[B2ST/Beast] Dream Story รักนี้ให้นาย...เจ้าชายอสูร

8.9

เขียนโดย Kreota

วันที่ 19 กรกฎาคม พ.ศ. 2556 เวลา 00.14 น.

  87 ตอน
  86 วิจารณ์
  113.63K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 11 ตุลาคม พ.ศ. 2557 22.21 น. โดย เจ้าของนิยายฟิคชั่น

แชร์นิยายฟิคชั่น Share Share Share

 

65) [Episode 5 :: Beautiful Lover] # Chapter 11

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ขนาดตัวอักษร เล็ก กลาง ใหญ่ ใหญ่มาก
 
Episode 5 Beautiful Lover
:: Chapter 11 ::
 
            “จางฮยอนซึง...”  ฉันพูดทวนคำ เขาพยักหน้ารับเบาๆ
            “งั้น...ฉันไม่กวนแล้วนะ”  เขาพูดแล้วเดินไปหมุนลูกบิดประตู
            “อยู่...เป็นเพื่อนฉันก่อนได้ไหมฮยอนซึง”  ฉันพูดออกไปด้วยใจที่เต้นรัว ไม่รู้ว่าทำไมแค่การที่ฉันขอร้องเขาถึงทำให้ฉันตื่นเต้นได้มากขนาดนี้
            “เธอ...ว่าไงนะ”  ฮยอนซึงหันกลับมาถามฉันพร้อมคิ้วที่ขมวดเป็นปม
            “ฉันอยากให้นาย...อยู่เป็นเพื่อนฉันหน่อย ฉันอยู่คนเดียวแล้วมันฟุ้งซ่านยังไงไม่รู้” 
            “เอ่อ..”
            “ถ้านายลำบากใจก็ไม่เป็นไรนะ เพราะว่าก่อนหน้านี้ฉันก็จำไม่ได้ว่าเราสนิทกันขนาดไหน ถ้าเกิดขอมากไปก็ขอโทษด้วยแล้วกัน” 
            “ไม่เป็นไร...ฉันแค่แปลกใจนิดหน่อย”  ฮยอนซึงเดินเข้ามานั่งเก้าอี้ที่อยู่ข้างเตียง
            “ทำไม?”
            “ก็ปกติเธอจะไม่ขอร้องใครง่ายๆ แบบน่ะสิ”
            “เฮ้อ...ฉันชักอยากจะรู้แล้วสิว่าฉันเป็นคนยังไง...นายช่วยเล่าให้ฉันฟังหน่อยได้ไหม”
            “หือ?...เอางั้นหรอ ฉันว่าน่าจะให้เภตราหรือว่าเพื่อนคนอื่นๆ เล่าให้ฟังดีกว่านะ พวกเขาน่าจะรู้จักเธอดีกว่าฉัน”
            “เอาเท่าที่นายรู้นั่นแหละ อย่างน้อยๆ ก็ชื่อจริงกับนามสกุลก็ได้”  ฉันพยายามทำหน้าอ้อนวอนให้เขา เขายิ้มให้ฉันเบาๆ ก่อนจะส่ายหน้าไปมา
            “ก็ได้...เธอชื่อ...ณัชยา บริวัตรขจร”
            “ฉันเป็นคนไทยหรอ? แล้วทำไมฉันถึงมาอยู่เกาหลีล่ะ”
            “เรื่องนี้ยาวมากเลยนะ”
            “ยาวฉันก็จะฟัง ^_^” 
            หลังจากนั้นฮยอนซึงก็เล่าเรื่องราวชีวิตของฉันในส่วนที่เขารู้ทั้งหมดให้ฟัง เริ่มตั้งแต่การที่ฉันตั้งวง Cover แล้วก็มาออร์ดิชั่น จนกลายเป็นศิลปินเกิร์ลกรุ๊ปชื่อว่า Lusty อย่างทุกวันนี้ ทีแรกก็ตกใจหน่อยๆ ที่รู้ว่าตัวเองเป็นนักร้องเกาหลี แล้วฮยอนซึงก็เป็นนักร้องเกาหลีที่ดังมากๆ อีกต่างหาก มิน่าทุกคนที่มาเยี่ยมฉันแต่ละคนออร่าจับกันทั้งนั้นเลย
            อาการของฉันฟื้นตัวเร็วมากและอีกไม่กี่วันหลังจากนั้นฉันก็ได้กลับมาพักฟื้นที่หอพัก และด้วยความที่ฮยอนซึงเป็นคนที่ช่วยดูแลฉันตลอด ในวงบีสท์ฉันเลยสนิทกับเขาที่สุดเวลาที่ไปซ้อมเต้นเปิดตัวซิงเกิ้ลใหม่ (เห็นเขาบอกว่างั้นนะ -_-) ฉันก็ไปกับเขาเพราะว่าบีสท์คนอื่นๆ ฉันไม่สนิทเท่าไหร่
            “ช่วงนี้ตัวติดกันจังเลยนะณัช มาด้วยกันหรอสองคนนี้ ^^”  พี่มะนาว ผู้จัดการส่วนตัวของฉันยิ้มเมื่อฉันเดินเข้ามาในห้องซ้อมพร้อมกับฮยอนซึงในตอนเช้า
            “ก็...มาพร้อมคนอื่นๆ นั่นแหละค่ะพี่มะนาว แต่ยังไม่ได้ขึ้นมา”  ฉันยิ้มแล้วเดินเข้าไปในห้องซ้อม โดยมีฮยอนซึงที่ช่วยถือกระเป๋าเดินตามมา
            ก็ไม่แปลกที่พี่เขาจะแซวเพราะว่าฉันกับฮยอนซึงทำตัวแปลกจริงๆ ถ้าเกิดไม่ติดว่าฉันเกรงใจเขาล่ะก็ฉันจะถามไปตรงๆ เลยว่าก่อนที่ฉันจะสมองเสื่อมเนี่ย ‘เราเป็นแฟนกันรึเปล่า?’ เพราะดูจากการดูแล เทคแคร์ของฮยอนซึงแล้ว เขาทำตัวเหมือนเป็นแฟนฉันเลย -///-
            วันนี้เริ่มต้นอย่างทุลักทุเลเพราะว่าฉันจำท่าเต้นที่ครูสอนไว้ไม่ได้เลย เลยต้องเริ่มต้นใหม่ทั้งหมดแต่คงเพราะฉันสมองเสื่อมไปอย่างเดียวแต่ทักษะและความรู้ต่างๆ ยังมีอยู่ ฉันเลยเรียนรู้ได้เร็วและทำได้ในที่สุด อาจคงเพราะภาพตอนที่ฉันเต้นเพลงนี้มันแว็บเข้ามาในหัวบ่อยๆ ด้วยแหละมั้ง
            “ณัช...พักไหม”  ครูสอนเต้นถามเมื่ออยู่ๆ ขาฉันมันก็ไม่ทำตามคำสั่งขึ้นมา มันปวดหัวแปล๊บๆ ขึ้นมาทำให้ฉันทำอะไรไม่ได้เลย ภาพที่รู้สึกคุ้นเคยเริ่มชัดเจนมากขึ้น ภาพในห้องซ้อมแห่งนี้นี่เองที่มันผุดขึ้นมา ตอนที่ฉันซ้อมเต้นเพลงของบีสท์และซ้อมเต้นเพลงของตัวเอง...ทั้งหมดที่เกิดขึ้นที่นี่มันหมุนวนอยู่ในหัวฉันเต็มไปหมด
            “จำอะไรได้หรอณัช!”  พี่มะนาวเดินเข้ามาจับต้นแขนฉันเบาๆ
            “เอ่อ...มันแค่แว็บๆ น่ะค่ะ ไม่ค่อยชัดเจนเท่าไหร่”
            “งั้นพักก่อนเถอะ”  ฮยอนซึงรีบเข้ามาประคองฉันไปนั่งที่มุมหนึ่งของห้องซ้อม แล้วการซ้อมก็พักไปประมาณ 5 นาทีบีสท์ก็ไปซ้อมต่อ ส่วนฉันพี่มะนาวรีบพากลับมาพักที่หอทันทีที่ฉันอาการดีขึ้นและพอจะลุกไหว
            ฉันเป็นแบบนี้มา 1 อาทิตย์เต็ม เห็นภาพมากมายผุดเข้ามาในหัวไม่หยุด เวลาไปเจอสถานที่ที่เคยไปหรือได้คลุกคลีบ่อยๆ เรื่องราวของสถานที่นั้นก็จะชัดเจนขึ้น เฝ้าฝันบอกว่ามันเป็นสัญญาณที่ดีเพราะมันจะทำให้ฉันจำเรื่องราวต่างๆ ได้เร็วขึ้น ด้วยเหตุนี้พี่มะนาวและพี่นาบีเลยลงความเห็นให้ฉันไปทำงานที่บริษัทตามปกติเพื่อให้ความทรงจำของฉันกลับคืนมาอย่างเร็วที่สุดเพราะคอนเสิร์ตเปิดตัวซิงเกิ้ลใหม่ของบีสท์จะเริ่มในอีก 2 อาทิตย์ที่จะถึงนี้แล้ว
            การเห็นภาพพวกนั้นบ่อยๆ มันก็ดีอยู่หรอกนะ แต่ยิ่งเห็นมันบ่อยขึ้นฉันก็ยิ่งปวดหัวมากขึ้น บางทีปวดหัวมากๆ จนลืมตาไม่ขึ้นเลยก็มี วันนั้นฉันก็ต้องหยุดกิจกรรมทุกอย่างเพื่อกลับมาพักผ่อน เป็นแบบนี้ทุกวันๆ ฉันเหมือนเป็นตัวถ่วงคนอื่นยังไงไม่รู้ อยากจำได้เร็วๆ จัง U_U
            “วิลล่า คนอื่นๆ ล่ะ”  ฉันเดินออกมาจากห้องนอนหลังจากหลับไปเพราะฤทธิ์ยา ตื่นมาอีกทีก็เย็นมากแล้ว ค่ำขนาดนี้คนอื่นๆ น่าจะกลับมาแล้วไม่ใช่หรอ
            “พี่คนอื่นติดงานกันน่ะค่ะ เหลือแค่เราสองคนนี่แหละ ^^”
            “อ๋อ...แล้วนั่นทำอะไรน่ะ”  ฉันนั่งลงใกล้ๆ วิลล่า มีเครื่องสำอางมากมายกองอยู่กึ่งกลางระหว่างฉันกับวิลล่า
            “ของสปอนเซอร์ที่วิลไปเป็นพรีเซ็นเตอร์น่ะค่ะ เขาส่งมาให้ลองใช้”
            “เยอะขนาดนี้เลยหรอ”
            “ค่ะ น่าจะทุกเซ็ทที่เขามีในบริษัทเลยมั้งคะ”
            “โห...ให้กันอย่างนี้เลยเน๊อะ” 
            ถึงฉันจะเป็นซุป’ตาร์ (ที่สมองเสื่อม) เหมือนกัน แต่ฉันก็ยังไม่ชินอยู่ดีที่มีของดีๆ มากมายจากสปอนเซอร์และของขวัญน่ารักๆ จากแฟนคลับที่เอามาให้ฟรีๆ แบบนี้
            “ลองดูหน่อยไหมคะพี่ณัช เซ็ทนี้เพิ่งออกใหม่เลยนะ”  วิลล่าพูดแล้วหันมาทำตาโตบ้องแบ๊วให้เหมือนหวังผลอะไรสักอย่าง =_=
            “เอ่อ...พี่ว่า”
            “นิดหน่อยเองนะคะ ตอนนี้หน้าพี่ซีดมากเลยรู้ไหม ไม่โดนเครื่องสำอางมากี่วันแล้วเนี่ย”
            “เอ่อ...”
            “วิลจะแต่งให้สุดฝีมือเลยค่ะ ^_^” 
            พูดจบวิลล่าก็จับนู่นหยิบนี่มาทาๆ ขีดๆ เขียนๆ ใส่หน้าฉัน ผ่านไปประมาณ 30 นาทีหน้าของฉันก็เปลี่ยนจากซีดๆ โซมๆ เป็นสาวเปรี้ยวโฉบเฉี่ยวขึ้นกว่าเดิม ที่นานเป็นครึ่งชั่วโมงเพราะว่าวิลล่ามัวแต่โฆษณาผลิตภัณฑ์ให้ฉันฟัง =_=;
            “ว้าว! พี่ณัชคนเดิมกลับมาแล้ว ^O^”  วิลล่ายิ้มรับกับผลงานชิ้นเอกของตัวเอง
            “ปกติเธอแต่งหน้าให้พี่หรอ เหมือนในโปสเตอร์ตรงนั้นเลย”  ฉันชี้ไปที่โปสเตอร์ที่ติดบนผนังห้อง
            “เปล่าค่ะ ช่างแต่งหน้าชอบแต่งพี่ออกมาลุคนี้ วิลแค่จำๆ เขามาเท่านั้นเอง...แล้วอีกอย่างนะคะ...”  วิลล่าพูดประโยคสุดท้ายเบาๆ แล้วยื่นหน้าเข้ามาเหมือนจะกระซิบอะไรบางอย่าง ฉันเลยยื่นหน้าเข้าไปฟัง
            “ถ้าเกิดเป็น ‘พี่ณัช’ ตอนที่สมองไม่เสื่อม วิลก็ไม่กล้าแต่งหน้าให้พี่หรอกค่ะ อิอิ”
            “ทำไมล่ะ พี่น่ากลัวขนาดนั้นเลยหรอ?”  ฉันกลับมานั่งท่าเดิมแล้วขมวดคิ้วถามวิลล่า
            “มากค่ะ =_=”
            แหม...ตอบแบบไม่ได้หยุดคิดเลยนะเธอ Y.Y
            “ก็พี่ชอบเขกหัววิลนี่คะ เจ็บจะตายใครจะกล้าไปล้อเล่นด้วยล่ะ T^T”  วิลล่าเล่าความเลวร้ายของตัวฉันเองให้ฟัง...ทำไมตอนฮยอนซึงเล่ามันมีแต่มุมดีๆ ล่ะ มิน่าเขาถึงให้ฉันฟังจากเพื่อนๆ ตัวจริงของฉันด้วย -_-;;
            “อ้าวทำอะไรกันอยู่หรอ”  ฮยอนซึงเดินเข้ามาในห้องพร้อมกับข้าวของมากมายในมือ
            “อ๋อ ลองเครื่องเมคอัพชุดใหม่น่ะค่ะ”  วิลล่าหัวไปบอก  “เป็นไงคะ”
            วิลล่าผายมือมาที่ฉันอย่างภูมิใจนำเสนอ ฮยอนซึงนิ่งมองหน้าฉันนานพอสมควรก่อนจะยิ้มออกมาเบาๆ
            “สวยดีนี่ ^_^//” 
            “เห็นไหมคะ ของเขาดีจริงๆ ^///^”  วิลล่าตบตักตัวเองอย่างเห็นด้วยเป็นที่สุด ส่วนฉันก็รู้สึกร้อนที่หน้าแปลกๆ จนต้องเปลี่ยนเรื่องไปพูดถึงของที่ฮยอนซึงถือเข้ามาแทน
            “แล้วนั่นอะไรหรอ”
            “อ๋อ เจอกับคุณมะนาวหน้าคอนโดน่ะ พี่เขาฝากมื้อเย็นมาให้พวกเธอ เห็นบอกว่าคนอื่นๆ คงดึกกว่าจะเสร็จงาน ให้กินแล้วก็นอนเลย ไม่ต้องรอ” 
            “อ๋อ ขอบใจนะ ^^”  ฉันพูดแล้วลุกไปรับกับข้าวมาจากฮยอนซึง
            “กินด้วยกันไหมคะพี่ฮยอนซึง อาหารตั้งเยอะแยะเราสองคนกินไม่หมดหรอกค่ะ”
            “นั่นสิ มากินด้วยกันไหม”  ฉันพูดอย่างเห็นด้วย แต่ทั้งวิลล่าแล้วก็ฮยอนซึงกลับมองหน้ากันแปลกๆ
            “อะไร...หรอ?”  ฉันมองหน้า 2 คนสลับกันอย่างไม่มั่นใจ นี่ฉันทำอะไรผิดไปอีกแล้วหรอ?
            “เปล่าหรอกค่ะพี่ณัช ไปเตรียมจานมาใส่ดีกว่าค่ะวิลหิวมากเลย...พี่ฮยอนซึง ชวนพี่ๆ คนอื่นมากินด้วยกันนะคะ”  ประโยคสุดท้ายวิลล่าหันไปบอกฮยอนซึงแล้วพาฉันเข้ามาในห้องครัว
            วันนี้เราดินเนอร์กันพร้อมกับดูคอนเสิร์ตย้อนหลังของวงฉันและผลงานตั้งแต่สมัยที่ยัง Cover dance อยู่ ดูไปแล้วเราก็ทุ่มเทกันมากๆ เลยกว่าจะถึงวันนี้ วิลล่าเล่าให้ฟังว่า เราเป็นเด็กในสังกัดของพี่นาบีหรือจะพูดง่ายๆ ว่าเป็นศิลปินฝึกหัดของพี่นาบีมา 3 ปีเต็มกว่าจะได้เปิดตัววง cover แล้วมาออร์ดิชั่นที่เกาหลี
            “โอ้ย!”  อยู่ๆ ความรู้สึกเจ็บแปล๊บที่หัวก็กำเริบอีกครั้ง คราวนี้มันปวดมากขึ้นเพราะเรื่องราวที่ฉันจำได้มันเป็นช่วงเวลาที่ฉันอยู่ที่ประเทศไทย...เริ่มต้นจากที่เจอพี่นาบี ฝึกเต้น ฝึกร้องที่โรงเรียนดนตรีคังยู แล้วก็งานประกวด Cover dance ต่างๆ มันกลับมาอยู่ในหัวอีกครั้ง
            “ฉันว่าพอเถอะ”  เสียงฮยอนซึงดังขึ้นมา ก่อนที่เสียงคอนเสิร์ตที่เปิดอยู่ถูกปิดลง
            “ปวดหัวมากไหม?”  ฮยอนซึงเข้ามาถามด้วยความเป็นห่วง
            “ก็...พอทนอ่ะ”
            “งั้นวิลพาพี่ณัชเข้าไปพักก่อนแล้วกันนะคะ”  วิลล่าพูดก่อนจะประคองฉันเข้ามาในห้องนอนโดยมีฮยอนซึงช่วยอีกแรง
            “ขอบใจนะ”  ฉันพูดเมื่อพวกเขาพาฉันมาถึงเตียงแล้ว
            “ฮยอนซึงฉันขอคุยด้วยหน่อยสิ”  ดูจุนที่เดินตามเข้ามาด้วยพูดขึ้น พวกเขามองหน้ากันแป๊บหนึ่งก่อนจะเดินออกไปด้วยกัน
            “เอ่อ...วิลออกไปเอายามาให้แล้วกันนะคะ”  วิลล่าพูดแล้วเดินออกไปจากห้องบ้าง ฉันเลยทิ้งตัวลงนอนแล้วหลับตาลง ปล่อยให้ภาพความทรงจำต่างๆ มันผุดขึ้นมาเรื่อยๆ ตามที่มันควรจะเป็น แต่ยิ่งฉันคิดถึงท่าทางแปลกของคนอื่นๆ ที่อยู่รอบตัวเส้นเลือดตรงขมับก็ยิ่งเต้นแรงขึ้นเรื่อยๆ
            นี่พวกเขายังไม่บอกอะไรกับฉันรึเปล่า...
            “อยู่คนเดียวหรอครับ คนอื่นๆ ไปไหน”  อยู่ๆ ก็มีผู้ชายคนหนึ่งเดินเข้ามาในห้อง เขาดูท่าทางเหมือนรู้จักฉัน แต่ท่าทางของเขาไม่เหมือนเพื่อนคนอื่นๆ ฉันว่าเขาไม่ได้เป็นนักร้องหรือนักแสดงแน่ๆ เขาออกแนวนักธุรกิจมากกว่า
            “ไม่รู้เหมือนกันค่ะ แล้ว...คุณเป็นใครหรอคะ” 
            “ผม...ชื่ออธิสครับ”
            “ต้องขอโทษด้วยนะคะ ฉัน...”
            “ผมรู้ว่าคุณจำอะไรไม่ได้เลย ผมต้องขอโทษจริงๆ ที่ก่อนหน้านี้ไม่ได้มาเยี่ยมคุณเลย ผมมัวแต่วุ่นวายกับเรื่องของโอกังจาอยู่”
            “เอ่อ...คุณหมายถึงใครหรอคะ”
            “ก็โอกังจาไงครับ คนที่จับตัวคุณไปไง”
            “จับตัว?”
            “นี่เพื่อนไม่ได้เล่าให้ฟังหรอครับว่าที่คุณเป็นแบบนี้เพราะอะไร”
            “เขาบอกแค่ว่า มันเป็นอุบัติเหตุ”  ใช่...พวกเขาไม่ได้เล่าอะไรให้ฉันฟังเลยนอกจากบอกว่าฉันประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ แต่พวกเขาไม่ได้บอกว่าทำไมฉันถึงประสบอุบัติเหตุ มีบางอย่างที่พวกเขาไม่ได้บอกฉันจริงๆ พวกเขามีเหตุผลอะไรถึงไม่เล่าให้ฉันฟังล่ะ ทั้งๆ ที่มันน่าจะเป็นจุดที่ทำให้ฉันจำเรื่องราวต่างๆ ได้แท้ๆ
            “งั้นหรอครับ...”  คุณอธิสพูดแล้วนิ่งไป ก่อนจะพูดต่อ
            “ที่ผมมาวันนี้เพื่อจะมาขอโทษคุณ...เพราะต้นเหตุที่ทำให้คุณต้องเป็นแบบนี้ส่วนหนึ่งก็เพราะผม”
            “เรื่องนี้มันเป็นยังไงกันแน่คะ คุณช่วยเล่าให้ฉันฟังหน่อยได้ไหม”
            “ได้ครับ...ถ้ามันจะช่วยให้คุณจำเรื่องที่ผ่านมาได้ ผมจะเล่า...”  คุณอธิสลากเก้าอี้จากโต๊ะอ่านหนังสือของเฝ้าฝันมานั่งข้างๆ เตียงแล้วเริ่มเล่า พร้อมกับใจของฉันที่เต้นรัวแทบไม่เป็นจังหวะกับประสบการณ์ที่กำลังจะได้ฟัง
            “เรื่องมันเกิดขึ้นจากที่เรารู้จักกัน ผมเป็นนักธุรกิจที่กว้างขวางคนหนึ่งและมีศัตรูค่อนข้างเยอะ คุณเลยต้องเดือดร้อนเพราะผมตั้งหลายครั้ง ที่ผ่านมาคุณค่อนข้างโชคดีที่ไม่เป็นไรมาก แต่ครั้งนี้...คุณถูกจับตัวไปแล้วถูกจี้ให้ขับรถหนีตำรวจแล้วรถก็คว่ำเพราะรถของคุณข้างเลนอยู่อีกเลนหนึ่งทำให้รถที่สวนมาเบรกไม่ทัน...”
            ระหว่างที่คุณอธิสกำลังเล่า ภาพเลือนรางที่คอยหลอกหลอนฉันทุกๆ คืนก็เริ่มชัดเจนขึ้นจนฉันมั่นใจว่ามันเป็นเรื่องที่เคยเกิดขึ้นจริงไม่ใช่แค่ความฝัน
            “คุณช่วยเล่ารายละเอียดให้ฟังอีกหน่อยได้ไหมคะ ฉันเริ่มจำได้ลางๆ แล้ว”
            “จริงหรอครับ!”  คุณอธิสเข้ามาจับมือฉันอย่างดีใจ ฉันก้มลงมองตัวเองนิดหน่อย ทำให้เขาดึงมือของตัวเองกลับไป
            “เอ่อ...ขอโทษครับ งั้นผมจะเล่ารายละเอียดให้ฟัง...”
            “คุณ!!”  แต่อยู่ๆ ฮยอนซึงก็พรวดเข้ามาในห้องแล้วแยกคุณอธิสออกไปจนห่างจากเตียง
            “ณัชต้องการพักผ่อนนะครับ” 
            “รู้สึกว่าคุณจะพูดแบบนี้ทุกครั้งที่ผมมาเยี่ยมเลยนะครับ”  คุณอธิสจ้องฮยอนซึงเขม็ง แสดงว่าคุณอธิสมาเยี่ยมฉันหลายครั้งแล้วแต่ถูกฮยอนซึงขวางไว้งั้นหรอ...ทำไมล่ะ ทั้งที่เขาน่าจะเป็นกุญแจดอกสำคัญที่จะทำให้ฉันจำได้ แต่ทำไม...
            “ไม่เป็นไรค่ะ ฉันยังไม่อยากพัก คุณช่วยเล่าต่อได้ไหมคะ”
            “ไม่ได้!”  ฮยอนซึงร้องออกมาเสียงดัง จนเพื่อนคนอื่นๆ วิ่งเข้ามาในห้องเพื่อดูเหตุการณ์
            “เฮ้อ...งั้นผมจะมาเยี่ยมใหม่นะครับณัช”  คุณอธิสพูดไว้แค่นั้นแล้วเดินออกไปเลย ทิ้งให้ฉันอยู่กับบรรยากาศที่แสนจะอึดอัดกับฮยอนซึงและคนที่บอกฉันว่าพวกเขาเป็น ‘เพื่อน’ ของฉันแต่กลับมีเรื่องบิดบังอยู่มากมาย
            “ทำไมนายต้องกีดกันฉัน!”  ฉันพูดกับแผ่นหลังของฮยอนซึง เขายังไม่ได้หันมาหาฉันเลยตั้งแต่เข้ามาในห้อง
            “ฉันเป็นห่วงเธอ ฉันไม่อยากให้เธอต้องล้มป่วยไปอีกเพราะหักโหมตามหาความทรงจำของตัวเอง”
            “แต่ความทรงจำเหล่านั้นมันสำคัญกับฉันนี่! ฉันต้องการความทรงจำของฉันคืน ฉันไม่อยากอยู่โดยไม่รู้อะไรเลยแบบนี้เข้าใจไหม!!”
            “พี่ณัช...”  วิลล่าเข้ามาจับต้นแขนฉันไว้ แต่ฉันไม่อยากให้เพื่อนที่หลอกลวงพวกนี้มายุ่งกับฉันอีก!!
            แปะ!
            ฉันปัดมือวิลล่าออกแล้วหันไปมองดูจุน จุนฮยอง กีกวังและวิลล่าสลับกัน พวกเขาก็พวกเดียวกับฮยอนซึงสินะ หลอกลวงเหมือนๆ กัน!!!
            “แม้แต่คนที่บอกว่าเป็นเพื่อนรักของฉัน ก็ยังไม่ยอมบอกอะไรเลย...ลองมาเป็นฉันดูไหมว่ามันอึดอัดขนาดไหนที่ต้องอยู่โดยไม่รู้จักอะไรเลยแม้กระทั่งตัวเอง!”
            “วิลขอโทษ...”  วิลล่าพูดออกมาทั้งน้ำตา ฉันก้มลงมองตักตัวเองอย่างแค้นใจ ทำไมพวกเขาต้องทำแบบนี้ ตัวตนของฉันมันเลวร้ายมากนักหรอเขาถึงไม่อยากให้จำ!
            “ณัช...”  ดูจุนพูดออกมาในที่สุด  “ฉันว่าเธอพักก่อนเถอะ ไว้เธอตื่นขึ้นมาอีกทีฉันจะเป็นคนเล่าให้ฟังด้วยตัวเอง” 
            “ดูจุน!”  ฮยอนซึงหันไปตะคอกดูจุนลั่น
            “พอสักทีเถอะฮยอนซึง!”  ดูจุนพูดแล้วพวกเขาก็เงียบกันไปพักใหญ่ เส้นเลือดในสมองของฉันเริ่มเต้นตุบๆ แรงมากยิ่งขึ้นเหมือนกับว่ามันพร้อมที่จะระเบิดออกมาได้ทุกเมื่อ ภาพการทะเลาะวิวาทและความโกลาหลต่างๆ เริ่มประเดประดังเข้ามาในหัวจนฉันต้องยกมือขึ้นกุมขมับเพื่อหวังว่ามันจะช่วยให้ภาพเหล่านั้นหยุดรบกวนฉันได้
            “พี่ณัช! เป็นอะไรไปคะ”  วิลล่าเข้ามาหาฉันด้วยท่าทางตื่นๆ
            “ณัช!! เธอเป็นอะไร ไหวรึเปล่า...”
            “เฮ้ย! ณัช!!....”  สิ้นสุดเสียงนี้ร่างฉันก็ร่วงลงไปจมอยู่บนเตียง แล้วทุกอย่างก็ดับไปพร้อมสติสัมปชัญญะทั้งหมด...
 
 
 
 
 
**************************************
อัพเดตค่ะ
ฝากติดตามตอนต่อไปด้วยนะคะ
**************************************
 
 
 
 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8.7 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9.2 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา