[B2ST/Beast] Dream Story รักนี้ให้นาย...เจ้าชายอสูร

8.9

เขียนโดย Kreota

วันที่ 19 กรกฎาคม พ.ศ. 2556 เวลา 00.14 น.

  87 ตอน
  86 วิจารณ์
  97.50K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 11 ตุลาคม พ.ศ. 2557 22.21 น. โดย เจ้าของนิยายฟิคชั่น

แชร์นิยายฟิคชั่น Share Share Share

 

67) [Episode 5 :: Beautiful Lover] # Chapter 13

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

 

Episode 5 Beautiful Lover

:: Chapter 13 ::

 

            “ฉันอยู่โรงพยาบาลอีกแล้วหรอเนี่ย”  ณัชพูดแล้วหันไปเหม่อมองเพดานอีกครั้ง นี่เธอ...จำได้แล้วหรอ?

            “เธอ...จำได้รึยัง”  กีกวังถามเป็นคนแรก เพราะดูเหมือนทุกคนอยากจะถามแต่ก็ไม่มีใครกล้าปริปากสักคน รวมทั้งผมด้วย…

            เธอไม่ตอบแต่ส่ายหน้าไปมาเบาๆ พร้อมกับน้ำตาหยดแรกหล่นแหม่ะลงบนหมอน

            “ณัช!”  เฝ้าฝันวิ่งกระหืดกระหอบเข้ามาในห้องฉุกเฉิน ก่อนจะหยุดอยู่ข้างๆ วิลล่า

            “ไม่เป็นไรนะ”  เฝ้าฝันถาม ณัชพยักหน้าเบาๆ แทนคำตอบ และน้ำตาหยดแล้วหยดเล่าก็ไหลออกมา พวกเราจึงไม่มีใครพูดอะไรอีกจนกระทั่งย้ายเธอไปพักที่ห้องพัก ตอนนี้นายอธิสกลับไปแล้วเพราะคุณนาบีพาการ์ดของบริษัทมาคุ้มกันพวกเราแทน ทีแรกหมอนั่นก็ไม่อยากกลับหรอกแต่คุณนาบีขอร้องเขาเลยยอมกลับไปแบบไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่

            ณัชไม่ยอมคุยกับใครเลยจนกระทั่งวันรุ่งขึ้นถึงยอมคุยเพราะว่าเภตราเป็นคนเล่าเรื่องทั้งหมดให้เธอฟัง ทุกเรื่องที่เธออยากรู้รวมถึงรายละเอียดของอุบัติเหตุครั้งนั้นด้วย เธอปวดหัวอยู่บ่อยๆ แต่เธอบอกเอาไว้ว่าเธอจะฟังให้จบวันนี้ ถึงปวดขนาดไหนเธอจะทนฟังและเธอก็ทำได้อย่างที่เธอพูด...เธออดทนกับความเจ็บปวดได้จริงๆ แต่สุดท้ายเธอก็ยังจำเรื่องต่างๆ ไม่ได้อยู่ดี ระหว่างนั้นผู้ช่วยของเราอีกคนก็มาถึง

            ...คุณอธิส

            “ดีขึ้นแล้วสินะครับ”  คุณอธิสเดินเข้ามาพร้อมกับช่อดอกไม้ช่อโต ณัชรับไว้แล้วยิ้มให้มันจนผมแทบทนดูไม่ได้ นี่เธอจะยิ้มแบบนั้นให้ทุกคนเลยรึไง ปกติเธอไม่ยิ้มพร่ำเพรื่อขนาดนี้นะ -*-!

            “ผมขอคุยกับณัชหน่อยได้ไหมครับ...เป็นการส่วนตัว”  เพราะตรงประโยคสุดท้าย พวกเราทุกคนเลยต้องออกมาจากห้องตามมารยาทที่เราควรจะทำ

            “หวังว่าคุณอธิสคงจะช่วยอะไรณัชได้บ้าง”  คุณนาบีพูดเมื่อเราออกมาจากห้องแล้ว

            “งั้นพวกเรากลับก่อนแล้วกันนะ พวกเธอทุกคนก็ควรจะกลับไปพักบ้าง เดี๋ยวพี่จะมาอยู่เป็นเพื่อนณัชเอง”  คุณมะนาวบอก

            “ครับ/ค่ะ”  ทุกคนรับคำแล้วคุณนาบี คุณมะนาว และคุณมินนาก็เดินไป ส่วนพวกเราก็เดินเล่นกันอยู่แถวนี้ มีวิลล่ากับหยาที่เดินลงไปซื้อขนมที่ร้านค้าบริเวณชั้น 1 ของตึก ที่พวกเราไปไหนมาไหนได้แบบนี้เพราะว่าคนของคุณนาบีคอยดูแลความปลอดภัยให้เราอยู่ เราเลยไม่ต้องคอยห่วงอะไรจะห่วงก็แต่พวกปาปารัสซี่นี่แหละ -_-!

            “นั่งบ้างก็ได้เพื่อน”  จุนฮยองพูดทั้งๆ ที่ยังรูดมือถือของตัวเองเล่นอยู่

            เออว่ะ...นี่เราเดินอยู่คนเดียวเลยนะเนี่ย! คนอื่นเขานั่งเล่นกันชิวๆ ทำไมมีฉันคนเดียวที่ร้อนรน =_=

            “ฉันว่า...ฉันเข้าไปดูหน่อยดีกว่าว่ะ”  ผมพูดแล้วเดินไปที่ประตูห้อง

            “เฮ้ยๆ อย่าเพิ่งดิ เพิ่งออกมาไม่ถึง 5 นาทีเลยนะ จะรีบเข้าไปขัดทำไม บางทีตอนนี้ณัชอาจจะกำลังจำอะไรขึ้นมาได้ก็ได้”  ดูจุนเข้ามารั้งแขนผมไว้

            “นั่นสิครับ ผมว่ารออีกหน่อยดีกว่านะ”  ดงอุนก็เห็นดีเห็นงาม แต่ผมไม่ไหวแล้ว!!

            “ขอแอบดูนิดเดียว นิดเดียวจริงๆ”  ผมพูดแล้วค่อยๆ แง้มประตูเข้าไปโดยที่มีเสียงคัดค้านของเพื่อนดังตามมา แต่ผมไม่สนหรอกผมจะเข้า! เพราะมันเป็นห้องพักแบบ VIP เปิดประตูเข้าไปเลยเจอแต่ห้องนั่นเล่น ผมจึงเดินเข้าไปในห้องแล้วแอบอยู่ข้างๆ ประตูห้องนอนเพื่อให้ได้ยินชัดเจนที่สุดว่าพวกเขากำลังคุยอะไรกัน

            “...ทั้งที่เขาพยายามกีดกันไม่ให้คุณจำได้เนี่ยนะ”  เสียงแรกที่พอจะได้ยินแว่วๆ ออกมาคือเสียงของคุณอธิส พวกเขากำลังคุยเรื่องอะไรอยู่ ฟังเสียงเหมือนกำลังเครียดมากเลยนะ -_-?

            “ค่ะ ฉันคิดว่าถึงเขาจะกีดกันไม่ให้ความทรงจำของฉันกลับคืนมา แต่อย่างน้อยๆ เขาก็เป็นเพียงคนเดียวที่ฉันรู้สึกสุขใจเวลาอยู่ใกล้ ตลอดเวลาที่ฉันจำตัวเองไม่ได้และจำใครไม่ได้เลย เขาก็เป็นคนที่คอยดูแลฉันและคอยตอบคำถามให้ฉันได้เสมอ แค่นี้ก็เพียงพอแล้วล่ะค่ะ ถึงฉันจะจำไม่ได้ไปตอลดชีวิตฉันก็ไม่กลัวอะไรแล้วล่ะค่ะถ้ามีเขาอยู่ด้วย”  ณัชตอบ ทำเอาหัวใจของผมพองโตขึ้นทันที นี่เธอกำลังพูดถึงผมอยู่ใช่ไหม?

            “งั้นก็...ตกลงครับ ผมจะได้ไปอย่างสบายใจ ถ้าเกิดเปลี่ยนใจเมื่อไหร่ล่ะก็ โทรหาผมได้ตลอดเวลาเลยนะครับ...ผมจะรอคุณ”

            “ขอบคุณมากนะคะสำหรับความรู้สึกดีๆ” 

            แล้วทุกอย่างในห้องก็เงียบไป ผมรู้ได้ทันทีว่าผมควรจะออกไปจากห้องได้แล้วก่อนที่เขาจะจับได้ว่าผมแอบฟังพวกเขาคุยกัน

            “อ้าว ออกมาแล้วหรอ เป็นไงล่ะ”  โยซอบถามเมื่อผมเดินไปนั่งเก้าอี้ตัวข้างๆ

            “ก็...ดีเกินคาดเลยล่ะ”  ผมตอบแล้วนั่งฟังเสียงหัวใจตัวเองที่เต้นรัวจนแทบจะหัวใจวายตายตรงนั้น ที่ณัชพูดแบบนั้นเพราะเธอก็ชอบผมอยู่รึเปล่านะ?...ขอให้มันเป็นจริงทีเถอะ

            “ขอโทษนะครับที่ให้พวกคุณรอข้างนอก”  คุณอธิสเดินออกมาจากห้องแล้วกล่าวขอโทษพวกเรา

            “ไม่เป็นไร”  จุนฮยองพูด

            “เธอเลือกคุณ...ไม่ว่าจะเป็นเธอในตอนนี้หรือตอนไหนเธอก็เลือกคุณอยู่ดี”  คุณอธิสเดินมายืนอยู่ตรงหน้าผมแล้วยื่นมืออกมา  “ผมยอมแพ้คุณแล้ว”

            “หมายความว่า...”  โยซอบที่นั่งอยู่ข้างๆ ผมยกมือขึ้นปิดปากอย่างไม่อยากจะเชื่อสิ่งที่เพิ่งได้ยิน ผมลุกขึ้นยืนแล้วยื่นมืออกไปจับกับเขา ถึงตอนนี้หัวใจของผมจะเต้นรัวเป็นลิงโลดอยู่ก็เถอะ แต่ผมก็ต้องพยายามหักห้ามใจตัวเองไม่ให้แสดงอกมากเกินไป

            “หวังว่าคุณจะยังเป็นเพื่อนที่ดีของณัชต่อไปนะครับ”  ผมพูดขณะที่เราปล่อยมืออกจากกัน คุณอธิสยิ้มออกมาเบาๆ ก่อนจะพูดทิ้งท้ายไว้

            “...แน่นอนครับ”

            หลังจากคุณอธิสกลับไป ผมก็ขออยู่กับณัชตามลำพังบ้างพวกนั้นเลยกลับหอกันหมด ผมสูดหายใจเข้าลึกๆ เพื่อรวบรวมความกล้าก่อนจะเปิดประตูเข้าไปในห้อง ตอนนี้ณัชกำลังกดดูทีวีในห้องด้วยท่าทีสบายๆ เธอหันมายิ้มให้ผมเมื่อผมเดินเข้าไปหาเธอ

            “ว่าไง หายไปไหนมา”  เธอทักผมด้วยรอยยิ้มที่สดใส เธอดูเปิดเผยขึ้นมากจนผมรู้ได้โดยไม่ต้องเดาว่าเธอกำลังคอยผมอยู่

            “ก็รออยู่หน้าห้องตลอดนั่นแหละ คุณอธิสต้องการจะคุยกับเธอ 2 คนนี่ ถ้าฉันอยู่ด้วยคงจะเสียมารยาท”

            “อ๋อ”  เธอพยักหน้าหงึกหงักรับรู้ แล้วเธอก็หันไปกดเปลี่ยนช่องทีวีเล่น

            “ที่จริง...”  ผมพูดเกริ่นนำก่อนจะเข้าเรื่อง ใช่แล้วล่ะ...ผมจะเล่าเรื่องของเราให้เธอฟังว่าเมื่อก่อนเราไม่ถูกกันยังไงและทะเลาะกันบ่อยขนาดไหน เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องเดียวที่ผมยังไม่ให้เภตราเล่า ผมว่าผมพร้อมแล้วที่จะทำให้เธอกลับมามีความทรงจำของตัวเองอีกครั้ง

            “อะไร?”  เธอหันมาเลิกคิ้วถาม

            “ที่จริง...เรา 2 คนไม่เคยญาติดีกันเลย เราทะเลาะกันทุกครั้งที่เจอหน้ากัน...ทุกครั้งที่ต้องร่วมงานกัน”

            “หือ? เป็นไปได้ยังไง ตอนนี้นายดีกับฉันจะตาย”

            “ใช่...เราสนิทกัน...แค่ตอนนี้นี่แหละ”

            “แล้วทำไมนายรู้เรื่องฉันดีนักล่ะ ในเมื่อเราไม่ได้สนิทกัน แถมไม่ชอบขี้หน้ากันอีกต่างหาก”

            “ไม่รู้สิ...อาจจะเป็นเพราะ...เรารู้จักกันมานานมั้ง”

            “ฉันก็นึกว่านาย...ก็ชอบฉันเหมือนกันซะอีก นายยอมที่จะอยู่เป็นเพื่อนของคนที่นายไม่สนิทด้วย นายยินดีที่จะเล่าเรื่องส่วนตัวของนายให้คนที่นายไม่สนิทฟัง นายพร้อมที่จะไปรับไปส่งและรอคนที่ไม่สนิท...ยังงั้นหรอ?”

            “ณัช...”

            “เฮ้อ...ขอโทษที่ทำให้ลำบากใจ ตอนนี้นายคงเห็นฉันคงเป็นผู้หญิงที่แย่มากเลยสินะที่ชอบมโนไปเองว่าผู้ชายเขาชอบ...”

            “เปล่าหรอก ฉันแค่ตกใจที่เธอพูดตรงขึ้นกว่าเมื่อก่อนเท่านั้นเอง”

            “แล้วเมื่อก่อนฉันเป็นยังไงล่ะ”

            “เธอจะพูดทุกอย่างที่ตรงข้ามกับหัวใจตัวเอง...โดยเฉพาะกับฉัน”  ผมยิ้มให้เธอเบาๆ ส่วนเธอก็ยิ้มเบาๆ แก้เขิน ระหว่างนั้นเองข่าวบันเทิงของช่องที่ณัชเปิดค้างไว้ก็ดังขึ้น และเหมือนว่าเพราะกรรมเก่าของผมหรือโชคชะตาฟ้าลิขิตอะไรก็ไม่รู้ ถึงทำให้ข่าวนั้นเป็นข่าวของณัช!!

            [ค่ะ หลังจากที่ผ่านช่วงเวลาที่โหดร้ายจากรถคว่ำครั้งใหญ่ไปแล้ว ณัชแห่งวง Lusty ก็ต้องถูกหามส่งโรงพยาบาลอีกครั้งหลังจากมีอาการปวดศีรษะอย่างรุนแรงจนสลบไป ล่าสุดทีมข่าวรายงานมาว่าเธอฟื้นแล้วและปลอดภัยดี ถ้าหากทาง KB Entertainment อนุญาตให้เข้าเยี่ยมเมื่อไหร่เราจะตามไปเยี่ยมเยียนน้องณัชถึงโรงพยาบาลเลยค่ะ...สำหรับความคืบหน้าของคดี คุณฮันนาบีเปิดเผยว่า...] 

            พิธีกรสาวประจำรายการพูดพร้อมกับประมวลภาพประกอบมาตั้งแต่ซากรถพังๆ ของโอกังจาที่ณัชนั่งไปด้วย และภาพของรถกู้ภัยที่ไปช่วยในคราวนั้น ภาพความวุ่นวายของนักข่าวที่จะมารุมถ่ายภาพณัชหลังจากออกมาจากห้องผ่าตัด ทุกๆ ภาพล้วนสามารถช่วยให้เธอจำเรื่องราวต่างๆ ได้ไม่ยาก เพราะทุกๆ ภาพมันชัดเจนยิ่งกว่ามีใครมาเล่าให้เธอฟังซะอีก

            ณัชขมวดคิ้วมองข่าวนั้นพร้อมกับร่างกายที่สั่นเทิ้ม ผมจึงเอื้อมมือไปกุมมือเธอเอาไว้เพื่อให้เธอรับรู้ว่าผมจะอยู่ข้างๆ เธออย่างนี้ไม่ไปไหน ส่วนอีกเหตุผลที่ผมต้องมือณัชเอาไว้ก็เพื่อห้ามใจตัวเองไม่ให้เดินไปปิดทีวีนั่นทิ้ง...ผมต้องทำให้ได้ ผมจะไม่ยอมเป็นคนเห็นแก่ตัวแบบนี้อีก...เพราะผมรักณัชเกินกว่าที่จะทนเห็นเธอต้องเจ็บปวดและไร้ความทรงจำแบบที่เธอควรจะเป็นไม่ได้อีกต่อไปแล้ว

            ในที่สุดณัชก็เป็นลมล้มพับไป ผมรีบกดเรียกพยาบาลและหมอที่ปุ่มกดหัวเตียง สักพักเฝ้าฝันก็วิ่งเข้ามาพร้อมกับพยาบาลอีก 2 คน หลังจากความโกลาหลผ่านพ้นไป ณัชก็ฟื้นขึ้นมาโดยที่ยังจับมือผมอยู่เพราะไม่ว่าจะแกะมือออกยังไงเธอก็ไม่ยอมปล่อยมือผมเลย

            “ณัช...ณัช...เธอฟื้นแล้วหรอ...ณัช...”  ผมเรียกณัชพร้อมกับเขย่าตัวเบาๆ เธอค่อยๆ ลืมตาขึ้นแล้วมองมาที่ผม

            “พี่ณัชฟื้นแล้วค่ะ...”  วิลล่าเข้ามาเกาะของเตียงอีกด้านทำให้ณัชหันไปมองและขยี้ตาตัวเองเบาๆ ก่อนจะกวาดตามองไปทั่วห้องจนกระทั่งกลับมาหยุดที่ผมแล้วก็ต้องร้องออกมาเมื่อเห็นว่าผมจับมือเธออยู่

            “นาย?...”  เธอดึงมือตัวเองกลับไปแล้วมองหน้าผมแปลกๆ

            ปฏิกิริยาแบบนี้!...แววตาแบบนี้...ความทรงจำของเธอกลับมาแล้วสินะ!!

            ผมปลีกตัวออกมาจากห้องเพื่อให้เภตราได้เล่าเรื่องราวในระหว่างที่เธอความจำเสื่อมให้ฟัง ผมไม่ได้บอกเภตราเอาไว้ว่าให้เล่าประมาณไหน แต่ผมคิดว่าเภตราคงจะเล่าแต่จุดที่สำคัญๆ และคงไม่เอาเรื่องงี่เง่าของผมไปเล่าแน่…และผมก็คิดว่าจะไม่เล่าให้ณัชฟังด้วยว่าระหว่างผมกับเธอเกิดอะไรขึ้นบ้าง เพราะผม...ไม่อยากให้เธอลำบากใจกับการตัดสินใจเพียงชั่ววูบของเธอเอง

 

            [Nad : Talk]

            ฉันถูกพากลับมาพักที่หอในวันเดียวกันนั้นเอง เพราะฉันไม่ได้เป็นอะไรมากแค่สลบไปเพราะปวดหัวอย่างรุนแรงเฉยๆ ฉันไม่อยากจะคิดเลยว่ามันรุนแรงขนาดไหนถึงทำให้สลบได้ -_-;

            “ตั้งแต่กลับมาพี่ฮยอนซึงไม่เห็นมาหาพี่เลยง่ะ”  วิลล่าบ่นพร้อมกับเก็บเครื่องสำอางที่วางเกลื่อนบนพื้น ไม่รู้จะขนอะไรมานักหนาไอ้เครื่องสำอางเนี่ย -_-

            “แล้วทำไมหมอนั่นต้องมาหาฉันด้วยล่ะ พูดพิลึก” 

            “อ้าว ก็เห็นก่อนหน้านี้ตัวติดกันยังกะคู่แต่งงานใหม่ เห็นห่างกันแบบนี้เพื่อนเขาเลยแปลกใจไง”  จุนฮยองสวนขึ้นมาทันควัน หมอนั่นพูดเรื่องบัดสีอะไรน่ะ =_=;

            “พูดให้ดีๆ ใครคู่แต่งงานใหม่ พูดให้เคลียร์”  ฉันย่างสามขุมไปหาจุนฮยอง แต่ก็ถูกเภตรากับเฝ้าฝันรั้งไว้

            “เพิ่งออกจากโรงพยาบาลก็ออกฤทธิ์เลยนะยะ”  เภตราพูด

            “นั่นสิ ฉันว่าแกไปพักผ่อนเถอะ”  เฝ้าฝันบอกแล้วลากฉันเข้าไปในห้อง

            “ถ้านอนไม่หลับก็มาบอกได้นะ ฉันจะส่งเพื่อนฉันไปกล่อม”  จุนฮยองร้องตามเข้ามา หนอย...ถ้าเกิดไม่ติดว่ากลัวของขวัญมาฆ่าตัดตอนล่ะก็ ฉันจะจับหักคอซะให้เข็ดนายคนนี้นี่! -_+!

            “กล่อมเกลิ่มอะไรของนาย เรื่องแบบนั้นมันไม่มีทางเกิดขึ้นแน่ๆ โดยเฉพาะฉันกับนายหน้าตุ๊ดนั่นน่ะ! คิดแล้วขนลุกชะมัด...”  ฉันโผล่หน้าออกมาจากห้องนอนแล้วตะโกนลั่น แต่ฉันลืมสังเกตไปว่าเพื่อนคนอื่นๆ เขาเงียบกันผิดปกติ...เป็นอะไรกัน -_-?

            “งั้นหรอ...”  เสียงนี้ทำเอาฉันชะงักไป เขาเข้ามาตั้งแต่เมื่อไหร่...

            ฮยอนซึง O_O!

 

 

 

 

***************************

ฝากติดตามด้วยนะคะ

จะจบ EP. นี้แล้วนะ ^O^

***************************

 

 

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8.7 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9.2 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา