[B2ST/Beast] Dream Story รักนี้ให้นาย...เจ้าชายอสูร

8.9

เขียนโดย Kreota

วันที่ 19 กรกฎาคม พ.ศ. 2556 เวลา 00.14 น.

  87 ตอน
  86 วิจารณ์
  113.64K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 11 ตุลาคม พ.ศ. 2557 22.21 น. โดย เจ้าของนิยายฟิคชั่น

แชร์นิยายฟิคชั่น Share Share Share

 

71) [Episode 6 :: Lie Lover] # Chapter 3

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ขนาดตัวอักษร เล็ก กลาง ใหญ่ ใหญ่มาก
 
Episode 6 Lie Lover
:: Chapter 3 ::
 
            ฉันเงยหน้าขึ้นมองเจ้าของเสียงที่เพิ่งเดินเข้ามา...ของขวัญนั่นเอง เธอเดินมาพร้อมกับชายชุดดำ 2 คนซึ่งคงจะเป็นคนของเธอเอง ฉันก้มหน้าลงมองพื้นเหมือนเดิมโดยไม่ได้พูดอะไร ของขวัญก็เงียบไปสักพักก่อนจะเดินเข้ามาจับฉันลุกขึ้น
            “ลุกขึ้นเถอะ ไม่อายคนเขารึไง”
            “ปล่อยฉันเถอะ ฉันขออยู่คนเดียวสักพัก”  ฉันยื้อตัวเองไว้ ทำให้ของขวัญปล่อยฉันนั่งบนพื้นตามเดิม
            “เธอเป็นอะไรไป พวกนั้นเอาของสำคัญไปรึไงถึงมานั่งหมดอาลัยตายอยากแบบนี้”
            “สำคัญสิ...มันสำคัญเท่าชีวิตฉันเลย ถ้าไม่มีมัน ฉันใช้ชีวิตอยู่ไม่ได้แน่ๆ”  ฉันพูดด้วยเสียงที่แหบพร่า ยิ่งนึกถึงความเป็นอยู่หลังจากนี้แล้วน้ำตามันยิ่งไหลออกมา ฉันไม่อยากกินบะหมี่ห่อเดียว 3 วัน แล้วก็ต้องกินน้ำประปาแทนน้ำดื่มอีกแล้วนะ...
            “เฮ้อ...ฉันพอช่วยอะไรเธอได้อีกไหมเนี่ย ถ้าฉันได้ช่วยใครฉันก็อยากจะช่วยให้สุดๆ นะ”  ของขวัญนั่งลงตรงหน้าฉันโดยไม่ได้สนใจคนรอบข้างมองเราอยู่เลย
            “ไม่เป็นไรหรอก แค่นี้เธอก็ช่วยฉันมากเกินไปจนไม่รู้จะตอบแทนยังไงแล้ว เธอเป็นคนดีมากเลยนะ ทั้งที่เราเพิ่งจะเจอกันแต่เธอก็ช่วยฉันทุกอย่างเลย ขอบคุณมากนะ...ขอบคุณจริงๆ”
            “ขอบคุณฉันคนเดียวไม่ได้หรอก ต้องขอบคุณโน่นด้วย...”  ของขวัญพยักพเยิดไปที่เวทีที่บีสท์กำลังแจกลายเซ็นอยู่
            “กีกวังเห็นว่าเธอโดยทำร้ายเลยบอกฉันให้มาช่วย จะว่าไปเขาก็เก่งเน๊อะ คนตั้งเยอะตั้งแยะก็ยังเห็นอีกว่าเกิดอะไรขึ้นกับเธอ” 
            เขาเห็น...แสดงว่าเขามองฉันตลอดเลยงั้นหรอ?
            Let it go, let it go...~
            เสียงริงโทนจากกระเป๋ากางเกงดังแข่งกับเสียงกรี๊ดที่ดังขึ้นอีกระรอก ฉันหยิบมันขึ้นมาดูเบอร์คนโทรเข้าใจก็กระตุกวูบขึ้นมาทันที ยัยเจ๊ยอซูต้องรู้เรื่องแล้วแน่ๆ ถึงได้โทรมาแบบนี้
            “เธอเป็นอะไรรึเปล่า หน้าซีดเชียว”
            “ปะ..เปล่า...ฉัน...ฉันไปก่อนนะ”  ฉันบอกแล้วรีบกลับไปหอบข้าวของแล้วเดินออกมาจากงานทันที โดยทิ้งเสียงเรียกของของขวัญเอาไว้ข้างหลัง
            ความว้าวุ่นใจเพิ่มขึ้นมาอีกครั้งเมื่อมาถึงที่ทำงานก็พบว่าเพื่อนใน Invisible269 ไม่มีใครถูกแกล้งเหมือนฉันเลย
            “เธอจะอธิบายยังไงปลายฝน”  เจ๊ยอซูกอดอกถามด้วยใบหน้านิ่ง ไม่แสดงอารมณ์ใดๆ ออกมา ฉันถูกเรียกเข้ามาคุยเดี่ยวในห้องทำงานเย็นเฉียบเพราะเรื่องที่ฉันไม่มีรูปมาให้เจ๊เลยสักรูปเดียว
            “ฉันถูกคนของ Dream Fairy ขโมยเมมโมรี่การ์ดไปค่ะ”  ฉันบอกไปตามตรงและหวังว่าเจ้านายของฉันจะเข้าใจฉันบ้าง
            “งั้นหรอ...”
            “ค่ะ”
            “พวกนั้นจ้างเธอเท่าไหร่เธอถึงยอมถ่ายรูปให้มัน”
            “ว่าไงนะ!!”
            “ฉันว่าฉันถามได้ตรงประเด็นที่สุดแล้วนะ”
            “จ้างอะไรกันคะ ฉันไม่เข้าใจ!”
            “เธอว่ามันไม่ง่ายไปหน่อยหรอ อยู่ๆ คนอื่นเขาจะเอาเมมของเธอไปได้ยังไงมันอยู่ในตัวกล้องแบบนั้น นอกจากว่าเธอตั้งใจแกะไปให้เขา หรือไม่...เธอก็ยอมยื่นกล้องให้เขาเอง”
            “ฉันเปล่านะ! ฉันยื้อมันไว้จนสุดชีวิต แต่สถานการณ์ตอนนั้นมัน...”
            “เธอจะให้ฉันเชื่อหรอ?”  เจ๊ยอซูเลิกคิ้วสูง และถามออกมาทั้งๆ ที่ฉันยังพูดไม่จบประโยค
            “นี่เจ๊ไม่เชื่อฉันหรอ” 
            “ฮึ! ถ้าเธออยากให้ฉันเชื่อก็ได๊ฉันจะเชื่อ แต่...โทษฐานที่เธอทำให้ Invisible269 ต้องเสียรายได้มหาศาล เธอต้องยอมเอากล้องมาให้ฉัน เพื่อเป็นค่าตอบแทนที่ฉันสมควรจะได้”
            “ไม่มีทาง!! นี่มันของทำมาหากินของฉันนะ ถ้าฉันให้ไปแล้วฉันจะหาเงินมาจากไหน”
            “ก็แล้วแต่เธอสิ หรือเธอจะไปรบราฆ่าฟันกับพวก Dream Fairy เพื่อเอารูปคืนก็ตามใจ แต่ผลประโยชน์ของฉัน ฉันไม่ยอมเสียแน่!”
            นังเห็นแก่ตัวเอ้ย!! ฉันได้แต่ก่นด่าคำนี้ในใจและพยายามอดกลั้นให้มากที่สุด เพราะฉันไม่อยากให้เกิดปัญหาตอนนี้
            “แต่ฉันมีข้อเสนอมาให้...”  อยู่ๆ เจ๊ยอซูก็เปลี่ยนท่าทีอย่างรวดเร็ว  “ฉันจะให้เธอทำงานอย่างหนึ่งเพื่อแลกกับกล้องของเธอ”
            “อะไร?”  ฉันถามห้วนๆ ทันทีที่ยัยเจ๊นั่นพูดจบ
            “เธอต้องไปเอาของของบีสท์มาให้ฉันให้ได้”
            “อะไรนะ!”
            “ไม่ต้องทำท่าตกใจขนาดนั้นหรอกน่า คนของฉันบอกว่าเธอได้อภิสิทธิ์เข้าไปหลังเวทีแล้วก็สนิทกับบีสท์จนพวกเขาออกมาคุยด้วยไม่ใช่หรอ?...ฉันว่างานนี้ง่ายจะตายไปนะ”
            “ได้อภิสิทธิ์อะไรกัน ฉันหนีพวกทวงหนี้แล้วหลงเข้าไปต่างหาก”
            “ไม่ต้องมาแก้ตัวเพื่อปกป้องพวกนั้นเลยนะ! ฉันบอกเธอกี่ครั้งแล้วว่าพวกดาราพวกนี้มันก็แค่สินค้าที่เราใช้หารายได้เท่านั้น!!”  เจ๊ยอซูตวาดลั่น
            “ฉันให้เวลาเธออาทิตย์หนึ่ง ไปเอาของของบีสท์มาให้ได้ ไม่งั้นกล้องกับเลนส์ราคาเกือบแสนของเธอถูกขายทอดตลาดแน่!!”
           
            ฉันเดินล่องลอยไร้จุดหมายออกมาจากบริษัทเรื่อยๆ จนกระทั่งถึงบ้านพักที่ฉันเช่าอยู่ แต่ที่นั่นกลับมีชายชุดดำที่แสนจะคุ้นเคยยืนอยู่หน้าบ้าน ฉันเลยต้องหลบและหาที่ซุกหัวนอนใหม่ นั่นคือบ้านซังมิ ระหว่างทางที่ฉันเดินมามันไกลมากจนฉันรู้สึกว่าขากำลังจะหลุดออกมาอยู่แล้ว
            เดินมาราธอนชัดๆ ไม่มีเงินนี่ลำบากจริงๆ วันนี้เดินรวมระยะทางแล้วเกือบ 10 กิโลได้แล้วมั้ง T^T
            “กล้องของฉัน...”  ฉันบ่นพลางทิ้งตัวลงนั่นบนฟุตบาทข้างทาง เหม่อมองไปบนถนนที่เต็มไปด้วยรถราคาแพงวิ่งโฉบไปมาอย่างไร้จุดมุ่งหมาย
            บ้านฉันมีรถแบบนี้กี่คันนะ แล้วตอนนี้พ่อกับแม่จะเป็นยังไงบ้าง จะกินข้าวลงรึเปล่าที่ลูกหายออกจากบ้านขาดการติดต่อแบบนี้ หนูขอโทษนะคะพ่อ ขอโทษแม่ด้วยที่หนูเป็นลูกที่ไม่ดีเอาซะเลย...ความลำบากครั้งนี้หนูจะจำเป็นบทเรียน ว่าหนูจะไม่สร้างปัญหาและทำให้พ่อกับแม่ต้องเสียใจและเดือดร้อนอีก
            ฉันสูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วปล่อยออกมายาวๆ 2-3 ครั้งเพื่อรวบรวมพลัง เพราะมันเป็นสิ่งที่ฉันช่วยฉันได้เสมอเวลาที่เจอสถานการณ์แบบนี้ การสู้ชีวิตโดยลำพังนี่มันยากจริงๆ ยิ่งเป็นคุณหนูเหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่ออย่างฉันแล้ว ความยากยิ่งเพิ่มขึ้นอีกเป็นทวีคุณเลย
            “คอนโดนี้มัน...”  ฉันพึมพำเบาๆ เมื่อเงยขึ้นไปเห็นคอนโคแห่งหนึ่งตั้งตระหง่านอยู่ตรงหน้า ที่นี่ฉันรู้สึกว่าเคยเห็นที่ไหนมาก่อนนะ?...ฉันรีบค้นหารูปและที่อยู่ที่เจ๊ยอซูเพิ่งให้เอาไว้ทันที
            ใช่จริงๆ ด้วย!...ที่นี่เป็นคอนโดที่บีสท์พักอยู่!!
            ฉันมารู้ตัวอีกทีก็เดินมาจนถึงห้องที่มีหมายเลขตรงกับที่เจ๊ให้มา แต่...ฉันจะเข้าไปในนี้ได้ยังไง! ฉันไม่เป็นเป็นทีมงานหรือเพื่อนของพวกเขาเลย ถ้าฉันจะเคาะพวกเขาคงจะไม่ยอมเปิดแน่...หรือว่าจะงัด!!
            ไม่ดีกว่า...ฉันตัดสินใจหันหลังให้บานประตู เพราะฉันจะไม่ยอมทำสิ่งที่ไม่ดีแบบนี้แน่ พ่อแม่อุตส่าห์สอนมาดี T^T
            แต่...ตอนนี้ไม่มีอะไรจะกินแล้วนะ...
            ควับ!
            ฉันหันกลับมามองบานประตูห้องของบีสท์อีกครั้ง เอาวะ! ลองเคาะดูก่อนถ้าไม่ใครอยู่ก็งัดมันซะเลย!!
            จะเอาล่ะนะ...>_<
            ...เคาะแล้วนะ >_<!!
            “ทำอะไรน่ะ!”  อยู่ๆ ก็มีเสียงทุ้มๆ ดังขึ้นมาจากข้างหลัง ทำตัวฉันสะดุ้งสุดตัวเลยทีเดียว (เพราะตัวเองกำลังจะทำความผิดน่ะเซ่!=_=;)
            “กะ...กีกวังหรอ?...เอ่อ สวัสดีค่ะ ^^;;”  ฉันทักทายคนที่เข้ามาทักฉันเมื่อกี๊พร้อมเม็ดเหงื่อเม็ดเท่าช้างผุดขึ้นมาตามผิวหนังจนรู้สึกเปียกโชกไปหมด
            “อ้าว! ช่างภาพคนนั้นเอง มาทำไมเนี่ย”  เขาขมวดคิ้วถามฉัน
            เอาแล้วไง...มาทำไมวะตรู -_-;
            “อะ..อ๋อ มา...มา...รับจ้างทำความสะอาดน่ะ”  ฉันพูดขึ้นมาทันทีเมื่อหันไปเห็นไม้กวาดกับที่ตักผงที่วางอยู่หน้าห้องฝั่งตรงข้ามกับบีสท์
            “มาทำความสะอาด...ห้องฉันหรอ?”
            “อะ..เอ่อ....ฉันมาทำงานแทนคนที่บ้านน่ะ คนที่บ้านเขา...เขารับทำความสะอาดคอนโดนี้...พอดีเขาไม่สบายอ่ะ...ฉันก็เลยต้อง...ต้องมาทำแทน แต่ฉันจำหมายเลขห้องไม่ได้..ก็เลยกำลังจะลอง...เคาะๆ ดูสัก 2-3 ห้องไง...จะได้มาไม่เสียเที่ยว”
            “เขาบอกว่าอยู่ชั้นนี้หรอ?”
            “ชะ..ใช่ๆ ชั้นนี้แหละ ^^;”
            “เอ...เธอเป็นหลานป้าโบซอกรึเปล่าเนี่ย”  อยู่ๆ กีกวังก็พูดถึงบุคคลที่ 3 ที่ฉันไม่รู้จัก โบซอก?...ซอกไหมอ่ะ -_-?
            “อ๋อ!!...อื้มๆ ใช่ๆ นั่นแหละๆ ฉัน...ฉันมาแทนป้า”  ฉันเออออห่อหมกไปตามน้ำ ขอให้ป้าโบซอกนั่นช่วยฉันได้จริงเถอะ สาธุ! -/ \-;
            “อื้ม งั้นดีเลย ห้องกำลังรกเข้าขั้นจนไม่มีที่จะเดินอยู่แล้ว เข้ามาเลยๆ”  กีกวังพูดแล้วรีบล้วงกุญแจออกมาไขให้ฉันเข้าไปในห้องอย่างง่ายดาย
            อ้าวเฮ้ย! ให้เข้าไปจริงหรอ? ง่ายเกินไปไหมเนี่ย >.<!
            ฉันเดินตามกีกวังเข้ามาในห้อง และทันทีที่เดินเข้ามาข้างในเพียงก้าวเดียว ฉันก็รับรู้ได้ถึงความรก แบบคำว่า ‘โคตรรก’ ยังน้อยไปอ่ะ
            งานเข้าแล้วตรู U_U;
            “โห...”  ฉันเผลอหลุดปากออกมาแหละ U.U
            “ฮ่าๆ พอดีป้าแกหยุดงานไปอาทิตย์กว่าแล้ว เลยรกนิดหนึ่ง”  กีกวังหันมายิ้มจนตาหยีให้กับฉันเพื่อแก้เขิน ถ้านายจะยิ้มขนาดนี้นะ...มาฆ่าฉันเลยดีกว่า!-///////-
            “นั่นสินะ”  ฉันตอบรับเหมือนรู้เรื่องที่เขาพูดพร้อมกับเดินตามเขาเข้าไปในห้องเรื่อยๆ แต่อยู่ๆ กีกวังก็หยุดฝีเท้าลงกระทันหันและหันกลับมาหาฉัน ตัวฉันซึ่งเหยียบเบรกไม่ทันก็หน้าทิ่มไปชนกับกล้ามล่ำๆ ของเขาตามระเบียบ -/////-*
            “บ้าโบซอกไม่ได้ให้กุญแจห้องไว้หรอกหรอ ปกติป้าแกจะเข้ามาเลยนะไม่ต้องเคาะเพราะว่าตอนกลางวันพวกเราจะไม่ค่อยอยู่ หรือถ้าอยู่ส่วนมากก็จะนอนกันไม่มีใครตื่นมาเปิดประตูให้เธอหรอก”
            “อ้าวหรอ! ป้าไม่ได้ให้ฉันไว้เลยอ่ะ สงสัยป้าคงลืมมั้ง ^^;”  ฉันพูดไปจัดเพ่าจัดผมไปเพราะชนกล้ามอกซะหัวยุ่งเลย -..-///
            “อ๋อ..อืม งั้นเดี๋ยวฉันเอาให้ใหม่”  กีกวังพูดแล้วเดินแยกออกไปนอกระเบียงห้อง และกลับเข้ามาพร้อมกับไม้กวาดและที่ตักผง
            “อ่ะ”  เขาส่งมันมาให้ฉัน ฉันเลยต้องรับมันมาอย่างจำใจ อย่าบอกนะว่าฉันต้องมาทำงานเป็นแม่บ้านเพื่อแลกกับของของพวกเขา...แต่มันก็คุ้มนะ ถือเป็นการไถ่โทษให้พวกนายแล้วกันนะบีสท์ T^T
            “ป้าโบซอกได้บอกไว้ไหมว่าจะมาทำงานได้เมื่อไหร่”
            “ไม่ได้บอกไว้อ่ะ ตอนนี้ป้าแกกลับบ้านไปอยู่กับลูก คงอีกสักพักนั่นแหละ”  ฉันตอบกลับไปโดยแต่งเรื่องราวให้คุณป้าโบซอกของฉันนิดหน่อยเพื่อความสมจริงๆ ฉันนี่มันสตอเบอแหลใช้ได้เลยนะเนี่ย ^^ (มันน่าภูมิใจตรงไหนเร๊อะ -*-?)
            “อ๋อ งั้นถ้าหาอะไรไม่เจอก็ถามได้นะ แต่ฉันว่ารีบๆ ทำหน่อยก็ดี เพราะถ้าพวกนั้นมาเธอจะทำงานลำบาก”  กีกวังพูดถึงเพื่อนร่วมวงอีก 5 คนสินะ
            “ยังไง?”
            “พวกมันก็จะเดินวุ่นไปหมดน่ะสิ เดี๋ยวเดินไปห้องครัว เดี๋ยวนอนดูทีวี แบบนั้นเธอจะทำงานสะดวกไหมล่ะ”
            “ไม่ =_=”  ฉันตอบโดยที่ไม่สงสัยอะไรอีกเลย
            “ว่าแต่ เธอชื่ออะไรล่ะ”
            “ฉันชื่อปลา...ย...เอ่อ...ปาร์กมินอา”
            “ทำไมต้องอึกอักด้วย -_-?”
            “อ๋อ ฉันเพิ่งเปลี่ยนชื่อใหม่น่ะ มันยังติดปากชื่อเดิมอยู่ก็เลยอึกอักนิดนึง”
            “ชื่อเดิมว่าอะไรหรอ มันแย่จนต้องเปลี่ยนเลยหรอ”
            “เปล่าหรอก แม่เปลี่ยนชื่อให้เพราะว่ามันช่วยเสริมดวงอ่ะ”
            “อ๋อ”  กีกวังพยักหน้ารับรู้และไม่ถามอะไรต่อ
            หลังจากนั้นกีกวังก็บอกว่าจะให้ทำอะไรบ้างและห้ามทำอะไรบ้างเหมือนกับนิเทศงานคร่าวๆ นี่แหละค่ะและเขาก็ขอแยกไปอาบน้ำ
            ดีล่ะ! วันนี้ฉันต้องดูลาดเลาเอาไว้ หาทางหนีทีไล่ให้ดีจะได้ไม่โดนจับได้ (นี่ฉันทำตัวเหมือนโจรปล้นร้านทองเข้าทุกทีแล้วนะเนี่ย -_-;)
            กีกวังบอกว่าป้าโบซอกจะมาทำความสะอาดอาทิตย์ละ 1 ครั้งหรือถ้ามันรกก่อนวันที่กำหนดเขาก็จะโทรไปเรียกเอง สรุปคือแล้วแต่เจ้าของห้องจะเรียก =_= แต่ยัยเจ๊ยอซูมันให้เวลาฉันแค่อาทิตย์เดียว ถ้าขืนฉันรอจนถึงวันครบกำหนด กล้องฉันต้องตกเป็นของคนอื่นแน่ๆ T^T
            “เฮ้ย! ระวัง!”  อยู่ๆ เสียงของกีกวังก็ดังขึ้นตามมาด้วยแรงกระแทกที่หลังเท้า และความเจ็บก็แล่นจี๊ดขึ้นสมองอย่างรวดเร็วทันใจ TOT
            “โอ้ย!!!”  ฉันทิ้งไม้ถูพื้นในมือแล้วทิ้งตัวลงนั่งจับเท้าของตัวเองอย่างรวดเร็ว บ้าเอ้ย! มีพัดลมตั้งตรงนี้ด้วยหรอ!!
            “เป็นไรมากไหมเนี่ย”  กีกวังวิ่งเข้ามาดูอาการใกล้ๆ กลิ่นหอมสบู่อ่อนๆ จากตัวเขามันทำให้ความเจ็บปวดของฉันลดลงไปกึ่งหนึ่งเลยล่ะ -..-
            “ไม่เป็นไรค่ะ”  ฉันรวบรวมแรงที่มีอันน้อยนิดตอบออกไป
            “ไม่หักแน่นะ”
            “แน่ค่ะ แต่เรื่องบวมกับรอยช้ำเนี่ยไม่แน่”  ฉันตอบแกมตลกๆ กีกวังขำออกมานิดๆ ก่อนจะเดินไปเปิดตู้เย็นเอาน้ำแข็งใส่ผ้าขนหนูกลับมาวางไว้บนหลังเท้าให้ เขาใส่กางเกงวอร์มขายาวกับเสื้อกล้ามสีขาวโชว์กล้ามล่ำๆ อย่างไม่แคร์สายตาฉันเลย มันดูสบายๆ ก็จริงอยู่ แต่นายสนใจสายตาฉันหน่อยไหม -.,-//
 
 
 
********************************
อัพแล้วจ้า ^O^
ฝากติดตามด้วยนะคะ
กดไลค์กดแชร์กันเยอะๆ นะจ้ะ
วิจารณ์ได้น้า ^_^
********************************
 
 
 
 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8.7 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9.2 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา