[B2ST/Beast] Dream Story รักนี้ให้นาย...เจ้าชายอสูร
เขียนโดย Kreota
วันที่ 19 กรกฎาคม พ.ศ. 2556 เวลา 00.14 น.
แก้ไขเมื่อ 11 ตุลาคม พ.ศ. 2557 22.21 น. โดย เจ้าของนิยายฟิคชั่น
67) [Episode 5 :: Beautiful Lover] # Chapter 13
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
Episode 5 Beautiful Lover
:: Chapter 13 ::
“ฉันอยู่โรงพยาบาลอีกแล้วหรอเนี่ย” ณัชพูดแล้วหันไปเหม่อมองเพดานอีกครั้ง นี่เธอ...จำได้แล้วหรอ?
“เธอ...จำได้รึยัง” กีกวังถามเป็นคนแรก เพราะดูเหมือนทุกคนอยากจะถามแต่ก็ไม่มีใครกล้าปริปากสักคน รวมทั้งผมด้วย…
เธอไม่ตอบแต่ส่ายหน้าไปมาเบาๆ พร้อมกับน้ำตาหยดแรกหล่นแหม่ะลงบนหมอน
“ณัช!” เฝ้าฝันวิ่งกระหืดกระหอบเข้ามาในห้องฉุกเฉิน ก่อนจะหยุดอยู่ข้างๆ วิลล่า
“ไม่เป็นไรนะ” เฝ้าฝันถาม ณัชพยักหน้าเบาๆ แทนคำตอบ และน้ำตาหยดแล้วหยดเล่าก็ไหลออกมา พวกเราจึงไม่มีใครพูดอะไรอีกจนกระทั่งย้ายเธอไปพักที่ห้องพัก ตอนนี้นายอธิสกลับไปแล้วเพราะคุณนาบีพาการ์ดของบริษัทมาคุ้มกันพวกเราแทน ทีแรกหมอนั่นก็ไม่อยากกลับหรอกแต่คุณนาบีขอร้องเขาเลยยอมกลับไปแบบไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่
ณัชไม่ยอมคุยกับใครเลยจนกระทั่งวันรุ่งขึ้นถึงยอมคุยเพราะว่าเภตราเป็นคนเล่าเรื่องทั้งหมดให้เธอฟัง ทุกเรื่องที่เธออยากรู้รวมถึงรายละเอียดของอุบัติเหตุครั้งนั้นด้วย เธอปวดหัวอยู่บ่อยๆ แต่เธอบอกเอาไว้ว่าเธอจะฟังให้จบวันนี้ ถึงปวดขนาดไหนเธอจะทนฟังและเธอก็ทำได้อย่างที่เธอพูด...เธออดทนกับความเจ็บปวดได้จริงๆ แต่สุดท้ายเธอก็ยังจำเรื่องต่างๆ ไม่ได้อยู่ดี ระหว่างนั้นผู้ช่วยของเราอีกคนก็มาถึง
...คุณอธิส
“ดีขึ้นแล้วสินะครับ” คุณอธิสเดินเข้ามาพร้อมกับช่อดอกไม้ช่อโต ณัชรับไว้แล้วยิ้มให้มันจนผมแทบทนดูไม่ได้ นี่เธอจะยิ้มแบบนั้นให้ทุกคนเลยรึไง ปกติเธอไม่ยิ้มพร่ำเพรื่อขนาดนี้นะ -*-!
“ผมขอคุยกับณัชหน่อยได้ไหมครับ...เป็นการส่วนตัว” เพราะตรงประโยคสุดท้าย พวกเราทุกคนเลยต้องออกมาจากห้องตามมารยาทที่เราควรจะทำ
“หวังว่าคุณอธิสคงจะช่วยอะไรณัชได้บ้าง” คุณนาบีพูดเมื่อเราออกมาจากห้องแล้ว
“งั้นพวกเรากลับก่อนแล้วกันนะ พวกเธอทุกคนก็ควรจะกลับไปพักบ้าง เดี๋ยวพี่จะมาอยู่เป็นเพื่อนณัชเอง” คุณมะนาวบอก
“ครับ/ค่ะ” ทุกคนรับคำแล้วคุณนาบี คุณมะนาว และคุณมินนาก็เดินไป ส่วนพวกเราก็เดินเล่นกันอยู่แถวนี้ มีวิลล่ากับหยาที่เดินลงไปซื้อขนมที่ร้านค้าบริเวณชั้น 1 ของตึก ที่พวกเราไปไหนมาไหนได้แบบนี้เพราะว่าคนของคุณนาบีคอยดูแลความปลอดภัยให้เราอยู่ เราเลยไม่ต้องคอยห่วงอะไรจะห่วงก็แต่พวกปาปารัสซี่นี่แหละ -_-!
“นั่งบ้างก็ได้เพื่อน” จุนฮยองพูดทั้งๆ ที่ยังรูดมือถือของตัวเองเล่นอยู่
เออว่ะ...นี่เราเดินอยู่คนเดียวเลยนะเนี่ย! คนอื่นเขานั่งเล่นกันชิวๆ ทำไมมีฉันคนเดียวที่ร้อนรน =_=
“ฉันว่า...ฉันเข้าไปดูหน่อยดีกว่าว่ะ” ผมพูดแล้วเดินไปที่ประตูห้อง
“เฮ้ยๆ อย่าเพิ่งดิ เพิ่งออกมาไม่ถึง 5 นาทีเลยนะ จะรีบเข้าไปขัดทำไม บางทีตอนนี้ณัชอาจจะกำลังจำอะไรขึ้นมาได้ก็ได้” ดูจุนเข้ามารั้งแขนผมไว้
“นั่นสิครับ ผมว่ารออีกหน่อยดีกว่านะ” ดงอุนก็เห็นดีเห็นงาม แต่ผมไม่ไหวแล้ว!!
“ขอแอบดูนิดเดียว นิดเดียวจริงๆ” ผมพูดแล้วค่อยๆ แง้มประตูเข้าไปโดยที่มีเสียงคัดค้านของเพื่อนดังตามมา แต่ผมไม่สนหรอกผมจะเข้า! เพราะมันเป็นห้องพักแบบ VIP เปิดประตูเข้าไปเลยเจอแต่ห้องนั่นเล่น ผมจึงเดินเข้าไปในห้องแล้วแอบอยู่ข้างๆ ประตูห้องนอนเพื่อให้ได้ยินชัดเจนที่สุดว่าพวกเขากำลังคุยอะไรกัน
“...ทั้งที่เขาพยายามกีดกันไม่ให้คุณจำได้เนี่ยนะ” เสียงแรกที่พอจะได้ยินแว่วๆ ออกมาคือเสียงของคุณอธิส พวกเขากำลังคุยเรื่องอะไรอยู่ ฟังเสียงเหมือนกำลังเครียดมากเลยนะ -_-?
“ค่ะ ฉันคิดว่าถึงเขาจะกีดกันไม่ให้ความทรงจำของฉันกลับคืนมา แต่อย่างน้อยๆ เขาก็เป็นเพียงคนเดียวที่ฉันรู้สึกสุขใจเวลาอยู่ใกล้ ตลอดเวลาที่ฉันจำตัวเองไม่ได้และจำใครไม่ได้เลย เขาก็เป็นคนที่คอยดูแลฉันและคอยตอบคำถามให้ฉันได้เสมอ แค่นี้ก็เพียงพอแล้วล่ะค่ะ ถึงฉันจะจำไม่ได้ไปตอลดชีวิตฉันก็ไม่กลัวอะไรแล้วล่ะค่ะถ้ามีเขาอยู่ด้วย” ณัชตอบ ทำเอาหัวใจของผมพองโตขึ้นทันที นี่เธอกำลังพูดถึงผมอยู่ใช่ไหม?
“งั้นก็...ตกลงครับ ผมจะได้ไปอย่างสบายใจ ถ้าเกิดเปลี่ยนใจเมื่อไหร่ล่ะก็ โทรหาผมได้ตลอดเวลาเลยนะครับ...ผมจะรอคุณ”
“ขอบคุณมากนะคะสำหรับความรู้สึกดีๆ”
แล้วทุกอย่างในห้องก็เงียบไป ผมรู้ได้ทันทีว่าผมควรจะออกไปจากห้องได้แล้วก่อนที่เขาจะจับได้ว่าผมแอบฟังพวกเขาคุยกัน
“อ้าว ออกมาแล้วหรอ เป็นไงล่ะ” โยซอบถามเมื่อผมเดินไปนั่งเก้าอี้ตัวข้างๆ
“ก็...ดีเกินคาดเลยล่ะ” ผมตอบแล้วนั่งฟังเสียงหัวใจตัวเองที่เต้นรัวจนแทบจะหัวใจวายตายตรงนั้น ที่ณัชพูดแบบนั้นเพราะเธอก็ชอบผมอยู่รึเปล่านะ?...ขอให้มันเป็นจริงทีเถอะ
“ขอโทษนะครับที่ให้พวกคุณรอข้างนอก” คุณอธิสเดินออกมาจากห้องแล้วกล่าวขอโทษพวกเรา
“ไม่เป็นไร” จุนฮยองพูด
“เธอเลือกคุณ...ไม่ว่าจะเป็นเธอในตอนนี้หรือตอนไหนเธอก็เลือกคุณอยู่ดี” คุณอธิสเดินมายืนอยู่ตรงหน้าผมแล้วยื่นมืออกมา “ผมยอมแพ้คุณแล้ว”
“หมายความว่า...” โยซอบที่นั่งอยู่ข้างๆ ผมยกมือขึ้นปิดปากอย่างไม่อยากจะเชื่อสิ่งที่เพิ่งได้ยิน ผมลุกขึ้นยืนแล้วยื่นมืออกไปจับกับเขา ถึงตอนนี้หัวใจของผมจะเต้นรัวเป็นลิงโลดอยู่ก็เถอะ แต่ผมก็ต้องพยายามหักห้ามใจตัวเองไม่ให้แสดงอกมากเกินไป
“หวังว่าคุณจะยังเป็นเพื่อนที่ดีของณัชต่อไปนะครับ” ผมพูดขณะที่เราปล่อยมืออกจากกัน คุณอธิสยิ้มออกมาเบาๆ ก่อนจะพูดทิ้งท้ายไว้
“...แน่นอนครับ”
หลังจากคุณอธิสกลับไป ผมก็ขออยู่กับณัชตามลำพังบ้างพวกนั้นเลยกลับหอกันหมด ผมสูดหายใจเข้าลึกๆ เพื่อรวบรวมความกล้าก่อนจะเปิดประตูเข้าไปในห้อง ตอนนี้ณัชกำลังกดดูทีวีในห้องด้วยท่าทีสบายๆ เธอหันมายิ้มให้ผมเมื่อผมเดินเข้าไปหาเธอ
“ว่าไง หายไปไหนมา” เธอทักผมด้วยรอยยิ้มที่สดใส เธอดูเปิดเผยขึ้นมากจนผมรู้ได้โดยไม่ต้องเดาว่าเธอกำลังคอยผมอยู่
“ก็รออยู่หน้าห้องตลอดนั่นแหละ คุณอธิสต้องการจะคุยกับเธอ 2 คนนี่ ถ้าฉันอยู่ด้วยคงจะเสียมารยาท”
“อ๋อ” เธอพยักหน้าหงึกหงักรับรู้ แล้วเธอก็หันไปกดเปลี่ยนช่องทีวีเล่น
“ที่จริง...” ผมพูดเกริ่นนำก่อนจะเข้าเรื่อง ใช่แล้วล่ะ...ผมจะเล่าเรื่องของเราให้เธอฟังว่าเมื่อก่อนเราไม่ถูกกันยังไงและทะเลาะกันบ่อยขนาดไหน เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องเดียวที่ผมยังไม่ให้เภตราเล่า ผมว่าผมพร้อมแล้วที่จะทำให้เธอกลับมามีความทรงจำของตัวเองอีกครั้ง
“อะไร?” เธอหันมาเลิกคิ้วถาม
“ที่จริง...เรา 2 คนไม่เคยญาติดีกันเลย เราทะเลาะกันทุกครั้งที่เจอหน้ากัน...ทุกครั้งที่ต้องร่วมงานกัน”
“หือ? เป็นไปได้ยังไง ตอนนี้นายดีกับฉันจะตาย”
“ใช่...เราสนิทกัน...แค่ตอนนี้นี่แหละ”
“แล้วทำไมนายรู้เรื่องฉันดีนักล่ะ ในเมื่อเราไม่ได้สนิทกัน แถมไม่ชอบขี้หน้ากันอีกต่างหาก”
“ไม่รู้สิ...อาจจะเป็นเพราะ...เรารู้จักกันมานานมั้ง”
“ฉันก็นึกว่านาย...ก็ชอบฉันเหมือนกันซะอีก นายยอมที่จะอยู่เป็นเพื่อนของคนที่นายไม่สนิทด้วย นายยินดีที่จะเล่าเรื่องส่วนตัวของนายให้คนที่นายไม่สนิทฟัง นายพร้อมที่จะไปรับไปส่งและรอคนที่ไม่สนิท...ยังงั้นหรอ?”
“ณัช...”
“เฮ้อ...ขอโทษที่ทำให้ลำบากใจ ตอนนี้นายคงเห็นฉันคงเป็นผู้หญิงที่แย่มากเลยสินะที่ชอบมโนไปเองว่าผู้ชายเขาชอบ...”
“เปล่าหรอก ฉันแค่ตกใจที่เธอพูดตรงขึ้นกว่าเมื่อก่อนเท่านั้นเอง”
“แล้วเมื่อก่อนฉันเป็นยังไงล่ะ”
“เธอจะพูดทุกอย่างที่ตรงข้ามกับหัวใจตัวเอง...โดยเฉพาะกับฉัน” ผมยิ้มให้เธอเบาๆ ส่วนเธอก็ยิ้มเบาๆ แก้เขิน ระหว่างนั้นเองข่าวบันเทิงของช่องที่ณัชเปิดค้างไว้ก็ดังขึ้น และเหมือนว่าเพราะกรรมเก่าของผมหรือโชคชะตาฟ้าลิขิตอะไรก็ไม่รู้ ถึงทำให้ข่าวนั้นเป็นข่าวของณัช!!
[ค่ะ หลังจากที่ผ่านช่วงเวลาที่โหดร้ายจากรถคว่ำครั้งใหญ่ไปแล้ว ณัชแห่งวง Lusty ก็ต้องถูกหามส่งโรงพยาบาลอีกครั้งหลังจากมีอาการปวดศีรษะอย่างรุนแรงจนสลบไป ล่าสุดทีมข่าวรายงานมาว่าเธอฟื้นแล้วและปลอดภัยดี ถ้าหากทาง KB Entertainment อนุญาตให้เข้าเยี่ยมเมื่อไหร่เราจะตามไปเยี่ยมเยียนน้องณัชถึงโรงพยาบาลเลยค่ะ...สำหรับความคืบหน้าของคดี คุณฮันนาบีเปิดเผยว่า...]
พิธีกรสาวประจำรายการพูดพร้อมกับประมวลภาพประกอบมาตั้งแต่ซากรถพังๆ ของโอกังจาที่ณัชนั่งไปด้วย และภาพของรถกู้ภัยที่ไปช่วยในคราวนั้น ภาพความวุ่นวายของนักข่าวที่จะมารุมถ่ายภาพณัชหลังจากออกมาจากห้องผ่าตัด ทุกๆ ภาพล้วนสามารถช่วยให้เธอจำเรื่องราวต่างๆ ได้ไม่ยาก เพราะทุกๆ ภาพมันชัดเจนยิ่งกว่ามีใครมาเล่าให้เธอฟังซะอีก
ณัชขมวดคิ้วมองข่าวนั้นพร้อมกับร่างกายที่สั่นเทิ้ม ผมจึงเอื้อมมือไปกุมมือเธอเอาไว้เพื่อให้เธอรับรู้ว่าผมจะอยู่ข้างๆ เธออย่างนี้ไม่ไปไหน ส่วนอีกเหตุผลที่ผมต้องมือณัชเอาไว้ก็เพื่อห้ามใจตัวเองไม่ให้เดินไปปิดทีวีนั่นทิ้ง...ผมต้องทำให้ได้ ผมจะไม่ยอมเป็นคนเห็นแก่ตัวแบบนี้อีก...เพราะผมรักณัชเกินกว่าที่จะทนเห็นเธอต้องเจ็บปวดและไร้ความทรงจำแบบที่เธอควรจะเป็นไม่ได้อีกต่อไปแล้ว
ในที่สุดณัชก็เป็นลมล้มพับไป ผมรีบกดเรียกพยาบาลและหมอที่ปุ่มกดหัวเตียง สักพักเฝ้าฝันก็วิ่งเข้ามาพร้อมกับพยาบาลอีก 2 คน หลังจากความโกลาหลผ่านพ้นไป ณัชก็ฟื้นขึ้นมาโดยที่ยังจับมือผมอยู่เพราะไม่ว่าจะแกะมือออกยังไงเธอก็ไม่ยอมปล่อยมือผมเลย
“ณัช...ณัช...เธอฟื้นแล้วหรอ...ณัช...” ผมเรียกณัชพร้อมกับเขย่าตัวเบาๆ เธอค่อยๆ ลืมตาขึ้นแล้วมองมาที่ผม
“พี่ณัชฟื้นแล้วค่ะ...” วิลล่าเข้ามาเกาะของเตียงอีกด้านทำให้ณัชหันไปมองและขยี้ตาตัวเองเบาๆ ก่อนจะกวาดตามองไปทั่วห้องจนกระทั่งกลับมาหยุดที่ผมแล้วก็ต้องร้องออกมาเมื่อเห็นว่าผมจับมือเธออยู่
“นาย?...” เธอดึงมือตัวเองกลับไปแล้วมองหน้าผมแปลกๆ
ปฏิกิริยาแบบนี้!...แววตาแบบนี้...ความทรงจำของเธอกลับมาแล้วสินะ!!
ผมปลีกตัวออกมาจากห้องเพื่อให้เภตราได้เล่าเรื่องราวในระหว่างที่เธอความจำเสื่อมให้ฟัง ผมไม่ได้บอกเภตราเอาไว้ว่าให้เล่าประมาณไหน แต่ผมคิดว่าเภตราคงจะเล่าแต่จุดที่สำคัญๆ และคงไม่เอาเรื่องงี่เง่าของผมไปเล่าแน่…และผมก็คิดว่าจะไม่เล่าให้ณัชฟังด้วยว่าระหว่างผมกับเธอเกิดอะไรขึ้นบ้าง เพราะผม...ไม่อยากให้เธอลำบากใจกับการตัดสินใจเพียงชั่ววูบของเธอเอง
[Nad : Talk]
ฉันถูกพากลับมาพักที่หอในวันเดียวกันนั้นเอง เพราะฉันไม่ได้เป็นอะไรมากแค่สลบไปเพราะปวดหัวอย่างรุนแรงเฉยๆ ฉันไม่อยากจะคิดเลยว่ามันรุนแรงขนาดไหนถึงทำให้สลบได้ -_-;
“ตั้งแต่กลับมาพี่ฮยอนซึงไม่เห็นมาหาพี่เลยง่ะ” วิลล่าบ่นพร้อมกับเก็บเครื่องสำอางที่วางเกลื่อนบนพื้น ไม่รู้จะขนอะไรมานักหนาไอ้เครื่องสำอางเนี่ย -_-
“แล้วทำไมหมอนั่นต้องมาหาฉันด้วยล่ะ พูดพิลึก”
“อ้าว ก็เห็นก่อนหน้านี้ตัวติดกันยังกะคู่แต่งงานใหม่ เห็นห่างกันแบบนี้เพื่อนเขาเลยแปลกใจไง” จุนฮยองสวนขึ้นมาทันควัน หมอนั่นพูดเรื่องบัดสีอะไรน่ะ =_=;
“พูดให้ดีๆ ใครคู่แต่งงานใหม่ พูดให้เคลียร์” ฉันย่างสามขุมไปหาจุนฮยอง แต่ก็ถูกเภตรากับเฝ้าฝันรั้งไว้
“เพิ่งออกจากโรงพยาบาลก็ออกฤทธิ์เลยนะยะ” เภตราพูด
“นั่นสิ ฉันว่าแกไปพักผ่อนเถอะ” เฝ้าฝันบอกแล้วลากฉันเข้าไปในห้อง
“ถ้านอนไม่หลับก็มาบอกได้นะ ฉันจะส่งเพื่อนฉันไปกล่อม” จุนฮยองร้องตามเข้ามา หนอย...ถ้าเกิดไม่ติดว่ากลัวของขวัญมาฆ่าตัดตอนล่ะก็ ฉันจะจับหักคอซะให้เข็ดนายคนนี้นี่! -_+!
“กล่อมเกลิ่มอะไรของนาย เรื่องแบบนั้นมันไม่มีทางเกิดขึ้นแน่ๆ โดยเฉพาะฉันกับนายหน้าตุ๊ดนั่นน่ะ! คิดแล้วขนลุกชะมัด...” ฉันโผล่หน้าออกมาจากห้องนอนแล้วตะโกนลั่น แต่ฉันลืมสังเกตไปว่าเพื่อนคนอื่นๆ เขาเงียบกันผิดปกติ...เป็นอะไรกัน -_-?
“งั้นหรอ...” เสียงนี้ทำเอาฉันชะงักไป เขาเข้ามาตั้งแต่เมื่อไหร่...
ฮยอนซึง O_O!
***************************
ฝากติดตามด้วยนะคะ
จะจบ EP. นี้แล้วนะ ^O^
***************************
คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ