[B2ST/Beast] Dream Story รักนี้ให้นาย...เจ้าชายอสูร
เขียนโดย Kreota
วันที่ 19 กรกฎาคม พ.ศ. 2556 เวลา 00.14 น.
แก้ไขเมื่อ 11 ตุลาคม พ.ศ. 2557 22.21 น. โดย เจ้าของนิยายฟิคชั่น
66) [Episode 5 :: Beautiful Lover] # Chapter 12
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
Episode 5 Beautiful Lover
:: Chapter 12 ::
[Hyunseung : Talk]
“ฮัลโหล...อะไรนะณัชฟื้นแล้ว!! ได้ๆ..ได้ จะไปเดี๋ยวนี้” โยซอบวางสายจากเฝ้าฝันแล้วรีบหันมาบอกข่าวดีกับพวกเราทันที
“ณัชฟื้นแล้วหรอ?” ผมถามก่อนที่มันจะพูด เพราะว่าแค่ฟังมันคุยโทรศัพท์ก็รู้เรื่องทั้งหมดแล้ว -_-
“ใช่ รีบไปเถอะ...”
เราทั้ง 6 คนทิ้งทุกอย่างที่บริษัทไปเยี่ยมณัชที่โรงพยาบาลทันที หลังจากที่ประสบอุบัติเหตุพร้อมโอกังจา ณัชก็สลบไปนานหลายวันจนในที่สุดเธอก็ฟื้น! ขอบคุณสวรรค์ที่เธอไม่เป็นไร ผมนึกว่าต้องเจอเธอในสภาพใส่ท่อช่วยหายใจแบบนั้นไปตลอดกาลแล้วซะอีก
เมื่อเรามาถึง เธอก็ถูกย้ายออกมาจาก ICU แล้ว แต่...เธอจำใครไม่ได้เลย! แม้กระทั่งตัวเธอเองและเพื่อนสนิทของเธอทุกคนก็จำไม่ได้ ผมช็อกมากจนไม่รู้ว่าจะทำอะไร จะคุยอะไรกับเธอที่ทำให้เธอจำผมได้ เพราะก่อนหน้านี้เราก็ไม่ค่อยมีความทรงจำที่น่าจดจำกันเท่าไหร่ เจอกันทีไรก็มีแต่ทะเลาะกัน =_=
“เอ่อ...ฝันว่าพวกเราพอแค่นี้ก่อนเถอะค่ะ ตอนนี้ถึงพูดยังไงณัชก็จำไม่ได้อยู่ดี อาการอย่างนี้ต้องใช้เวลาหน่อย” เฝ้าฝันบอกหลังจากที่หลายๆ คนช่วยกันพูดเพื่อให้ณัชจำได้ แต่ดูเหมือนจะเปล่าประโยชน์ เพราะแม้กระทั่งชื่อของเธอเองยังจำไม่ได้เลย นับประสาอะไรกับคนรอบข้างล่ะ
“งั้น...พักผ่อนก่อนแล้วกันนะ” เฝ้าฝันหันไปบอกณัช พวกเราเลยรู้ตัวทันทีว่าถึงเวลาต้องออกมาจากห้องเพื่อให้คนไข้พักแล้ว เราเลยพากันเดินออกมาจากห้อง
“กลับจากไทยคราวนี้ นาบีฆ่าฉันแน่” คุณมะนาวบ่นเมื่อเดินออกมาจากห้องพักของณัช จริงสิตอนนี้คุณนาบีไปดูงานที่ประเทศไทยนี่นา
“แล้วพี่นาบีจะกลับมาวันไหนคะ” เภตราถาม
“วันนี้แหละ พี่โทรไปบอกว่าณัชฟื้นแล้วนาบีเลยบอกว่าจะรีบกลับมา”
“เฮ้ย..” ผมร้องออกมาเบาๆ เพราะล้วงกระเป๋ากางเกงลงไปแล้วไม่เจอมือถือ ถึงว่า...ทำไมรู้สึกแปลกๆ เหมือนลืมอะไร...ลืมมือถือหรอเนี่ย!
“เป็นอะไร?” ดูจุนถามแล้วมองท่าทางของผมงงๆ
“ลืมมือถืออ่ะดิ เดินลงไปก่อนเลยนะเดี๋ยวเข้าไปเอามือถือแป๊บเดียว” ผมบอกแล้วเดินกลับเข้าไปในห้องพักของณัช พอผมเดินเข้าไปก็เห็นเธอกำลังก้มหน้าเอามือกุมขมับตัวเองอยู่ ผมเธอยุ่งเหยิงไปหมดเหมือนว่าเธอเพิ่งจะขยี้มันไป
“นี่!!! เธอเป็นไรรึเปล่า!” ผมรีบเดินเข้าไปจับข้อมือณัชเบาๆ เธอค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมองผมช้าๆ
“ฉัน...ไม่ได้เป็นอะไร”
“แต่ฉันเห็นเธอกุมขมับตั้งแต่เข้ามาแล้วนะ”
“นาย...กลับไปแล้วไม่ใช่หรอ?”
“ก็ใช่ แต่ฉันลืมนี่...เลยกลับมาเอา” ผมชูมือถือของตัวเองขึ้นให้เธอดู
“อ๋อ” เธอพยักหน้ารับเบาๆ แล้วนั่งก้มหน้ามองตักของตัวเอง เอาแล้วไงเงียบแบบนี้มันอึดอัดจัง =_=
...จีกึมนาเอเกวามัลแฮจวอ อูรีเอเกแนอีรึนออบซอ มังซอรีจีมา~
เพลงริงโทนของผมดังขึ้นมา เพราะความเงียบของห้องผมเลยแอบสะดุ้งนิดหน่อย แต่ดีที่ณัชไม่เห็นไม่งั้นเขาคงฮาแตกแน่ =_=
“เออๆ จะไปแล้ว...” ผมกดรับสายแล้วรีบพูดกรอกโทรศัพท์กลับไปเพราะไม่งั้นไอ้ดูจุนมันแซวผมแน่
[เฮ้ย! ไม่ต้องรีบหรอกน่า พวกฉันออกรถมาแล้วล่ะ]
“ห๊ะ! ได้ไงวะ...”
[อ้าว! ก็นึกว่าตั้งใจลืมมือถือพวกเราเลยไม่ได้รอ เฝ้าไข้ณัชรอก่อนแล้วกัน แล้วสักพักเภตรากับดอกหลิวจะไปเปลี่ยนเวร]
“เออๆ”
[รื้อฟื้นความทรงจำกันตามสบายนะเพื่อน ฮ่าๆๆ]
“เออ!...” ผมกระแทกเสียงใส่ดูจุนก่อนจะกดตัดสายอย่างอารมณ์เสีย เฮ้อ...ไอ้พวกนี้คิดว่าผมจะมีอะไรไปรื้อฟื้นกับยัยนั่นกัน กลับเองก็ได้วะ -///-
“เอ่อ...งั้นฉันไม่กวนแล้ว...เธอพักผ่อนเถอะ”
“นาย...เป็นเพื่อนฉันใช่ไหม?” ระหว่างที่ผมหมุนตัวจะเดินออกมาจากห้อง ณัชก็ถาม เอ่อ...นั่นเธอคุยกับใครน่ะ กับผมหรอ?
“เธอคุยกับฉันหรอ”
“อื้ม”
“ใช่...เราเป็น...เพื่อนกัน”
“แล้วนายชื่อว่าอะไรหรอ”
“ฉันชื่อฮยอนซึง...จางฮยอนซึง”
“จางฮยอนซึง...” เธอพูดทวนคำผมเป็นการรับรู้
“งั้น...ฉันไม่กวนแล้วนะ”
“อยู่...เป็นเพื่อนฉันก่อนได้ไหมฮยอนซึง”
อยู่ๆ เธอก็พูดประโยคที่ผมไม่คิดว่าเธอจะพูดกับผมออกมา นี่ผมคงฝันไปใช่ไหม? เธอขอให้ผมอยู่เป็นเพื่อน!
“เธอ...ว่าไงนะ” ผมหันกลับไปถามเพื่อนความแน่ใจว่าหูไม่ได้ฝาด
“ฉันอยากให้นาย...อยู่เป็นเพื่อนฉันหน่อย ฉันอยู่คนเดียวแล้วมันฟุ้งซ่านยังไงไม่รู้”
“เอ่อ..”
“ถ้านายลำบากใจก็ไม่เป็นไรนะ เพราะว่าก่อนหน้านี้ฉันก็จำไม่ได้ว่าเราสนิทกันขนาดไหน ถ้าเกิดขอมากไปก็ขอโทษด้วยแล้วกัน”
“ไม่เป็นไร...ฉันแค่แปลกใจนิดหน่อย” ผมพูดพร้อมกับเดินกลับไปนั่งเก้าอี้ข้างๆ เตียง
“ทำไม?”
“ก็ปกติเธอจะไม่ขอร้องใครง่ายๆ แบบนี้น่ะสิ”
“เฮ้อ...ฉันชักอยากจะรู้แล้วสิว่าฉันเป็นคนยังไง...นายช่วยเล่าให้ฉันฟังหน่อยได้ไหม”
เพราะเธอขอร้องผมเลยต้องเล่าประวัติย่อๆ ของเธอให้ฟัง ตอนนี้เองที่ผมรู้สึกแปลกใจว่าไปรู้เรื่องของณัชมากมายขนาดนี้ได้ยังไง?
หลังจากนั้นไม่กี่วันณัชก็กลับไปพักฟื้นที่หอพัก เพราะเฝ้าฝันบอกว่าการอยู่และเจกับสถานที่เดิมๆ จะทำให้ความทรงจำกลับมาเร็วขึ้น ทำให้ณัชต้องไปทำงานที่บริษัททันทีที่ไปไหว ผมเลยอาสาที่จะพาเธอไปเองเพราะนอกจากเพื่อนร่วมวงของเธอก็มีแค่ผมคนเดียวที่เธอไว้ใจ แล้วยิ่งช่วงนี้ต้องทำซิงเกิ้ลเดียวกับพวกผมอีกเธอเลยต้องมาบริษัทคนเดียว ส่วนเพื่อนคนอื่นๆ ก็ไปอัดรายการอื่นตามปกติ
หลังจากที่ซ้อมกันเสร็จเราก็นั่งพักอยู่ในห้องรอรถตู้มารับเพราะวันนี้เราไม่ได้ขับรถส่วนตัวมา
“เป็นไงบ้าง” ผมถามณัชที่นั่งอยู่มุมห้องซ้อมพร้อมกับยื่นน้ำให้เธอขวดหนึ่ง
“ก็แปลกใหม่ดี ปกติฉันต้องมาทำอะไรอย่างนี้ทุกวันเลยหรอ”
“ใช่ ทำไม?” ผมถามพร้อมกับนั่งลงข้างๆ เธอ
“ก็คงจะเหนื่อยน่าดู ทำไมฉันถึงได้ชอบการเป็นนักร้องเนี่ย...จะว่าไปฉันยังไม่รู้จักนายเลยนะ เอาแต่ถามเรื่องตัวเองตลอดเลย”
“งั้นเธออยากรู้อะไรล่ะ ฉันให้ถามเลย ^^”
“นายเกิดวันที่เท่าไหร่”
“เกิดวันที 3 กันยายน”
“ชอบสีอะไร”
“ชอบสีชมพู...ขาวแล้วก็...ดำ ประมาณนี้แหละ”
เธอตั้งคำถามแล้วคำถามเล่ามาให้ผมตอบ แต่ผมก็ยินดีที่จะตอบมันถึงแม้มันจะเป็นคำถามพื้นๆ ที่ใครๆ ก็ถามผมบ่อยแต่ผมก็ตอบเธอโดยไม่รู้สึกเบื่อเลย เธอดูสดใสและสนุกกับการถามผมมากๆ จนบางครั้งผมก็ลืมที่จะตอบคำถามของเธอเพราะมัวแต่มองรอยยิ้มที่ผมไม่คิดว่าเธอจะมอบให้ผมแล้วในชีวิตนี้...ขอร้องล่ะ ถ้าความทรงจำของเธอกลับมาแล้ว ช่วยยิ้มให้ฉันแบบนี้อีกจะได้ไหม?
“ฮยอนซึง...ฮยอนซึง!”
“ห๊ะ! ว่าไง” ผมรู้สึกตัวเมื่อมือเล็กๆ ของณัชโบกไปมาตรงหน้า
“นายเหม่ออะไรอยู่ คิดคำตอบนานจัง”
“เธอถามว่าไงนะ”
“เฮ้อ...ฉันถามนายว่าถ้านายไม่ได้เป็นนักร้องแล้วนายอยากเป็นอะไร” ณัชถามย้ำคำถามที่เธอบอกว่าเพิ่งจะถามผม แต่ผมไม่ได้ที่เธอพูดเลยมัวแต่คิดอะไรบ้าๆ อยู่ก็ไม่รู้
“สงสัยคำถามจะยากไป” ณัชพูดแล้วหันไปเอนหลังกับผนังห้อง แต่มือเธอกลับปัดไปโดนขวดน้ำหกรดเต็มตัวผมเลย -_-;
“เฮ้ย!! ขอโทษ” เธอยกมือขึ้นปิดปากแล้วรีบใช้มือปัดเม็ดน้ำออกจากตัวผมให้
“ไม่เป็นไรเดี๋ยวฉันไปเปลี่ยนเสื้อผ้าที่ห้องน้ำก็ได้” ผมบอกแล้วเดินไปหยิบกระเป๋าตัวเองออกมาจากห้องซ้อม ส่วนณัชก็กำลังค้นหากระดาษทิชชู่มาเช็ดพื้นห้องอย่างลนลาน ถ้าเกิดเป็น ‘ณัชภาคปกติ’ คงไม่มีโอกาสเห็นภาพแบบนี้แน่ ผมยิ้มให้ด้านหลังของเธอแล้วปิดประตูห้องซ้อมไว้ แต่...
“สวัสดีครับ” คุณอธิสกล่าวคำทักทาย เขามาที่นี่ทำไมเนี่ย -_-*
“สวัสดีครับ” ผมโค้งตัวลงเล็กน้อยเพื่อเป็นการทักทายเช่นกัน
“ณัชอยู่ไหมครับ”
“ไม่อยู่ครับ” ผมตอบกลับไปทั้งที่ณัชก็ยังอยู่ในห้องนั้น
“อ้าว! คุณมะนาวบอกว่าเธออยู่ห้องซ้อมนี้นี่”
“ณัชกลับไปแล้วล่ะครับ เธอปวดหัวมาก ก็เลยกลับไปพักผ่อนที่หอ”
“หรอครับ งั้นไม่เป็นไร ผมไปเยี่ยมเธอที่หอแล้วกัน” คุณอธิสหมุนตัวเดินกลับไปที่ลิฟต์ อะไรนะ! จะตามไปที่หอเชียวหรอ
“ณัชต้องการพักผ่อนนะครับ ผมว่าอย่าไปกวนเธอเลย” ผมตะโกนข้ามทางเดินไป
“หรอครับ งั้นผมไม่ไปหาเธอวันนี้ก็ได้” พูดจบเขาก็เดินเข้าไปในลิฟต์ เฮ้อ...ให้ตายสิหมอนั่นไม่รู้สึกอะไรเลยรึไงที่มีส่วนทำให้เธอต้องเป็นแบบนี้
ผมกลับมาที่ห้องซ้อมก็พบว่าณัชนอนหลับอยู่ ท่าทางเธอดูเหนื่อยมากจนผมไม่กล้าปลุก
“อ้าว ณัชหลับหรอ” คุณมะนาวเปิดประตูเข้ามาพอดี
“ครับ รถมาแล้วหรอครับ”
“ใช่ คนอื่นลงไปหมดแล้ว เหลือแค่พวกนายสองคนนี่แหละ”
“งั้น...เดี๋ยวรบกวนคุณมะนาวช่วยถือกระเป๋าให้ด้วยนะครับ ผมจะอุ้มณัชลงไปเอง”
“อ๋อได้จ้ะ ฉันก็ไม่อยากปลุกณัชเหมือนกัน ขอบใจนะ”
เราเดินทางผ่านการจราจรที่คับคั่งของตัวเมืองนานพอสมควรในที่สุดก็มาถึงหอพัก ผมอุ้มเธอมาวางที่เตียงอย่างเบามือ ใบหน้าของเธอเวลาที่หลับสนิทแบบนี้มันทำให้ผมกลัว...กลัวว่าถ้าเกิดเธอตื่นขึ้นมาพร้อมกับความทรงจำของเธอเอง...ผมจะรับได้ไหมที่จะไม่ได้เห็นรอยยิ้มแบบนั้นอีก
“ฝันดีนะ...” ผมพูดกับณัชที่ยังคงหลับสนิทบนเตียง ก่อนจะค่อยๆ ก้มลงไปสัมผัสที่ริมฝีปากของเธออย่างแผ่วเบา ขอเวลาให้ฉันได้เห็นรอยยิ้มที่สดใสของเธออีกสักพักจะได้ไหม?
ณัชความจำเสื่อมไปแล้ว 1 อาทิตย์กว่าๆ และดูเหมือนมีเค้าว่าเธอจะจำเรื่องราวต่างๆ ได้มากขึ้น ยิ่งได้เข้ามาทำงานที่บริษัท ยิ่งได้เต้นได้ร้องในสิ่งที่ตัวเองเคยทำเธอยิ่งจำได้ แต่มันก็ต้องแลกมาด้วยอาการปวดหัวอย่างหนักจนทำให้เธอเกือบจะเป็นลม คุณมะนาวเลยรีบพาณัชกลับไปพักที่หอ พักผ่อนหน่อยก็ดีเหมือนกันเพราะผมไม่อยากให้เธอหักโหมมากเกินไป ผมไม่อยากเห็นเธอต้องเจ็บปวดแบบนั้นบ่อยๆ
พวกเราซ้อมกันเสร็จก็กลับมาที่หอ ผมกะว่าจะไปดูเธอสักหน่อยว่าหายปวดหัวรึยังและพอดีกับคุณมะนาวฝากของมาให้เธอกับวิลล่าด้วย ผมเลยมีข้ออ้างที่จะไปหาเธอได้
“อ้าวทำอะไรกันอยู่หรอ” ผมเดินเข้าไปในห้อง ก็เจอณัชกับวิลล่ากำลังเล่นเครื่องสำอางอยู่
“อ๋อ ลองเมคอัพชุดใหม่น่ะค่ะ...เป็นไงคะ” ประโยคสุดท้ายวิลล่าพยักพเยิดให้ผมหันไปมองณัชที่อยู่ข้างๆ ก็เห็นณัชแต่งหน้าซะสวยเลย ยิ่งเห็นแบบนี้ผมยิ่งกลัวกลัวว่าเธอจะจำตัวเองได้...ผมขอพูดอย่างคนเห็นแก่ตัวเลยว่า...ผมกลัวเธอจำได้จริงๆ!
“สวยดีนี่ ^_^//”
“เห็นไหมคะ ของเขาดีจริงๆ ^///^”
“แล้วนั่นอะไรหรอ” ณัชถามขึ้นมาพร้อมกับใบหน้าแดงระเรื่อเล็กน้อย เวลาเขินน่ารักดีเหมือนกันนะ (เวลาปกติไม่เคยเห็นเขินแสดงออกขนาดนี้น่ะครับ -_-)
“อ๋อ เจอกับคุณมะนาวหน้าคอนโดน่ะ พี่เขาฝากมื้อเย็นมาให้พวกเธอ เห็นบอกว่าคนอื่นๆ คงดึกกว่าจะเสร็จงาน ให้กินแล้วก็นอนเลย ไม่ต้องรอ”
“อ๋อ ขอบใจนะ ^^” ณัชพูดแล้วลุกมารับของจากผม
“กินด้วยกันไหมคะพี่ฮยอนซึง อาหารตั้งเยอะแยะเราสองคนกินไม่หมดหรอกค่ะ”
“นั่นสิ มากินด้วยกันไหม” ณัชรับคำอย่างเห็นด้วย ผมเลยหันไปมองหน้าวิลล่าอย่างไม่ได้นัดหมายเพราะวิลล่าก็มองมาที่ผมเหมือนกัน ปกติเขาจะไม่ค่อยชอบใจเท่าไหร่ที่ผมมากินข้าวด้วย ถ้าเกิดเขาไม่ความจำเสื่อมล่ะก็วีนแตกไปแล้วที่วิลล่าชวนผมร่วมโต๊ะแบบนี้ ถึงแม้ปกติบีสท์จะมากินมื้อค่ำของพวกเธอบ่อยได้เถอะ แต่ทุกครั้งก็ต้องมาทนมองหน้าณัชที่บูดและบึ้งจนพวกเราชินกันซะแล้วที่มีเพื่อนร่วมโต๊ะไม่พูดไม่จาอารมณ์บูดแบบณัชนั่งกินข้าวด้วย
“อะไร...หรอ?” ณัชขมวดคิ้วมองผมกับวิลล่าสลับกัน
“เปล่าหรอกค่ะพี่ณัช ไปเตรียมจานมาใส่ดีกว่าค่ะวิลหิวมากเลย...พี่ฮยอนซึง ชวนพี่ๆ คนอื่นมากินด้วยกันนะคะ” วิลล่ารีบรวบเครื่องสำอางไปไว้มุมห้องแล้วเข้ามาพาณัชไปที่ห้องครัว ก่อนที่เธอจะถามอะไรมากกว่านี้
ผมกลับมาที่ห้องแล้วชวนเพื่อน 3 คนที่ยังอยู่คือดูจุน จุนฮยองและกีกวัง เพราะโยซอบก็ไปรับจ็อบร้องเพลงคู่กับนักร้องหญิงอีกค่าย ส่วนดงอุนก็ไปถ่ายละครเรื่องใหม่
ดินเนอร์คืนนี้เรากินไปพร้อมกับดูคอนเสิร์ตย้อนหลังของ Lusty ตั้งแต่เริ่มเปิดตัววง Cover dance จนกระทั่งมาถึงตอนที่เริ่มเดบิวท์ ผมรู้สึกว่าณัชจะจดจ่อกับการดูคอนเสิร์ตยิ่งกว่าตักอาหารเข้าปากซะอีก เดี๋ยวก็ปวดหัวอีกหรอก =_=
“โอ้ย!” ระหว่างที่กำลังดูคอนเสิร์ตวันที่เธอเจอกับบีสท์ครั้งแรกที่ประเทศไทย อยู่ๆ เธอก็ร้องออกมา นั่นไง! คิดยังไม่ทันจบเลย
“ฉันว่าพอเถอะ” ผมพูดแล้วรีบเดินไปปิดคอนเสิร์ตนั้นซะ แล้วเดินกลับมาหาณัชที่นั่งกุมขมับตัวเองอยู่ “ปวดหัวมากไหม?”
“ก็...พอทนอ่ะ”
“งั้นวิลพาพี่ณัชเข้าไปพักก่อนแล้วกันนะคะ” วิลล่าพูดแล้วเข้าไปประคองณัชขึ้นมา ผมจึงเข้าไปช่วยอีกแรงจนกระทั่งพาเธอมาถึงห้องนอน
“ขอบใจนะ” ณัชบอก
“ฮยอนซึงฉันขอคุยด้วยหน่อยสิ” ดูจุนเดินตามเข้ามาก่อนจะเดินนำหน้าผมออกไปจากห้องนอน ผมเดินตามมันไปจนถึงประตูของทางหนีไฟ ดูจุนมองไปรอบๆ เห็นว่าระเบียงทางเดินว่างเปล่าไม่มีใครเดินผ่านจึงเริ่มพูดโดยมีจุนฮยองและกีกวังออกมาสมทบ
“แกคิดอะไรอยู่ฮยอนซึง” ดูจุนเริ่มพูดเข้าเรื่อง
“อะไรของแกดูจุน”
“ทำไมแกต้องกีดกันณัชตลอด แกกลัวเขาจำได้รึไง” จุนฮยองพูดออกมาบ้าง
“กัดกัน? กีดกันอะไร” ผมแกล้งถามไปอย่างนั้น เพราะผมรู้ว่าพวกมันกำลังหมายความว่ายังไง
“ก็การที่แกไม่ยอมให้ณัชดูทีวีช่วงที่มีข่าว ตอนซ้อมที่บริษัทก็รีบเข้าไปขัดตอนที่ณัชเริ่มจะมีความทรงจำกลับคืนมา แล้วตอนดูคอนเมื่อกี๊อีก แกก็รีบปิดไปทั้งๆ ที่ณัชก็บอกอยู่ว่าพอทนได้ แทนที่จะให้เธอดูต่อเผื่อความทรงจำจะกลับมาได้ทั้งหมด แต่แกหลับรีบเข้าไปขัดเหมือนกับว่าแกไม่อยากให้จำได้ทั้งหมดยังงั้นแหละ”
“...” เพราะคำพูดเหล่านั้นมันแทงใจจนทำให้ผมจุกพูดไม่ออกไปเลย จริงสินะ...ผมเคยมีความคิดแบบนั้นจริงๆ บางครั้งก็ยังคิดว่าไม่อยากให้เธอจำได้ด้วยซ้ำ ผมเลวมากเลยใช่ไหมที่เห็นแก่ความสุขของตัวเองโดยไม่นึกถึงจิตใจของณัชเลย!
“ฉันว่าแกเลิกทำแบบนี้ดีกว่าว่ะ ถ้าเกิดถลำลึกไปมากกว่านี้แล้วณัชเกิดจำได้ขึ้นมา คนที่เจ็บก็คือแกนะเว้ย” กีกวังพูดขึ้นมาอีกคน
“พวกแกพูดจบแล้วใช่ไหม” ผมพูดแล้วรีบเดินออกมาจากตรงนั้นทันที ผมยอมรับว่าผมมันเลว แต่ผม...ผมยังทำใจไม่ได้ที่จะต้องกลับไปเห็นเพียงใบหน้าเฉยชาของณัชที่มองมาที่ผม...
“คุณช่วยเล่ารายละเอียดให้ฟังอีกหน่อยได้ไหมคะ ฉันเริ่มจำได้ลางๆ แล้ว” ระหว่างที่ผมกับเพื่อนเดินเข้ามาในห้อง เสียงของณัชก็ดังลอดออกมา ณัชกำลังคุยกับใคร วิลล่าหรอ?
“จริงหรอครับ!” เสียงของคู่สนทนาดังขึ้นมา ทำให้ผมมั่นใจมากว่าเป็นคุณอธิสนั่นแน่ๆ
ผมเข้าไปห้ามไว้ทันก่อนที่เธอจะได้ฟังรายละเอียดที่เกี่ยวกับอุบัติเหตุ จนทำให้เธอไม่พอใจผมและเพื่อนๆ เอามากๆ เธอโกรธจนกระทั่งสลบไป เราเลยรีบส่งเธอไปยังโรงพยาบาลทันที ถ้าเกิดเธอเป็นอะไรไปล่ะก็ ความผิดของผมคนเดียวเลย! ผมผิดเองที่เป็นคนเห็นแก่ตัว...มันเป็นความผิดของผมเอง!!
เราเดินสวนกันไปมาหน้าห้องฉุกเฉินของโรงพยาบาล แฟนคลับมากมายก็ล้อมรอบพวกเราเอาไว้ยังดีที่การ์ดของคุณอธิสนั่นคอยยืนคุ้มกันให้ พวกเราเลยไม่เละเป็นโจ๊กกัน
ทั้งที่เสียงแฟนคลับดังลั่นโรงพยาบาล แต่ผมกลับได้ยินมันเพียงเล็กน้อยเท่านั้น เสียงหัวใจของผมมันเต้นแรงจนกลบเสียงเหล่านั้นไปหมด ถ้าเกิดเธอฟื้นขึ้นมาแล้วความทรงจำกลับคืนมาเราคงอยู่กันแบบเดิม คอยทะเลาะกัน มองใบหน้าบึ้งตึงและเฉยชาของเธอต่อไป...แต่ถ้าความทรงจำของเธอยังไม่กลับคืนมา เธอคงจะโกรธผมและไม่ยอมคุยกับผมอีก! ผมไม่รู้ว่าอันไหนมันจะดีกว่ากัน เพราะทั้ง 2 อย่างมันก็ทำให้ผมปวดใจได้ทั้งคู่
‘ฉันว่าแกเลิกทำแบบนี้ดีกว่าว่ะ ถ้าเกิดถลำลึกไปมากกว่านี้แล้วณัชเกิดจำได้ขึ้นมา คนที่เจ็บก็คือแกนะเว้ย’
เสียงของกีกวังดังเข้ามาในสมอง จริงอย่างที่แกบอกคนที่เจ็บก็คือฉันเอง...
“ญาติคุณณัชยารึเปล่าคะ” พยาบาลประจำห้องฉุกเฉินเดินเข้ามาหาเรา
“ใช่ค่ะ” วิลล่ารีบรับคำ
“คนไข้ฟื้นแล้วนะคะ เข้าเยี่ยมได้ค่ะ” พยาบาลพูดแล้วเดินกลับเข้าไปในห้องฉุกเฉิน พวกเรามองหน้ากันสักพักก่อนจะเดินเข้าไปในห้องฉุกเฉิน
ทั้งที่ประตูห้องฉุกเฉินกับเตียงที่ณัชนอนอยู่จะใกล้กันนิดเดียว แต่ความรู้สึกผมมันใช้เวลานานมากกว่าเราจะเดินไปถึง หัวใจเต้นรัวจนแทบจะระเบิดออกมาอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน เดบิวท์ครั้งแรกยังไม่ตื่นเต้นขนาดนี้เลยนะเนี่ย
“พี่ณัชคะ...” วิลล่าเรียกณัชที่นอนลืมตานิ่งมองเพดานอยู่ เธอค่อยๆ หันมาหาพวกเราช้าๆ
********************************
กลับมาแล้วจ้า (หลังจากหายไปนานอีกแล้ว U.U)
ยังไงก็ฝากติดตามเป็นกำลังใจต่อไปนะคะ
ถึงมีแค่คนเดียวอ่านไรท์ก็จะอัพจ้า
อยากจะเช็ดเรทติ้งอยู่นะว่ามีใครอ่านอยู่บ้างจะได้มีกำลังใจอัพบ่อยๆ หน่อย อิอิ
แต่ก็ช่างเถอะ แค่ยอด view ขึ้นไรท์ก็ดีใจแล้วล่ะ
(จะดีใจมากถ้ามีคอมเม้นสักหน่อยฮ่าๆๆ) ^_^
*********************************
คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ