[B2ST/Beast] Dream Story รักนี้ให้นาย...เจ้าชายอสูร
8.9
เขียนโดย Kreota
วันที่ 19 กรกฎาคม พ.ศ. 2556 เวลา 00.14 น.
87 ตอน
86 วิจารณ์
113.67K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 11 ตุลาคม พ.ศ. 2557 22.21 น. โดย เจ้าของนิยายฟิคชั่น
79) [Episode 6 :: Lie Lover] # Chapter 11
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความEpisode 6 Lie Lover
:: Chapter 11 ::
“กรี๊ด นั่นกีกวังนี่นา >///<”
“วงบีสท์น่ะหรอ”
“ใช่ๆๆๆ”
“ไม่จริงใช่ไหม...เขามาที่นี่ได้ไงอ่ะ!”
“เข้าไปขอถ่ายรูปได้ไหมนะ แต่ดูท่าทางเขารีบนะ ไม่กล้าอ่ะ...” เสียงพูดคุยของคนที่ผมเดินผ่านมาดังขึ้นตลอดทาง ผมลืมไปเลยว่าผมเดินลงมาจากรถโดยไม่มีอะไรปิดบังใบหน้าเลย! ผมลืมได้ไงเนี่ย!
ผมเดินเลี้ยวเข้ามาในมุมหนึ่งของตึกเพื่อหลบผู้คนที่เริ่มชี้ให้กลุ่มเพื่อนดูว่ามีดาราเข้ามาในบริษัท ระหว่างที่กำลังหาทางหนีทีไล่อยู่นั้น ไม่รู้เพราะความโชคดีหรือความบังเอิญที่ทำให้คนของคุณอธิสเดินผ่านมาทางที่ผมกำลังหลบอยู่พอดี
ผมแอบตามไปเงียบๆ ก็เจอคุณอธิสกำลังคุยกับซังมิซึ่งเป็นเพื่อนของปลายฝนอยู่หน้าห้องห้องหนึ่ง เธอกำลังร้องไห้ฟูมฟายจนจับใจความไม่ได้ แต่เท่าที่ดูจากท่าทางของเธอทำให้รู้ว่าปลายฝนอยู่ในห้องนั้นและกำลังอยู่ในอันตราย!
“ไม่นะ...” ผมเผลอพูดออกมาคนเดียว แต่ผมยังมีสติพอที่จะไม่เดินออกไปเพราะผมไม่มีอาวุธติดตัวเลย ถ้าเกิดผมผลีผลามเข้าไปอาจจะกลายเป็นตัวถ่วงพวกเขาเปล่าๆ ผมเลยเลือกที่จะตั้งสติอยู่ตรงมุมทางเดินต่อไป
บางทีมันก็เจ็บใจเหมือนกันนะที่ไม่เท่ห์ ไม่แมน (?) ไม่มีอาวุธครบมือเหมือนคนอื่นเขา มีแต่มือเปล่าๆ ที่มีหน้าที่ถือไมค์ร้องเพลงเท่านั้น แบบนี้จะปกป้องใครเขาได้ล่ะ!
คุณอธิสและลูกน้องชักปืนออกมาคนละกระบอก ก่อนจะทุบที่ประตูถี่ๆ แต่ก็ไร้วี่แววของคนในห้อง พวกเขามองหน้ากันนิดหน่อยก็ผลัดกันพังประตูแต่รู้สึกว่าประตูบานนี้จะพังยากมาก พวกเขาจึงตัดสินใจเล็งปืนไปที่กลอนประตูบานนั้น
ปัง!! ปัง!! ปัง!!
ประตูถูกยิงไป 3 นัด ก่อนที่พวกเขาจะใช้เท้าถีบประตูเข้าไปในห้อง แล้วความโกลาหลก็ตามมาในทันทีเพราะอีกฝ่ายที่อยู่ในห้องยิงสวนออกมา เมื่อเสียงปืนดังขึ้นคนที่อยู่ในตึกต่างวิ่งหนีออกนอกตัวอาคารเพื่อเอาตัวรอดกันอย่างวุ่นวาย
ระหว่างที่ความโกลาหลยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ใจผมก็ต้องกระตุกวูบลงเพราะปลายฝนกำลังถูกหญิงคนหนึ่งใช้ปืนจี้ขมับอยู่ ด้วยท่าทางเหมือนคนขาดสติของเธอทำให้ต่างคนต่างไม่กล้าบุ่มบ่ามทำอะไร คุณอธิสและลูกน้องกำลังพยายามเกลี้ยกล่อมเธอคนนั้นอยู่
“พี่! พี่กำลังทำให้เรื่องมันยิ่งยุ่งนะ ปล่อยปลายฝนเถอะ” ผู้ชายคนหนึ่งที่ผมจำได้คลับคล้ายคลับคลาว่าเคยเจอที่ไหนแต่จำไม่ได้ ตอนนี้เขาเดินตามปลายฝนกับผู้หญิงคนนั้นออกมาติดๆ
“ไม่!!! ฉันไม่ยอมให้นังนี่มันลอยหน้าลอยตาอยู่บนโลกนี้หรอก! มันดูถูกฉันมากเกินไป!!” ผู้หญิงคนนั้นร้องขึ้นมาอย่างบ้าคลั่ง พร้อมกับถอยหลังมาเรื่อยๆ โดยที่เธอไม่รู้เลยว่าทางที่เธอกำลังเดินมามีผมยืนอยู่ตรงนี้
“ผมว่า เราค่อยๆ พูดค่อยๆ จากันก่อนดีกว่า” คุณอธิสพูดพร้อมกับค่อยๆ เดินตามผู้หญิงคนนั้นมาทีละก้าวๆ และดูเหมือนว่าเขาจะเห็นผมแล้ว
“ปล่อยฉันเถอะ ถึงเธอจะยื้อต่อไปยังไงมันก็ไม่มีอะไรดีขึ้นหรอก” เสียงปลายฝนลอยขึ้นมาเบาๆ แบบไม่เต็มเสียงนัก เพราะเธอกำลังถูกล็อกคออยู่
“หุบปากเลย!!” ผู้หญิงคนนั้นพูดพร้อมกับจี้ปากกระบอกปืนลงไปที่ขมับของปลายฝนแรงขึ้น ทำเอาใจผมกระตุกวูบไปอีกครั้ง
“อย่าตามมานะ ไม่งั้นหัวนังนี่กระจุยแน่!”
วี๊หว่อ! วี๊หว่อ! วี๊หว่อ!
ระหว่างนั้นเองเสียงไซเลนของรถตำรวจก็ดังใกล้เข้ามาเรื่อยๆ ผู้หญิงคนนั้นชะงักไปชั่วขณะ แต่มันคือโอกาสทองของพวกเราที่จะเข้าไปแยกปลายฝนออกมา
“ปล่อยนะ!! ปล่อยฉัน!!!!” เสียงผู้หญิงคนนั้นกรี๊ดร้องหลังจากยื้อแย่งปืนกับคุณอธิสอยู่สักพัก และในที่สุดเธอก็ถูกแย่งปืนไปได้สำเร็จ ส่วนปลายฝนเธอล้มลงมาตรงหน้าผมพอดีตอนที่พวกนั้นเข้ามาช่วยเธอ
“ปลายฝน เธอไม่เป็นไรนะ” ผมรีบเข้าไปช่วยพยุงเธอให้ลุกขึ้นยืน แต่ดูเหมือนขาเธอจะไม่มีเรี่ยวแรงอะไรแล้ว เธอจึงทรุดลงไปกองกับพื้นอีกครั้ง
“ไหวไหม?” ผมลงไปนั่งตรงหน้าเธออีกครั้ง
“ฉัน...กลัว” ปลายฝนพูดคำสุดท้ายออกมาเบาๆ และสั่นเครือจนแทบจะไม่ได้ยิน มือที่ยันพื้นไว้สั่นเทาจนแทบจะพยุงร่างเอาไว้ไม่อยู่ นาทีชีวิตที่แสนอันตรายแบบนี้ถ้าเกิดเป็นผม ผมก็คงไม่ต่างจากเธอเหมือนกัน
“คุณเข้ามาได้ยังไง รู้ไหมว่าในนี้มันอันตรายขนาดไหน ถ้าเกิดคุณนาบีหรือทาง KB Ent. รู้เรื่องนี้เข้าล่ะก็ ทั้งคุณทั้งผมเดือดร้อนแน่!” คุณอธิสเดินเข้ามาต่อว่าผมด้วยน้ำเสียงที่บ่งบอกอารมณ์อย่างชัดเจนว่าโกรธมาก
“ผมขอโทษ ผมแค่ห่วง...ปลายฝน” ผมพูดออกมาเบาๆ เพื่อไม่ให้อีกคนที่นั่งสติแตกอยู่ใกล้ๆ ได้ยิน เพราะผมยังไม่มั่นใจตัวเองมากนักว่าที่จริงแล้วแค่เป็นห่วงเธอในฐานะเพื่อน หรือว่าเพราะเหตุผลอื่นกันแน่
“งั้นคุณรีบออกไปก่อนดีกว่า ก่อนที่นักข่าวจะแห่มา”
“แล้วปลายฝนล่ะ”
“ผมจะดูแลคุณปลายฝนเอง”
พอได้ยินคุณอธิสพูดแบบนั้น รู้ไหมครับผมเจ็บจี๊ดไปถึงขั้วหัวใจเลย ผมรู้แล้วว่าตอนที่คุณอธิสมาจีบณัช ฮยอนซึงมันรู้สึกยังไง!
“ผมจะพาปลายฝนออกไปด้วย นักข่าวคงยังไม่มาหรอก” ผมบอกแล้วอุ้มปลายฝนขึ้นมาอย่างรวดเร็ว
“คุณ! อย่าเพิ่งพาคุณหนูออกไป!!”
เสียงของคุณอธิสยังคงดังตามมาแต่ผมไม่สนใจ ผมรีบก้าวเท้าถี่ยิ่งขึ้นเพื่อให้ไปถึงรถที่ฮยอนซึงจอดรออยู่เร็วๆ เพราะตอนนี้ปลายฝนหมดสติไปแล้วหลังจากที่ผมอุ้มเธอขึ้นมาจากพื้น
“คุณ!! อย่าเพิ่ง!” เสียงคุณอธิสยังคงดังตามมาจนถึงประตูเข้าออกอาคาร
ปัง!!
ทันทีที่ผมก้าวเท้าออกนอกประตูเสียงปืนก็ดังขึ้นอีกครั้ง ใครกันถึงกล้ายิงปืนทั้งๆ ที่มีตำรวจอยู่หน้าตึกแบบนี้
ความรู้สึกอุ่นๆ ที่แขนทั้ง 2 ข้างทำให้ฉันก้มลงมองคนที่ผมกำลังอุ้มอยู่ เธอยังคงหลับตาพริ้มเหมือนเดิม แต่ที่ทำให้ผมรู้สึกเหมือนโลกจะแตกก็ตรงที่ท้องน้อยของเธอมีเลือดไหลออกมาไม่ขาดสาย มันอาบแขน ขาและตัวของผมเต็มไปหมด...
ปลายฝนถูกยิง!!
หมอ พยาบาล บุรุษพยาบาล พร้อมทั้งตำรวจอีกหลายนายวิ่งกรูเข้ามารุมผมกับปลายฝนทันที พยาบาลทำการปฐมพยายาลเพื่อห้ามเลือดขณะที่รอเปลมารับ ส่วนตำรวจก็เข้ามาคุ้มกันพวกเราอย่างแน่นหนา ขณะที่คนของคุณอธิสก็ออกมาคุ้มกันช่วยอีกแรง
ผมมองบรรยากาศรอบข้างด้วยความรู้สึกที่บอกไม่ถูก หัวสมองมันแน่นและทื่อไปหมด...ทั้งหมดเป็นเพราะผม! ผมมีส่วนทำให้เธอต้องมาที่นี่!! แล้วที่สำคัญผมเป็นคนอุ้มเธอออกมาเพื่อให้ใครก็ไม่รู้มาทำร้ายเธอได้อย่างง่ายดาย! ทั้งหมดมันเป็นเพราะผมเอง!!
“เฮ้ย! เป็นไรไหมเนี่ย” ฮยอนซึงเข้ามาตบไหล่ผมแรงๆ เพื่อเรียกสติ ผมหันไปมองหน้าเพื่อนพร้อมกับตาทั้ง 2 ข้างที่เริ่มพร่ามัว
“เขาพาปลายฝนไปโรงพยาบาลแล้วนะ ไปกันเถอะ!” ณัชบอกพร้อมกับชี้ไปที่รถพยาบาลที่ออกตัวไปอย่างรวดเร็ว พร้อมกับเปิดเสียงไซเรนลั่นถนนเพื่อขอทาง
“ทั้งหมดมันเป็นเพราะฉัน...” ผมพูดพร้อมกับน้ำตาที่อดกลั้นมานานไหลรินออกมาเป็นทาง
“...มันเป็นเพราะฉัน” ผมร้องไห้ออกมาอย่างไม่อายใครเพราะความรู้สึกผิดที่มันแน่นอยู่ในอก...ถ้าหากเธอเป็นอะไรไป ผมจะไม่มีวันให้อภัยตัวเองแน่! ผมจะไม่ยกโทษให้ตัวเองจนวันตาย!!
“เฮ้ย! ตั้งสติหน่อยสิวะ หายใจเข้าลึกๆ” ฮยอนซึงบอกพร้อมกับตบหลังผมเบาๆ
“ใช่...มันไม่ใช่ความผิดของนายหรอกกีกวัง ตอนนี้ที่เราทำได้คือรีบตามปลายฝนไปก่อน บางทีอาจจะไม่โดนจุดสำคัญก็ได้” ณัชบอก
เราออกมาจากหน้าบริษัทสวนกับนักข่าวเพียงแค่นิดเดียวเท่านั้น แต่ตอนนี้จะเป็นข่าวหรือไม่ผมไม่สนใจแล้ว ผมสนแค่ว่าขอให้ปลายฝนปลอดภัยเท่านั้นก็พอ ระหว่างทางผมได้แต่มองเลือดที่อาบทั่วตัวของผมด้วยใจหวิวๆ นี่เป็นเลือดผู้หญิงตัวเล็กๆ อย่างปลายฝนจริงหรอ...เลือดของเธอออกเยอะขนาดนี้ได้ยังไง ป่านนี้ไม่ใช่เลือดของเธอหมดตัวไปแล้วหรอ...แล้วเธอจะเจ็บมากรึเปล่า ผมนึกภาวนาในใจว่าอย่างน้อยตอนที่เธอถูกยิงขอให้เธอไม่ได้สติ เธอจะได้ไม่รู้สึกเจ็บปวด
พวกเรา 3 คนไปถึงโรงพยาบาลก็เจอกับคนอื่นๆ ที่มาถึงก่อนหน้านี้แล้ว ทุกคนกำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้หน้าห้องผ่าตัดด้วยอารมณ์ที่ไม่ต่างกันคือกังวลและเป็นห่วงคนที่อยู่ข้างในนั้น
“เป็นไงบ้าง” ณัชเข้าไปถามเภตรา
“ไม่รู้เหมือนกันเข้าไปครึ่งชั่วโมงแล้วยังไม่มีใครออกมาเลย”
“ถ้าเกิดอะไรขึ้น ป่านนี้คงมีใครออกมาบอกเราแล้วล่ะ เพราะฉะนั้นแสดงว่าตอนนี้ปลายฝนยังปลอดภัยอยู่” เฝ้าฝันบอก...ผมก็หวังว่ามันจะเป็นอย่างนั้นนะเฝ้าฝัน
“อ้าว! เฮ้ยๆ นั่นมันนโกรธใครมาน่ะ” อยู่ๆ จุนฮยองก็ร้องทักขึ้นมาขณะที่มีผู้มาใหม่เพิ่มขึ้น นั่นคือคุณอธิสและลูกน้องอีก 5 คนที่กำลังเดินอาดๆ เข้ามาหน้าห้องผ่าตัดและ...
ผั๊วะ!!!
ผมรู้สึกถึงแรงกระแทกที่กรามอย่างแรงพร้อมกับร่างที่ปลิวลงไปกองกับพื้น สมองรู้สึกมึนๆ สักพักก่อนที่จะประมวลผมออกมาได้ว่า ผมเพิ่งโดนชกไปหมาดๆ
“เฮ้ย! อยู่ดีๆ มาชกกันแบบนี้ได้ไง!!” เสียงของจุนฮยองดังขึ้นมาอย่างเอาเรื่อง และดูเหมือนจุนฮยองจะพยายามเข้ามาหาคุณอธิส แต่ก็ถูกลูกน้องของเขากันเอาไว้
“ผมบอกคุณแล้วว่าอย่าเพิ่งพาคุณปลายฝนออกมานอกตึก! แต่คุณก็ไม่เชื่อ!! แล้วเป็นไง!!! เห็นไหมว่าสิ่งที่คุณทำมันส่งผลยังไงกับปลายฝน ห๊ะ!!!” เขาเข้ามากระชากคอเสื้อผมให้ยืนขึ้น คำพูดและการกระทำของเขาทำให้ความรู้สึกผิดที่ผมพยายามเก็บกดมันเอาไว้แล่นเข้ามากระหน่ำจิตสำนึกอย่างรุนแรงยิ่งขึ้น ภาพร่างน้อยๆ ที่โชกไปด้วยเลือดขณะที่อยู่ในอ้อมกอดของผมลอยเข้ามาทิ่มแทงหัวใจอีกครั้ง
“ผมรู้มาจากไอ้ซอลทังว่าอุนเซมันจะส่งคนซุ่มยิงรอเก็บปลายฝนอยู่หน้าตึก แต่ผมคิดว่าคงไม่เป็นไรถ้าเกิดผมเป็นคนพาเธอออกไปเพราะว่าเราคิดแผนกันไว้แล้วว่าจะพาเธอออกไปยังไง แต่คุณก็ทำให้เสียแผนหมด!!!”
“เฮ้ย! มาพูดจาแบบนี้ได้ยังไง ก็กีกวังไม่รู้นี่!” ณัชตะคอกขึ้นมาบ้าง
“ถึงไม่รู้ แต่ก็น่าจะฟังกันบ้าง ผมบอกเขาแล้วนะณัชว่าอย่าเพิ่งพาปลายฝนออกมาเขาก็ไม่เชื่อ!!!”
“คุณทำไมไม่บอกผมล่ะ คุณปล่อยให้ผมพอปลายฝนออกมารับกระสุนแบบนี้ได้ยังไง!!” ผมกระชากคอเสื้อของคุณอธิสกลับบ้าง ถ้าเกิดตอนนั้นเปลี่ยนจากคำว่า ‘อย่าเพิ่งพาปลายฝนออกไป’ เป็นคำว่า ‘มีคนซุ่มยิงอยู่ข้างนอก อย่าพาเธอออกไป’ มันจะดีกว่าไหม? เพราะระยะทางจากที่เกิดเหตุกับประตูมันก็ไม่ได้ใกล้จนพูดประโยคสั้นๆ แค่นั้นไม่จบสักหน่อย!!
“แล้วคุณฟังผมไหมล่ะ มัวแต่รีบเดินอยู่นั่น!!!”
“แล้วทำไมไม่บอกให้มันเร็วๆ กว่านั้นล่ะ ถ้าผมรู้ผมคงไม่พาปลายฝนออกมาหรอก!!”
“เอ่อ...ขอโทษนะคะ” ระหว่างที่อารมณ์ของทั้งฝ่ายกำลังคุกรุ่นได้ที่ เสียงของผู้หญิงคนหนึ่งก็ดังขึ้น
“ที่นี่เป็นโรงพยาบาลนะคะ คนไข้ต้องการพักผ่อน กรุณาอย่าส่งเสียงดังนะคะ” พยาบาลบอกพวกเราอย่างสุภาพ
“อ๋อ ขอโทษนะคะ” วิลล่าพูดพร้อมรอยยิ้มแหยๆ คุณพยาบาลพยักหน้านิดหน่อยแล้วเดินไป
ผมกับคุณอธิสมองหน้ากันสักพักก่อนจะปล่อยคอเสื้อของฝ่ายตรงข้ามออกโดยดี แต่ถึงผมจะพยายามเถียงยังไง ความผิดทั้งหมดมันก็เป็นของผมคนเดียวอยู่ดี ผมมันโง่เองที่คิดน้อยเกินไป ผมลืมไปเลยว่าปลายฝนไม่ได้เป็นแค่ผู้หญิงธรรมดา แต่เป็นลูกสาวมาเฟียที่ต้องคอยหลบหลีกคนที่กำลังตามล่าเธอด้วย
“ขอโทษนะคะ ที่นี่มีญาติคุณปณิดาไหม” อยู่ๆ พยาบาลในชุดสีเขียวก็เปิดประตูห้องผ่าตัดออกมา
“ผมเป็น...ผู้ปกครองครับ” คุณอธิสเดินเข้าไปแสดงตัวเป็นคนแรก
“มีอะไรรึเปล่าคะ” เฝ้าฝันถาม
“คือตอนนี้คนไข้เสียเลือดมาก เราต้องการเลือดกรุ๊ปเอ ไม่ทราบว่ามีท่านไหนมีเลือดกรุ๊ปนี้บ้างไหมคะ”
“ผมครับ / ผมครับ” ผมกับคุณอธิสพูดขึ้นมาแทบจะพร้อมกัน ผมเหลือบไปมองหน้าคุณอธิสนิดหน่อยก่อนจะหันกลับไปมองพยาบาล
“ผมด้วยครับ” ดงอุนพูดขึ้นมาอีกคน
“เอาล่ะค่ะ เดี๋ยวจะขออนุญาตเจาะเลือดตรวจก่อนนะคะว่าเลือดจะเข้ากันได้ไหม”
“ได้ครับ / ได้ครับ”
อย่างน้อย...ผมขอใช้เลือดของผมทดแทนความผิดที่ผมได้ทำไว้กับเธอ ถึงมันจะไม่ได้ทำให้ความผิดของผมลดน้อยลงไปเลยก็เถอะ...
[Plaifon : Talk]
ฉันค่อยๆ ดันเปลือกตาที่หนักอึ้งของตัวเองขึ้นมองเพดานสีขาว ความเย็นของเครื่องปรับอากาศทำให้ฉันต้องกระชับผ้าห่มเข้ามาหาตัวมากขึ้น ทำไมอยู่เกาหลีต้องเปิดแอร์เย็นขนาดนี้ด้วยนะ มันไม่ใช่หน้าร้อนซะหน่อย ปกติเห็นเปิดแต่ฮีทเตอร์นี่นา...
“ตื่นแล้วหรอคะ เป็นยังไงบ้างปวดแผลไหม” น้ำเสียงหวานๆ ของพยาบาลชุดขาวดังขึ้นมา ฉันหันไปมองเจ้าของเสียงซ้ำแล้วซ้ำเล่าอย่างงงๆ เพราะว่าภาษาที่เขาใช้พูดกับฉันมันเป็นภาษาไทย รวมทั้งเครื่องแบบ ป้ายชื่อพยาบาลก็ยังเป็นภาษาไทย...อย่าบอกนะว่า O_O!!
*****************************
มิน่าไรท์รู้สึกร้อนรนยังไงบอกไม่ถูก มีคนพูดถึงนี่เอง ฮ่าๆๆๆ
มาอัพแล้วนะคะ
ฝากติดตามด้วยนะ เข้าช่วงสุกท้ายของ Ep. แล้วจ้า
******************************
คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8.7 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9.2 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ