[B2ST/Beast] Dream Story รักนี้ให้นาย...เจ้าชายอสูร
เขียนโดย Kreota
วันที่ 19 กรกฎาคม พ.ศ. 2556 เวลา 00.14 น.
แก้ไขเมื่อ 11 ตุลาคม พ.ศ. 2557 22.21 น. โดย เจ้าของนิยายฟิคชั่น
84) [Episode 6 :: Lie Lover] # Chapter 16 <THE END>
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
Episode 6 Lie Lover
:: Chapter 16 ::
THE END
“ฉันแค่...มีอะไรอยากจะคุยกับเธอเท่านั้นเอง” คุณมินนาบอกแล้วเดินเข้ามาใกล้ๆ ฉัน
“แค่คุย ทำไมต้องล็อกประตูด้วยคะ”
“เพราะเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับความปลอดภัยของบีสท์” คุณมินนาพูดพร้อมกับแสดงสีหน้ากังวลใจออกมาอย่างเห็นได้ชัด
“คุณพยายามจะบอกอะไรฉันคะ”
“ตอนนี้ฉันบอกอะไรเธอมากไม่ได้ แต่ฉันอยากขอร้องเธอเรื่องหนึ่ง...เธอห้ามบอกใครว่าเจอมะนาวที่นี่ได้ไหม”
“ทำไมคะ คุณมีอะไรปิดบังอยู่รึเปล่าทำไมถึงบอกใครไม่ได้ล่ะ”
“เพราะเรื่องที่มะนาวมาไทยเป็นความลับสุดยอดน่ะสิ”
“คุณช่วยอธิบายอีกหน่อยได้ไหมคะ ตกลงมันเป็นยังไง”
“ฉันบอกเธอไปแล้วว่าตอนนี้ยังไม่ปลอดภัยพอที่ฉันจะเล่าให้เธอฟังได้ แต่ถ้าเธออยากให้บีสท์และลัสตี้ปลอดภัยเธอต้องเชื่อฉัน!”
คุณมินนาเข้ามาบีบไหล่ฉันเพื่อให้ฉันเชื่อเขา ตั้งแต่ฉันทำงานเป็นช่างภาพตามติดบีสท์มา ฉันเห็นคุณมินนาเป็นผู้จัดการของบีสท์มานานมากแล้ว...ฉันคิดว่าเธอคงไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องร้ายๆ ที่เกิดขึ้นกับบีสท์แน่นอน แต่ทำไมเธอต้องทำตัวลึกลับน่าสังสัยแบบนี้ด้วย
“เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับเรื่องร้ายๆ ที่เกิดกับบีสท์บ่อยๆ รึเปล่าคะ”
“เธอรู้เรื่องนั้นได้ยังไง” คุณมินนามีท่าทางตกใจมากเมื่อฉันถามออกไป
“ฉันก็พอจะมีอิทธิพลอยู่บ้าง คุณก็รู้แล้วนี่ว่าฉันลูกใคร...” ฉันพูดพร้อมกับยืดตัวเองขึ้นนิดหน่อย นี่เป็นครั้งแรกเลยนะเนี่ยที่ฉันภูมิใจในการเป็นลูกสาวมาเฟีย
“ฉันสืบจนรู้มาว่าบีสท์มีศัตรูคู่อาฆาตที่คอยตามก่อกวนมาตั้งแต่เริ่มเดบิวต์ แล้วมันก็หนักขึ้นตอนที่มีลัสตี้เพิ่มขึ้นมา...ข่าวที่ฉันรู้มา จริงไหมคะ?”
“เฮ้อ...ในเมื่อรู้แล้วฉันก็ไม่มีอะไรจะปกปิดแล้วล่ะ เอาเป็นว่าในเมื่อเธอรู้แล้วว่าตอนนี้บีสท์อยู่ในสถานการณ์ยังไงเพราะฉะนั้นฉันขอให้เธอเงียบไว้ก่อน...หวังว่าฉันจะเชื่อใจเธอได้นะ”
“ค่ะ...ฉันยืนยันว่าจะไม่เล่าให้ใครฟัง ส่วนคนของฉันคุณไม่ต้องห่วง ฉันจะสั่งห้ามทุกคนพูดถึงคุณมะนาว”
“ขอบใจนะ ขอบใจจริงๆ ^^” คุณมินนายิ้มออกมาในที่สุด เธอดูผ่อนคลายขึ้นมากกว่าหลายวันก่อนที่เราเจอกัน...แบกภาระหนักอึ้งแบบนี้ไว้คนเดียวคงเหนื่อยใจแย่
“งั้น ฉันขอตัวกลับก่อนนะคะ” ฉันบอกพร้อมกับกระชับเป้ใช้ที่หลังก่อนจะเดินไปที่ประตู
“อย่าเพิ่งไปสิ ฉันยังมีอีกเรื่องจะคุยกับเธอ”
“คะ?” ฉันส่งเสียงพร้อมกับหันเข้ามาในห้องอีกครั้ง
“ฉันคงกลับเกาหลีไป ทั้งที่ยังเป็นแบบนี้ไม่ได้หรอก...เรื่องเธอกีกวังน่ะ”
“เอ่อ...”
“ฉันอยู่กับเด็กพวกนั้นมาตั้งแต่เป็นเทรนนี่ในค่าย พวกเขาก็เปรียบเหมือนน้องชายของฉัน เพราะฉะนั้น ฉันไม่อยากเห็นพวกเขาเสียใจหรือเศร้าใจ...แม้แต่นิดเดียวฉันก็ไม่อยากเห็น บางค่ายในเกาหลี การที่ศิลปินมีแฟนถือว่าเป็นเรื่องที่ผิดมหันต์และเป็นเรื่องต้องห้าม แต่สำหรับฉัน...ฉันไม่ให้มันเป็นอย่างนั้น ฉันไม่ห่วงเลยถ้าในอนาคตพวกเขาจะต้องเสียใจหรือว่าต้องเลิกกัน แต่สิ่งฉันเป็นห่วงก็คือ พวกเขาจะมีความสุขกับชีวิตในปัจจุบันไหมมากกว่า...”
“คุณมินนา...” ฉันเรียกชื่อคุณมินนาเบาๆ เพราะมันเป็นสิ่งเดียวที่ฉันทำได้ในตอนนี้ แววตาของเธอช่างอบอุ่นเกินกว่าที่ฉันจะค้านหรือแทรกการพูดของเธอได้ ความห่วงใยของเธอที่มีต่อบีสท์มันช่างมีมหาศาลจนฉันรับรู้ถึงมันได้อย่างง่ายดาย
“กีกวังรู้สึกผิดมากที่วันนั้นรีบร้อนอุ้มเธอออกมาจากบริษัทโดยไม่ฟังคุณอธิส จนทำให้เธอต้องถูกยิง...เธอสลบไปหลายวันอาการก็ทรุดลงจนน่าเป็นห่วง เขาเลยสัญญากับคุณอธิสว่าจะอยู่ห่างๆ เธอ เพื่อให้เธอปลอดภัยมากขึ้นจากตัวโชคร้ายอย่างเขา และเพื่อให้คุณอธิสได้ดูแลเธอได้อย่างเต็มที่...”
“โง่จริงๆ” ฉันสบถกับตัวเองเบาๆ ความเจ็บปวดแล่นแปล๊บขึ้นมาในใจพร้อมกับม่านน้ำตาเริ่มรื้อขึ้นมาอีกในรอบวัน นี่สินะเป็นเหตุผลที่ทำให้เขาบอกฉันว่า ‘ทำให้เขาเจ็บปวด’ เขาถึงบอกว่าไม่อยากยุ่งกับฉันอีก
“ความรัก...มันทำให้คนเราทำอะไรโง่ๆ ได้เสมอนั่นแหละ” คุณมินนาบอกพร้อมกับแตะที่ไหล่ของฉันเบาๆ “หมอนั่นน่ะอดทนมากที่จะไม่คุยและไม่ติดต่อกับเธอ ทั้งที่ห่วงเธอแทบตายแต่ก็ทำฟอร์มว่าไม่ได้รู้สึกอะไร แต่วันหนึ่งพอรู้ว่ามีโปรเจ็กต์จากประเทศไทยเสนอไปเขาตอบตกลงรับงานแทบจะทันทีโดยไม่ได้ดูด้วยซ้ำว่าที่ตกลงไปมันคืองานออะไร ฮึๆ คิดไปแล้วก็ตลกดีนะ กีกวังไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อนเลย”
“ถ้าเป็นแบบนั้นจริง ทำไมเวลาที่ได้เจอกับฉัน เขาก็ยัง...ทำเหมือนไม่ได้รู้สึกอะไรล่ะคะ”
“เพราะเขาเป็นผู้ชายไง...”
“...”
“ผู้ชายเขารักศักดิ์ศรีจะตาย พูดแล้วเขาไม่ยอมคืนคำง่ายๆ หรอกนะ”
“แต่...”
“ไม่ต้องแต่แล้ว เธอหยุดสร้างข้อแม้ให้ความรักสักทีเถอะ กีกวังทำขนาดนี้อแล้วเธอยังคิดว่าเขาไม่รู้สึกอะไรอยู่หรอ กอดเธอกลางสื่อขนาดนั้นต้องรวบรวมความกล้าขนาดไหนเธอรู้ไหม”
“แต่..”
“หยุดคำว่า แต่ ของเธอเลย ถ้าเธอจะบอกว่าแค่เล่นเกมล่ะก็...ลองถามใจตัวเองดูว่าใจเธอคิดว่ายังไง ฉันเชื่อว่าใจเธอจะตอบอีกอย่างที่มันตรงข้ามกับปากของเธอนะ ฉันช่วยเธอได้แค่นี้แหละ ที่เหลือก็เคลียร์กันเองแล้วกัน” คุณมินนาบอกแล้วเดินไปที่ประตู
“อ้อ! เครื่องออกคืนนี้เที่ยงคืนตรงเป๊ะนะจ้ะ ^^” คุณมินนาบอกทิ้งท้ายก่อนจะเปิดประตูออกไป อะไรนะ! พวกเขาจะกลับคืนนี้แล้วหรอ!
“เดี๋ยวค่ะคุณมิน!...โอ้ย!!” ฉันต้องร้องออกไปในประโยคสุดท้าย เพราะว่าพอฉันหันไปปุ๊บก็ชนกับแผงอกกว้างของใครบางคน อ้าวซวยล่ะทีมงานรึเปล่า!
“ขอโทษนะคะ!!” ฉันลนลานโค้งตัวลง 90º เพื่อขอโทษ แต่ก็ได้รับเพียงแค่ความเงียบกลับมา...
ใครวะ -_-!
“ทำไมเธอยังอยู่ที่นี่ล่ะ” เสียงของกีกวังดังอยู่ข้างหน้า ทำให้ฉันต้องรีบเงยหน้าขึ้นไปมองทันที แล้วก็เป็นกีกวังจริงๆ เขากำลังยืนมองฉันอย่างงงๆ แต่เขามาคนเดียวไม่มีทีมงานหรือว่าเพื่อนร่วมวงของเขาเลย
“โกหกฉันมาใช่ไหมเนี่ย!” กีกวังถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่พร้อมกับสบถกับตัวเองอย่างหัวเสีย (แต่ฉันได้ยิน -_-)
“เฮ้อ...โทษที” กีกวังพูดแล้วหมุนตัวจะเดินออกไปจากห้อง ทำไมเขาไม่ยอมคุยกับฉันดีๆ สักทีนะ หรือต้องรอฉันล้มลงไปแน่นิ่งต่อหน้าถึงจะยอม!!
พลั่ก!
ฉันตัดสินใจขว้างเป้ตัวเองใส่แผ่นหลังของกีกวังทำให้เขาชะงักฝีเท้าทันที ก่อนจะหันกลับมามองฉันด้วยสีหน้าที่บ่งบอกว่าแปลกใจมากกับปฏิกิริยาของฉัน
เอาซิ! ด่าฉันเลยไหมล่ะที่ฉันทำแบบนี้! เอากระเป๋ามาเขวี้ยงฉันคืนเลย!! ช่วยทำอะไรสักอย่างที่แสดงออกว่านายยังสนใจฉันอยู่ ไม่ว่าจะทางดีหรือทางร้ายฉันก็รับได้...ได้โปรดเถอะกีกวัง อย่าเฉยชาแบบนี้ได้ไหม!
“เธอ...ทำแบบนี้ทำไม”
“โกรธไหม!”
“...”
“ไม่โมโหบ้างหรอที่ฉันทำแบบนี้!”
“...”
“อย่าเอาแต่เงียบสิ! นายเป็นใบ้ไปแล้วรึไง!”
“เปล่า”
“แล้วไง...พูดกับฉันหน่อย บอกมาว่านายรู้สึกยังไง บอกมาว่านายจะเอายังไง ฉันจะได้ทำตัวถูก! ไม่ใช่ปล่อยให้ฉันเต้นเร่าๆ เป็นบ้าอยู่คนเดียวแบบนี้!!”
“...”
“ฉันจะเป็นบ้าอยู่แล้ว...ได้โปรด...พูดกับฉันที จะด่าจะว่าอะไรฉันก็ได้ แต่อย่าเป็นแบบนี้เลย...” ฉันบอกพร้อมกับเดินเข้าไปใกล้ๆ กีกวัง เขาหลบตาฉันลงไปมองพื้นแล้วไม่พูดอะไรออกมาเลย
“กีกวัง...ได้โปรด” ฉันเอื้อมมือไปจับมือเขาไว้แต่เขาก็ยังไม่ยอมพูดอะไรออกมา
“พูดสิ! พูดๆๆๆๆๆๆ ฉันบอกให้พูดดดดดดดดดดดดดดดดดด!!!” ฉันตะโกนออกไปสุดเสียงพร้อมกับกระหน่ำทุบลงไปที่หน้าอกของเขาสุดแรงเกิดแต่กีกวังก็ไม่ได้ตอบโต้หรือขัดขืนอะไร ฉันออกแรงทุบอยู่อย่างนั้นจนกระทั่งหมดแรงก่อนจะซบลงไปที่ไหล่ของเขาเพื่อพยุงร่างที่ไร้เรี่ยวแรงของตัวเองเอาไว้ไม่ให้ล้มลงไปกองกับพื้นอีก
“ฉันผิดเองที่ไปให้นายรู้จัก ฉันผิดเองที่รนหาที่แล้วก็สร้างแต่ปัญหาจนทำให้นายต้องเป็นห่วง...อึก...แล้วก็รู้แย่ขนาดนั้น ฉันผิดเองที่เข้าไปยุ่งกับชีวิตนายจนวุ่นวายไปหมด...ฮือออ...ฉันผิดเอง อึก! ผิดเองที่ทำให้นายเจ็บปวด...ฉันขอโทษ...” ฉันพูดออกไปเหมือนคนเสียสติพร้อมกับก้อนสะอื้นลูกใหญ่ที่ถูกเก็บกดเอาไว้
“...”
ในเมื่อกีกวังยังเงียบอยู่ฉันก็ไม่รู้จะพูดอะไรต่อ เพราะสิ่งที่ฉันต้องการจะพูดมันก็หมดไปแล้ว...ฉันควรจะหยุดและพอแค่นี้สินะ...ฉันสูดหายใจเข้าลึกๆ เพื่อกลืนก้อนสะอื้นนั้นลงแล้วใช้ความแข็งแกร่งเฮือกสุดท้าย กล่าวคำลากับเขา
“เดินทางคืนนี้แล้วใช่ไหม...เดินทางปลอดภัยนะ” ฉันฝืนยิ้มทั้งน้ำตา คราวนี้คงเป็นการร่ำลาครั้งสุดท้ายของเราแล้ว...ครั้งสุดท้ายจริงๆ
ฉันยิ้มให้กีกวังเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะเดินออกมาตามทางเดิน น้ำตาที่กักเก็บเอาไว้ก่อนหน้านี้ถูกปลดปล่อยออกมาเป็นอิสระอีกครั้ง
หมับ!
ระหว่างที่ฉันกำลังเดินออกมา อยู่ๆ ฉันก็รับรู้ถึงความอบอุ่นจากด้านหลัง...กีกวังเข้ามากอดฉันไว้แน่น แผงอกของเขาสัมผัสกับแผ่นหลังของฉันแนบสนิทจนรับรู้ถึงจังหวะการเต้นของหัวใจของเขาได้อย่างชัดเจน...กีกวัง นายตามฉันมาหรอ...นายยอมคุยกับฉันแล้วใช่ไหม
“กีกวัง...ฮืออออ” ฉันร้องไห้ออกมามากกว่าเดิมเมื่อมีความอบอุ่นของเขาเข้ามาปลอบโยน...กีกวัง นายกลับมาแล้วใช่ไหม..กลับมาเป็นคนเดิมแล้วใช่ไหม
“ฉันขอโทษ...” เสียงที่เบาราวกับเสียงกระซิบที่ดังอยู่ข้างหู มันดังก้องอยู่ในใจของฉันชัดเจนและกินใจ...ลมหายใจอุ่นๆ ปนความชื้นที่ปะทะต้นคอทำให้รู้ว่ากีกวังก็ร้องไห้อยู่เหมือนกัน และสิ่งที่ยืนยันได้ชัดเจนก็คือน้ำตาหยดแล้วหยดเล่าที่หล่นลงมาที่ไหล่ของฉัน
“ฉันขอโทษที่พูดทำร้ายจิตใจเธอครั้งแล้วครั้งเล่า...ฉันคิดว่ามันคงเป็นวิธีที่ดีที่สุดที่ฉันจะทำให้เธอออกห่างจากฉันได้ ฉันไม่รู้ว่าฉันจะทำให้เธอตกอยู่ในอันตรายอีกเมื่อไหร่ฉันเลยต้องทำแบบนี้...ขอโทษนะ...” กีกวังพูดพร้อมกับซุกหน้าลงมาที่ไหล่ของฉันเบาๆ
“...แล้วที่ฉันบอกว่าไม่อยากเป็นเพื่อนกับเธอ...จริงๆ แล้ว ฉันอยากเป็นมากกว่านั้น ถ้าเป็นได้แค่เพื่อนฉันจะไม่สามารถปกป้องและดูแลเธอได้อย่างเต็มที่ เพราะฉะนั้นฉันมีอะไรอยากจะถามเธอ...คบกับฉันได้ไหม...แบบแฟน”
ฉันรีบหันไปหากีกวังทันที เขาไม่ได้ปล่อยให้ฉันเป็นอิรสะซะทีเดียว เขาเพียงแค่คลายกอดเพื่อให้ฉันหันไปหาเขาได้เท่านั้นโดยที่มือของเขายังคงโอบตัวฉันไว้หลวมๆ
“นาย...พูดจริงหรอ?”
“ตั้งแต่เกิดมาไม่เคยมั่นใจขนาดนี้เลย”
“กีกวัง...”
“ว่าไง...”
“ขอบใจนะ ^^” ฉันยิ้มออกมาทั้งน้ำตา...น้ำตาที่ไหลรินออกมาเพราะความสุขที่มีอย่างเต็มเปี่ยม
“ขอบใจ...แค่นี้หรอ”
“เอ่อ...”
“ว่าไง พูดต่อสิ...” กีกวังตั้งหน้าตั้งตารอฟังคำตอบ ฉันเลยตัดสินใจทำในสิ่งที่ไม่คิดว่าจะทำ นั่นคือ…
จุ๊บ!
ฉันเขย่งปลายเท้าขึ้นไปจุ๊บที่ริมฝีปากของกีกวังเร็วๆ ก่อนจะกลับลงมายืนอยู่เหมือนเดิม
โอ้ยยย เขินโว้ยยย >////<
“คำตอบหรอ?”
“อื้ม” ฉันพยักหน้านิดหน่อยแทนเพราะว่าตอนนี้มันเขินจนไม่รู้จะทำยังไงดี จะหนีก็หนีไม่ได้เพราะว่ากีกวังยังกอดฉันอยู่
“แบบนี้มันเป็นคำตอบเด็กๆ นะ ผู้ใหญ่เขาต้องต้องตอบแบบนี้” กีกวังพูดแล้วกระชับอ้อมแขนเข้าไปอีกทำให้เราแนบชิดกันมากขึ้น ก่อนจะค่อยๆ ก้มลงมาประทับริมฝีปากอย่างนุ่มนวลและอบอุ่น...
ความอบอุ่นแบบนี้นี่เองที่ฉันตามหามานาน ความอบอุ่นที่มาจากรอยยิ้ม เสียงหัวเราะ เสียงพูดหรือแม้กระทั่งอ้อมกอด รวมทั้งการกระทำทุกอย่างของเขาล้วนมอบความรักและความอบอุ่นให้ฉันได้มากมายอย่างเหลือเชื่อ น่าแปลกที่สิ่งต่างๆ เหล่านี้มาจากผู้ชายคนนี้เพียงคนเดียวเท่านั้น มิน่า...ฉันถึงสู้สุดแรงเกิดเพื่อไม่ให้เสียเขาคนนี้ไป
ฉันรักนาย...เจ้าชายอสูรของฉัน
THE END
16/09/2557
23:01 น.
****************************************************
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด... .ในที่สุด!...ในที่สุด! ก็จบกันแบบฟินๆ >////<
หวังว่าคงติดใจกับ Back Hug ฉากนี้กันนะคะ ^O^
จบไปแล้วสำหรับโปรเจ็กต์ Dream Story แถมจบแบบงงๆ อีกต่างหาก ฮ่าๆๆๆ
ที่ไรท์ทิ้งปริศนาไว้ให้เพราะว่าอยากให้รีดเดอร์ตามไปอ่าน Special ไง
ไรท์ตั้งใจคิดเพิ่มอีก 2 ตอนเชียวนะ ^_^ (ยิ้มอย่างภาคภูมิใจ)
ถ้าใครอยากรู้ว่าใครอยู่เบื้องหลังทั้งหมด ติดตามได้ในตอนพิเศษของ Dream Story นะคะ
:: ตอนจบแล้ว ไรท์ไม่ขออะไรมาก
แค่ขอคอมเม้นเป็นกำลังใจแล้วก็โหวตให้นิดหน่อยแค่นั้นเองค่ะ
อยู่เป็นเพื่อนกัน เป็นกำลังใจให้กันนะคะท่านผู้อ่านที่น่ารัก เรารู้ว่ามีคนอ่านอยู่นะ กิๆๆ (รึเปล่า?)
เอาเถอะเราจะอยู่อย่างโลกสวยต่อไป จะคิดเสมอว่ายังมีคนคอยตามมาให้กำลังใจอยู่ (Y_Y)
หรือบางทีมันอาจจะไม่สนุกจนเกิดอารมณ์แบบว่า
"โห โคตรเจ๋งอ่ะ"
หรือ
"แอ๊รยย โดนใจอ่ะโดนใจ! >///<" ...ก็เป็นได้ =_=
ก็เลยไม่มีใครอยากคอมเม้นอะไร
แต่ไม่เป็นไรค่ะ ไรท์จะสู้สุดใจให้เรื่องนี้จบแบบสมบูรณ์ที่สุด ฮึบ!!
เจอกันใน Dream Story >>> Special นะจ้ะ ^O^
****************************************************
คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ