[B2ST/Beast] Dream Story รักนี้ให้นาย...เจ้าชายอสูร

8.9

เขียนโดย Kreota

วันที่ 19 กรกฎาคม พ.ศ. 2556 เวลา 00.14 น.

  87 ตอน
  86 วิจารณ์
  113.67K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 11 ตุลาคม พ.ศ. 2557 22.21 น. โดย เจ้าของนิยายฟิคชั่น

แชร์นิยายฟิคชั่น Share Share Share

 

66) [Episode 5 :: Beautiful Lover] # Chapter 12

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ขนาดตัวอักษร เล็ก กลาง ใหญ่ ใหญ่มาก
 
Episode 5 Beautiful Lover
:: Chapter 12 ::
 
            [Hyunseung : Talk]
            “ฮัลโหล...อะไรนะณัชฟื้นแล้ว!! ได้ๆ..ได้ จะไปเดี๋ยวนี้”  โยซอบวางสายจากเฝ้าฝันแล้วรีบหันมาบอกข่าวดีกับพวกเราทันที
            “ณัชฟื้นแล้วหรอ?”  ผมถามก่อนที่มันจะพูด เพราะว่าแค่ฟังมันคุยโทรศัพท์ก็รู้เรื่องทั้งหมดแล้ว -_-
            “ใช่ รีบไปเถอะ...” 
            เราทั้ง 6 คนทิ้งทุกอย่างที่บริษัทไปเยี่ยมณัชที่โรงพยาบาลทันที หลังจากที่ประสบอุบัติเหตุพร้อมโอกังจา ณัชก็สลบไปนานหลายวันจนในที่สุดเธอก็ฟื้น! ขอบคุณสวรรค์ที่เธอไม่เป็นไร ผมนึกว่าต้องเจอเธอในสภาพใส่ท่อช่วยหายใจแบบนั้นไปตลอดกาลแล้วซะอีก
            เมื่อเรามาถึง เธอก็ถูกย้ายออกมาจาก ICU แล้ว แต่...เธอจำใครไม่ได้เลย! แม้กระทั่งตัวเธอเองและเพื่อนสนิทของเธอทุกคนก็จำไม่ได้ ผมช็อกมากจนไม่รู้ว่าจะทำอะไร จะคุยอะไรกับเธอที่ทำให้เธอจำผมได้ เพราะก่อนหน้านี้เราก็ไม่ค่อยมีความทรงจำที่น่าจดจำกันเท่าไหร่ เจอกันทีไรก็มีแต่ทะเลาะกัน =_=
            “เอ่อ...ฝันว่าพวกเราพอแค่นี้ก่อนเถอะค่ะ ตอนนี้ถึงพูดยังไงณัชก็จำไม่ได้อยู่ดี อาการอย่างนี้ต้องใช้เวลาหน่อย”  เฝ้าฝันบอกหลังจากที่หลายๆ คนช่วยกันพูดเพื่อให้ณัชจำได้ แต่ดูเหมือนจะเปล่าประโยชน์ เพราะแม้กระทั่งชื่อของเธอเองยังจำไม่ได้เลย นับประสาอะไรกับคนรอบข้างล่ะ
            “งั้น...พักผ่อนก่อนแล้วกันนะ”  เฝ้าฝันหันไปบอกณัช พวกเราเลยรู้ตัวทันทีว่าถึงเวลาต้องออกมาจากห้องเพื่อให้คนไข้พักแล้ว เราเลยพากันเดินออกมาจากห้อง
            “กลับจากไทยคราวนี้ นาบีฆ่าฉันแน่”  คุณมะนาวบ่นเมื่อเดินออกมาจากห้องพักของณัช จริงสิตอนนี้คุณนาบีไปดูงานที่ประเทศไทยนี่นา
            “แล้วพี่นาบีจะกลับมาวันไหนคะ”  เภตราถาม
            “วันนี้แหละ พี่โทรไปบอกว่าณัชฟื้นแล้วนาบีเลยบอกว่าจะรีบกลับมา”
            “เฮ้ย..”  ผมร้องออกมาเบาๆ เพราะล้วงกระเป๋ากางเกงลงไปแล้วไม่เจอมือถือ ถึงว่า...ทำไมรู้สึกแปลกๆ เหมือนลืมอะไร...ลืมมือถือหรอเนี่ย!
            “เป็นอะไร?”  ดูจุนถามแล้วมองท่าทางของผมงงๆ
            “ลืมมือถืออ่ะดิ เดินลงไปก่อนเลยนะเดี๋ยวเข้าไปเอามือถือแป๊บเดียว”  ผมบอกแล้วเดินกลับเข้าไปในห้องพักของณัช พอผมเดินเข้าไปก็เห็นเธอกำลังก้มหน้าเอามือกุมขมับตัวเองอยู่ ผมเธอยุ่งเหยิงไปหมดเหมือนว่าเธอเพิ่งจะขยี้มันไป
            “นี่!!! เธอเป็นไรรึเปล่า!”  ผมรีบเดินเข้าไปจับข้อมือณัชเบาๆ เธอค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมองผมช้าๆ
            “ฉัน...ไม่ได้เป็นอะไร” 
            “แต่ฉันเห็นเธอกุมขมับตั้งแต่เข้ามาแล้วนะ”
            “นาย...กลับไปแล้วไม่ใช่หรอ?”
            “ก็ใช่ แต่ฉันลืมนี่...เลยกลับมาเอา”  ผมชูมือถือของตัวเองขึ้นให้เธอดู
            “อ๋อ”  เธอพยักหน้ารับเบาๆ แล้วนั่งก้มหน้ามองตักของตัวเอง เอาแล้วไงเงียบแบบนี้มันอึดอัดจัง =_=
            ...จีกึมนาเอเกวามัลแฮจวอ อูรีเอเกแนอีรึนออบซอ มังซอรีจีมา~
            เพลงริงโทนของผมดังขึ้นมา เพราะความเงียบของห้องผมเลยแอบสะดุ้งนิดหน่อย แต่ดีที่ณัชไม่เห็นไม่งั้นเขาคงฮาแตกแน่ =_=
            “เออๆ จะไปแล้ว...”  ผมกดรับสายแล้วรีบพูดกรอกโทรศัพท์กลับไปเพราะไม่งั้นไอ้ดูจุนมันแซวผมแน่
            [เฮ้ย! ไม่ต้องรีบหรอกน่า พวกฉันออกรถมาแล้วล่ะ]
            “ห๊ะ! ได้ไงวะ...”
            [อ้าว! ก็นึกว่าตั้งใจลืมมือถือพวกเราเลยไม่ได้รอ เฝ้าไข้ณัชรอก่อนแล้วกัน แล้วสักพักเภตรากับดอกหลิวจะไปเปลี่ยนเวร]
            “เออๆ”
            [รื้อฟื้นความทรงจำกันตามสบายนะเพื่อน ฮ่าๆๆ]
            “เออ!...”  ผมกระแทกเสียงใส่ดูจุนก่อนจะกดตัดสายอย่างอารมณ์เสีย เฮ้อ...ไอ้พวกนี้คิดว่าผมจะมีอะไรไปรื้อฟื้นกับยัยนั่นกัน กลับเองก็ได้วะ -///-
            “เอ่อ...งั้นฉันไม่กวนแล้ว...เธอพักผ่อนเถอะ” 
            “นาย...เป็นเพื่อนฉันใช่ไหม?”  ระหว่างที่ผมหมุนตัวจะเดินออกมาจากห้อง ณัชก็ถาม เอ่อ...นั่นเธอคุยกับใครน่ะ กับผมหรอ?
            “เธอคุยกับฉันหรอ” 
            “อื้ม” 
            “ใช่...เราเป็น...เพื่อนกัน”
            “แล้วนายชื่อว่าอะไรหรอ”
            “ฉันชื่อฮยอนซึง...จางฮยอนซึง”
            “จางฮยอนซึง...”  เธอพูดทวนคำผมเป็นการรับรู้
            “งั้น...ฉันไม่กวนแล้วนะ” 
            “อยู่...เป็นเพื่อนฉันก่อนได้ไหมฮยอนซึง”
            อยู่ๆ เธอก็พูดประโยคที่ผมไม่คิดว่าเธอจะพูดกับผมออกมา นี่ผมคงฝันไปใช่ไหม? เธอขอให้ผมอยู่เป็นเพื่อน!
            “เธอ...ว่าไงนะ”  ผมหันกลับไปถามเพื่อนความแน่ใจว่าหูไม่ได้ฝาด
            “ฉันอยากให้นาย...อยู่เป็นเพื่อนฉันหน่อย ฉันอยู่คนเดียวแล้วมันฟุ้งซ่านยังไงไม่รู้” 
            “เอ่อ..”
            “ถ้านายลำบากใจก็ไม่เป็นไรนะ เพราะว่าก่อนหน้านี้ฉันก็จำไม่ได้ว่าเราสนิทกันขนาดไหน ถ้าเกิดขอมากไปก็ขอโทษด้วยแล้วกัน” 
            “ไม่เป็นไร...ฉันแค่แปลกใจนิดหน่อย”  ผมพูดพร้อมกับเดินกลับไปนั่งเก้าอี้ข้างๆ เตียง
            “ทำไม?”
            “ก็ปกติเธอจะไม่ขอร้องใครง่ายๆ แบบนี้น่ะสิ”
            “เฮ้อ...ฉันชักอยากจะรู้แล้วสิว่าฉันเป็นคนยังไง...นายช่วยเล่าให้ฉันฟังหน่อยได้ไหม”
            เพราะเธอขอร้องผมเลยต้องเล่าประวัติย่อๆ ของเธอให้ฟัง ตอนนี้เองที่ผมรู้สึกแปลกใจว่าไปรู้เรื่องของณัชมากมายขนาดนี้ได้ยังไง?
            หลังจากนั้นไม่กี่วันณัชก็กลับไปพักฟื้นที่หอพัก เพราะเฝ้าฝันบอกว่าการอยู่และเจกับสถานที่เดิมๆ จะทำให้ความทรงจำกลับมาเร็วขึ้น ทำให้ณัชต้องไปทำงานที่บริษัททันทีที่ไปไหว ผมเลยอาสาที่จะพาเธอไปเองเพราะนอกจากเพื่อนร่วมวงของเธอก็มีแค่ผมคนเดียวที่เธอไว้ใจ แล้วยิ่งช่วงนี้ต้องทำซิงเกิ้ลเดียวกับพวกผมอีกเธอเลยต้องมาบริษัทคนเดียว ส่วนเพื่อนคนอื่นๆ ก็ไปอัดรายการอื่นตามปกติ
            หลังจากที่ซ้อมกันเสร็จเราก็นั่งพักอยู่ในห้องรอรถตู้มารับเพราะวันนี้เราไม่ได้ขับรถส่วนตัวมา
            “เป็นไงบ้าง”  ผมถามณัชที่นั่งอยู่มุมห้องซ้อมพร้อมกับยื่นน้ำให้เธอขวดหนึ่ง
            “ก็แปลกใหม่ดี ปกติฉันต้องมาทำอะไรอย่างนี้ทุกวันเลยหรอ”
            “ใช่ ทำไม?”  ผมถามพร้อมกับนั่งลงข้างๆ เธอ
            “ก็คงจะเหนื่อยน่าดู ทำไมฉันถึงได้ชอบการเป็นนักร้องเนี่ย...จะว่าไปฉันยังไม่รู้จักนายเลยนะ เอาแต่ถามเรื่องตัวเองตลอดเลย”
            “งั้นเธออยากรู้อะไรล่ะ ฉันให้ถามเลย ^^”
            “นายเกิดวันที่เท่าไหร่”
            “เกิดวันที 3 กันยายน”
            “ชอบสีอะไร”
            “ชอบสีชมพู...ขาวแล้วก็...ดำ ประมาณนี้แหละ”
            เธอตั้งคำถามแล้วคำถามเล่ามาให้ผมตอบ แต่ผมก็ยินดีที่จะตอบมันถึงแม้มันจะเป็นคำถามพื้นๆ ที่ใครๆ ก็ถามผมบ่อยแต่ผมก็ตอบเธอโดยไม่รู้สึกเบื่อเลย เธอดูสดใสและสนุกกับการถามผมมากๆ จนบางครั้งผมก็ลืมที่จะตอบคำถามของเธอเพราะมัวแต่มองรอยยิ้มที่ผมไม่คิดว่าเธอจะมอบให้ผมแล้วในชีวิตนี้...ขอร้องล่ะ ถ้าความทรงจำของเธอกลับมาแล้ว ช่วยยิ้มให้ฉันแบบนี้อีกจะได้ไหม?
            “ฮยอนซึง...ฮยอนซึง!”
            “ห๊ะ! ว่าไง”  ผมรู้สึกตัวเมื่อมือเล็กๆ ของณัชโบกไปมาตรงหน้า
            “นายเหม่ออะไรอยู่ คิดคำตอบนานจัง”
            “เธอถามว่าไงนะ”
            “เฮ้อ...ฉันถามนายว่าถ้านายไม่ได้เป็นนักร้องแล้วนายอยากเป็นอะไร”  ณัชถามย้ำคำถามที่เธอบอกว่าเพิ่งจะถามผม แต่ผมไม่ได้ที่เธอพูดเลยมัวแต่คิดอะไรบ้าๆ อยู่ก็ไม่รู้
            “สงสัยคำถามจะยากไป”  ณัชพูดแล้วหันไปเอนหลังกับผนังห้อง แต่มือเธอกลับปัดไปโดนขวดน้ำหกรดเต็มตัวผมเลย -_-;
            “เฮ้ย!! ขอโทษ”  เธอยกมือขึ้นปิดปากแล้วรีบใช้มือปัดเม็ดน้ำออกจากตัวผมให้
            “ไม่เป็นไรเดี๋ยวฉันไปเปลี่ยนเสื้อผ้าที่ห้องน้ำก็ได้”  ผมบอกแล้วเดินไปหยิบกระเป๋าตัวเองออกมาจากห้องซ้อม ส่วนณัชก็กำลังค้นหากระดาษทิชชู่มาเช็ดพื้นห้องอย่างลนลาน ถ้าเกิดเป็น ‘ณัชภาคปกติ’ คงไม่มีโอกาสเห็นภาพแบบนี้แน่ ผมยิ้มให้ด้านหลังของเธอแล้วปิดประตูห้องซ้อมไว้ แต่...
            “สวัสดีครับ”  คุณอธิสกล่าวคำทักทาย เขามาที่นี่ทำไมเนี่ย -_-*
            “สวัสดีครับ”  ผมโค้งตัวลงเล็กน้อยเพื่อเป็นการทักทายเช่นกัน
            “ณัชอยู่ไหมครับ” 
            “ไม่อยู่ครับ”  ผมตอบกลับไปทั้งที่ณัชก็ยังอยู่ในห้องนั้น
            “อ้าว! คุณมะนาวบอกว่าเธออยู่ห้องซ้อมนี้นี่”
            “ณัชกลับไปแล้วล่ะครับ เธอปวดหัวมาก ก็เลยกลับไปพักผ่อนที่หอ”
            “หรอครับ งั้นไม่เป็นไร ผมไปเยี่ยมเธอที่หอแล้วกัน”  คุณอธิสหมุนตัวเดินกลับไปที่ลิฟต์ อะไรนะ! จะตามไปที่หอเชียวหรอ
            “ณัชต้องการพักผ่อนนะครับ ผมว่าอย่าไปกวนเธอเลย”  ผมตะโกนข้ามทางเดินไป
            “หรอครับ งั้นผมไม่ไปหาเธอวันนี้ก็ได้”  พูดจบเขาก็เดินเข้าไปในลิฟต์ เฮ้อ...ให้ตายสิหมอนั่นไม่รู้สึกอะไรเลยรึไงที่มีส่วนทำให้เธอต้องเป็นแบบนี้
            ผมกลับมาที่ห้องซ้อมก็พบว่าณัชนอนหลับอยู่ ท่าทางเธอดูเหนื่อยมากจนผมไม่กล้าปลุก
            “อ้าว ณัชหลับหรอ”  คุณมะนาวเปิดประตูเข้ามาพอดี
            “ครับ รถมาแล้วหรอครับ”
            “ใช่ คนอื่นลงไปหมดแล้ว เหลือแค่พวกนายสองคนนี่แหละ”
            “งั้น...เดี๋ยวรบกวนคุณมะนาวช่วยถือกระเป๋าให้ด้วยนะครับ ผมจะอุ้มณัชลงไปเอง”
            “อ๋อได้จ้ะ ฉันก็ไม่อยากปลุกณัชเหมือนกัน ขอบใจนะ”
            เราเดินทางผ่านการจราจรที่คับคั่งของตัวเมืองนานพอสมควรในที่สุดก็มาถึงหอพัก ผมอุ้มเธอมาวางที่เตียงอย่างเบามือ ใบหน้าของเธอเวลาที่หลับสนิทแบบนี้มันทำให้ผมกลัว...กลัวว่าถ้าเกิดเธอตื่นขึ้นมาพร้อมกับความทรงจำของเธอเอง...ผมจะรับได้ไหมที่จะไม่ได้เห็นรอยยิ้มแบบนั้นอีก
            “ฝันดีนะ...”  ผมพูดกับณัชที่ยังคงหลับสนิทบนเตียง ก่อนจะค่อยๆ ก้มลงไปสัมผัสที่ริมฝีปากของเธออย่างแผ่วเบา ขอเวลาให้ฉันได้เห็นรอยยิ้มที่สดใสของเธออีกสักพักจะได้ไหม?
             ณัชความจำเสื่อมไปแล้ว 1 อาทิตย์กว่าๆ และดูเหมือนมีเค้าว่าเธอจะจำเรื่องราวต่างๆ ได้มากขึ้น ยิ่งได้เข้ามาทำงานที่บริษัท ยิ่งได้เต้นได้ร้องในสิ่งที่ตัวเองเคยทำเธอยิ่งจำได้ แต่มันก็ต้องแลกมาด้วยอาการปวดหัวอย่างหนักจนทำให้เธอเกือบจะเป็นลม คุณมะนาวเลยรีบพาณัชกลับไปพักที่หอ พักผ่อนหน่อยก็ดีเหมือนกันเพราะผมไม่อยากให้เธอหักโหมมากเกินไป ผมไม่อยากเห็นเธอต้องเจ็บปวดแบบนั้นบ่อยๆ
            พวกเราซ้อมกันเสร็จก็กลับมาที่หอ ผมกะว่าจะไปดูเธอสักหน่อยว่าหายปวดหัวรึยังและพอดีกับคุณมะนาวฝากของมาให้เธอกับวิลล่าด้วย ผมเลยมีข้ออ้างที่จะไปหาเธอได้
            “อ้าวทำอะไรกันอยู่หรอ”  ผมเดินเข้าไปในห้อง ก็เจอณัชกับวิลล่ากำลังเล่นเครื่องสำอางอยู่
            “อ๋อ ลองเมคอัพชุดใหม่น่ะค่ะ...เป็นไงคะ”  ประโยคสุดท้ายวิลล่าพยักพเยิดให้ผมหันไปมองณัชที่อยู่ข้างๆ ก็เห็นณัชแต่งหน้าซะสวยเลย ยิ่งเห็นแบบนี้ผมยิ่งกลัวกลัวว่าเธอจะจำตัวเองได้...ผมขอพูดอย่างคนเห็นแก่ตัวเลยว่า...ผมกลัวเธอจำได้จริงๆ!
            “สวยดีนี่ ^_^//” 
            “เห็นไหมคะ ของเขาดีจริงๆ ^///^” 
            “แล้วนั่นอะไรหรอ”  ณัชถามขึ้นมาพร้อมกับใบหน้าแดงระเรื่อเล็กน้อย เวลาเขินน่ารักดีเหมือนกันนะ (เวลาปกติไม่เคยเห็นเขินแสดงออกขนาดนี้น่ะครับ -_-)
            “อ๋อ เจอกับคุณมะนาวหน้าคอนโดน่ะ พี่เขาฝากมื้อเย็นมาให้พวกเธอ เห็นบอกว่าคนอื่นๆ คงดึกกว่าจะเสร็จงาน ให้กินแล้วก็นอนเลย ไม่ต้องรอ” 
            “อ๋อ ขอบใจนะ ^^”  ณัชพูดแล้วลุกมารับของจากผม
            “กินด้วยกันไหมคะพี่ฮยอนซึง อาหารตั้งเยอะแยะเราสองคนกินไม่หมดหรอกค่ะ”
            “นั่นสิ มากินด้วยกันไหม”  ณัชรับคำอย่างเห็นด้วย ผมเลยหันไปมองหน้าวิลล่าอย่างไม่ได้นัดหมายเพราะวิลล่าก็มองมาที่ผมเหมือนกัน ปกติเขาจะไม่ค่อยชอบใจเท่าไหร่ที่ผมมากินข้าวด้วย ถ้าเกิดเขาไม่ความจำเสื่อมล่ะก็วีนแตกไปแล้วที่วิลล่าชวนผมร่วมโต๊ะแบบนี้ ถึงแม้ปกติบีสท์จะมากินมื้อค่ำของพวกเธอบ่อยได้เถอะ แต่ทุกครั้งก็ต้องมาทนมองหน้าณัชที่บูดและบึ้งจนพวกเราชินกันซะแล้วที่มีเพื่อนร่วมโต๊ะไม่พูดไม่จาอารมณ์บูดแบบณัชนั่งกินข้าวด้วย
            “อะไร...หรอ?”  ณัชขมวดคิ้วมองผมกับวิลล่าสลับกัน
            “เปล่าหรอกค่ะพี่ณัช ไปเตรียมจานมาใส่ดีกว่าค่ะวิลหิวมากเลย...พี่ฮยอนซึง ชวนพี่ๆ คนอื่นมากินด้วยกันนะคะ”  วิลล่ารีบรวบเครื่องสำอางไปไว้มุมห้องแล้วเข้ามาพาณัชไปที่ห้องครัว ก่อนที่เธอจะถามอะไรมากกว่านี้
            ผมกลับมาที่ห้องแล้วชวนเพื่อน 3 คนที่ยังอยู่คือดูจุน จุนฮยองและกีกวัง เพราะโยซอบก็ไปรับจ็อบร้องเพลงคู่กับนักร้องหญิงอีกค่าย ส่วนดงอุนก็ไปถ่ายละครเรื่องใหม่
            ดินเนอร์คืนนี้เรากินไปพร้อมกับดูคอนเสิร์ตย้อนหลังของ Lusty ตั้งแต่เริ่มเปิดตัววง Cover dance จนกระทั่งมาถึงตอนที่เริ่มเดบิวท์ ผมรู้สึกว่าณัชจะจดจ่อกับการดูคอนเสิร์ตยิ่งกว่าตักอาหารเข้าปากซะอีก เดี๋ยวก็ปวดหัวอีกหรอก =_=
            “โอ้ย!”  ระหว่างที่กำลังดูคอนเสิร์ตวันที่เธอเจอกับบีสท์ครั้งแรกที่ประเทศไทย อยู่ๆ เธอก็ร้องออกมา นั่นไง! คิดยังไม่ทันจบเลย
            “ฉันว่าพอเถอะ”  ผมพูดแล้วรีบเดินไปปิดคอนเสิร์ตนั้นซะ แล้วเดินกลับมาหาณัชที่นั่งกุมขมับตัวเองอยู่ “ปวดหัวมากไหม?”
            “ก็...พอทนอ่ะ”
            “งั้นวิลพาพี่ณัชเข้าไปพักก่อนแล้วกันนะคะ”  วิลล่าพูดแล้วเข้าไปประคองณัชขึ้นมา ผมจึงเข้าไปช่วยอีกแรงจนกระทั่งพาเธอมาถึงห้องนอน
            “ขอบใจนะ”  ณัชบอก
            “ฮยอนซึงฉันขอคุยด้วยหน่อยสิ”  ดูจุนเดินตามเข้ามาก่อนจะเดินนำหน้าผมออกไปจากห้องนอน ผมเดินตามมันไปจนถึงประตูของทางหนีไฟ ดูจุนมองไปรอบๆ เห็นว่าระเบียงทางเดินว่างเปล่าไม่มีใครเดินผ่านจึงเริ่มพูดโดยมีจุนฮยองและกีกวังออกมาสมทบ
            “แกคิดอะไรอยู่ฮยอนซึง”  ดูจุนเริ่มพูดเข้าเรื่อง
            “อะไรของแกดูจุน”
            “ทำไมแกต้องกีดกันณัชตลอด แกกลัวเขาจำได้รึไง”  จุนฮยองพูดออกมาบ้าง
            “กัดกัน? กีดกันอะไร”  ผมแกล้งถามไปอย่างนั้น เพราะผมรู้ว่าพวกมันกำลังหมายความว่ายังไง
            “ก็การที่แกไม่ยอมให้ณัชดูทีวีช่วงที่มีข่าว ตอนซ้อมที่บริษัทก็รีบเข้าไปขัดตอนที่ณัชเริ่มจะมีความทรงจำกลับคืนมา แล้วตอนดูคอนเมื่อกี๊อีก แกก็รีบปิดไปทั้งๆ ที่ณัชก็บอกอยู่ว่าพอทนได้ แทนที่จะให้เธอดูต่อเผื่อความทรงจำจะกลับมาได้ทั้งหมด แต่แกหลับรีบเข้าไปขัดเหมือนกับว่าแกไม่อยากให้จำได้ทั้งหมดยังงั้นแหละ”
            “...”  เพราะคำพูดเหล่านั้นมันแทงใจจนทำให้ผมจุกพูดไม่ออกไปเลย จริงสินะ...ผมเคยมีความคิดแบบนั้นจริงๆ บางครั้งก็ยังคิดว่าไม่อยากให้เธอจำได้ด้วยซ้ำ ผมเลวมากเลยใช่ไหมที่เห็นแก่ความสุขของตัวเองโดยไม่นึกถึงจิตใจของณัชเลย!
            “ฉันว่าแกเลิกทำแบบนี้ดีกว่าว่ะ ถ้าเกิดถลำลึกไปมากกว่านี้แล้วณัชเกิดจำได้ขึ้นมา คนที่เจ็บก็คือแกนะเว้ย”  กีกวังพูดขึ้นมาอีกคน
            “พวกแกพูดจบแล้วใช่ไหม”  ผมพูดแล้วรีบเดินออกมาจากตรงนั้นทันที ผมยอมรับว่าผมมันเลว แต่ผม...ผมยังทำใจไม่ได้ที่จะต้องกลับไปเห็นเพียงใบหน้าเฉยชาของณัชที่มองมาที่ผม...
            “คุณช่วยเล่ารายละเอียดให้ฟังอีกหน่อยได้ไหมคะ ฉันเริ่มจำได้ลางๆ แล้ว”  ระหว่างที่ผมกับเพื่อนเดินเข้ามาในห้อง เสียงของณัชก็ดังลอดออกมา ณัชกำลังคุยกับใคร วิลล่าหรอ?
            “จริงหรอครับ!”  เสียงของคู่สนทนาดังขึ้นมา ทำให้ผมมั่นใจมากว่าเป็นคุณอธิสนั่นแน่ๆ
            ผมเข้าไปห้ามไว้ทันก่อนที่เธอจะได้ฟังรายละเอียดที่เกี่ยวกับอุบัติเหตุ จนทำให้เธอไม่พอใจผมและเพื่อนๆ เอามากๆ เธอโกรธจนกระทั่งสลบไป เราเลยรีบส่งเธอไปยังโรงพยาบาลทันที ถ้าเกิดเธอเป็นอะไรไปล่ะก็ ความผิดของผมคนเดียวเลย! ผมผิดเองที่เป็นคนเห็นแก่ตัว...มันเป็นความผิดของผมเอง!!
            เราเดินสวนกันไปมาหน้าห้องฉุกเฉินของโรงพยาบาล แฟนคลับมากมายก็ล้อมรอบพวกเราเอาไว้ยังดีที่การ์ดของคุณอธิสนั่นคอยยืนคุ้มกันให้ พวกเราเลยไม่เละเป็นโจ๊กกัน
            ทั้งที่เสียงแฟนคลับดังลั่นโรงพยาบาล แต่ผมกลับได้ยินมันเพียงเล็กน้อยเท่านั้น เสียงหัวใจของผมมันเต้นแรงจนกลบเสียงเหล่านั้นไปหมด ถ้าเกิดเธอฟื้นขึ้นมาแล้วความทรงจำกลับคืนมาเราคงอยู่กันแบบเดิม คอยทะเลาะกัน มองใบหน้าบึ้งตึงและเฉยชาของเธอต่อไป...แต่ถ้าความทรงจำของเธอยังไม่กลับคืนมา เธอคงจะโกรธผมและไม่ยอมคุยกับผมอีก! ผมไม่รู้ว่าอันไหนมันจะดีกว่ากัน เพราะทั้ง 2 อย่างมันก็ทำให้ผมปวดใจได้ทั้งคู่
          ‘ฉันว่าแกเลิกทำแบบนี้ดีกว่าว่ะ ถ้าเกิดถลำลึกไปมากกว่านี้แล้วณัชเกิดจำได้ขึ้นมา คนที่เจ็บก็คือแกนะเว้ย’
          เสียงของกีกวังดังเข้ามาในสมอง จริงอย่างที่แกบอกคนที่เจ็บก็คือฉันเอง...
            “ญาติคุณณัชยารึเปล่าคะ”  พยาบาลประจำห้องฉุกเฉินเดินเข้ามาหาเรา
            “ใช่ค่ะ”  วิลล่ารีบรับคำ
            “คนไข้ฟื้นแล้วนะคะ เข้าเยี่ยมได้ค่ะ”  พยาบาลพูดแล้วเดินกลับเข้าไปในห้องฉุกเฉิน พวกเรามองหน้ากันสักพักก่อนจะเดินเข้าไปในห้องฉุกเฉิน
            ทั้งที่ประตูห้องฉุกเฉินกับเตียงที่ณัชนอนอยู่จะใกล้กันนิดเดียว แต่ความรู้สึกผมมันใช้เวลานานมากกว่าเราจะเดินไปถึง หัวใจเต้นรัวจนแทบจะระเบิดออกมาอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน เดบิวท์ครั้งแรกยังไม่ตื่นเต้นขนาดนี้เลยนะเนี่ย
            “พี่ณัชคะ...”  วิลล่าเรียกณัชที่นอนลืมตานิ่งมองเพดานอยู่ เธอค่อยๆ หันมาหาพวกเราช้าๆ
 
 
 
 
********************************
กลับมาแล้วจ้า (หลังจากหายไปนานอีกแล้ว U.U)
ยังไงก็ฝากติดตามเป็นกำลังใจต่อไปนะคะ 
ถึงมีแค่คนเดียวอ่านไรท์ก็จะอัพจ้า
อยากจะเช็ดเรทติ้งอยู่นะว่ามีใครอ่านอยู่บ้างจะได้มีกำลังใจอัพบ่อยๆ หน่อย อิอิ
แต่ก็ช่างเถอะ แค่ยอด view ขึ้นไรท์ก็ดีใจแล้วล่ะ (จะดีใจมากถ้ามีคอมเม้นสักหน่อยฮ่าๆๆ) ^_^
*********************************
 
 
 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8.7 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9.2 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

อ่านนิยายฟิคชั่นเรื่องอื่น

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา