[B2ST/Beast] Dream Story รักนี้ให้นาย...เจ้าชายอสูร
เขียนโดย Kreota
วันที่ 19 กรกฎาคม พ.ศ. 2556 เวลา 00.14 น.
แก้ไขเมื่อ 11 ตุลาคม พ.ศ. 2557 22.21 น. โดย เจ้าของนิยายฟิคชั่น
70) [Episode 6 :: Lie Lover] # Chapter 2
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
Episode 6 Lie Lover
:: Chapter 2 ::
ฉันเดินกลับออกมาหน้างานอย่างระแวดระวังมากกว่าเดิม แต่ฉันก็ยังไปไหนไม่ได้เพราะว่าข้างนอกยังมีคนชุดดำเดินสวนสนามกันให้ควัก รู้งี้ฉันน่าจะขอตามของขวัญไปซะก็สิ้นเรื่อง T^T อย่างน้อยๆ ก็เป็นเด็กขนของไปพลางๆ ก่อนก็ยังดี ยัยคนนั้นก็น่าจะเป็นคนดังพอตัวอยู่เพราะว่าฉันรู้สึกคุ้นๆ ชื่อนั้นมากจริงๆ
ด้วยความที่ไม่มีที่ไปฉันเลยเดินกลับมาทางเดิมแล้วหาซอกหลืบเล็กๆ เพื่อแทรกตัวเองเข้าไป ตรงนี้มันเกือบจะติดกับเวทีเลยแต่มุมมองแคบไปหน่อย ที่ฉันทำได้ตอนนี้คือภาวนาให้กีกวังมานั่งตรงริมฝั่งนี้ ถ้าเกิดเป็นอย่างนั้นจริงๆ ฉันจะรำไทยถวายเลย =_=;
แต่รอแล้วรอเล่าพวกเขาก็ยังไม่ออกมาสักที เข้างานมานานแล้วจะพักผ่อนอะไรนักหนาปล่อยให้พิธีกรติงต๊องพูดอยู่ได้ เฮ้อ...
“ฉันบอกแล้วไงว่าถ่ายเสร็จแล้วก็ออกไปนั่งรอตรงโน้นเลย!” ระหว่างนั้นเอง ก็มีผู้หญิงผิวขาวผมลอนลากเด็กผู้หญิงผมบอมสั้นออกมาจากหลังเวทีพร้อมโวยวายลั่น
อะไรกันล่ะนั่น -_-!
“โธ่ พี่วิลล่าฉันไม่ใช่แฟนคลับธรรมดาสักหน่อย” เด็กผู้หญิงผมบอบคนนั้นพูด
อ๋อ! จำได้แล้ว คนที่ยืนคุยกับเด็กผมบอบนั่นคือวิลล่า วง Lusty นี่นา ได้ข่าวว่าเป็นแฟนกับซนดงอุนวงบีสท์นี่นา ตามมาเฝ้ากันถึงนี่เลยหรอเนี่ย ดีล่ะ! นอกจากจะได้เงินจากภาพของกีกวัง ขอแชะภาพวิลล่าไปขายปาปารัซซี่หน่อยแล้วกัน -..-
“แฟนคลับโรคจิตน่ะสิ!”
“พูดอีกก็ถูกอีก =_=” เด็กคนนั้นทำหน้ามุ่ย
“ไม่คิดจะปฏิเสธเลยหรอ -_-”
“ไม่หรอกค่ะ ก็โรคจิตจริงๆ นี่ ^_^”
“ชิ! ยัยนี่ ฉันอุตส่าห์ให้เข้ามาถ่ายรูปกับดงอุนเป็นการส่วนตัวแล้วยังไม่พอใจอีกหรือไง ได้คืบจะเอาศอกหรอยะ!!”
“ขออยู่ต่ออีกแป๊บเดียวเองนะคะ...”
ฉันไม่รู้ว่าทำไมแฟนคลับคนนั้นถึงได้รับสิทธิพิเศษเข้าไปถ่ายรูปหลังเวทีได้ แต่เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลาโดยเปล่าประโยชน์ฉันก็เริ่มปฏิบัติการปาปารัซซี่จำเป็นด้วยการหมุนเลนส์เพื่อปรับความคมชัดของภาพ แต่กลับมีมือเล็กๆ มาบังเลนส์กล้องไว้ซะงั้น =_=
“นี่เธอเป็นใครกันแน่ เป็นนักข่าวหรอ?” เสียงของขวัญดังอยู่ด้านหน้าทำเอาฉันสะดุ้งไปทีหนึ่ง คนกำลังตั้งใจมาเบรกซะงั้น -_-; ฉันลดกล้องลงก็เจอของขวัญกำลังมองหน้าฉันเหมือนกำลังจะเคี้ยวเนื้อฉันกินสดๆ ให้ได้ -_-;;
“ฉันเห็นเธอมีกล้องมันรู้สึกแปลกๆ เลยย้อนกลับมาดู”
“นี่เธอไม่เชื่อฉันหรอ หมอนั่นเธอก็รู้จักนี่ว่าเป็นใคร”
“ฉันรู้ แต่เธอกำลังจะถ่ายรูปของเพื่อนฉันนะ จะให้ฉันไว้ใจได้ยังไง”
“ก็เพื่อนเธอเป็นนักร้องนี่ จะไม่ถ่ายได้ไง”
“สรุปคือ...นักข่าว?”
“ไม่ใช่ ฉันเป็นแค่ช่างภาพสมัครเล่นที่ถ่ายรูปไปลงตามเว็บไซต์เท่านั้นเอง” ฉันบอกไปตามความจริง ขณะที่วิลล่ากับเด็กผู้หญิงคนนั้นเดินเข้ามาสมทบ
“แล้วทำไมเธอไม่ไปสักที ที่จริงเขาไม่ให้ใครเข้ามาแถวนี้นะนอกจากทีมงาน...”
“กับเด็กนั่น...” ฉันสวนกลับทันควันก่อนที่ของขวัญจะพูดจบ
“เฮ้อ...ก็ใช่...” ของขวัญตอบกลับมาอย่างเนือยๆ
“คนนี้น่ะหรอที่เธอบอก” ระหว่างนั้นก็มีคนมาร่วมวงเพิ่ม นั่นคือยงจุนฮยองกับลีกีกวังวง Beast ดูใกล้ๆ แบบไม่ผ่านเลนส์กล้องแล้วหล่อบรรลัยเลยพ่อคุณ >////<
“ใช่ แต่ไม่ใช่นักข่าวหรอก เป็นช่างภาพตามเว็บไซต์เฉยๆ” ของขวัญหันไปตอบจุนฮยองอย่างเป็นกันเอง สรุปคือพวกเขารู้จักกันหมดเลยงั้นสิ?
เริ่มคันไม้คันมืออยากจะยกกล้องขึ้นมาถ่ายใจจะขาดรอดๆ เพราะว่าเงินก้อนโตมาอยู่ตรงหน้าฉันแล้ว >.<! แต่พอมองหน้าจุนฮยองสลับกับของขวัญแล้ว...นิ่งๆ ไว้คงดีกว่าสินะ U_U;
“เธอยังไม่ตอบฉันเลย ทำไมเธอยังอยู่ตรงนี้ ถ้าทีมงานมาเจอเข้าล่ะก็เธอโดนจับโยนออกไปทั้งที่ยังไม่ได้ถ่ายรูปแน่” ของขวัญพูด
“ข้างนอกพวกนั้นยังวนเวียนอยู่เลยน่ะสิ ดูเหมือนมันจะไม่ปล่อยฉันไปง่ายๆ แน่ T^T” ฉันทำหน้าเหมือนจะร้องไห้เพื่อเรียกคะแนนสงสารเต็มเหนี่ยว ถึงในใจพวกเขาอาจจะคิดว่าฉันหน้าด้านหน้าทนก็ยอมวะ!
“งั้นหรอ...แล้วถ้าฉันเคลียร์พวกนั้นออกไปได้แล้ว เธอจะยอมออกไปถ่ายรูปข้างนอกใช่ไหม”
“อะ..อืม” ฉันรับปากอย่างไม่เต็มใจเท่าไหร่นัก เพราะเสียดายโอกาสที่จะถ่ายรูปบีสท์แบบชิดขอบเวทีไปอย่างน่าเสียดาย แต่ก็เอาวะดีกว่าโดนไอ้ซอลทังจับไปเรียกค่าไถ่แล้วกัน T^T
“นี่คุณแฟน...เอ่อ! นี่เธอ ฉันบอกแล้วไงว่าห้ามมีเรื่อง” จุนฮยองหันไปปรามของขวัญ แต่ไอ้ 3 พยางค์แรกเนี่ย ฉันฟังไม่ค่อยถนัดเท่าไหร่เพราะกีกวังกระแอมออกมาซะดัง ส่วนของขวัญก็ถลึงตาใส่จุนฮยองทันทีจนเขาต้องเปลี่ยนคำพูดใหม่
พวกเขาดูมีความลับกันนะฉันว่า -_-?
“ฉันมีเรื่องเองที่ไหนกันเล่า คนของพ่อฉันต่างหาก” ของขวัญเถียง
“เออๆ งั้นอนุโลมให้ อย่าให้ฉันเห็นว่าเธอไปเล่นไล่จับกับพวกนั้นนะ” จุนฮยองพูดคาดโทษเอาไว้
“งั้นฉันไปโทรศัพท์แป๊บนะ ^_^...เธอก็รีบเคลียร์ชอบแอได้แล้ว เดี๋ยวแฟนคลับคนอื่นเห็นได้มีเรื่องโวยวายกันพอดี” ของขวัญพูดกับฉัน และหันไปบอกวิลล่าในประโยคสุดท้ายแล้วเดินแยกไปพร้อมกับจุนฮยอง
“คงยืมเงินเขามาเยอะน่ะสิถึงโดนไล่ล่าขนาดนี้” กีกวังที่ยังยืนอยู่ถามขึ้น
“ใช่ค่ะ เยอะมาก” ฉันตอบอย่างขอไปที กีกวังทำตาโตอย่างสนอกสนใจอย่าบอกนะว่าเชื่อ ขนาดยัยของขวัญเห็นฉันวิ่งหนีไอ้ซอลทังขนาดนั้นยังไม่เชื่อจนต้องย้อนกลับมาดูเลย =_=
“แล้วแบบนี้จะหาเงินมาจากไหนไปใช้เขาล่ะ ถ่ายรูปแบบนี้จะมีเงินพอใช้หนี้ได้ยังไง”
“โธ่ พี่กีกวังคะ ไปเดือดร้อนกับเขาทำไมล่ะ ดูเจ้าตัวเขายังไม่เห็นเดือดร้อนตรงไหนเลย” วิลล่าแย้งขึ้นมา เอ่อ...ฉันแสดงออกขนาดนั้นเลยหรอว่าฉันไม่ได้เป็นหนี้ไอ้ซอลทังน่ะ U.U
“แล้วมาถ่ายรูปแบบนี้ได้ตังค์ไหมล่ะ”
“ได้ แต่ได้นิดหน่อย แค่พอกินพอใช้เท่านั้นเอง”
“อ๋อ ลำบากจัง” กีกวังพยักหน้าหงึกหงักเหมือนเข้าอกเข้าใจฉันมากๆ นายเคยเป็นหนี้พันล้านมารึไงถึงได้เข้าใจฉันขนาดนั้น =_=
“ใช่ ลำบากมากเลย T^T” ฉันปรับเข้าโหมดชีวิตสุดรันทดทันที
“เฮ้อ...ขี้สงสารอีกตามเคย” วิลล่าบ่นพึมพำก่อนจะเดินออกไปพร้อมกับเด็กผู้หญิงผมบอบ
“แต่ฉันจะได้เงินมากขึ้นถ้านายช่วยฉันหน่อย”
“อะไรนะ! ให้ฉันช่วยหรอ”
“ใช่ นายแค่ยิ้มหล่อๆ แล้วก็มองมาที่กล้องฉันบ่อยๆ ฉันก็มีเงินไปจ่ายดอกพวกนั้นแล้ว ^_^” ฉันพูดพร้อมกับใจที่เต้นรัวอย่างลุ้นระทึก ฉันรู้ว่าการขอของฉันมันยากที่เขาจะทำได้เพราะข้างนอกมีกล้องเป็นพันคอยจับตาดูเขาอยู่ แต่ฉันก็หวังว่าเขาคงสงสารฉันบ้าง (จากเรื่องที่กุขึ้น =_=)
“เอ่อ...” กีกวังดูอึ้งไปพักใหญ่ แล้วมองฉันด้วยสายตาลังเล แต่เขายังไม่ทันได้ตอบอะไรของขวัญก็เดินกลับออกมาพร้อมจุนฮยอง 2 คนนี้ตัวติดกันจัง ได้กลิ่นความไม่ชอบมาพากลตุๆ แล้วสิ -..-
“ฉันเคลียร์ให้แล้วนะ ออกไปข้างนอกได้เลยรับรองว่าตลอกงานไม่มีพวกทวงหนี้เงินกู้แน่ๆ” ของขวัญบอกอย่างมั่นอกมั่นใจสุดๆ
“อ๋อ...ขอบคุณนะ หวังว่าฉันคงจะได้ตอบแทนเธอได้สักวัน”
...แต่หลังจากวันที่ฉันได้เจอกับพ่อแล้วนะ
ฉันต่อประโยคนี้ในใจ แล้วเดินออกมาเลยเพราะว่าคราวนี้มีทีมงานตามของขวัญกับจุนฮยองออกมาด้วย ฉันกลัวโดนจับโยนออกไปเลยชิงเดินออกมาก่อน
พอออกมาหน้างานผู้ชายชุดดำที่ฉันเห็นก็หายไปหมดแล้ว เธอทำได้จริงๆ หรอของขวัญ O_O! ถ้าพ่อเธอจะยิ่งใหญ่แล้วก็กว้างขวางขนาดนี้ล่ะก็ฉันอยากจะขอร้องให้ติดต่อพ่อให้จังเลย Y_Y
ฉันออกมายืนประจำตำแหน่งได้ประมาณ 15 นาที บีสท์ก็ออกมาโชว์ตัวบนเวทีพร้อมกับซิงเกิ้ลใหม่ที่เพิ่งจะ Comback มาสดๆ ร้อนๆ บีสท์เริ่มปรากฏตัวฉันก็เริ่มทำงานทันที ถ่ายภาพไปแอบดูเหงื่อเม็ดน้อยๆ ไหลย้อยลงมาตามตัวของกีกวังไปแบบฟินเบาๆ อ่ะ -..- ไม่น่าเชื่อว่าฉันจะกล้าขอให้เขามองมาที่ฉันคนเดียวได้ หน้ามึนชะมัดเลย >///< เขาทั้งหล่อทั้งดังขนาดนั้น ไม่มีทางที่จะมาสนใจคำขอร้องของใครก็ไม่รู้อย่างฉันหรอก
หลังจากพูดคุยและโปรโมท Mini Album เสร็จก็เริ่มต้นแจกลายเซ็น ช่วงที่เตรียมแฟนคลับและทีมงานเดินแจกปากกาให้บีสท์นี่แหละ อยู่ๆ กีกวังก็ทำท่าลุกลี้ลุกลนอยู่ไม่สุขเหมือนพยายามจะทำอะไรสักอย่าง จนภาพมันเบลอไปหมด ฉันถ่ายไม่ได้เลยนายเป็นอะไรของนาย ปวดหนักรึไงไปห้องน้ำก่อนไหม =_=?
เขาก้มลงหยิบมือถือขึ้นมากดๆ แล้วชูมันขึ้นกวาดไปตามแฟนคลับที่นั่งอยู่ข้างหน้ารวมทั้งแฟนคลับที่ยืนอยู่ระเบียงชั้นบนที่ฉันยืนอยู่ด้วย ทำเอาเหล่าชะนีเกาหลีถึงกับกรี๊ดสลบโบกไม้โบกมือหยอยๆ กันใหญ่เพราะคิดว่าภาพของตัวเองอาจจะติดในกล้องของโอปป้าบ้างอะไรประมาณนั้น =_= ฉันเลยต้องแชะภาพแห่งความประทับใจเอาไว้ 2-3 รูป เหตุการณ์สำคัญแบบนี้คงจะได้หลายตังค์ $_$
แล้วในที่สุดเขาก็ลดกล้องลงแล้วมองขึ้นมาหาฉัน...ใช่! เขามองมาที่ฉันจริงๆ ฉันไม่ได้มโนไปเองแน่ O////O!
ฉันทดสอบว่าเขาเห็นฉันจริงๆ ด้วยการส่งยิ้มไปให้...และก็เป็นอย่างที่คิด! เขามองเห็นฉันเพราะว่าเขายิ้มตอบกลับมา เล่นเอาแฟนคลับน้อยใหญ่ที่อยู่ข้างๆ ฉันกรี๊ดจนกล่องเสียงแทบจะทะลักออกมาข้างนอก แถมมีการพูดกันอีกว่า ‘โอปป้ามองฉันด้วย’ บ้างล่ะ ‘เขายิ้มให้ฉัน’ บ้างล่ะ เสียใจนะจ้ะ! เขายิ้มให้ฉันจ้ะ ฮ่าๆๆ รู้สึกดีจัง นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันรักงานนี้เลย ^O^
พอเขารู้ตำแหน่งฉันเท่านั้นแหละเขาก็ขยันมองมาให้ฉันถ่ายบ่อยๆ มีหันไปเล่นกล้อง Fancam ของคนอื่นบ้าง แต่ก็ไม่มากเท่ามอง (กล้อง) ฉัน >////< ฉันมองเขาผ่านเลนส์แบบไม่กระพริบตาเพื่อให้ได้ทุกช็อตที่เขามองมา แต่ยิ่งฉันถ่ายฉันยิ่งรู้สึกแปลกๆ
เคยไหมคะ? ที่เวลาเรา Eye contact กับใครบ่อยๆ แล้วใจเต้นแรงขึ้น (โดยเฉพาะกับคนหล่อๆ) ตอนนี้ฉันเป็นแบบนั้นแหละ ฉันคงไม่หลงเสน่ห์รอยยิ้มละลายโลกของเขาหรอกใช่ไหม -.,-?
ระหว่างที่รอแฟนคลับจัดแถว เขาก็มองมาให้ฉันถ่ายอย่างเต็มอกเต็มใจและเขาคงรู้ว่าฉันกำลังซูมภาพเต็มที่เพื่อถ่ายเขา เขาเลยขยับปากถามฉันผ่านเลนส์ประมาณว่า ‘ให้ทำท่าไหน’ ประมาณนี้นะที่ฉันอ่านออก -/////-
ฉันครุ่นคิดอยู่สักพักก่อนจะเอามือประสานกันเป็นรูปหัวใจส่งไปให้ มันรู้สึกเขินๆ ยังไงไม่รู้นะ แต่ฉันไม่ได้ส่งหัวใจให้เขาสักหน่อยนี่ แค่ทำท่าให้ดูเฉยๆ หน้าทำไมมันร้อนขนาดนี้ฟะ -////-
พอฉันทำเสร็จเท่านั้นแหละ เขาก็ยิ้มนิดๆ แล้วทำรูปหัวใจส่งมาให้ฉัน สาวน้อยสาวใหญ่ก็พอกันกรี๊ดไปตามระเบียบ เขาให้ความสำคัญฉันเกินไปแล้วนะ ขี้สงสารเกินควรแล้วนายน่ะ >////<
“ยัยนี่นี่เกินไปแล้วนะ ทำไมกีกวังโอปป้าต้องมองแต่ยัยนี่ก็ไม่รู้” เสียงไม่พอใจของคนข้างๆ เริ่มมา
เอาแล้วไง...มีคนสังเกตด้วยหรอเนี่ย =_=;
“นั่นสิ...”
เสียงพูดคุยจบลงประมาณ 5 นาที ฉันก็รับรู้ถึงแรงบีบอัดอยู่รอบตัว ฉันละสายตาจากกีกวังออกมาจากเลนส์กล้องเพื่อมองสิ่งแวดล้อม ก็พบว่าตัวเองกำลังโดนแฟนคลับกลุ่มใหญ่เบียดอยู่ เฮ้ๆ ฉันจะตกระเบียงอยู่แล้วนะยะ!
“ขอโทษนะคะ ช่วยเขยิบ...” ฉันบอกได้แค่นั้นแหละก็รับรู้ถึงรังสีอมหิตที่พวกหล่อนส่งมาให้ ทำให้ฉันรู้ว่าที่โดนเบียดไม่ได้เป็นเรื่องบังเอิญ ชะนีเกาหลีนี่น่ากลัวแบบนี้นี่เอง =_=
“ขอดูด้วยสิว่าได้รูปอะไรบ้าง” อยู่ๆ ก็มีเสียงนี้ดังขึ้นมา ฉันหันไปมองก็เจอกับคนของ Dream Fairy เดินเข้ามา 2 คน
“ได้ข่าวว่าเป็นมือหนึ่งของ Invisible เลยนี่ ขอดูบ้างสิ เผื่อจะได้เป็นแนวทางให้รุ่นน้องอย่างพวกเราบ้าง” พูดจบพวกนั้นก็เข้ามาแย่งกล้องฉันไปทันที เพราะฉันต้องระวังตัวไม่ให้ตกลงไปจากระเบียงจึงไม่ง่ายเลยที่จะยื้นกล้องเอาไว้ได้
“รูปสวยดีนี่” หนึ่งในนั้นเบ้ปากขณะกดดูรูปฉันไปเรื่อย และ…
แกร็ก!
“ขอนะ” มันชูเมมโมรี่การ์ดที่เพิ่งแกะออกจากกล้องฉันพร้อมรอยยิ้มอย่างผู้มีชัย ก่อนจะโยนกล้องคืนมาให้ฉันแล้วเดินออกไปพร้อมเสียงหัวเราะอย่างสะใจ
อ้าวเฮ้ย!!! เอาไปง่ายๆ แบบนั้นได้ยังไง ฉันอุตส่าห์ตั้งใจถ่ายนะ >_<!!!
“เอาคืนมานะ!!!” ฉันแผดเสียงลั่นแล้วพยายามเดินฝ่าฝูงแฟนคลับที่ยังคงแกล้งผลักฉันอย่างไม่ลดละ กว่าจะฝ่าออกมาได้พวกนั้นมันก็หายเข้ากลีบเมฆไปแล้ว
“บ้าเอ้ย!!” ฉันร้องออกมาแล้วพยายามกวาดตามองไปรอบๆ และเดินไปเดินมาอย่างบ้าคลั่ง จนในที่สุดฉันก็หมดแรงทรุดลงนั่งบนพื้นอย่างไม่แคร์สายตาใคร มันไร้เรี่ยวแรงและหมดอาลัยตายอยากจนคิดว่าตัวเองคงกำลังจะตายแน่ๆ หัวใจเต้นเร็ว หายใจลำบากจนต้องไออกมาเพราะว่าหายใจไม่ทัน
“เอาของฉันมา!!” ฉันตะโกนออกไปพร้อมกับทุบหน้าอกตัวเองแรงๆ เพื่อไล่ความอึดอัดบริเวณหน้าอกออกไป น้ำตาแห่งความคับแค้นใจไหลออกมาท่ามกลางสายตาของผู้คนที่มองฉันเหมือนเป็นตัวประหลาด...ไม่มีใครช่วย ไม่มีใครตามโจรที่ขโมยของของฉันไปเลยสักคน สังคมนี้มันยังมีคนดีๆ เหลืออยู่บ้างไหม! นอกจากความอิจฉาริษยากับการจ้องจะเอาชนะแล้วโลกยังมีอะไรโหดร้ายกว่านี้อีกรึเปล่า!!!...
“ตามไม่ทันแล้วล่ะ มันมีรถจอดรออยู่หน้างาน” อยู่ๆ เสียงนี้ก็ดังเข้ามาในหูอื้อๆ ของฉัน
******************************
อัพจ้า ^O^
ใกล้จะจบโปรเจ็กต์แล้ว
อย่าเพิ่งเบื่อกันนะ ^_^
******************************
คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ