[B2ST/Beast] Dream Story รักนี้ให้นาย...เจ้าชายอสูร

8.9

เขียนโดย Kreota

วันที่ 19 กรกฎาคม พ.ศ. 2556 เวลา 00.14 น.

  87 ตอน
  86 วิจารณ์
  113.64K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 11 ตุลาคม พ.ศ. 2557 22.21 น. โดย เจ้าของนิยายฟิคชั่น

แชร์นิยายฟิคชั่น Share Share Share

 

69) [Episode 6 :: Lie Lover] # Chapter 1

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

 

Episode 6 Lie Lover

:: Chapter 1 ::

 

            “แฟนไซน์ของ Beast คราวนี้ เอามุมเจ๋งๆ อย่าให้พวก Dream Fairy ได้มุมดีกว่าเด็ดขาด เข้าใจไหม!!”  เจ๊ชียอซูเจ้าของบ้านแฟนไซต์ Invisible269 จอมเฮี้ยมพูดเสียงดังลั่นที่ประชุมเพราะภาพชุดก่อนขายได้ราคาน้อยกว่าฝั่ง Dream Fairy

            “โดยเฉพาะเธอปลายฝน เธอถ่ายรูปได้ดีที่สุดในนี้ อย่าทำให้ฉันผิดหวัง”  เจ๊ยอซูหันมาจิกตาใส่ฉัน เอ่อ...ต้องรีบน้อมรับบัญชา U.U

            “ค่ะเจ๊”  ฉันตอบ หลังจากนั้นเจ๊ยอซูก็พูดถึงหัวข้อการประชุมอื่นๆ ต่อ

            บ้านแฟนไซต์เท่าที่ฉันรู้คือ เป็นกลุ่มคนที่ตามติดศิลปินไปตามงานต่างๆ ทั้งคอนเสิร์ต งานแฟนมีทติ้ง งานแฟนไซน์แจกลายเซ็นอะไรประมาณนี้ ซึ่งฉันก็คือกลุ่มคนกลุ่มนั้นที่เรียกตัวเองว่า Invisible269 ส่วนมากเขาทำกันเพราะว่ารักและชื่อชอบศิลปินเหล่านั้น แต่พวกเราเปล่า...พวกเราเน้นการตลาด มีแค่คำว่า ‘กำไร’ หรือ ‘ขาดทุน’ เท่านั้นที่เรารู้จัก ซึ่งความหมายที่ลึกซึ้งของการเป็นแฟนไซต์ฉันเองก็ไม่รู้อะไรมากนักเพราะว่าเรามุ่งเน้นแค่ค่าตอบแทนมากกว่า $_$

            พวกเราจะตามติดนักร้องกลุ่มเป้าหมายเพื่อถ่ายภาพหรือถ่ายวีดีโอ Fancam เพื่อขาย เน้นนะคะว่า ‘ขาย’ อย่างเดียวการเอาไปปล่อยไว้ตามเว็บต่างๆ เนี่ยไม่มี๊ ฉันไม่รู้หรอกว่าบ้านแฟนไซต์อื่นๆ เขาทำแบบนี้ไหมแต่สำหรับ Invisible269 สิ่งไหนทำเงินได้คือต้องทำ รวมถึงบางบ้านอย่างเช่น Dream Fairy ก็เป็นระบบเดียวกับเราคือ...เงินมาก่อน =_=

            ถามว่าตามถ่ายรูปนักร้องแบบ Zoom ระดับ HD แบบนี้มีหลงเสน่ห์พวกเขาบ้างไหม?...บอกเลยว่าไม่! ฉันไม่มีทางหลงเสน่ห์หน้าเนียนใส ขาวสะอาดประดุจหิมะฤดูหนาวและใบหน้าเรียวๆ จมูกโด่งๆ แถมเวลายิ้มแล้วโลกละลายแบบนั้นหรอกนะ ไม่มีท๊าง!-..-; (รู้สึกเสียงสูงขึ้น -_-?)

            บางคนกำลังสงสัยว่าฉันมาทำงานแบบนี้ได้ยังไง?...อยากรู้ไหม? เรื่องมันยาวอยู่นะตัวเธอว์ (ขอวิบัติเพื่อความอินเทรน ฮ่าๆๆ) โอเคบอกให้ก็ได้...

            ฉันชื่อปลายฝนค่ะ ฟังจากชื่อก็คงรู้ว่าฉันต้องเป็นคนไทยแต่กำเนิดแน่ๆ ซึ่งนั่นก็ถูกนะ แต่ถูกอยู่ครึ่งหนึ่งเพราะฉันเป็นลูกครึ่งค่ะ แม่ไทย-พ่อเกาหลี แต่ฉันน่ะเพิ่งจะรู้ความจริงมาไม่นานนี้เองว่าพ่อของฉันเป็น...เป็น!...เป็น!!! (ลีลาไปไหน =_=;) ...พ่อของฉันเป็นมาเฟียแหละ U_U ที่ผ่านมา 20 กว่าปีฉันก็สงสัยอยู่ว่าทำไมเราต้องย้ายที่อยู่บ่อยๆ ด้วย เดี๋ยวก็อยู่ไทย เดี๋ยวก็ไปเกาหลีจนฉันปรับสภาพระหว่างอากาศที่หนาวเหน็บของไทยและอากาศที่ร้อนระอุของเกาหลีแทบไม่ทัน -_-;

            เอ่อ...โทษทีค่ะภูมิอากาศสลับกัน (_ _;) เห็นไหมล่ะว่าฉันปรับสภาพไม่ทันจริงๆ ง่ะ T^T

            พอรู้ความจริงแล้วไงล่ะคะ? ตามสเต็ปชีวิตของนางเอกต้องเป็นไงล่ะ! ฉันก็หนีน่ะสิ >_< ฉันตกใจและรับไม่ได้มากๆ ที่พ่อเป็นมาเฟีย ฉันหนีไปไหนรู้ไหม...เกาหลี =_=

            ฉันรู้ว่าด้วยอิทธิพลของพ่อแล้ว ทันทีที่ฉันก้าวเท้าลงที่ท่าอากาศยานนานาชาติอินชอนพ่อของฉันต้องรู้และส่งคนมารับกลับภายใน 2-3 วัน แต่ผิดคาด! ฉันถูกแก๊งศัตรูของพ่อที่อยู่เกาหลี (ที่มีอิทธิพลพอๆ กัน) เข้ามาโจมตีซะก่อน ทำให้ฉันกลายเป็นคุณหนูตกอับ ไร้ที่ซุกหัวนอน ข้าวก็ไม่มีจะกิน เงินก็ไม่มีใช้ พาสปอร์ตก็หายกลับไทยไม่ได้อีก! แถมฉันไม่สามารถติดต่อพ่อของฉันได้เลย ทุกครั้งที่ฉันพยายามส่งข่าวกลับบ้านแก๊งนั้นก็จะรู้พิกัดของฉันทันทีเหมือนมันแอบฝังชิปอะไรสักอย่างไว้ในตัวฉันยังงั้นแหละ T^T

            ถ้าคิดว่าชีวิตของฉันมันไม่มีอะไรบัดซบไปได้มากกว่านี้แล้วล่ะก็ ขอบอกว่ายัง! ยังไม่หมด!! เพราะลุงกับป้าที่ฉันไปขอเช่าที่พักอยู่นั้นดั๊นเป็นหนี้นอกระบบก้อนโตแล้วมันอยากได้ฉันไปขัดดอกเพราะคิดว่าฉันเป็นหลานของลุงป้าอีก สรุปคือวันๆ ฉันต้องคอยวิ่งหนีมาเฟียกับพวกทวงหนี้นอกระบบไปพร้อมๆ กัน

            ถ้าเกิดเรื่องนี้จบ ฉันจะไปสมัครเป็นนักวิ่งทีมชาติซะให้มันรู้แล้วรู้รอด +_+

            ด้วยเหตุนี้ฉันเลยต้องมาทำงานหาเลี้ยงชีพด้วยพรสวรรค์ที่โดดเด่นของตัวเองนั่นคือ การถ่ายภาพ ฉันไม่รู้ไปทำอีท่าไหนถึงเข้ามาในองค์กร Invisible269 นี้ได้ ฉันขอเรียกว่าองค์กรแล้วกัน เพราะคำว่า ‘บ้าน’ มันอบอุ่นเกินไปสำหรับ Invisible269 ทำความรู้จักไปเรื่อยๆ จะรู้ค่ะว่ามัน...ไม่ใช่อย่างที่คิด U_U แต่เงินเขาดีจริงๆ นะ ฉันเลยอยู่ทำงานกับเขามานานเกือบครึ่งปีแล้ว ฉันสงสัยจริงๆ ว่าทำไมคนของพ่อถึงตามหาฉันไม่เจอสักที นานป่านนี้แล้ว -_-?

            “ปลายฝน...ปลายฝน!!!”

            “คะ...คะ!! ว่าไงนะคะ”  ฉันสะดุ้งสุดตัวเมื่อเสียงเรียกชื่อดังลั่นจนทุกคนในห้องต้องยกมือขึ้นปิดหูตัวเองเอาไว้

            “ฉันถาม เธอไม่ได้ยินหรอ?”  เจ๊ยอซูตบโต๊ะแรงๆ และมองฉันอย่างตำหนิ อ้าว...พูดอะไรหรอ? ฉันก็มัวแต่คิดเรื่องชีวิตที่โคตรเฮ็งซวยของตัวเองเพลินไปหน่อยเลยไม่ได้ตั้งใจฟัง =_=

            “เจ๊แกถามว่าจะเลือกถ่ายใคร”  ซังมิแอบกระซิบบอกฉันเบาๆ

            “อ๋อ...ใครก็ได้ค่ะเจ๊”  ฉันบอกแบบขอไปที แต่วันนี้เจ๊แกรู้สึกจะไม่ปล่อยฉันไปง่ายๆ เลย วันนี้วันมามากหรอเจ๊ อารมณ์บูดจริง -_-*

            “เฮ้อ...ฉันอุตส่าห์ให้เธอเลือกก่อนเพื่อนเลยนะเนี่ย งั้นเธอตามกีกวังแล้วกัน...ซังมิเธอตามโยซอบ...ซองอุนเธอตามจุนอยอง...”  แล้วหลังจากนั้นเจ๊แกก็แจกแจงให้ด้วยตัวเอง เฮ้อ...แจกให้ตั้งแต่แรกก็สิ้นเรื่อง =_=

            ตลอดเวลาที่อยู่เกาหลีฉันมีเพื่อนแค่คนเดียวคือ ปาร์กซังมิ เธอเป็นคนท่าทางหวานๆ น่ารัก แต่พอทำงานก็กลายเป็นคนลุยๆ และจริงจังกับการทำงานไปซะอย่างนั้น ที่เธอมาทำงานนี้ก็เพื่อหาทุนการศึกษาเพราะที่บ้านของเธอไม่ค่อยมีฐานะเท่าไหร่ ถ้าฉันกลับไปได้ฉันจะส่งเพื่อนคนนี้เรียนเองฉันสัญญา เพราะซังมิมีบุญคุณกับฉันมาก การที่ฉันเข้าไปทำงานใน Invisible269 ได้ก็เพราะซังมินี่แหละที่ช่วยพูดให้ แล้วก็อีกหลายๆ เรื่องที่ทำให้ฉันซึ้งในบุญคุณอย่างใหญ่หลวง T^T

            “แกต้องทำงานใช้หนี้ค่ากล้องแบบนี้อีกนานไหมฝน”  ซังมิถามขณะที่จิ้มต๊อกโบกีในร้านริมทางกินอย่างเอร็ดอร่อย

            “งวดนี้งวดสุดท้ายแล้ว ถ้างานนี้ไปได้สวย ฉันก็ไม่ต้องโดนหักไป 70% แบบนี้อีกแล้วล่ะ”  ฉันพูดแล้วกวาดตามองไปทั่วร้านเพื่อหาของกินเพิ่ม

            ก็อย่างที่บอก ฉันสิ้นเนื้อประดาตัวจนไม่มีอะไรจะกิน ไอ้กล้องที่ฉันใช้ทำมาหากินอยู่เนี่ยก็ยืมเงินเจ๊ยอซูมาซื้อ เพราะฉันเลือกเอาอันที่แพงมากเกินไป ฉันเลยต้องทนให้เจ๊หักเงินค่าแรงไป 70% ทุกๆ ครั้งที่ออกลุยงาน

            “ยัยเจ๊หน้าเลือดเอ้ย! ถ้าเกิดฉันหางานอื่นได้ดีกว่านี้ล่ะก็ ฉันจะรีบลาออกเลย เซ็งอ่ะ...เชื่อฉันสิว่าหมดค่ากล้องแล้ว ยัยเจ๊นั่นต้องหาเรื่องหักเงินแกอีกแหงๆ แทบจะไม่พอกินแล้วนะเว้ย 30% นั่นน่ะ ฉันเสียใจจริงๆ ที่ชวนแกมาทำด้วย T^T”  ซังมิบ่นไปกินไปอย่างไม่วางมือ

            เอิ่ม...เบาๆ ก็ได้นะเพื่อน กินน่ะ -_-;

            “แล้วแกจะไปทำงานอะไร เรียนก็ยังไม่จบ ไปเดินแจกไปใบปลิว ไปเป็นเด็กเสิร์ฟร้านไอศกรีม ไปเป็นเด็กปั๊มงั้นหรอ ทำทั้งเดือนเลยนะถึงจะได้เท่ากับค่าถ่ายรูปงานหนึ่งน่ะ”

            “เออ...ก็จริง...”  ซังมิหน้ามุ่ยแล้วกินต่อ ยิ่งคุยยิ่งรู้สึกว่าชีวิตนี้มันช่างยากเย็นสู้ชีวิตด้วยลพแข้งของตัวเองนี่มันเหนื่อยแทบขาดใจ คิดถึงคุณพ่อคุณแม่ คิดถึงพี่ต้นหนาว คิดถึงพี่เลี้ยง คิดถึงห้องนอนลายพิกเล็ต คิดถึงคฤหาสน์สวยๆ ที่ไทยจังเลย Y_Y

            พ่อจ๋า~ มารับหนูกลับบ้านหน่อยยย TOT

 

            เช้าวันรุ่งขึ้น หรือจะเรียกว่าเวลามืดของวันรุ่งขึ้นดี =_= เพราะขณะนี้เวลา...04.00 น. พวกเราเดินทางมารอที่งานแฟนไซน์ตั้งแต่ทีมงานยังไม่ได้มาจัดข้าวของเลยด้วยซ้ำ แต่เราต้องมาดูลาดเลาไว้ก่อนว่ามีตรงไหนที่จะมองเห็นเวทีได้ชัดเจนที่สุดและมุมที่เป้าหมายของแต่ละคนนั่งอยู่ตรงไหน ซึ่งมันก็ไม่ค่อยช่วยอะไรมากเพราะว่าเรายังไม่รู้ว่าเขาจะนั่งตรงไหนกัน ถ้าเกิดนั่งขอบๆ หน่อยก็จะง่ายเพราะเพื่อนศิลปินในวงจะได้ไม่บัง แต่ถ้านั่งกลางๆ ล่ะก็ ต้องพยายามหน่อย แต่สำหรับฝีมือของฉันไม่ต้องพยายามอะไรมากก็ได้ภาพสวยเกินจริงยิ่งกว่าตาเห็นทุกครั้ง โฮ่ๆๆๆ >O< (กอดอกหัวเราะอย่างภูมิอกภูมิใจ -_-)

            “ขนาดมาเช้าแล้วนะเนี่ย -_-”  ซังมิพยักพเยิดไปที่กลุ่มคนอีกกลุ่มที่เดินเข้ามาในบริเวณจัดงานเหมือนกัน พวก Dream Fairy นั่นเอง ฉันว่างานหน้าคงต้องมาตั้งแต่ตี 2 แล้วล่ะจะได้ไม่มีใครแย่งทำเลทอง -_+

            “รีบไปจองที่กันดีกว่า เดี๋ยวพวกนั้นก็เอามุมสวยๆ ไปหมดพอดี”  ฉันพูดแล้วเดินออกไปหามุมของตัวเองบ้าง

            ตามทางเดินและสถานที่ใกล้ๆ กับที่จัดงานก็เริ่มมีแฟนคลับจำนวนหนึ่งมานั่งรอนอนรอ Beast กันแล้ว ดูพวกเขาทุ่มเทกันจริงๆ แต่ถ้าจะทนลำบากขนาดนี้เพียงเพื่อลายเซ็นดาราล่ะก็ ฉันไม่เอาด้วยหรอก =_=;

            เวลาล่วงเลยมาถึงบ่ายโมงอย่างรวดเร็วประตูงานก็เปิดออก แฟนคลับจำนวนมากค่อยๆ เดินเข้ามาในงานอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย แล้วมานั่งตามคิวของตัวเองเพื่อรอลายเซ็นที่อุตส่าห์ดั้นด้นมารอตั้งแต่ไก่ยังไม่ตื่นมาขัน -_-; รอต่อไปอีกสักพักใหญ่ๆ คนที่เรารอคอยก็มาถึง!

            Beast เดินเข้ามาในงานพร้อมการ์ดจำนวนหนึ่ง พวกเขายิ้มและโบกมือให้แฟนคลับอย่างน่ารักและเป็นกันเอง เสียงกรี๊ดก็ดังขึ้นอย่างต่อเนื่องและกรี๊ดดังขึ้นในบางช่วงจังหวะที่ไอดอลแสดงท่าทางน่ารักและโปรยเสน่ห์จนถูกอกถูกใจตัวเองออกมา

            มัวแต่ชื่นชมอะไรอยู่เนี่ย! ฉันต้องเริ่มงานแล้ว >.<!!

            ฉันเริ่มมองเข้าไปในเลนส์กล้องแล้วสอดส่ายสายตาไปที่กีกวัง เป้าหมายของฉันสำหรับงานนี้ ยิ้มน่ารักๆ นะกีกวัง ฉันกำลังมองนายอยู่ ฮุๆๆ -.,-///

            ฉันหมุนเลนส์กล้องอย่างชำนาญเพื่อให้เป้าหมายของฉันออกมาดูดีที่สุด แต่ฉันไม่ต้องพยายามอะไรมากมายเลยเพราะฉันรู้สึกว่าแค่เขายิ้มนิดหน่อยภาพที่ได้ก็ออกมาดูดีอย่างไม่น่าเชื่อ เอ...หรือว่าฉันนอนน้อยเกินไป เมื่อกี๊ฉันชมว่าเขาดูดีหรอ -..-?

            วันนี้เหมือนจะผ่านไปได้ด้วยดีและคงจะได้เงินดีซะด้วยเพราะจากที่คาดการณ์ไว้ ภาพที่ได้มันคุ้มค่ากับการมารอตั้งแต่ตี 4 ของฉันจริงๆ ^_^ แต่...

            “ว่าไง...คุณหนู!”  อยู่ๆ เสียงทุ้มๆ ก็ดังอยู่ข้างหลังฉัน เสียงนี้ฉันจำได้คับคล้ายคับคลาว่าเป็นเสียงมือขวาคนสนิทของหัวหน้าแก๊งมาเฟียที่เป็นศัตรูพ่อชื่อแก๊งอะไรฉันจำไม่ได้แล้ว แต่ชื่อ ‘ซอซอลทัง’ คนนี้ฉันจำได้แม่นเพราะเราวิ่งไล่จับกันมาเกือบครึ่งปีได้ ใช่มันจริงๆ น่ะหรอ =_=? (ยังไม่อยากจะเชื่อ -_-)

            ฉันค่อยๆ หันไปมอง ก็ใช่มันจริงๆ ไอ้ซอลทัง!!! นี่คงจะได้เวลาออกกำลังกายเพื่อสุขภาพแล้วสินะ =_=;;

            “ยอมไปกับเราดีๆ เถอะนะ จะได้ไม่ต้องเจ็บตัว ^^”  มันส่งยิ้มหวานมาให้ฉัน ถึงใบหน้าเนียนๆ กับรอยยิ้มละลายใจนั่นมันจะทำให้สาวๆ หลายต่อหลายคนหวั่นไหว แต่กับฉันมันไม่ได้ผล! (หรอ?)

            “ฝันเหอะ!!”  ฉันพูดแล้วรีบหอบกล้องวิ่งหนีทันที ตายล่ะ!! ทางหนีที่ฉันดูๆ ไว้แฟนคลับก็ขวางไว้หมด! มากันทำไมเยอะแยะงานการไม่ทำกันรึงายยย หลีกปายยยย!!! >_<

            ถึงแม้ว่าตลอดทางจะมีแฟนคลับจำนวนมากขวางฉันไว้ทำให้วิ่งหนีลำบากไปสักหน่อย แต่อย่างน้อยมันก็สามารถทำให้ซอลทังมันวิ่งช้าลงบ้าง ขายิ่งสั้นๆ อยู่ถ้าเกิดคนไม่เยอะแบบนี้วิ่งหนีไม่ทันแน่ อันนี้เป็นข้อดีเพียงอย่างเดียวของพวกเธอนะ ‘บิวตี้’ [Beauty:: ชื่อกลุ่มแฟนคลับของ BEAST ค่ะ]

            “ทางนี้ห้ามเข้านะครับ”  การ์ดคนหนึ่งเดินเข้ามาขวางทางฉันไว้ อ้าวทำไมล่ะ!! มันจะตามมาทันอยู่แล้วนะ เปลี่ยนทางไม่ได้แล้ว!! >_<!

            “ขอผ่านหน่อยนะคะ!! นะคะ!!!”  ฉันขอร้องอย่างร้อนรน แต่ดูเหมือนการ์ดคนนี้จะไม่ปราณีปล่อยฉันไปง่ายๆ ฉันจะโดนจับไปเรียกค่าไถ่อยู่แล้วนะยะ! T^T

            “ตอนนี้ยังไม่เริ่มแจกลายเซ็นนะครับ ไปนั่งรอกับเพื่อนๆ ก่อนเถอะ ผมไม่อยากให้เกิดปัญหา”  เขาบอกฉันอย่างสุภาพ แต่ถึงจะสุภาพขนาดไหนตอนนี้ฉันก็ไม่ปลื้มทั้งนั้นแหละ ปล่อยฉันเข้าไปแล้วเปลี่ยนไปขวางไอ้คนข้างหลังแทนดีกว่าไหม นั่นมันลูกน้องมาเฟียสุดเลวเลยนะ!!!>_<!

            “นะคะๆๆๆ ขอร้องล่ะ ฉันต้องผ่านทางนี้จริงๆ T^T”

            “ไม่ได้จริงๆ ครับ!!” 

            น่าน...ขึ้นเสียงแล้ววุ้ย =_=!

            “โธ่เว้ย!!”  ฉันสบถออกมาแล้วเปลี่ยนเส้นทางในวินาทีสุดท้าย ในนั้นมันมีอะไรนักหนา แค่อยากอ้อมไปออกหลังเวทีเท่านั้นเอง >.<

            “เฮ้ย!!”  ฉันหยุดฝีเท้าลงทันทีเพราะว่าทางที่ฉันเพิ่งจะวิ่งมา มีชายชุดดำอีกกลุ่มขวางทางเอาไว้

            “คุณหนูครับ!! ทางนี้ครับ!” 

            แน่ะ! มาทำเป็นช่วยเรา แผนนี้ใช้ไม่ได้ผลหรอกนะ!!

            ฉันเปลี่ยนเส้นทางหนีทันที แต่พวกชุดดำกลุ่มที่ 2 ก็ยังตามมาติดๆ...โอ้ย!!! ฉันเกลียดชุดดำ!! ฉันเกลียดสีดำ!!

            ผลั่ก!!

            “อุ้ย! ขอโทษค่ะ”  ฉันพูดทั้งๆ ที่ก้นของตัวเองเพิ่งจะกระแทกพื้น ยัยคนนี้เป็นใครเนี่ยชนกันแรงขนาดนี้ไม่เห็นล้มเลย ขนาดเซยังไม่เลยสักนิด -_-?

            “ไม่เป็นไร เธอลุกไหวไหม”  ผู้หญิงที่ชนกับฉันส่งมือมาให้ ฉันจับมือนั้นแล้วหน่วงตัวเองลุกขึ้นยืน

            “เฮ้ย! อยู่นั่นไง!!”  เสียงไอ้ซอลทังร้องบอกลูกน้อง ทำให้พวกมันที่มากันประมาณ 10 คนกรูเข้ามาหาฉันอย่างรวดเร็ว

            “เฮ้ยๆๆ อะไรกันเนี่ย!!”  ผู้หญิงที่ชนกับฉันเมื่อกี๊ร้องเสียงหลงเมื่อเห็นว่ามีผู้ชายชุดดำวิ่งเข้ามา

            “พวกนั้นจะจับตัวฉันไป >_<”  ฉันเข้าไปหลบข้างหลังผู้หญิงคนนั้นเพราะว่าไม่มีทางหนีแล้ว ข้างหลังก็เป็นเวทีที่บีสท์จะแจกลายเซ็น ซึ่งมันผ่านไปไม่ได้อยู่แล้วนอกจากจะยอมให้การ์ดกระทืบแล้วจับโยนออกไปนอกงานซะ

            “ว่าไงนะ!!”  เธอร้องออกมาเสียงดัง พร้อมกับกำหมัดแน่น ยัยคนนี้แปลกๆ นะ ผู้หญิงปกติน่าจะร้องกรี๊ดวี๊ดว๊ายแล้วก็วิ่งหนีไปแล้ว แต่ยัยนี่กลับตั้งหน้าตั้งตาจะสู้กับผู้ชายเป็น 10 ซะอย่างงั้น

            นี่มัน 1:10 เชียวนะเธอ =_=;;

            “อ้าว! เอ่อ...สวัสดีครับคุณหนูซอ”  ซอลทังวิ่งเข้ามาจนเกือบจะถึงตัวฉันแล้ว แต่มันก็เปลี่ยนท่าทีโดยการโค้งตัวลง 90 องศาแทนแล้วพูดกับผู้หญิงที่ฉันชนแบบสุภาพอย่างผิดวิสัย

            อย่าบอกนะว่ารู้จักกัน หรือว่ายัยคนนี้ก็เป็นลูกเต้าเหล่ากอของมาเฟียเกาหลีเหมือนกันน่ะ หนีเสือปะจระเข้รึเปล่าเนี่ย -_-?

            “มีอะไรกันหรอ”  ผู้หญิงคนนั้นถามด้วยความแปลกใจ

            “อะ..อ๋อ คนนี้เป็น...ลูกหนี้ของท่านอุนเซน่ะครับ”  ซอลทังพูดอึกอัก ไม่ใช่สักหน่อย! มันจะจับฉันไปต่อรองกับพ่อต่างหาก เรื่องเป็นหนี้น่ะอีกแก๊งหนึ่งโน่น T^T

            “เพื่อนฉันเนี่ยนะ!”  ผู้หญิงคนนั้นพูด ซอลทังถึงกับถลึงตามามองฉันอย่างตกใจส่วนฉันจะทำไงได้นอกจากยืนมองพวกเขาคุยกันแบบเนียนๆ

            เพื่อนก็เพื่อนวะ.. =_=

            “พะ...เพื่อน เป็นไปไม่ได้หรอกครับ ผู้หญิงคนนี้เราสืบมาหมดแล้วว่าพื้นเพครอบครัวเป็นยังไง แล้วก็มีเพื่อนที่เกาหลีกี่คน ในรายชื่อนั้นไม่มีชื่อของคุณหนูเลยนะครับ”  ซอลทังเถียงขาดใจ ฉันได้ยินเสียงผู้หญิงที่หมอนั่นเรียกว่า ‘คุณหนูซอ’ ขบกรามดังกรอดๆ เลยทีเดียว

            “มั่นใจแล้วหรอว่าสืบหมด บางทีที่ชื่อฉันไม่โผล่ไปให้เห็นอาจจะเป็นเพราะว่าเป็นชื่อ ‘ฉัน’ ล่ะมั้ง”  ผู้หญิงคนนั้นหรี่ตามองอย่างเป็นต่อ ฉันไม่รู้หรอกว่าเธอเป็นใคร แต่จากที่ดูสถานการณ์เธอมีอำนาจต่อรองสูงทีเดียว

            “เอ่อ...”

            “ฉันว่านายกลับไปก่อนดีกว่า จะรังแกใครต่อใครก็แล้วแต่นาย แต่อย่ามารังแกต่อหน้าฉันเห็นแล้วมันอารมณ์เสีย เข้าใจไหม!!” 

            “เอ่อ...คะ...ครับ”  ซอลทังทำท่าอึกอักแล้วรีบเดินกลับไปทางเดิมพร้อมลูกน้องอีก 10 คนของมัน ก่อนจะไปหมอนั่นส่งสายตาฆาตโทษมาให้ฉันซะด้วยนะ -_-;

            “ขอบใจนะ”  ฉันพูดขอบใจขณะที่ผู้หญิงคนนั้นหันมามองฉันด้วยเครื่องหมายคำถามบนใบหน้า

            “เธอไปยืมเงินมันมาเท่าไหร่เนี่ย -_-?”

            “ก็...เยอะอยู่”  ฉันพูด ทั้งที่ในใจเต้นเร่าๆ แย้งว่ามันไม่ใช่! แต่ก็นะ...ฉันไม่อยากเล่าประวัติที่ยาวเหยียดให้ใครต่อใครฟังบ่อยๆ นี่

            “รีบหาเงินไปใช้มันซะนะจะได้ไม่ต้องโดนจับไปทำเป็นสินค้าส่งออก ไอ้อุนเซยิ่งปราณีใครไม่เป็นอยู่”  ผู้หญิงคนนั้นพูดแล้วเดินเข้าไปบริเวณเวทีของบีสท์ อ้าว! เป็นทีมงานหรอ?

            “เดี๋ยว! เธอ...ชื่ออะไรหรอ...ถึงเราอาจจะไม่ได้เจอกันอีก แต่อย่างน้อยฉันก็น่าจะรู้จักชื่อผู้มีพระคุณไว้หน่อยนะ”

            “อ๋อ ฉันชื่อของขวัญ ^^”

            “อ้าว แล้วทำไมไอ้...เอ้ย! ผู้ชายคนนั้นเรียกเธอว่า...”

            “คุณหนูซอน่ะหรอ...ซอฮยอนอิน นี่เป็นอีกชื่อหนึ่งของฉัน แต่จะขอบคุณมากถ้าเจอกันคราวหน้าแล้วเธอเรียกฉันว่าของขวัญ ^^”

            “อ๋อ โอเค”  ฉันพยักหน้ารับรู้ ก่อนที่เธอจะเดินเข้าไปในบริเวณเวทีของบีสท์

            ซอฮยอนอิน...ชื่อยัยคนนี้คุ้นๆ นะว่าไหม -_-?

 

 

 

 

**********************************

อัพแล้วค่าาาาา ^O^

Kreota ฟื้นคืนชีพ ฮึบๆๆๆ!!

ยังไงก็ฝากติดตามด้วยนะคะ

EP.6 เป็น EP. สุดท้ายของโปรเจ็กต์แล้วจ้า

วิจารณ์กันได่นะคะ ไม่โกรธอยากเห็นคอมเม้นบ้างอ่ะ T^T

***********************************

 

 

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8.7 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9.2 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

อ่านนิยายฟิคชั่นเรื่องอื่น

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา