[B2ST/Beast] Dream Story รักนี้ให้นาย...เจ้าชายอสูร

8.9

เขียนโดย Kreota

วันที่ 19 กรกฎาคม พ.ศ. 2556 เวลา 00.14 น.

  87 ตอน
  86 วิจารณ์
  97.42K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 11 ตุลาคม พ.ศ. 2557 22.21 น. โดย เจ้าของนิยายฟิคชั่น

แชร์นิยายฟิคชั่น Share Share Share

 

80) [Episode 6 :: Lie Lover] # Chapter 12

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

 

 

Episode 6 Lie Lover

:: Chapter 12 ::

 

            “ฝน...ตื่นแล้วหรอฝน เป็นไงบ้าง ปวดแผลมากไหม...”  แม่รีบเดินมาดูอาการฉันทันที จากที่ดูทรงผมที่ยุ่งนิดๆ ของแม่ ทำให้ฉันรู้ว่าแม่เพิ่งจะตื่นมาเมื่อกี๊นี้เอง

            “งั้น ดิฉันจะไปตามคุณหมอมาดูอาการนะคะ”  พยาบาลคนนั้นพูดก่อนจะเดินออกไปนอกห้อง

            “แม่...?”  ฉันขมวดคิ้วมองแม่แล้วมองสิ่งแวดล้อมรอบข้างอีกครั้งอย่างตั้งใจมากขึ้น บรรยากาศที่อบอุ่นและคุ้นเคย นอกหน้าต่างก็เห็นต้นไม้และตึกต่างๆ ที่แปลกตาไปจากเดิม ที่นี่ไม่ใช่เกาหลีแน่!...แต่เป็นประเทศไทย!

            “แม่คิดถึงฝนมากเลยรู้ไหม พอพ่อกับแม่รู้ว่าฝนถูกยิงแม่แทบจะเป็นบ้าตาย พ่อเป็นห่วงมากจนส่งเครื่องบินส่วนตัวไปรับฝนกลับมาเลย”  แม่บีบมือฉันแรงๆ ขณะที่เอาไปแนบไว้กับใบหน้าของตัวเอง น้ำตาของแม่คลอเบ้านิดหน่อยขณะพูดกับฉัน

            ฉันรู้ว่าแม่เป็นห่วงฉันมากขนาดไหน ท่านคงใจจะสลายเมื่อรู้ว่าฉันได้รับอันตราย ฉันทำให้ใครๆ ต้องเป็นห่วงและเดือดร้อนไปด้วยอยู่เรื่อยเลย ฉันนี่มันแย่ที่สุด!

            ขอโทษนะคะแม่...

            เดี๋ยวก่อน! เมื่อกี๊แม่บอกว่าไงนะ...ฉันถูกยิงหรอ?

            “เอ๊ะ! แม่บอกว่าฝนถูกยิงหรอคะ”  ฉันถามพร้อมกับดันตัวขึ้นนั่ง แต่ก็ต้องร้องออกมาเมื่อรู้สึกเจ็บแปล๊บขึ้นมาบริเวณหน้าท้อง แม่จึงรีบเข้ามาพยุงฉันให้นอนลงตามเดิม

            “ใช่ ฝนไม่รู้หรอ?”

            “ไม่รู้ค่ะ ไม่รู้เลยว่าถูกยิงตอนไหน”

            “คุณอธิสบอกว่าตอนที่พาฝนออกมาจากตึกที่เกิดเรื่อง คนของอุนเซซุ่มยิงหนูอยู่หน้าตึก” 

            ฉันพยายามครุ่นคิดถึงความทรงจำสุดท้ายที่หลงเหลืออยู่...ตอนนั้นกีกวังเข้ามาพยุงฉันไว้แต่ฉันไม่มีแรงลุก เขาเลยอุ้มฉันพาเดินออกมา...หลังจากนั้นฉันก็จำอะไรไม่ได้อีกเลย

            แล้วกีกวังจะเป็นอะไรรึเปล่านะ...จะโดนลูกหลงไปกับฉันไหม

            สักพักคุณหมอเจ้าของไข้ก็เข้ามาตรวจดูอาการ บอกว่าฉันจะต้องรอดูอาการและฉีดยาฆ่าเชื้อที่โรงพยาบาลอีกประมาณ 5-7 วัน เป็นแบบนี้ฉันเซ็งไว้รอเลยแล้วกัน นั่งกินนอนกินมันก็ดีอยู่หรอกแต่ฉันไม่ชอบอยู่โรงพยาบาลเลยอ่ะ =_=

            คุณอธิสมาเยี่ยมฉันในช่วงบ่าย แม่เลยให้เขาอยู่เป็นเพื่อนฉันก่อนเพราะแม่จะกลับไปเอาของที่บ้านมาเพิ่ม ที่จริงฉันไม่อยากให้แม่ลำบากมาเฝ้าฉันเลย ให้แม่บ้านในบ้านมาอยู่เป็นเพื่อนฉันก็ได้ หน้าห้องก็มีคนของพ่อยืนคุมอยู่รับรองว่าปลอดภัยหายห่วง แต่ท่านยืนกรานว่าจะดูแลฉันเอง ฉันเลยขัดไม่ได้...ที่จริงฉันก็อยากให้แม่อยู่ด้วยอยู่หรอกนะ แต่ฉันไม่อยากให้ท่านต้องมาลำบากเพราะฉันอีกแล้ว U_U;

            “หน้าตาสดชื่นขึ้นแล้วนี่ครับ”  คุณอธิสพูดขณะปอกแอ็ปเปิ้ลใส่จานให้

            “ก็ไม่ค่อยปวดแผลแล้วค่ะ แถมได้น้ำเกลืออีกไม่สดชื่นก็ไม่รู้จะว่าไงแล้ว”

            “หึๆๆๆ”  คุณอธิสหัวเราะน้อยๆ ในลำคอแล้วก้มหน้าก้มตาปอกผลไม้ต่อ

            “แล้วพวกเขาเป็นไงบ้างคะ”

            กึก!

            คุณอธิสหยุดมีดที่กำลังปอกผลไม้ทันทีที่ฉันถาม ก่อนจะปอกผลไม้ต่อเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

            “ใครหรอครับ”

            “ฉันรู้ว่าคุณรู้ =_=”  ทำไมเขาต้องถามเสียงอย่างนั้นด้วย?

            “เพื่อนๆ ของคุณหนูปลอดภัยดีทุกคนครับ ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บเลย...นอกจากคุณ”

            “เฮ้อ...ดีแล้วล่ะค่ะ ทุกคนเดือนร้อนเพราะฉันมามากพอแล้ว”

            แคร้ง!

            อยู่ๆ คุณอธิสก็ทิ้งมีดลงใส่จานอย่างแรงจนผลไม้ที่ปอกเสร็จแล้วกระเด็นออกมานอกจาน 2-3 ชิ้น เกิดอะไรขึ้นในระหว่างที่ฉันหลับไปรึไง เมื่อก่อนคุณอธิสแทบจะออกรับแทนพวกเขาด้วยซ้ำแต่ครั้งนี้ทำไมทำเหมือนเกลียดพวกเขาขึ้นมาอย่างนั้นล่ะ

            “เป็นอะไรไปคะ มีเรื่องอะไรกันรึเปล่า”

            “ขอโทษครับที่ทำตัวไม่สุภาพ”  คุณอธิสโค้งให้ฉันนิดหน่อยก่อนจะเดินออกไปนอกห้องโดยไม่ได้พูดอะไรอีก...ทิ้งปริศนาให้ฉันนั่งคิดอีกละ เซ็งจริงพับผ่าสิ! -_-*

           

            ฉันนั่งกินนอนกินที่โรงพยาบาลประมาณอาทิตย์หนึ่งก็ถึงวันที่จะได้กลับบ้าน...บ้านที่ฉันไม่ได้กลับมานาน...ที่นั่นจะเปลี่ยนไปมากไหมนะ กลับไปคุณแม่บ้านทั้งหลายต้องคิดถึงฉันแน่เลย ^^

            “ปลายฝน ดูซิว่าใครมาเยี่ยม ^_^”  แม่เดินเข้ามาในห้องพร้อมรอยยิ้ม ตามมาด้วยโยซอบ ดูจุน และดงอุนเดิมตามแม่เข้ามา

            เฮ้ย! พวกเขามาที่นี่ได้ยังไงเนี่ย O_O! ไม่ได้ติดต่อมาเลยตั้งแต่ฉันกลับมาอยู่ไทย นึกว่าจะลืมกันซะแล้ว >.<

            “หวัดดี ^O^”  โยซอบทักทายพร้อมกับรอยยิ้มสุดใสประจำตัว

            “เป็นไงบ้าง ขอโทษนะที่เงียบกันไปเลย ^^”  ดูจุนพูดพร้อมกับยกกระเช้าผลไม้มาวางไว้บนโต๊ะข้างเตียง

            ผลไม้ในกระเช้ามันกระจัดกระจายแปลกๆ นะ =_=?

            “อ๋อ การ์ดที่อยู่ข้างนอกค้นน่ะครับ”  ดงอุนแอบกระซิบบอกเหมือนอ่านใจฉันออกว่ากำลังสงสัยอะไรอยู่ แม่ของฉันที่แอบได้ยินดงอุนพูดก็หัวเราะออกมาเบาๆ ก่อนจะพูด

            “ต้องขอโทษจริงๆ นะคะที่เสียมารยาท พวกเขาไม่รู้ว่าพวกคุณเป็นเพื่อนของปลายฝนน่ะค่ะ”  แม่ของฉันพูดกับบีสท์ด้วยภาษาเกาหลีที่คล่องปรื๋อ มีสามีเป็นชาวต่างชาตินี่ก็ดีไปอย่างนะ คิๆๆ ^.^

            “ไม่เป็นไรหรอกครับ ก็ปลายฝนโดนซะขนาดนี้ ไม่ระวังคงไม่ได้ ^^”  ดูจุนตอบกลับอย่างสุภาพและไม่ถือสาเอาความเลย น่ารักกันจริงๆ มิน่าสาวน้อยสาวใหญ่ถึงหลงกันทั่วบ้านทั่วเมือง ^O^

            “แล้วนี่...พวกนายมาทำอะไรที่นี่เนี่ย”  ฉันถามออกไปตรงๆ เพราะฉันไม่คิดว่าพวกเขาจะยอมบินมาไทยเพื่อเยี่ยมฉันเป็นกรณีพิเศษแน่ๆ =_=

            “อ๋อ อันที่จริงพวกเรามีงานที่นี่น่ะเลยถือโอกาสมาเยี่ยมเธอซะเลย ที่เราติดต่อเธอว่าจะมาทำงานที่ไทยแล้วจะแวะมาเยี่ยมทีหลัง เธอไม่รู้เลยหรอเช็คมือถือบ้างไหมเนี่ย -_-;”  โยซอบถามหน้ามุ่ย

            “พวกสาวๆ เขาก็บ่นอยู่นะครับว่าพี่ปลายฝนทำไมไม่ตอบกลับไปเลย ส่งข้อความมาก็แล้ว ส่งไลน์มาก็แล้ว ส่งเมลอีกต่างหาก ยังไม่ตอบสักทางเลย”  ดงอุนพูดเสริม

            “อ้าว! ฉันไม่เห็นรู้เรื่องเลย ขอโทษนะ” 

            ทำไมฉันไม่รู้เรื่องเลยนะ ฉันก็นึกน้อยใจอยู่เป็นอาทิตย์ๆ ว่าพวกเขาไม่สนใจฉัน ที่ไหนได้ฉันเองต่างหากที่เป็นฝ่ายทิ้งพวกเขาเอง U_U

            “อ๋อ เรื่องนั้นต้องถามคุณอธิสนะ เพราะว่ามือถือของปลายฝนเสียเขาก็เลยอาสาเอาไปซ่อมให้”  แม่บอกขณะที่กำลังยกน้ำมาเสริฟ

            “อ้าว เสียตอนไหนอ่ะคะแม่ ฝนไม่เห็นรู้เลย”

            “เขาบอกว่าตอนที่โดนยิงน่ะลูก”

            เออ...มิน่าถึงรู้สึกเบื่อๆ ที่แท้ไม่มีมือถือเล่นนี่เอง เพิ่งจะรู้ตัวนะเนี่ยอยู่มาได้ไงวะ -_-;

            “แล้วนี่...พวกนายมากันแค่ 3 คนหรอ ปกติเห็นออกงานทีต้องครบ 6 คนไม่ใช่หรอ”

            “ที่จริงก็มาครบนะ แต่จุนฮยองมันรับไม่ได้ที่โดนค้นของก็เลยขอกลับก่อน ฮยอนซึงก็เลยกลับไปเป็นเพื่อนจุนฮยองน่ะ”  ดูจุนบอก ฉันเลยเงียบรอฟังต่อเพราะว่ายังมีอีกคนที่เขาไม่ได้เอ่ยถึง...

            ~...Good luck baby Good luck to you...~

            ระหว่างที่ฉันกำลังรอฟังอย่างใจจดใจจ่อ โทรศัพท์ของดงอุนก็ดังขึ้น เขากดรับสายแป็บหนึ่งก่อนจะวางสายไป

            “คุณมินนาโทรตามแล้วอ่ะครับ” 

            “งั้นพวกฉันไปทำงานก่อนนะ วันนี้มีอัดรายการตั้ง 3 ที่แน่ะ”  ดูจุนบอก

            “อ๋อ...อื้ม ฉันจะรอดูนะ ^^”

            “โอเค...ลานะครับ”  ประโยคสุดท้าย ดูจุนหันไปบอกแม่พร้อมกับโค้งตัวลงก่อนพวกเขาทั้ง 3 คนจะออกไป

            “เพื่อนที่เล่าให้ฟังหรอลูก”

            “ค่ะแม่”

            “พวกเขาเป็นคนดีจังนะ โชคดีจริงๆ ที่ลูกได้รู้จักพวกเขา”

            “นั่นสิคะ...”

            “งั้นคืนนี้นัดพวกเขามากินข้าวบ้านเราสิ จะได้ฉลองที่ลูกได้ออกจากโรงพยาบาลด้วย ดีไหมจ้ะ ^_^”

            “จะดีหรอคะ พวกเขาทำงานมาทั้งวันคงเหนื่อยน่าดูเลย”

            “ลองชวนก่อนสิจ้ะ ^_^”

            เพราะฉันอิดออดไม่ยอมชวนสักที คุณแม่สุดที่รักยิ่งก็เลยเป็นคนออกปากชวนด้วยตัวเอง คราวนี้ไม่มีใครกล้าปฏิเสธแน่ แม้กระทั่งคุณมินนาที่เป็นผู้จัดการวงเองก็ไม่กล้า...แม่ฉันน่ากลัวกว่าที่ใครๆ คิดนะจะบอกให้ -_+

            พวกเขามาถึงบ้านฉันก็ปาไป 2 ทุ่ม พ่อของฉันรีบทำงานก็เลยขอกินข้าวไปก่อนแล้วตั้งแต่หนึ่งทุ่ม ตอนนี้มีแค่ฉัน คุณแม่ แล้วก็คุณอธิสที่หิ้วท้องรอพวกเขาอยู่

            การมาของพวกเขาครั้งนี้ ฉันรู้สึกตื่นเต้นกว่าครั้งไหนๆ อาจจะเป็นเพราะบรรยากาศที่ไม่คุ้นเคยล่ะมั้ง ปกติก็จะเจอกันแค่ที่หอพักแต่นี่พวกเขามาที่บ้านของฉันเลยอ่ะ >.<

            “ขอโทษนะคะที่มาช้า กว่าจะออกมาจากสตูได้ก็ลำบากเอาเรื่องน่ะค่ะ แฟนคลับเขาตามไปเยอะจริงๆ”  คุณมินนาออกปากทันทีที่ลงมาจากรถตู้

            “ไม่เป็นไรค่ะ ^_^”  แม่ตอบรับอย่างยินดีปรีดาก่อนจะพาบีสท์ทั้ง 6 คนและคุณมินนาเข้ามาในห้องอาหารที่ถูกจัดไว้อย่างหรูหราและน่ารับประทานตามสไตล์คุณหญิงแม่ของฉัน =_=

            เราลงมือกินกันไปเรื่อยๆ โดยมีแม่ของฉันคอยถามเรื่องต่างๆ เกี่ยวกับฉันตอนอยู่ที่เกาหลีจากบีสท์ตลอดเวลาจนฉันสำลักออกมาหลายต่อหลายครั้งกับการบอกเล่าของพวกเขา (ฉันรู้แล้วว่าทำไมแม่ถึงอยากชวนเพื่อนๆ เล่านี้ของฉันมาที่บ้าน อยากรู้เรื่องฉันนี่เอง -_-;)

            และที่ฉันสำลักเป็นพักๆ ตลอดเวลาที่พวกเขาเล่า ไม่ใช่ว่าเขาเล่าวีรกรรมทั้งหมดของฉันให้แม่ฟังหรอกนะ แต่เพราะว่าพวกเขาโกหกกันแบบหน้าตายเลยน่ะสิ พวกเขาโกหกว่าฉันไปทำงานพาร์ทไทม์ในบริษัทของเขาและอะไรต่อมิอะไรที่ดีจนเกินจะบรรยาย ถึงมันจะแตกต่างจากที่ฉันได้เผชิญมามาก แต่ฉันก็รู้สึกขอบคุณที่พวกเขาไม่พูดให้แม่ฉันไม่สบายใจไปมากกว่านี้

            มิน่าล่ะถึงได้เป็นดารากัน...ไอ้เรื่องโกหกเนี่ย เนียนเป็นบ้าเลย -_-

            จากที่ฉันจับใจความการพูดคุยได้ บีสท์ได้รับเลือกเป็นพรีเซ็นเตอร์สินค้าตัวหนึ่งเลยบินมาถ่ายโฆษณาพร้อมกับโปรโมทมินิอัลบั้มใหม่ที่ประเทศไทย แต่เสียงดายที่เพื่อนวง Lusty ไม่ได้มาด้วย อดเม้าท์มอยกันเลย

            ในการสนทนาที่สนุกสนานบนโต๊ะอาหาร ดูเหมือนจะมีเพียงคุณอธิสกับกีกวังเท่านั้นที่เงียบ ไม่ยอมคุยกับใครและไม่รับมุขใดๆ ของเพื่อนที่เล่นกันเลย ตั้งแต่เราเจอกันฉันยังไม่ได้เห็นรอยยิ้มที่สดใสจนโลกละลายของกีกวังเลย...เหมือนโลกนี้มันมืดมิดลงยังไงบอกไม่ถูกแฮะ

            เฮ้ย! เป็นเอามากแล้วนะยัยปลายฝน!U_U ที่ฉันหวั่นไหวแบบนี้เพราะว่าเขายังไม่มีแฟนคนเดียวในวงรึไงนะ? (กับคนอื่นเป็นไปไม่ได้ไง =_=;)

            “ฝน...ปลายฝน!!”  เสียงแม่ดังเข้ามาในภวังค์ที่กำลังเพ้อตอนใกล้ดึกของฉัน

            “คะ...ค๊ะ?”  ฉันรับคำหลังจากสะดุ้งหน่อยๆ เพราะความดังของเสียงที่ถูกเรียก ตอนนี้ฉันกลายเป็นเป้าสายตาของทุกคนบนโต๊ะอาหารซะแล้ว U_U;

            “เธอมองกีกวังทำไม?...อ่านกินเพื่อนฉันหรอ -_-”  จุนฮยองทักขึ้นมาเป็นคนแรก พร้อมกับสายตาไม่ไว้วางใจอย่างที่สุด ไอ้!!...เฮ้อ คิดคำด่าไม่ออก T^T

            “ฉะ...ฉันก็มองไปเรื่อยเปื่อย ไม่ได้เจาะจงมองใครสักหน่อย -///-”

            “เอ๊ะๆ หน้าอมชมพูขึ้นมาแล้วอ่ะ กิ้วๆ”  โยซอบแซวผสมโรงขึ้นมาอีก ส่วนแม่ก็มัวแต่ยิ้มจนตาแทบจะปิดลงมาอยู่แล้ว แม่...เขากำลังแกล้งลูกแม่อยู่นะไม่คิดจะปกป้องเลยเร๊อะ!T////T

            “พี่สองคนนี้สนิทกันที่สุดแล้วล่ะครับคุณแม่ ที่จริงว่าจะเชียร์ให้คู่กันซะเลย ^^”  ดงอุนชงต่ออย่างเข้มข้น Y_Y

            “ก็พวกแกมัวแต่ติดแฟนนี่หว่า ไปไหนมาไหนก็โยนให้ฉันตลอด”  กีกวังพูดแย้งขึ้นมาบ้าง นี่เป็นประโยคแรกที่เขาพูดตั้งแต่เข้ามาในบ้านฉันเลย แต่คำพูดของเขามันทำให้เจ็บจี๊ดขึ้นมาถึงก้านสมองเลยทีเดียว งั้นที่ผ่านมาที่เขาตามมาอยู่เป็นเพื่อนในป้ายรถเมล์ ตามไปซื้อของด้วย ตามไปช่วยฉัน แล้วก็อะไรต่อมิอะไรที่เขาทำ มันเป็นเพราะว่าเพื่อนเป็นคนโยนหน้าที่ให้ทั้งหมดงั้นหรอ?

            ฉันก็นึกเข้าข้างตัวเองเป็นเรื่องเป็นราวว่าเขาก็สนใจฉันอยู่ถึงช่วยฉันสารพัด! ที่ไหนได้ฝันกลางวันชัดๆ!

            “อะเอ่อ...ได้ยินว่าวันนี้คุณแม่ทำขนมไทยไว้ให้พวกเราชิมเองเลยหรอครับ”  ฮยอนซึงพูดขึ้นมาทำลายความเงียบที่กลายเป็นความอึดอัดซึ่งเกิดขึ้นโดยไม่ได้ตั้งใจหลังจากที่กีกวังพูดจบ

            “ใช่จ้ะ แม่ลงมือทำสุดฝีมือเลยนะ ลองเอามาชิมเลยไหม” 

            “ดีเลยครับ งั้นเดี๋ยวผมไปช่วยยกมานะครับ”  ฮยอนซึงอาสาเป็นคนแรก

            “ผมไปด้วยครับ ^O^”  โยซอบอาสาเพิ่มอีก

            “งั้นผมด้วยแล้วกันครับคุณแม่ ^^”  ดงอุนก็เอาด้วยอีกคน

            สรุปคือตามแม่ฉันไป 3 เหลืออสูรตัวร้ายไว้กับฉันอีก 3 รวมคุณอธิสเป็น 4 ส่วนคุณมินนาออกไปรับโทรศัพท์ได้สักพักแล้วแต่ยังไม่กลับเข้ามา

            “ฉัน...ขอไปกินยาหลังอาหารแป๊บนึงนะ”  ฉันบอกแล้วลุกขึ้นจากเก้าอี้ทันทีโดยไม่รอให้เพื่อนร่วมโต๊ะได้โต้ตอบอะไรกลับมา

            โว้ยยยย!!!! ทำไมมันรู้สึกแบบนี้วะ! มันเหมือนโดนตีแสกหน้ายังไงไม่รู้อ่ะ ‘...ไปไหนมาไหนก็โยนให้ฉันตลอด’ งั้นหรอ? จะมากไปแล้ว! ถ้าไม่อยากไปก็ไม่ต้องไปสิ จะฝืนไปกับฉันทำไม >_<!

            “เฮ้อ...”  ฉันถอนหายใจกับบ่อปลาคาร์ฟขนาดใหญ่ที่พ่อเลี้ยงไว้กลางห้องโถงของบ้าน ปกติจะเห็นเป็นสระว่ายน้ำใช่ไหมคะแต่บ้านฉันเป็นบ่อปลานะ ^^ (ยังมีอารมณ์อวด =_=)

            “อ้าว!”  อยู่ๆ เสียงนี้ก็ดังขึ้นมาฉันเลยรีบหันควับไปมอง ที่ตกใจไม่ใช่เพราะอะไร แต่เพราะเจ้าของเสียงนั้นคือกีกวัง

            “โทษที ฉันไม่นึกว่าเธอจะอยู่ตรงนี้”  กีกวังพูดแล้วทำท่าจะเดินกลับไปในห้องอาหาร

            “เดี๋ยว!!!”  ฉันเรียกกีกวังเอาไว้ เขาหยุดฝีเท้าลงแล้วแต่ยังไม่หันกลับมาหาฉัน

            “นายเป็นอะไรของนาย”

            “ไม่ได้เป็นอะไรนี่”

            “โกหก!”

            “ก็แล้วแต่จะคิด...”

            “ทำไมนาย...เปลี่ยนไปแบบนี้ บอกฉันทีว่ามันเกิดอะไรขึ้น!”

            ฉันกำหมัดตัวเองแน่น สายตาเพ่งมองไปที่แผ่นหลังของผู้ชายที่เคยมีรอยยิ้มที่สดใส อบอุ่น และแสนจะใจดี ที่ผ่านมาฉันคิดว่าฉันรู้จักเขาในระดับหนึ่งแล้ว แต่ตอนนี้ฉันรู้แล้วว่าฉันรู้จักเขาน้อยเหลือเกิน...

            กีกวังไม่ตอบคำถามของฉัน เขาเอาแต่เงียบและเงียบ...การเงียบมันไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้นเลยนะกีกวัง แค่นายบอกฉันมาว่ามันเกิดอะไรขึ้น ทำไมท่าทางของหลายๆ คนมันไม่เหมือนเดิมหรือว่าจะเกิดเรื่องระหว่างที่ฉันได้รับบาดเจ็บจริงๆ แล้วมันเรื่องบ้าบออะไรกันล่ะทำไมไม่พูด!!!

            “ไม่ได้มีอะไรเกิดขึ้นทั้งนั้นแหละ แค่ฉันรู้สึกว่า...เราควรจะเว้นช่องว่างระหว่างกันบ้างเท่านั้นเอง”

            “อ๋อ...เว้นช่องว่าง!! ใช่สิ! นายมันซุป’ตาร์ดังคับฟ้านี่ คงไม่อยากมายุ่งกับผู้หญิงธรรมดาอย่างฉันหรอก!!”

            “ไม่ใช่อย่างนั้น เธอไม่เข้าใจ!”  กีกวังหันกลับมาคุยกับฉันตรงๆ

            “ก็พูดให้ฉันเข้าใจสิ”

            “เฮ้อ...”  กีกวังถอนหายใจออกมายาวๆ แล้วเดินเข้ามาหาฉัน

            “ฉันจำเป็นต้องทำแบบนี้...เพื่อเธอ” 

            “ว่าไงนะ!” 

            ยิ่งเขาพูดฉันยิ่งงง ทำเย็นชาแบบนี้มันช่วยอะไรฉันได้ มันช่วยให้ฉันอารมณ์เดือดง่ายขึ้นซะมากกว่า

            “ขอร้องเถอะ...อย่าทำให้ฉันลำบากใจเลย”  กีกวังบอก แววตาของเขาฉายแววเจ็บปวดบางอย่างออกมา ถึงฉันจะรู้ว่าเขากำลังเจ็บปวดอยู่ แต่ฉันก็ไม่รู้อยู่ดีว่าเรื่องอะไร

            “เธอควรจะมีชีวิตที่ดีและปลอดภัยกว่านี้ ไม่ใช่ต้องมาโดนถ่วงลง...เพราะฉัน”

            “นี่นายพยายามจะพูดอะไรกันแน่...”

            “ฉัน...ขอโทษนะ...”  กีกวังบอกพร้อมๆ กับจับมือฉันขึ้นไปกุมไว้ทั้ง 2 ข้างและบีบมันไว้แน่น  “ขอโทษจริงๆ สำหรับทุกๆ อย่าง”

            “กีกวัง...นายเป็นอะไร”

            “ฉันผิดเอง ฉันขอโทษ”  กีกวังเอาแต่พร่ำบอกคำขอโทษกับฉันโดยไม่สนใจจะตอบคำถาม เขามาขอโทษฉันทำไม เขาไม่ได้ทำอะไรผิดต่อฉันสักหน่อย

            ใครกันที่ทำให้กีกวังเป็นแบบนี้ หรือว่า...คุณอธิส!

 

 

 

 

***********************************

อัพอีกตอนจ้า ^O^

ฝากติดตามด้วยนะคะ 

หวังว่าคงจะเจอรีดเดอร์ที่น่ารักในตอนหน้านะจ้ะ ^_^

***********************************

 

 

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8.7 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9.2 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

อ่านนิยายฟิคชั่นเรื่องอื่น

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา