[B2ST/Beast] Dream Story รักนี้ให้นาย...เจ้าชายอสูร
8.9
เขียนโดย Kreota
วันที่ 19 กรกฎาคม พ.ศ. 2556 เวลา 00.14 น.
87 ตอน
86 วิจารณ์
113.65K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 11 ตุลาคม พ.ศ. 2557 22.21 น. โดย เจ้าของนิยายฟิคชั่น
83) [Episode 6 :: Lie Lover] # Chapter 15
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความEpisode 6 Lie Lover
:: Chapter 15 ::
ฉันมองดวงตาคู่นั้นพร้อมกับน้ำตาที่เริ่มรื้อขึ้นมา ถึงมันจะทำให้ภาพตรงหน้าพร่ามัวขนาดไหนแต่ฉันจะไม่ยอมละสายตาไปจากดวงตาคู่นี้เพราะฉันกลัว...กลัวว่ามันจะหายไปอีก
“เฮ้ยๆ นานไปแล้วแก” จุนฮยองเดินเข้ามาล็อกคอกีกวังออกไปเป็นเชิงแซวๆ พอล่ามแปลให้แฟนคลับฟังเท่านั้นแหละเรียกเสียงกรี๊ดจากแฟนคลับได้อีกระรอกใหญ่ๆ เลยทีเดียว และเพราะเสียงของแฟนคลับนี่แหละทำให้ฉันหลุดจากภวังค์แล้วรีบกลั้นน้ำตาเอาไว้
จริงสินะ...ตอนนี้ฉันกำลังเล่นเกมอยู่ จะให้เขามองฉันด้วยสายตาเย็นชาได้ยังไง แฟนๆ คงอดฟินกันแน่ๆ ถ้าเกิดเขาทำแบบนั้น
“เราได้อันดับ 1 แล้วครับนั่นคือคู่ของกีกวัง อันดับสองคือคู่ของดูจุน และอันดับ 3 คือ...คู่ของจุนฮยอง...ต้องขอบคุณน้องๆ 3 คนที่เหลือด้วยนะครับที่มาร่วมสนุก” พอพิธีกรจัดแจงส่งแฟนคลับที่ไม่ผ่านเข้ารอบ 3 ลงจากเวที ล่ามก็เข้ามาทำการอธิบายเกมที่ 2 ให้บีสท์ฟังไปพลางๆ เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา ฉันแอบได้ยินมาว่าจะให้ยืนสับหว่างกันระหว่างบีสท์กับแฟนคลับ แล้วให้จับฉลากคำสั่งและทำตาม แฟนคลับคนไหนทำไม่ได้ก็จะตกรอบทันที
“เอาล่ะครับ มาถึงเกมถัดไปกันเลย เราจะให้บีสท์ยืนสับหว่างกันกับแฟนคลับทั้ง 3 คนนะ ส่วน 3 คนที่ตกรอบก็มายืนข้างๆ ผมเลย” โยซอบ ดงอุนและฮยอนซึงเดินไปยืนอยู่ข้างๆ พิธีกร และปล่อยให้ผู้ชนะอย่างกีกวัง จุนฮยองและดูจุนยืนเล่นเกมอยู่ตรงกลางเวทีต่อ
“อ้าว มันต้องใช้ 4 คนนี่นา งั้นรบกวนให้โยซอบไปยืนปิดท้ายแถวแล้วกันครับ” พิธีกรจัดแจงให้โยซอบมายืนปิดท้ายแถว ตอนนี้ก็จะเป็นจุนฮยอง / แฟนคลับ / ดูจุน / แฟนคลับ / กีกวัง / ฉัน / โยซอบ เรียงกันตามลำดับ
“เอาล่ะครับ ทีมงานแจกคำสั่งเลยครับ” ทีมงานส่งแก้วน้ำมาให้ฉัน ในนั้นมีสลากใบเล็กๆ ม้วนหลวมๆ ประมาณ 4-5 ใบ ฉันเลือกหยิบมาเปิดอ่าน 1 ใบ ในนั้นเป็นภาษาเกาหลี พอได้อ่านข้อความในนั้นแล้วฉันถึงกับลืมหายใจเลยทีเดียว!
…กอดคนที่อยู่ด้านขวาของคุณ…
ค่ะ! นี่คือคำสั่ง...U_U
“ใครคิดคำสั่งเนี่ย อิอิ” โยซอบซึ่งยืนอยู่ด้านซ้ายของฉันพูดไปยิ้มไป ระหว่างที่รอให้ล่ามมาอ่าน
“ที่เราใช้เป็นภาษาเกาหลีเพราะว่าเราจะให้บีสท์ที่ยืนอยู่ข้างๆ ทำใจก่อนน่ะครับ ฮ่าๆๆๆ” พิธีกรอธิบายขณะที่เอากระดาษไปให้ล่ามช่วยแปลคำถามให้ผู้ร่วมงานฟัง
“คำสั่งมีอยู่ว่า กอดคนที่อยู่ด้านขวาของคุณ ค่ะ”
“กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด...” เสียงกรี๊ดลากยาวอย่างรุนแรงดังขึ้น จนฉันรู้สึกประหม่าขึ้นมามากกว่าเดิม
“ทำไมน้องไม่เห็นตกใจเลยล่ะ อ่านคำสั่งออกด้วยหรอ” พิธีกรถามก่อนจะจ่อไมค์มาให้ฉันพูดบ้าง
“ก็...อ่านภาษาเกาหลีออกนิดหน่อยน่ะค่ะ” ฉันพูดอย่างถ่อมตัวแล้วยิ้มน้อยๆ ให้กับพิธีกร
“เอาล่ะ...น้องแฟนคลับคนนี้จะกล้าไหม หรือว่าจะกลับบ้านไปมือเปล่าโดยไม่มี Box set นะ” พิธีกรพูดเพื่อกระตุ้นต่อมความกระหายกับแฟนคลับซึ่งมันไม่ได้ผลกับฉัน เพราะฉันไม่ใช่แฟนคลับของบีสท์ฉันเลยไม่ได้เดือดร้อนอะไร แต่ถ้าฉันไม่ทำนี่สิมันคงดูแปลกน่าดู
ถ้าเกิดมีคนมาบอกคุณว่า ‘กอดกีกวังสิ’ มีผู้หญิงที่ไหนไม่เอาบ้างล่ะ หรือว่าคุณจะไม่เอา?
“เอ้าพวกเรา! ช่วยกันนับ...สาม...”
เสียงนับถอยหลังมันบีบหัวใจฉันจริงๆ เอายังไงล่ะยัยฝน...เธอจะกอดหรือว่าจะกลับบ้านไปทั้งอย่างนี้...>_<!
“...สองงงงงง!!”
หมับ!
ระหว่างที่ฉันกำลังลังเลอยู่นั้นก็เกิดเรื่องแปลกประหลาดขึ้น ไม่ได้มีอุกกาบาตลง ไม่ได้มี UFO มาปล่อยลำแสง แต่...กีกวังดึงฉันเข้าไปกอดท่ามกลางสายตานักข่าวและแฟนคลับนับพัน!
“กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด!!!”
“ไม่นะ!!!”
“กีกวังงงงงงงงงงงงงงงงงง!!!”
เสียงร้องเรียกด้วยความขัดใจบวกกับเสียงกรี๊ดแบบสุดฟินของแฟนคลับมันระเบิดขึ้นมาทันทีที่กีกวังกอดฉัน แต่ถึงจะดังขนาดไหนมันก็ไม่ได้ดังไปมากกว่าเสียงหัวใจของฉันที่มันกำลังเต้นอยู่ตอนนี้
กีกวัง...นายกำลังทำให้ฉันคิดเข้าข้างตัวเองมากกว่าเดิมแล้วนะ
“ว้าว!! สุดยอดดดด” เสียงพิธีกรดังขึ้นมาอีกคน
“กีกวัง...” ฉันเรียกชื่อกีกวังเบาๆ ก่อนจะกอดตอบเขาบ้าง ความรู้สึกอบอุ่นและปลอดภัยในคราวเดียวกันแบบนี้มันเคยเกิดขึ้นมาแล้ว...ตอนอยู่ที่เกาหลี เขาเคยช่วยฉันหลบซอลทังด้วยวิธีนี้
น้ำตาที่ฉันพยายามกลั้นเอาไว้ตลอดเวลาที่ทำกิจกรรมค่อยๆ ไหลออกมา ฉันไม่สามารถเก็บมันไว้ได้อีกแล้ว ความอบอุ่นที่เขามอบให้มันทำให้ความรู้สึกเจ็บปวดของฉันถูกปลดปล่อยออกมาอย่างไม่อายใคร กีกวัง...นายรู้ใช่ไหมว่าฉันกำลังเจ็บปวดอยู่
“ขอโทษนะ...” กีกวังกระซิบที่ข้างหูฉันเบาๆ ก่อนที่เขาจะกระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้นอีกจนร่างกายของเราแทบจะหลอมเข้าไปด้วยกัน ความรู้สึกอึดอัดที่เกิดจากอ้อมแขนแข็งแกร่งไม่ได้ทำให้ฉันรู้สึกอยากผละออกจากเขาเลย
“กีกวัง...ฮือ...” ฉันสะอื้นอยู่ในอ้อมกอดของกีกวังอย่างไม่สนใจใคร จนกระทั่งความรู้สึกชาวาบที่เกิดขึ้นทำให้ต้องชะงักและทิ้งตัวไปกับกีกวัง...นี่ฉันกำลังจะเป็นลมหรอ!
ความรู้สึกมันเป็นแบบ...สะลึมสะลือ ครึ่งหลับครึ่งตื่นยังไงบอกไม่ถูก ร่างกายชาวาบและเย็นเฉียบไปทั่วทั้งตัว แต่ทว่าเหงื่อกลับไหลออกมาจนเปียกโชก...
“เฮ้ย! น้องเขาเป็นลม พาออกไปเร็ว!” เสียงพิธีกรสั่งการดังลอยเข้ามาในหู แต่มันฟังดูเหมือนเป็นเสียงที่ห่างไกลออกไปหลายกิโล...
ภาพความวุ่นวายต่างๆ เริ่มพร่ามันขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งภาพสุดท้ายที่ฉันเห็นก่อนที่ตาจะปิดลงคือ กีกวังเป็นคนอุ้มฉันลงมาจากเวที!
“คุณหนู!...คุณหนู ฟื้นแล้วหรอครับ” เสียงของคุณอธิสดังเข้ามาในหู ทำให้สติของฉันเริ่มกลับเข้ามารวมในร่างอีกครั้ง ความรู้สึกเย็นวาบๆ ผ่านตัวและกลิ่นฉุนจากยาหอมที่ลอยมาเตะจมูกทำให้ฉันต้องลืมตาขึ้น
“ปลายฝน เธอไปทำอีท่าไหนถึงเป็นลมเนี่ย” คุณมินนาพูดขึ้นทันทีที่ฉันเปิดเปลือกตาขึ้น ก๊อซผืนเล็กๆ ที่ติดไว้บนหน้าผากด้านซ้ายของเธอทำให้ฉันสะดุดตา
“ฉันไม่ได้เป็นไรมาก ก็เลยขอคุณหมอออกจากโรงพยาบาล” คุณมินนาบอก คงเห็นว่าฉันกำลังมองแผลของเธออยู่สินะ
“อาการเป็นยังไงบ้างครับคุณหนู ไปหาหมอไหม” คุณอธิสถามด้วยสีหน้าที่ดูกังวลมาก
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ฉันไหว” ฉันบอกก่อนจะดันตัวลุกขึ้นนั่งบนโซฟา ตอนนี้ฉันไม่มั่นใจว่าอยู่ที่ไหน แต่จากที่ดูสภาพห้องฉันเดาว่าคงจะเป็นห้องแต่งตัวด้านหลังเวทีเพราะว่ามีทั้งเครื่องสำอาง และเสื้อผ้ามากมายแขวนอยู่ รวมทั้งเสียงของพิธีกรชายคนเดิมที่ยังดังมาให้ได้ยินทำให้ฉันมั่นใจว่ายังอยู่ในสถานที่จัดงานอยู่
“แล้วบนเวทีเป็นยังไงบ้างคะ วุ่นวายกันมากไหม” ฉันรีบถามเหตุการณ์ที่จำได้ล่าสุดทันที จำได้ว่าฉันเป็นลมบนเวทีนี่นา!
“ไม่มีอะไรหรอกครับ พิธีกรบอกว่าคุณหนูคงตื่นเวทีแถมโดนดารากอดก็เลยยิ่งตื่นเต้นเป็นลมไป” คุณอธิสบอก
“อ๋อ นึกว่าจะทำให้งานล่มซะแล้ว”
“ฉันว่าเธอรีบกลับก่อนดีไหม ถ้าเกิดงานเลิกแล้วจะยิ่งกลับยากนะนักข่าวคงตามหาเธอให้ควักเลย” คุณมินนาเสนอ
“นั่นสิครับ กลับกันเถอะ”
“งั้นก็ได้ค่ะ ฉันไม่อยากให้เรื่องมันวุ่นวายไปมากกว่านี้เหมือนกัน” ฉันบอกแล้วเดินออกมาจากห้องนั้นโดยมีคุณมินนาและทีมงานอีก 2 คนเดินออกมาส่ง ระหว่างที่เดินออกมาก็ถึงคิวของบีสท์ร้องเพลงโชว์พอดี รู้สึกว่าจะเป็นเพลงเดี่ยวของโยซอบบีสท์คนอื่นน่าจะได้ลงมาพักนะ
ระหว่างทางที่เดินออกไป ฉันใจเต้นรัวไม่เป็นจังหวะอีกครั้งเมื่อคิดว่าจะได้เจอกีกวังก่อนกลับ แล้วความปรารถนาของฉันก็เป็นจริง บีสท์ที่เหลือกำลังเดินมาทางนี้แต่รู้สึกว่าพวกเขายังไม่เห็นว่าฉันอยู่ตรงนี้เพราะว่าฉันอยู่ตรงมุมที่เป็นทางแยกระหว่างทางออกกับทางขึ้นเวทีพอดี พูดง่ายๆ คือตอนนี้ฉันอยู่ในมุมอับที่พวกเขามองไม่เห็น
“นี่แกตัดสินใจเรื่องปลายฝนได้แล้วใช่ไหม” ดูจุนถามขณะที่เดินเข้ามาใกล้กับจุดที่ฉันอยู่เรื่อยๆ
“ตัดสินใจอะไร” กีกวังถามเสียงเรียบ
“อ้าว ก็เรื่องที่แกจะลุยต่อหรือว่าจะถอยไง”
“กอดกันกลมกลางสาธารณะชนขนาดนั้น คงไม่ต้องถามแล้วมั้ง” เสียงจุนฮยองดังเสริมขึ้นมาอีกคน ความรู้สึกร้อนๆ ที่ใบหน้ามันทำให้ฉันต้องก้มหน้ามองพื้นอย่างช่วยไม่ได้ -////-
“นั่นสิ กล้ามากนะแก” ฮยอนซึงเสริมขึ้นมาอีกคน
“พอได้แล้วน่า” กีกวังสบถอย่างหัวเสีย
“อะไร อารมณ์เสียกลบเกลื่อนว่างั้น?” จุนฮยองพูดขึ้น ระหว่างที่พวกเขาเดินมาถึงจุดที่ฉันยืนอยู่พอดี
“ก็แค่แฟนเซอร์วิสเท่านั้นแหละน่า...”
“ปลายฝน!” ดูจุนทักก่อนที่กีกวังจะพูดได้จบประโยค แต่ถึงเสียงเพลงของโยซอบและเสียงของดูจุนจะดังมาก ฉันก็ได้ยินสิ่งที่กีกวังพูดอย่างชัดเจน!
“จะกลับแล้วหรอ กลับดีๆ นะ” กีกวังพูดแล้วเดินแยกไปห้องแต่งตัวด้วยท่าทางสบายๆ ใจฉันกระตุกวูบไปอีกทีกับคำพูดของเขา...ฉันนึกว่าเขาจะตกใจมากซะอีกที่ฉันยืนอยู่ตรงนี้และได้ยินสิ่งที่เขาพูด แต่เปล่าเลย...เขาไม่ได้รู้สึกอะไรสักนิด!!
“อ้าวเฮ้ย!” ดงอุนร้องออกมาเป็นคนแรก
“เอ่อ...” ดูจุนพยายามจะเข้ามาอธิบายอะไรสักอย่าง ฉันเลยยกมือขึ้นห้ามก่อนจะเดินออกมาเลย ฉันพูดอะไรไม่ออกอ่ะ มันตื้อไปหมดจน...พูดไม่สามารถพูดอะไรออกมาได้เลย
“คุณหนู...” เสียงเรียกของคุณอธิสดังมาตามมาเบาๆ แต่ฉันยังไม่อยากหันไปพูดกับเขาตอนนี้ ฉันเลยเดินไปข้างหน้าอย่างเดียวโดยไม่ได้สนใจ
พลั่ก!
“อุ้ย! นี่เธอ!! เดินดูตาม้าตาเรือหน่อยสิยะ!” มีแรงกระแทกที่ไหล่ก่อนที่เสียงแหลมๆ ของผู้หญิงคนหนึ่งจะดังเข้ามาในหู ฉันหันไปก้มหัวลงนิดหน่อยเป็นการขอโทษแล้วเดินต่อมาเรื่อยๆ
ฉันสับสน...สรุปแล้วแบบไหนเป็นตัวตนของกีกวังกันแน่ เป็นแบบน่ารัก สดใสยิ้มง่ายอย่างที่ฉันเคยรู้จักจริงๆ รึเปล่า หรือว่าเย็นชาและเลือดเย็นแบบนี้...ฉันสับสนไปหมดแล้ว ถ้าเกิดนี่เป็นตัวตนที่แท้จริงของเขา งั้นที่ผ่านมาเขาก็คงโกหกเก่งมากๆ เลยที่ทำให้ฉันเชื่อสนิทใจว่าเขาเป็นคนดีและอบอุ่นขนาดนั้น
จริงสินะ! ฉันหลอกเขาตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอกันนี่ งั้นก็คงไม่แปลกที่เขาจะหลอกฉันกลับบ้าง มันก็จบแบบแฟร์ๆ แล้วนี่นา..
พลั่ก!
“นังนี่! เดินยังไงเนี่ย”
พลั่ก!
“โอ้ย! เห็นไหมฉันไม่ทันได้ถ่ายรูปช็อตเด็ดเลยยัยเง๊อะเอ้ย!!”
แรงกระแทกที่ไหล่ซ้ำแล้วซ้ำเล่าและคำก่นด่าที่ดังมาเป็นระรอก มันไม่ได้ทำให้ฉันสะทกสะท้านเลย มันกลับยิ่งเสริมแรงให้ฉันอยากเดินไปข้างหน้าเรื่อยๆ เพื่อหนีจากความรู้สึกแย่ๆ เหล่านี้
“คุณหนู!!! มีสติหน่อยสิครับ” เสียงของคุณอธิสดังอยู่ใกล้ๆ พร้อมกับการเขย่าอย่างแรงจนตัวโยกไปมา ฉันค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมองคุณอธิสที่ยืนอยู่ข้างหน้าด้วยม่านน้ำตาที่เริ่มรื้อขึ้นมาอีกครั้ง
“คุณอธิส...ยังตามมาอีกหรอคะ”
“ก็คุณเป็นแบบนี้จะไม่ให้ตามได้ยังไง”
“ฉัน...เหนื่อยจังเลยค่ะ...” ฉันพูดได้แค่นั้นก่อนที่น้ำตาจะไหลออกมา
“ฉันเหนื่อยแล้ว...” ฉันพูดพร้อมกับก้อนสะอื้นที่ถูกเก็บเอาไว้
ตลอดหลายวันที่ฉันคอยตามเขามันไม่มีความหมายเลยใช่ไหม เขาไม่เคยสนใจแล้วก็ไม่เคยรู้สึกอะไรกับฉันเลย...แม้แต่นิดเดียวก็คงไม่! เพราะถ้าเขามีความรู้สึกอยู่บ้างเขาคงไม่ทำกับฉันแบบนี้!
“ฉันไม่ไหวแล้วค่ะ...อึก! ฉันเหนื่อยมากเลย...ฮือๆๆๆ”
“คุณหนู...” คุณอธิสเรียกฉันเบาๆ ก่อนจะดึงฉันเข้าไปกอดไว้ มันยิ่งทำให้ฉันร้องไห้ออกมามากขึ้นกับการปลอบแบบนี้...ความรู้สึกปลอดภัยที่ได้จากคุณอธิสมันช่างต่างจากความอบอุ่นของกีกวังอย่างสิ้นเชิง...
กีกวังนายชอบฉันบ้างไหม...หรือว่าฉัน คิดไปเองคนเดียว นายแค่บอกฉันมาแค่คำเดียวว่า ‘ไม่’ แล้วฉันจะไม่ยุ่งกับนายอีกเลย ฉันสัญญา...
“เอ่อ...ขอโทษนะคะ” อยู่ๆ เสียงของคุณมินนาก็ดังขึ้นมา ทำให้คุณอธิสรีบผละออกจากฉัน
“มีอะไรหรอครับ” คุณอธิสถามขณะที่ฉันกำลังพยายามเช็ดน้ำตาตัวเองด้วยแขนของเสื้อแขนยาวที่พาดคออยู่
“รู้สึกว่าปลายฝนจะลืมของน่ะค่ะ”
“หรอคะ!” ฉันถาม ขณะนั้นก็เพิ่งจะคิดได้ว่าลืมเป้ที่ตัวเองสะพายมาไว้ในห้องแต่งตัว
“จริงๆ ด้วย”
“งั้นเดี๋ยวฉันพาเธอไปเอาเอง...รอแป๊บนึงนะคะคุณอธิส”
“เดี๋ยวผมไปด้วยครับ”
“ไม่เป็นไรค่ะ ฉันว่าคุณเตรียมรถรอดีกว่า นี่งานก็จะเลิกแล้วเดี๋ยวจะยิ่งลำบากนะคะ” คุณมินนาบอกคุณอธิสแล้วจูงมือฉันกลับมาที่เวทีจัดแสดงอีกครั้ง ตอนนี้พิธีกรกำลังให้บีสท์พูดความรู้สึกที่ได้มาประเทศไทยอีกครั้งทีละคน พวกเขาก็ยังคงยิ้มแย้มและเอนเตอร์เทนคนดูต่อไปตามหน้าที่ ส่วนฉัน...ก็ได้แต่ปวดใจที่ได้เห็นรอยยิ้มของกีกวังบนเวที เขากวาดรอยยิ้มไปทั่วให้กับแฟนคลับอย่างน่าอิจฉา
“ไม่ต้องสนใจหรอก ไปเถอะ” คุณมินนาพาฉันเดินเข้ามาหลังเวทีและเข้ามาที่ห้องแต่งตัวห้องนั้น
“นั่นกระเป๋าเธอรึเปล่า” คุณมินนาถามพร้อมกับชี้ไปที่เป้สะพายหลังสีครีมที่วางอยู่บนโซฟา
“อ๋อ ใช่ค่ะ ขอบคุณมากนะคะที่เก็บไว้ให้” ฉันเดินเข้าไปหยิบมันขึ้นมาสะพาย
แกร็ก!!
ระหว่างนั้นเสียงล็อกประตูก็ดังขึ้น ทำให้ฉันต้องชะงักไปก่อนจะค่อยๆ หันไปมองที่ประตูว่ามันเกิดอะไรขึ้น
“คุณมินนา...ล็อกประตูทำไมคะ”
****************************************
มาอัพให้อ่านยามดึกสงัด ฮึๆๆๆ
ยังรอคอยรีดเดอร์มาอ่านแล้วก็รอคอยคอมเม้นเช่นเดิม TOT
ตอนแรกที่แต่งตอนของกีกวังไม่คิดว่าจะยาววววววว...ขนาดนี้ นี่ก็ปาไป Ch.15 แล้ว 555+
แต่จะแจ้งข่าวดีให้ทุกคนทราบว่าตอนต่อไปนั่นก็คือตอนที่ 16 จะจบ Ep.6 แล้วนะคะ
แล้วไรท์จะมี Special อีก 2 ตอนเต็มๆ จะเป็นจุดจบของความบู๊ทั้งหมด
รวมถึงความจริงบางอย่างอีกนิดหน่อยที่ไม่ควรพลาด
ยังไงก็ฝากติดตามอีก 3 ตอนด้วยนะคะ Dream Story จะได้จบบริบูรณ์สักที ^_^
*****************************************
คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8.7 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9.2 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ