสได้แล้ว....”

“ผู้ใหญ่ระวัง  ข้างหลัง?”

เสียงตะโกนเตือนมาจากกลุ่มตัวประกันแต่ช้าไป

ผมถูกทุบด้วยพานท้ายปืนเข้าที่ท้ายทอย  มึนงงจนทรุด  และเงยหน้ามาก็เห็นพวกมันอีกคนเอาปืนจ่อผมไว้  และมองพวกมันที่นอนระเนระนาด  ผมลืมไปว่าพวกมันมีกันสี่คน  ท่าทางไอ้คนนี้คงจะไปดูต้นทางแล้วเพิ่งกลับมา

“ร้ายนักนะไอ้ผู้ใหญ่   พวกกูประมาทมึงไปหน่อย  เลยเสียท่าอย่างนี้  กล้าทำร้ายเพื่อนของกูเรอะอย่าอยู่เลยมึง”

แต่ก่อนมันจะยิงสาวน้อยก็เข้ามาขวางไว้”อย่ายิงพี่เขานะ  อย่าทำอะไรเขานะ”

“หลบไปอีหนู?  กูไม่อยากฆ่าเด็ก  หลบๆๆหลบไป...”มันร้องบอก  แต่โสภาก็ไม่ถอยและไม่หลบ”ถ้าจะเอาอย่างงั้น...ก็ตายก่อนมันละกัน”

พอมันทำท่าจะเหนี่ยวไกปืนผมก็ดึงตัวโสภามาและหันหลังเอาตัวไปรับลูกปืนแทน  สองมือกอดร่างของสาวน้อยไว้แน่น  หลับตาเกร็งตัวเตรียมตัวรับแรงเจาะทะลวงของลูกปืน  แต่............ ผมได้ยินเพียงเสียงดังปึ๊ก......เสียงเหมือนเนื้อถูกวัตถุแข็งๆกระแทกใส่หนักๆ เสียงล้มตึง  และเงียบไป  ผมยังกอดร่างของเด็กสาวอยู่  แต่เมื่อเสียงเงียบผมก็ค่อยๆคลายวงแขนแล้วหันไปดูไอ้คนจะยิงผม  ก็เห็นมันนอนนิ่งท่าทางสลบเหมือด  มันโดนอะไร?  แต่ไม่ทันจะหายสงสัย  สาวน้อยก็กอดตัวผมและซุกเบียดเข้ามาแน่นร้องไห้ระล่ำระลักด้วยความหวาดกลัว

“พี่ผู้ใหญ่ขา...โส....กลัวค่ะ....กลัวจริงๆ....ฮือ  ฮือ  ฮือ ฮือ......”

“มันสลบไปแล้ว  มันทำอะไรเราหรือใครไม่ได้อีกแล้ว  เราปลอดภัยแล้ว.....”

“ฮือ ฮือ ฮือ ฮือ  ฮือ....โสกลัวจริงๆ  มันจะข่มเหงโสด้วย  พี่ผู้ใหญ่อยู่ใกล้ๆโสนะ....ฮือ ฮือ ฮือ ฮือ  ฮือ...”

“โอ๋....โอ๋....ขวัญมานะจ๊ะ  อย่าตกใจ.....”

ผมกอดแล้วปลอบโยนสาวน้อยที่ขวัญหายในเหตุการณ์  แต่ผมก็ยังงงๆว่าเกิดอะไรขึ้น  ทว่าพวกชาวบ้านที่เป็นตัวประกันต่างลุกขึ้นปรบมือกันทุกคน  และสรรเสริญผมกันถ้วนหน้า  ตำรวจบุกเข้ามาเจอพวกคนร้ายนอนระเกะระกะก็เข้ากุมตัวออกไป   เสียงชาวบ้านชื่นชมผมเซ็งแซ่

“เก่งจริงๆผู้ใหญ่  แหม.....ปราบโจรสี่คนด้วยมือเปล่า  ทำได้ยังไง  ได้เห็นกับตาถึงเชื่อ..”

“โอ้โฮ้...สุดยอดเลยผู้ใหญ่  เคยฟังแต่เขาเล่ามา  เพิ่งได้เห็นกับตา  ยอดเยี่ยมจริงๆ  สมคำเล่าลือ”

“แหม?ตอนแรกคงแกล้งทำให้คนร้ายตายใจละสิ  แล้วมาหลอกจัดการรวบยอดทีหลัง  อมภูมิจริงๆ  นับถือๆๆๆ......”

“สมกับเป็นผู้ใหญ่ในตำนานจริงๆ  สุดยอดๆๆๆๆ”

และอีกสารพัดคำชมฯลฯ

ผมประคองกอดร่างสาวน้อยที่ยังตัวสั่นขวัญหายออกมาจากในธนาคาร  ตำรวจต้องมาช่วยกันนักข่าวและพาผมขึ้นรถไปโรงพยาบาลเพื่อตรวจร่างกาย  ก่อนจะพามาให้ปากคำที่โรงพัก  เมื่อเรียบร้อยก็พาผมมาส่งตรงที่รถผมจอด  ตำรวจต่างชมเชยผมเป็นการใหญ่  ได้ผลงานไม่รู้ตัวอีกแล้ว...ช่างมันเหอะ  แต่รางวัลก็คุ้มนะ  ได้กอดร่างสาวน้อยคนนี้แนบชิดเชียว  แหมเนื้อตัวของเด็กคนนี้มันนิ่ม  น่าบีบเค้นจริงๆ  อ้าววว  มีอารมณ์อีกแล้ว....

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
10 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

อ่านนิยายเรื่องอื่น

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา