[B2ST/Beast] Dream Story รักนี้ให้นาย...เจ้าชายอสูร
เขียนโดย Kreota
วันที่ 19 กรกฎาคม พ.ศ. 2556 เวลา 00.14 น.
แก้ไขเมื่อ 11 ตุลาคม พ.ศ. 2557 22.21 น. โดย เจ้าของนิยายฟิคชั่น
81) [Episode 6 :: Lie Lover] # Chapter 13
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
Episode 6 Lie Lover
:: Chapter 13 ::
“แน่ะ! สองคนนั้นทำไรกันน่ะ ^O^” อยู่ๆ เสียงของโยซอบก็ดังขึ้น ทำให้ฉันกับกีกวังรีบผละออกจากกันทันที แต่เพราะคราวซวยของฉันแท้ๆ ทำให้ลื่นเกือบตกบ่อปลา แต่โชคดีที่กีกวังคว้าแขนของฉันได้ทัน แต่...
“เฮ้ย!”
ตูมมม!!!
ถึงจะคว้าทันยังไงก็ตกลงไปด้วยกันอยู่ดีเพราะกีกวังก็คงจะลื่นเหมือนกัน =_=;
“อ้าวเฮ้ย!! โทษทีๆ” โยซอบวิ่งมาดูฉันกับกีกวังที่ขอบบ่อ
“เธอเป็นไรไหม” กีกวังรีบลุยน้ำมาหาฉันทันทีเพราะว่าฉันลุกไม่ขึ้น บ่อปลานี่ลึกประมาณเอวฉันเวลานั่งคอของฉันมันเลยปริ่มๆ อยู่เหนือน้ำเล็กน้อยเท่านั้น
“ฉันปวดแผลอ่ะ ลุกไม่ไหว” ฉันบอก กีกวังจึงเข้ามาพยุงฉันให้ลุกขึ้นจากบ่อ แต่วันนี้ฉันใส่เสื้อสีขาว ชุดชั้นในสีชมพูโอรสของฉันมันเลยลอยโดดเด้งขึ้นมาอวดสายตาประชาชีอย่างไม่ได้ตั้งใจ โอ้วม่ายยย T////T
ฉึบ!
ฉันรีบยกมือขึ้นประสานกันที่หน้าอกทันที โยซอบกับกีกวังที่คงจะนึกขึ้นได้เหมือนกันว่าเสื้อขาวเปียกน้ำแบบนี้มันคงไม่ค่อยดีนักถ้าพวกเขาจะมอง ทั้ง 2 คนเลยหันหน้าไปมองทางอื่นอย่างรวดเร็ว ส่วนกีกวังเขาโอบฉันเอาไว้แน่นขึ้นและพยายามเอาตัวของเขามาบังฉันเอาไว้
“แกทำอะไรของแกวะ” กีกวังหันไปต่อว่าโยซอบแบบโกรธ
“โทษที ฉันไม่นึกว่าจะขวัญอ่อนกันแบบนี้นี่” โยซอบพูดหน้ามุ่ย
“เฮ้อ...” กีกวังพ่นลมออกมาทางปากแรงๆ
“เกิดอะไรขึ้นครับ!” คุณอธิสวิ่งออกมาจากห้องอาหารพร้อมกับคนอื่นๆ
“อุ้ย! คุณหนู” ป้าสม ป้าแม่บ้านที่คอยดูแลฉันรีบโดดลงมาในบ่อปลาทันทีที่เห็น ส่วนคุณอธิสนิ่งไปนิดหน่อยเมื่อเห็นว่ากีกวังอยู่ในบ่อปลากับฉัน ก่อนจะกระโดดลงมาบ้างแล้วถอดเสื้อสูทของเขาออกมาคลุมให้กับฉัน
ปลาคาร์ฟสุดที่รักของพ่อคงตกใจน่าดูที่มีคนลงมาเล่นน้ำกับมันเยอะแยะแบบนี้ =_=
“ตายแล้วๆ แผลเปียกน้ำหมดแล้ว รีบพอปลายฝนขึ้นมาเร็วเข้า!” แม่ที่วิ่งออกมาเป็นคนสุดท้ายร้องขึ้นมาอยากตกใจ
“สม รีบไปเอาผ้าเช็ดตัวมาเร็ว”
“ค่ะคุณผู้หญิง” ป้าสมรับคำก่อนจะวิ่งขึ้นไปจากบ่อตามคำสั่ง
“ขึ้นไปกันเถอะ” กีกวังบอก แต่คุณอธิสกลับจับต้นแขนของฉันเอาไว้
“ผมว่า น่าจะเป็นหน้าที่ผมจะเหมาะกว่า” เงียบกันไปพักหนึ่ง กีกวังก็ยอมปล่อยฉันไปให้คุณอธิสอย่างว่าง่าย
“อ้าวเอ้ย!”
“ได้ไงวะ” เสียงสบถเบาๆ ของเพื่อนร่วมวงของกีกวังลอยมาให้ได้ยินนิดหน่อยในระหว่างที่เขาดันตัวเองขึ้นจากบ่อ
“ขออนุญาตนะครับ” คุณอธิสอุ้มฉันลอยสูงขึ้นจากน้ำแล้วพาขึ้นจากบ่อปลาอย่างง่ายดาย ฉันถูกพาขึ้นมาบนห้องโดยมีแม่ คุณอธิสและน้องนิดหน่อย เด็กรับใช้ของบ้านที่ตามขึ้นมาช่วยอีกคน
คุณอธิสวางฉันลงบนเตียงอย่างเบามือ แล้วขอตัวออกไปข้างนอกทันที...แต่ฉันยังติดใจเรื่องที่กีกวังเปลี่ยนไปไม่หายเพราะเขาจริงๆ รึเปล่าที่ทำให้กีกวังพยายามตีตัวออกห่างฉัน!
“เดี๋ยวค่ะ ฉันมีเรื่องจะถาม”
“แล้วค่อยคุยนะลูกเปลี่ยนเสื้อผ้าทำแผลก่อน เดี๋ยวแผลติดเชื้อ” แม่ห้ามขณะเตรียมข้าวของสำหรับทำแผลให้ฉัน
“ผมจะรออยู่ข้างล่าง ถ้าคุณหนูเรียบร้อยเมื่อไหร่แล้วค่อยให้เด็กมาตามผมก็ได้ครับ” เขาบอกแค่นั้นแล้วปิดประตูลงทันที
ฉันอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าและทำแผลใหม่อย่างรวดเร็ว ที่จริงมันรู้สึกแสบๆ ชอบกล ใจจริงฉันอยากนอนพักบนห้องต่อ แต่ถ้าวันนี้ฉันไม่ได้ถามคุณอธิสให้รู้เรื่องฉันคงนอนไม่หลับแน่
“คุณหนูจะไปไหนคะ” น้องนิดหน่อยถามเมื่อฉันจะลุกออกไป
“ไปหาคุณอธิส”
“เขากลับไปแล้วล่ะค่ะ”
“อ้าว ไหนเขาบอกว่าจะอยู่รอฉันไง”
“คุณผู้หญิงให้เขากลับไปเองแหละค่ะ ท่านอยากให้คุณหนูพักผ่อน”
“โธ่...” ฉันถอนหายในออกมาเฮือกใหญ่ แล้วทิ้งตัวลงนั่งบนเตียงตามเดิม
“แต่สุดหล่อที่ตกลงไปในบ่อปลากับคุณหนูยังไม่กลับนะคะ อิอิ” น้องนิดหน่อยพูดไปบิดตัวไปแบบเขินๆ “คนอะไรไม่รู้หล่อก็หล่อ ล่ำก็ล่ำ หน้าหม่ำ...เอ่อ น่า...รักดีนะคะ ^///^;”
“เขายังไม่กลับจริงหรอ?”
“จริงค่ะ เขาอาบน้ำแต่งตัวอยู่ที่ห้องรับรองแขกชั้นสอง”
พอฟังนิดหน่อยพูดจบ ฉันก็รีบเดินลงไปที่ชั้น 2 ทันที (ห้องฉันอยู่ชั้น 3 ค่ะ) ก็เห็นป้าสมกำลังหอบเสื้อผ้าไปที่ห้องนั้นพอดี
“ป้าสม จะเอาชุดไปให้เพื่อนฝนหรอคะ”
“ใช่ค่ะ”
“งั้นฝนเอาเข้าไปเองค่ะ”
“แต่...”
“เอาเถอะค่ะ เขาเป็นเพื่อนฝนนะ” ฉันบอกแล้วแย่งชุดมาถือไว้เอง
“ก็ได้ค่ะ ต้องการอะไรก็โทรเรียกได้เลยนะคะ”
“ได้ค่ะ ^^”
ฉันหอบเสื้อผ้าเดินเข้าไปในห้อง แต่ไม่ใครในนั้นเลยนอกจากเสียงน้ำที่ตกกระทบพื้นในห้องน้ำ เขาคงกำลังอาบน้ำอยู่ -..- …ฉันว่าแล้วค่อยเข้ามาใหม่ดีกว่า
แกร็ก...แอ๊ดดดด
ระหว่างที่ฉันถอดใจจะเดินออกนอกห้อง กีกวังก็เดินออกมาจากห้องน้ำพร้อมกับชุดคลุมอาบน้ำสีขาว โชว์แถงอกล่ำๆ -.,- เอ่อ...แผงอกกว้างของเขา กรี๊ด...ยัยนิดหน่อยคำพูดของเธอมันติดหูจนฉันเผลอเอามาพูดด้วยเลยเห็นไหม >.,<!
“เฮ้ย! เธอเข้ามาได้ไงเนี่ย!” กีกวังร้องออกมาทันทีที่เปิดประตูออกมาเห็นฉัน เขากระชับเสื้อคลุมให้มิดชิดมากขึ้นโดยที่ยังคงยืนอยู่หน้าห้องน้ำไม่ยอมขยับไปไหน
เฮ้ๆ ฉันไม่กระทำชำเรานายหรอกน่า ทำยังอย่างกับนางเอกละครเจอพระเอกบุกเข้ามาในห้องนอนยังงั้นแหละ -_-;
“ฉันแค่เอาเสื้อผ้ามาให้ เป็นของพ่อฉันเอง นายน่าจะใส่ได้นะ” ฉันยื่นเสื้อเชิ้ตสีขาวกับกางเกงขายาวสีดำของพ่อให้เขา แต่เขาก็ยังไม่ยอมเข้ามาเอา เอ่อ...นี่เขากลัวฉันจริงๆ ใช่ไหมเนี่ย U_U;
“โอเค ฉันวางไว้ตรงนี้นะ ไปล่ะ” ฉันวางชุดเอาไว้บนโซฟาใกล้ๆ แล้วหมุนตัวมาที่ประตู
“ขอบใจนะ” กีกวังพูดออกมาเบาๆ ฉันแอบยิ้มคนเดียวในขณะที่ยังหันหลังให้เขาอยู่ก่อนจะเดินไปหมุดลูกบิด...แต่
กึก! กึก!
“อ้าว!” ฉันร้องออกมาเมื่อลูกบิดมันหมุนได้แต่มันผลักไม่ออกเหมือนมีคนมาล็อกเอาไว้จากข้างนอก
“อะไรหรอ” กีกวังเดินเข้ามาหาฉันที่ประตู กลิ่นหอมสบู่อ่อนๆ จากตัวเขาทำให้ฉันรู้ว่าเขาอยู่ใกล้ๆ ฉันนี่เอง
“ประตูมันล็อกน่ะสิ ล็อกได้ไงก็ไม่รู้”
“ไหน” กีกวังเดินเข้ามายืนข้างๆ ฉันก่อนจะหมุนลูกบิดดูบ้าง “เหมือนล็อกจากข้างนอกเลยนะ มันผลักไม่ออกอ่ะ”
“คิกๆๆๆ” ระหว่างที่เรากำลังช่วยกันผลักประตูออกก็ได้ยินเสียงหัวเราะจากด้านนอก
“ใครน่ะ! เปิดประตูให้ฉันเดี๋ยวนี้นะ” ฉันตะโกนออกไปดังๆ เพื่อให้คนข้างนอกได้ยิน ดันทำห้องแบบเก็บเสียงอีกต่างหากจะได้ยินไหมเนี่ย
“นิดหน่อยขอโทษนะคะ นิดหน่อยทำตามคำสั่งน่ะค่ะ” เสียงนิดหน่อยดังลอดเข้ามาให้ได้ยินเล็กน้อย ฉันจึงพยายามเอาหูแนบกับประตูเพื่อให้ได้ยินชัดเจนขึ้น
“ใครสั่ง!!!” ฉันถามออกไปยังไม่จบ ก็คิดขึ้นมาได้ว่าทั้งบ้านมีใครบ้างล่ะที่จะสามารถสั่งคนในบ้านได้นอกจาก...=_=;
“ไหนว่ามีเรื่องคุยกันไง ฉันให้เวลาคุยกัน 20 นาทีนะ เพราะว่าต้องกลับโรงแรมแล้ว” เสียงโยซอบดังเข้ามาในห้อง
“แล้วก็ไม่ต้องพยายามเปิดหรอก เพราะว่ากุญแจบ้านนี้ดอกใหญ่มากเสียเวลาพังประตูไปก็คงไม่มีประโยชน์” ฮยอนซึงร้องเข้ามาอีกคน
อ๊ากส์!!! นี่พวกนายรวมหัวกับแม่ฉันแกล้งฉันงั้นหรอ!!! ถึงฉันจำเป็นต้องรับกรรมที่ทำให้แม่ต้องเสียใจและเป็นห่วง แต่มันไม่น่าจะชดใช้แบบนี้นี่นา >_<!
เสียงฝีเท้าหลายคู่ดังห่างออกไปเรื่อยๆ จนกระทั่งเงียบกริบลง
“อ้าวเฮ้ย!! อย่าเพิ่งไป” ฉันร้องเรียก แต่ดูเหมือนไม่มีใครกลับมาเลยสักคน “เฮ้!! มาเปิดประตูเลยนะ!!”
“เหนื่อยไหม” กีกวังถามเสียงเรียบ
“เหนื่อยสิ”
“งั้นก็มานั่งเถอะ แค่ 20 นาทีเอง” กีกวังบอกแล้วชี้ไปที่โซฟา “ฉันไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนแล้วกัน”
เขาบอกแล้วถือเสื้อผ้าที่ฉันเอามาให้เข้าห้องน้ำไป ฉันมานั่งเปิดทีวีดูเพื่อฆ่าเวลาสักพักกีกวังก็ออกมาพร้อมกับเสื้อเชิ้ตที่พับแขนขึ้นมาครึ่งแขนและกางเกงสีดำที่พับขากางเกงขึ้นนิดหน่อย ฉันลืมไปว่าพ่อของฉันตัวสูงกว่าเขา แต่ขนาดใส่เสื้อผ้าที่ไม่ค่อยพอดีตัวเขากลับยังคงดูดีอย่างน่าประหลาด...
“เฮ้อ...” กีกวังถอนหายใจก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟาตัวเดียวกันกับฉัน “เธออยากคุยอะไรกับฉันอีก ฉันว่าเมื่อกี๊เราก็คุยกันจบแล้วนะ”
“จบที่ไหน ยังไม่เห็นว่าจะได้คุยอะไรเลย นอกจากฟังคำขอโทษของนาย”
“ก็นั่นเป็นสิ่งเดียวที่ฉันต้องการจะพูดนี่...”
“งั้นนายช่วยตอบคำถามฉันได้ไหมว่านายกับคุณอธิสเป็นอะไรกัน”
“...ก็คนรู้จักไง”
กวนทรีนเกินไปละ =_=
“ฉันหมายถึง เกิดอะไรขึ้นกับพวกนายสองคนต่างหาก ถ้าเกิดคราวนี้นายตอบกวนฉันอีกทีละก็...”
“ถ้ากวนอีกทีแล้วจะทำไม?” กีกวังหันมาถามแต่ด้วยความที่เรานั่งใกล้กัน จมูกเขาจึงเกือบจะชนแก้มฉันอย่างหวุดหวิด
“ก็...ฉันจะไม่คุยกับนายอีกตลอดชีวิตเลยน่ะสิ” ฉันตอบแล้วขยับตัวถอยออกมานิดหน่อย
“ถ้างั้น ฉันจะตอบกวนเธอไปเรื่อยๆ เธอจะได้ไม่ต้องมาคุยกับฉัน”
“อะไรนะ!”
“ความจริง ถ้าเกิดเราไม่รู้จักกันตั้งแต่ตอนที่อยู่เกาหลี อะไรๆ อาจจะไม่เป็นแบบนี้ แล้วเธอก็คงไม่ต้องบาดเจ็บ...”
“อะไรนะ!!! นายพูดแบบนั้นออกมาได้ยังไง งั้นที่เราได้รู้จักกันนายก็คิดว่ามันเป็นเรื่องผิดพลาดมาตั้งแต่ต้นงั้นสิ!!!” ฉันลุกขึ้นยืนทันทีด้วยความโกรธแต่กีกวังก็ยังคงนั่งนิ่งอยู่กับที่ ไม่รู้ว่าเพราะอะไรฉันถึงได้เหวี่ยงวีนแบบนี้ คงเพราะว่าฉันกลับมาอยู่บ้านนิสัยคุณหนูเอาแต่ใจของฉันมันก็เลยออกฤทธิ์อีกครั้ง
“ฉันคิดมาเสมอว่าการที่เราได้รู้จักกันมันเป็นเรื่องดีซะอีก แต่ที่จริงแล้วมันดีแค่กับฉันคนเดียวสินะ...นี่ฉันต้องขอโทษนายรึเปล่าที่ไปรู้จักกับนาย ไปยุ่งวุ่นวายกับชีวิตนาย!”
“ปลายฝน...”
“ฉันขอโทษ!! พอใจไหม! ในเมื่อพูดออกมาตรงขนาดนี้แล้วฉันคงไม่หน้าด้านพอไปเจอนายอีกแล้วล่ะ ขอบใจนะสำหรับทุกอย่างที่นายเคยช่วยฉัน!” ฉันพูดแล้วเดินไปที่ประตูอย่างรวดเร็ว แต่ก็ไม่ทันเพราะกีกวังเร็วกว่า เขาคว้าข้อมือของฉันเอาไว้ได้
“เธอเข้าใจผิดไปใหญ่แล้ว”
“ฉันว่าฉันเข้าใจหมดทุกอย่างแล้วนะ ปล่อย!” ฉันพูดพร้อมกับบิดข้อมือตัวเองสุดแรง แต่มันก็ไม่หลุดออกมาจากมือของกีกวังเลย
“เธอยังไม่ได้ฟังฉันไม่จบเลยนะ ฉันจะบอกว่าถ้าเราไม่รู้จักกันเธอก็คงไม่ต้องมาบาดเจ็บ...เพราะฉัน”
“จะเป็นเพราะนายได้ยังไง ในเมื่อทุกเรื่องๆ ที่เกิดขึ้นมันเป็นเพราะว่าฉันรนหาที่เองต่างหาก นายเองด้วยซ้ำที่คอยตามช่วยฉัน”
“เธอไม่ต้องพูดให้ฉันรู้สึกดีขึ้นมาหรอก ยังไงๆ ความผิดที่ฉันทำไว้กับเธอมันก็ไม่หายไป...”
“ความผิดอะไร นายทำผิดอะไรไว้กับฉันนักหนาหรือไง”
“ใช่...เธอเกือบตายก็เพราะฉัน!”
“เกือบตาย...ตอนไหน”
“ช่างเถอะ ฉันไม่อยากพูดถึงมันอีก” กีกวังปล่อยมือของฉันเป็นอิสระ แล้วเดินกลับไปนั่งที่โซฟาตามเดิม แต่ฉันก็ตามไปอย่างไม่ลดละเพราะเราต้องคุยกันให้มันรู้เรื่อง!
“อีกหน่อยจะครบยี่สิบนาทีแล้ว เดี๋ยวพวกนั้นคงมาเปิดประตูให้แล้วล่ะ”
“ไม่ค้องมาเปลี่ยนเรื่อง นายยังไม่ได้บอกฉันเลยว่ามันเกิดขึ้นตอนไหน ตอนที่ฉันถูกยิงใช่ไหม?
“ฉันไม่อยากพูดถึงมันอีก!”
“ขอร้องล่ะ นายอย่าเป็นแบบนี้เลย ฉันรู้สึกแย่มากเลยนะที่นายทำตัวห่างเหินกับฉันแบบนี้ อยู่ที่โน่นนายเป็นเพื่อนคนที่ 3 ที่ฉันรู้จักและรู้สึกดีด้วย เพราะฉะนั้นฉันไม่อยากให้เพื่อนของฉันเป็นแบบนี้”
“ถ้าเกิดฉันเป็นเพื่อนเธอจริงๆ เธอก็อย่าพยายามให้เพื่อนของเธอพูดถึงเรื่องที่ทำให้เจ็บปวดสิ” กีกวังพูดเสียงเย็นๆ จนฉันขนลุกซู่ไปทั้งตัว ใจมันเบาหวิวแปลกๆ เมื่อคิดว่าการที่เขาได้รู้จักกับฉันมันเลวร้ายจนเขาไม่อยากพูดถึงเชียวหรือ?
“ฉันทำให้นายต้องเจ็บปวดขนาดนั้นเลยหรอ...สำหรับนาย การได้รู้จักฉันมันทำให้นายเจ็บปวดมากเลยใช่ไหม”
“...”
“งั้นก็โอเค...ฉันจะไม่ทำให้นายต้องเจ็บปวดอีก” ฉันพูดแล้วลุกขึ้นจากโซฟา ม่านน้ำตาเริ่มรื้อมาคลอๆ ทำให้ภาพตรงหน้าพร่ามัวไปหมด
ฉันทำให้เขาต้องเจ็บปวดขนาดที่เขาไม่ยอมพูดถึงมัน แถมยังโกหกเขาสารพัดจนเขากลายเป็นคนโง่ก็หลายครั้ง...มันไม่แปลกที่เขาจะไม่อยากยุ่งกับฉันอีก
ตึก!
“โอ้ย!” อยู่ๆ ขาของฉันก็ไปชนเข้ากับโต๊ะเตี้ยๆ ที่ตั้งเข้าชุดกันกับโซฟา มันเจ็บจี๊ดจนฉันล้มไปนั่งกับพื้น น้ำตาที่กลั้นเอาไว้เมื่อครู่พรั่งพรูออกมาอย่างไม่ขาดสาย
มันเจ็บมากจริงๆ...ใจของฉัน มันเจ็บมากเหลือเกิน
“ปลายฝน...เจ็บมากไหม!” กีกวังเข้ามานั่งลงข้างๆ แล้วจับขาของฉันไปดู
“ไม่ต้องมายุ่งกับฉันหรอก!” ฉันดึงขาตัวเองกลับแล้วกุมบริเวณที่เจ็บแน่น ความรู้สึกปวดเริ่มลดลงแล้ว ตอนนี้เหลือแค่อาการปวดตุบๆ แล้วก็บวมขึ้นนิดหน่อยเท่านั้น
“ไม่หักใช่ไหม” กีกวังถาม น้ำเสียงของเขายังคงฟังดูเป็นห่วงเป็นใยเหมือนเดิมอย่างที่เขาเคยเป็น อย่าทำตัวแบบนี้กับฉันอีกได้ไหม จะเย็นชาก็เย็นชาให้ได้ตลอดสิกีกวัง
“แน่นอน แต่เรื่องบวมกับรอยช้ำเนี่ย...ไม่แน่” ฉันพูดประโยคที่คุ้นเคยออกมาพร้อมกับน้ำตาที่ยังไหลออกมาอาบแก้ม
ใช่แล้ว...มันเป็นประโยคที่ฉันเคยพูดตอนที่ฉันไปเจอเขาที่หอครั้งแรก...ตอนนั้นเขาทั้งสดใสและอบอุ่นซึ่งต่างจากตอนนี้มาก กีกวังซึ่งเหมือนจะจำประโยคนี้ได้ก็นิ่งไปสักพักก่อนจะพยุงฉันให้ลุกขึ้นยืน
“...ลุกขึ้นไปนั่งดีๆ ก่อน”
“ไม่ ปล่อยฉันไว้อยู่ตรงนี้แหละ”
“นี่ปลายฝน เมื่อก่อนเธอไม่เห็นดื้อแบบนี้เลยนะ”
“เมื่อก่อนนายก็ไม่ได้เย็นชากับฉันแบบนี้เหมือนกัน!”
ฉันไม่ได้ต้องการอะไรเลยกีกวัง ฉันแค่ต้องการให้นายมีรอยยิ้มที่สดใสแบบเดิมเท่านั้นเอง ฉันมองเขาและคิดประโยคนี้ในใจ...รอยยิ้มที่สดใสของเขา ตอนนี้ฉันต้องการมันที่สุด
“เฮ้อ...ลุกขึ้นเถอะ”
“ไม่!”
“ลุกขึ้น!”
“ไม่! เฮ้ย!” ฉันร้องสุดเสียงเมื่ออยู่ๆ เขาก็อุ้มฉันจนตัวลอยก่อนจะวางลงบนโซฟา ส่วนเขาหลังจากที่ทิ้งฉันลงมานั่งแล้ว เขาก็ยังคงยืนจ้องฉันอยู่ที่เดิม
“ฉันบอกว่าไม่อยากมานั่งตรงนี้ไง...อุ๊บ!”
อยู่ๆ กีกวังก็ก้มลงมาประกบริมฝีปากอิ่มของเขาเข้ามาที่ริมฝีปากของฉันอย่างรวดเร็ว ฉันพยายามขัดขืนโดยการผลักไปที่หน้าอกของเขาแรงๆ แต่มันก็ไม่ได้ผล เขายิ่งออกแรงกดมาที่ริมฝีปากรุนแรงยิ่งขึ้น มือหนาจับมือของฉันกดเอาไว้กับพนักโซฟา ยิ่งฉันขัดขืนเขายิ่งบดเบียดริมฝีปากของฉันร้อนแรงมากขึ้น ตัวของฉันเอนไปพิงพนักด้านหลังด้วยแรงกดของเขา
สักพักจากจูบที่ร้อนแรงกลายมาเป็นจูบที่อ่อนโยนมากขึ้นแต่ทว่าหนักหน่วงและลึกล้ำ แผงอกกว้างของเขาโถมลงมาที่ตัวฉันจนฉันเอนลงไปนอนบนโซฟา ศีรษะหนุนกับที่พักแขน กีกวังถอนจูบออกแป็บนึงเพื่อให้ฉันหายใจก่อนจะประกบริมฝีปากลงมาอีกครั้ง ครั้งนี้อ่อนโยนและนุ่มละมุมจนฉันยิ่งเคลิ้มไปกับเขามากขึ้น เขาปล่อยมือที่จับแขนฉันเมื่อครู่มารวบเอวของฉันแทนทำให้ร่างของเราสองคนแนบชิดกันยิ่งขึ้น ความอบอุ่นจากตัวเขาแผ่ซ่านไปทั่วร่างกายของฉันจนรู้สึกร้อน
**************************************
อัพแล้วน้าาาาาา >/////<
ส่งความฟินมาให้เบาๆ กับเวลา ตี 1 ครึ่ง อิอิ
ฝากติดตามตอนต่อไปด้วยนะคะ ^O^
**************************************
คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ