[B2ST/Beast] Dream Story รักนี้ให้นาย...เจ้าชายอสูร

8.9

เขียนโดย Kreota

วันที่ 19 กรกฎาคม พ.ศ. 2556 เวลา 00.14 น.

  87 ตอน
  86 วิจารณ์
  97.48K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 11 ตุลาคม พ.ศ. 2557 22.21 น. โดย เจ้าของนิยายฟิคชั่น

แชร์นิยายฟิคชั่น Share Share Share

 

5) [Episode 1 :: Leader Lover] # Chapter 5

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

 

Episode 1 Leader Lover

:: Chapter 5 ::

 

            “แล้วจะให้พวกเราร้องตรงไหนล่ะคะ =_=!”  ณัชถาม ดูเหมือนข้างในคงกำลังเดือดปุดๆ แล้ว

            “ลงไปร้องตรงทางเดินหน้าตึก!”

            “จะให้เราออกไปร้องข้างนอกนั่นเนี่ยนะ!”  ณัชเริ่มพูดเสียงดังขึ้น ฉันเลยแอบบีบมือณัชเบาๆ เพื่อปรามไม่ให้ทำอะไรบ้าๆ

            “ใช่! ถ้าทำแค่นี้ทำไม่ได้ก็กลับประเทศของเธอไปซะ!!”

            “ไม่เอาน่า เราคุยกันแล้วนะโบอา”  คุณอันโซปรามคุณนายตาเฉียบ แหมชื่อโบอาหรอกหรอ ชื่อฟังดูนางเอ๊กนางเอกนะ แต่ตัวจริง ฮึ่มมม...-_-*

            “คุณพูดเองเออเองกับนาบีคนเดียวน่ะสิ! ฉันไม่ยอมให้ผ่านง่ายๆ หรอกนะ เด็กฝึกหัดของฉันทุ่มเทมากขนาดไหนกว่าจะได้โชว์เคสสักครั้งหนึ่ง พวกนี้เป็นใครมาจากไหนกัน เพิ่งจะมากลับได้โชว์เคสเลยมันไม่ง่ายไปหน่อยหรอ!!”

            “ฉันรู้ค่ะว่าเด็กๆ ของคุณทุ่มเทฝึกฝนอย่างหนัก แต่เด็กๆ ของฉันก็ฝึกหนักไม่แพ้กันหรอกนะคะ แค่ได้ยินชื่อ ‘นาบี’ ก็น่าจะรู้ว่าเด็กพวกนี้ต้องเจอกับบททดสอบอะไรบ้างกว่าจะมายืนอยู่ตรงนี้ได้!!”  พี่มะนาวเริ่มอารมณ์คุกรุ่นขึ้นมาอีกคน แล้วคุณโบอากับพี่มะนาวก็มองหน้ากันนิ่งอย่างไม่มีใครยอมใคร คุณโบอาคนนี้ต้องเป็นอาจารย์สอนอะไรสักอย่างให้กับศิลปินฝึกหัดแน่ๆ เลย ดูเนี๊ยบแล้วก็แต่งตัวเก่งเหมือนพี่นาบีเลยอ่ะ -_-;

            “แค่ลงไปร้องเพลงใช่ไหมคะ?...พวกเราจะลงไปค่ะ”  เฝ้าฝันพูดขึ้นขณะที่ความเงียบเริ่มเข้ามาบีบอัดพวกเรา ทุกคนในห้องประชุมหันมาสนใจพวกเราแทนคู่ของพี่มะนาวและคุณโบอา

            “ไม่ใช่ว่าร้องๆ แล้วก็เสร็จไปหรอกนะ ฉันมีเงื่อนไขให้...เงื่อนไขมีอยู่ว่า ถ้าคนที่เดินไปเดินมามีคนหยุดดูพวกเธอสองร้อยคนขึ้นไปฉันจะให้สิทธิ์พวกเธอในการเข้าร่วมออร์ดิชั่นคัดเลือกขึ้นโชว์เคส แต่ถ้าไม่ถึงสองร้อย ก็เก็บกระเป๋ากลับประเทศไทยไป...พวกเธอยินดีจะรับเงื่อนไขนี้ไหม?”  คุณนายโบอายิ้มมุมปากอย่างเหนือกว่า

            “ไหนบอกว่าถ้าพวกเรามา จะให้สิทธิ์พิเศษโชว์เคสได้เลยไง! ทำไมยังได้ออร์ดิชั่นอีกล่ะ!”  พี่มะนาวร้อง

            “ถ้าพวกเธอไม่ทำก็ไม่เป็นไรนะ”  คุณนายโบอายังคงยิ้มเยาะพวกเราโดยไม่สนใจเสียงทัดทานของพี่มะนาว ฉันหันไปมองเมมเบอร์ทั้ง 5 คน สีหน้าของทุกคนเต็มไปด้วยความกังวลใจและลังเลจนฉันไม่กล้าจะตัดสินใจอะไรออกไป จนกระทั่งทุกคนหันมามองหน้าฉัน พร้อมกับคำตอบเดียวกันที่ส่งผ่านมาทางแววตา มันทำให้ฉันมีพลังฮึดสู้ขึ้นมาอย่างประหลาด

            “พวกเราตัดสินใจกันแล้วค่ะ...พวกเราจะทำ!”

            “ให้มันได้ยังงี้สิ! ทำให้เขารู้ว่าพวกหนูเก่งขนาดไหน” คุณอันโซปรบมืออย่างถูกใจกับการตัดสินใจของพวกเรา

            “แต่เงื่อนไขยังไม่หมด...นอกจากคนที่หยุดดูพวกเธอต้องเกินสองร้อยคนแล้ว พวกเธอต้องร้องเพลงด้วยไมล์อันเดียวและกีตาร์ตัวหนึ่งที่เราให้ และถ้าเสียงไมล์ไม่ดังแล้ว นั่นแสดงว่าหมดเวลา”

            เอาเข้าไป จะมากเกินไปแล้วนะเจ๊!! คนตั้ง 6 คนใช้ไมล์อันเดียว แล้วจะร้องไง? เสียงข้างนอกนั่นออกจะดัง -*-!

            “หมดยัง? =_=”  ณัชเริ่มตั้งคำถามโดยไม่มีหางเสียงเหมือนช่วงแรกๆ จนคุณนาจองหลุดขำออกมาเบาๆ คงจะเข้าใจเราสินะคะว่าตอนนี้เราหงุดหงิดกับเจ๊โบอานี่มากขนาดไหน =_=!

            “มีแค่นี้แหละ...ว่าไง? จะยอมรับเงื่อนไขนี้ด้วยไหม”

            “ยินดีมากๆ ค่ะ”  หยาตอบ

            “งั้นก็เชิญเลย พวกเราจะรอดูพวกเธอจากกล้องวงจรปิดหน้าตึก”

            “ค่ะ”  ฉันรับคำแล้วเดินตามทีมงานคนหนึ่งที่เดินเข้ามาในห้องหลังจากที่คุณอันโซให้ติดตั้งลำโพงเตรียมพร้อมแล้ว

            พวกเรา 6 คนเดินออกมายืนนอกตึกพร้อมกับไมล์ 1 อัน และขาตั้งไมล์ 1 อัน ส่วนเรื่องเสียงเราลองทดสอบดูแล้ว ลำโพงถูกซ่อนอยู่บริเวณประตูทางเข้าของตึก และต้นไม้ที่อยู่ข้างๆ ฟุตบาท แต่ฉันก็ยังไม่มั่นใจว่าลำโพงเล็กๆ แบบนั้นจะดังพอที่ทำให้คนหันมาสนใจได้รึเปล่า

            หลังจากวางไมล์และขาตั้งไว้กลางฟุตบาทแล้ว เราก็มายืนล้อมมันเป็นรูปตัว U โดยให้ณัชที่เป็นคนเล่นกีต้าร์ยืนอยู่ตรงส่วนโค้งของตัวยู

            “พวกเราทำได้!”  ฉันพูดกับเมมเบอร์ทั้ง 5 ก่อนจะเปิดไมล์ เสียงหวีดแหลมๆ ของไมล์ ทำให้คนที่เดินผ่านไปมาเริ่มหันมองพวกเรา ฉันหันไปพยักหน้าให้กับณัชเพื่อเป็นสัญญาณให้เริ่มดีดกีต้าร์ ตอนที่อยู่เมืองไทยพวกเราเคยร้องเพลงเล่นกันบ่อยๆ แต่ยังไม่เคยร้องให้ใครฟังเลย จะรอดไหมล่ะเนี่ย =_=;;

            ทันทีที่เสียงกีต้าร์ดังขึ้น คนที่มองเราอยู่ก็หยุดเดินแล้วก็มองเราอย่างสนใจ จากที่ฉันประเมินด้วยสายตา มันเพิ่งจะมีคนหยุดเดินเพื่อดูพวกเราแค่ 20 กว่าคนเท่านั้นเอง

            เราเริ่มต้นร้องเพลง Fiction ของ BEAST แบบอะคูสติคช้าๆ ดูเหมือนมันจะทำให้มีคนสนใจเพิ่มขึ้นมาก แล้วพอเราเริ่มร้องก็ยิ่งมีคนหยุดดูมากขึ้น บางคนถึงกับยกมือขึ้นมาปิดปากมองเราอย่างทึ่งๆ เลยทีเดียว ^O^//

            และไม่พูดพร่ำทำเพลง พวกเราก็ต่อด้วยเพลง Beautiful ของ BEAST ต่อ สำหรับเพลงนี้นอกจากเสียงกีต้าร์แล้ว เราเพิ่มเสียงบีทบ๊อกซ์เข้าไปด้วย คนที่รับหน้านี้คือหยา ยัยคนนี้บีทบ๊อกซ์เก่งมากๆ จนผู้ชายบางคนยังต้องยกนิ้วให้ และด้วยลูกเล่นนี้ทำให้ผู้ชมเริ่มเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนฉันกะไม่ถูกว่าประมาณกี่คนแล้ว

            ครืด...ครืด~

            มือถือในกระเป๋ากางเกงฉันสั่นเบาๆ สองครั้ง บ่งบอกว่ามีข้อความเข้า ฉันเลยแอบเอาขึ้นมาดู ได้รับข้อความจากพี่นาบีฉันเลยรีบเปิดอ่าน

 

          ‘จะมีคำสั่งให้ปิดไมล์อีกประมาณ 2 นาที’

          

            เพราะเหตุนี้ ฉันเลยกระซิบเพื่อนๆ ให้จบการแสดงด้วยเพลง The Fact ของ BEAST เพราะเพลงนี้ใช้เวลาประมาณ 2 นาทีกว่าโดยยังคงเสียงกีต้าร์และบีทบ๊อกซ์ไว้ตามเดิม ซึ่งฉันรับหน้าที่ร้องตำแหน่งของดงอุนแทนหยา

            “ขอบคุณค่ะ”  ฉันพูดเมื่อเพลง The Fact จบ และตอนนี้เองที่ไมล์ไม่มีเสียงแล้ว พวกเราเลยอาศัยการขอบคุณเป็นภาษาท่าทางแทน โดยการโค้งตัวลงขอบคุณแบบเกาหลี เสียงปรบมือดังไปทั่วทั้งบริเวณขณะที่พวกเราโค้งไปรอบทิศ หลังจากนั้นสักพักใหญ่ผู้คนก็เริ่มแยกย้ายกันไป

            “เก่งจัง ^^”  อยู่ๆ ก็มีผู้ชายสองคนใส่หมวกแก๊ปแล้วก็เอาฮู๊ดคลุมอีกชั้นเดินเข้ามาพูดอย่างสดใสให้พวกเรา ทีแรกฉันนึกว่าเป็นผู้ชมที่ชื่นชอบเข้ามาทักทาย แต่มันไม่ใช่...เขาคือยังโยซอบและซนดงอุน!

            “พวกนายมาได้ไงเนี่ย เข้าไปข้างในเร็วเข้าเดี๋ยวก็มีคนจำได้หรอก!!”  ดอกหลิวพูด พวกเรารีบพาโยซอบกับดงอุนเข้ามาในตัวตึกขณะที่คนเริ่มสลายตัว

            “พวกเธอเจ๋งมาก ฉันเลยอยากเข้าไปดูใกล้ๆ ^_^”  โยซอบยิ้มให้พวกเราอย่างชื่นชม หลังจากที่เอาฮู้ดออกเมื่อเข้ามาในลิฟต์แล้ว

            “พวกเราจะรอฟังข่าวดีข้างนอกแล้วกัน ^^”  ดงอุนพูดเมื่อเดินมาส่งพวกเราถึงหน้าห้องประชุม พวกเราพยักหน้ารับก่อนจะเดินเข้าไปในห้องๆ นั้นอีกครั้ง

            “ยอดเยี่ยมมาก!!”  คุณอันโซลุกขึ้นปรบมือให้พวกฉันรวมทั้งคนอื่นๆ ในห้องประชุม ยกเว้นยัยเจ๊โบอานั่นคนเดียวที่ยังนั่งเก๊กอยู่บนเก้าอี้ ว่าแต่พี่นาบีไปไหนนะ นึกว่านั่งอยู่กับพี่มะนาวในห้องนี้ซะอีก -?-;

            “เอาล่ะ คราวนี้ฉันยอมก็ได้ แต่อย่าคิดนะว่าจะได้โชว์เคสง่ายๆ การออร์ดิชั่นคัดตัวไม่ใช่เรื่องหมูๆ อย่างที่พวกเธอคิดหรอก!”  ชีพูดทิ้งท้ายไว้แค่นั้นก็ลุกเดินออกไปจากห้องประชุมทันที ฉันเลยรีบวิ่งตามออกไปเพราะฉันมีอะไรบางอย่างจะพูดกับเจ๊โบอาหน่อย

            “คุณโบอาคะ!”

            “อะไร?”  ยัยเจ๊โบอาหยุดเดิน แต่ไม่หันกลับมาคุยกับฉันดีๆ มารยาทหรอเนี่ย -*-!

            “ขอบคุณมากนะคะที่ให้โอกาสพวกเรา...พวกเราจะทำให้ดีที่สุดค่ะ”

            “หึ!”  ยัยเจ๊โบอาไม่ตอบอะไร แต่พ่นลมหายใจออกมาแรงๆ แล้วเดินกระทืบส้นไป

            หลังจากที่คุณอันโซและคนอื่นๆ ออกจากห้องประชุมไปไม่นาน บีสท์ทั้งวงก็เข้ามาในห้องประชุมแทน

            “ยินดีด้วยนะครับทุกคน ^^”  ฮยอนซึงพูด

            “ขอบคุณค่ะ”  ฉันเป็นตัวแทนของวงกล่าวคำขอบคุณ

            “ขอบคุณมากที่ทำให้เราได้ฟังเพลงของตัวเองในเวอร์ชั่นแปลกใหม่”  ดูจุนพูดเหมือนกับจะพูดกับทุกคน แต่สายตาของเขากลับมองมาที่ฉัน -///-

            “การออร์ดิชั่นจะมาถึงอีก 7 วันข้างหน้า ตั้งใจซ้อมแล้วกัน”  จุนฮยองพูด นี่เป็นครั้งแรกตั้งแต่รู้จักกันมาที่จุนฮยองพูดจาเหมือนเป็นห่วงพวกฉัน =_=

            “ค่ะ”  ฉันรับคำ นานๆ ทีจุนฮยองจอมเลือดร้อนจะพูดจาดีๆ สักที ต้องรีบรับไว้หน่อย -_-;

            “ถ้าออร์ดิชั่นครั้งนี้ไม่ผ่านก็จะไม่ได้ขึ้นโชว์เคสใช่ไหมคะ แบบนี้ก็แย่น่ะสิ T_T”  วิลล่าพูดขึ้น ทำให้ห้องที่เต็มไปด้วยเสียงหัวเราะเมื่อครู่เงียบลงทันที

            “ใช่ ถ้าเราไม่ผ่าน...ทุกอย่างก็จบ”  เฝ้าฝันพูดแล้วเดินออกนอกห้องไป

            “งั้นเรามาพยายามกันนะคะทุกคน ^^”  วิลล่ายิ้มสดใสให้ จริงสินะ! ไม่ว่ามันจะจบลงยังไงเราก็ต้องลองพยายามดู!

 

            วันรุ่งขั้น เราเข้ามาใช้ห้องซ้อมที่ค่ายจัดไว้ให้ แต่ที่นั่นกลับเต็มไปด้วยเศษขยะ อะไรกันเนี่ย -_-?

            “ต้องเป็นฝีมือยัยเจ๊โบอานั่นแน่ๆ หนอยแน่ะ! เอาห้องซ้อมเก่ามาให้เราซ้อมหรอ!!”  หยาร้องออกมาดังๆ แต่ยังดีที่พูดภาษาไทยเพราะห้องนี้มีกล้องวงจรปิด

            “ฉันว่าไม่ใช่ห้องซ้อมเก่าหรอก เศษขยะยังใหม่อยู่ คงจะเอามาใส่เมื่อเช้านี้แหละ”  เฝ้าฝันพูดหลังจากหยิบถุงพลาสติกถุงหนึ่งขึ้นมาดู

            “เฮ้อ...แบบนี้ต้องบอกนาบีซะแล้วล่ะ มันจะมากเกินไปแล้ว”  พี่มะนาวพูดแล้วทำท่าจะกดโทรศัพท์

            “บอกพี่นาบีแล้วจะทำอะไรได้ล่ะคะ พี่นาบีไม่ใช่คณะกรรมการบริหารหรือพนักงานที่นี่ซะหน่อย บอกไปก็เหมือนเดิมแหละค่ะ แล้วยิ่งบอกเรื่องนี้ไป คนทำอาจจะยิ่งสะใจกับอาการดิ้นพล่านๆ ของพวกเราก็ได้ ฝันว่าเรามาช่วยกันเก็บกวาดเงียบๆ จะดีที่สุดนะคะ”  เฝ้าฝันพูดแล้วเริ่มเก็บขยะ

            “แต่พวกเธอไม่สมควรจะถูกทำอะไรแบบนี้เลยนะ พวกเธอเป็นถึงเด็กฝึกหัดของนาบี!”  พี่มะนาวเดินมาคว้ามือของเฝ้าฝันที่กำลังเก็บขยะ

            “...ตกลงพี่นาบีเป็นใครกันแน่!”  เฝ้าฝันถามขึ้นมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ยทำให้พี่มะนาวชะงักทันที

            จะว่าไปแล้ว เฝ้าฝันมีท่าทางแปลกๆ ตั้งแต่แสดงเมื่อวานจบ พอกลับมาที่พักก็ไม่คุยกับใครเลย จนกระทั่งเมื่อเช้าที่ยอมพูดขึ้นมาบ้าง

            “ทำไมเขาสามารถสอนพวกเราจนความสามารถเท่าเทียมกับพวกเด็กฝึกหัดของที่นี่ ทำไมเขาถึงสามารถเข้าออกค่ายเพลงนี้เป็นว่าเล่นทั้งที่ไม่ใช่พนักงานแถมรู้แผนการของยัยเจ๊โบอานั่นด้วย ทำไมเขาถึงสามารถผลักดันพวกเรามาจนถึงที่นี่ได้โดยกรณีพิเศษ!! ทำไมกันคะ?”  เฝ้าฝันพูดเหมือนเก็บกดมันไว้มานาน

            “ช่วยบอกพวกเราเถอะค่ะ...”  ฉันพูดขึ้นบ้าง เพราะมันก็เป็นสิ่งที่ฉันเฝ้าถามมาตลอดเหมือนกัน  “มันยังไม่ถึงเวลาอีกรึไงคะ?”

            “พี่คิดว่า...เรื่องนี้พี่ไม่สมควรจะเป็นคนพูดนะ”  พี่มะนาวพูด น้ำเสียงฟังดูจริงจังอย่างที่พวกเราไม่เคยได้ยินมาก่อน

            “ถ้าถามว่าถึงเวลาแล้วหรือยัง...อีกไม่นานเกินรอหรอก แต่สิ่งที่พี่และนาบีอยากให้พวกเธอทำในตอนนี้คือตั้งใจฝึกซ้อมให้ดี”

            “เรา...เชื่อใจพวกพี่ได้ใช่ไหมคะ...”  วิลล่าพูดด้วยเสียงสั่นเครือ ม่านน้ำตาเริ่มรื้อขึ้น

            “ได้แน่นอนจ้ะ”  พี่มะนาวกลับมาพูดด้วยน้ำเสียงที่เกือบจะกลับมาปกติ

            “พี่นาบีจะมาดูเรา...ใช่ไหมคะ”  หยาถาม

            “แน่นอนจ้ะ”

            “เฮ้ย!”  มีเสียงอุทานเข้ามาแทรกระหว่างการสนทนา ทำให้พวกเราหันไปมองต้นเสียง

            “เอ่อ...สวัสดีค่ะ”  พี่มะนาวทักทายบีสท์ที่มองห้องซ้อมของพวกเราจนตาค้าง มันสุดยอดไปเลยใช่ป่ะ =_=;;

            “ทำไมเป็นแบบนี้ล่ะครับ”  ดูจุนถามขึ้นเป็นคนแรก

            “ไม่รู้เหมือนค่ะ คงจะมีอะไรผิดพลาดน่ะ”  พี่มะนาวพูดแล้วยิ้มแหยๆ ให้กับบีสท์

            “เอางี้ไหมครับ วันนี้ไปซ้อมที่ห้องซ้อมของพวกเราก่อนพรุ่งนี้ค่อยมาซ้อมที่นี่หลังจากพนักงานมาทำความสะอาดแล้ว”  โยซอบเสนอ

            “แล้วพวกนายไม่ซ้อมกันรึไง”  เฝ้าฝันถาม เออใช่สินะ...เขาไม่ได้ซ้อมหรอกหรอ

            “วันนี้เรามีถ่ายรายการทั้งวันเลยครับ ไม่ได้ใช้ห้องซ้อมหรอก”  กีกวังบอก

            “แต่...จะดีหรอคะ”  ดอกหลิวถามอย่างเกรงใจ

            “นั่นสิ...พวกฉันแค่เด็กฝึกหัด จะไปใช้ห้องนักร้องดังอย่างพวกนายได้ยังไง”  ฉันพูดบ้าง

            “ไม่เป็นไร เราเต็มใจ ^^”  ดูจุนพูดแล้วพาเราเดินไปที่ห้องซ้อมห้องประจำของพวกเขา

            “เรื่องทำความสะอาดไม่ต้องห่วงนะ พวกเราจะบอกให้”  ดงอุนบอก

            “ขอบคุณพวกนายมากเลยนะ”  หยาพูด

            “ไม่เป็นไร”  กีกวังพูด  “ตามสบายนะครับ”

            “ค่ะ”  พี่มะนาวรับคำ ก่อนที่พวกเขาจะเดินออกไปจากห้องซ้อม...ว้าว ที่นี่มีอะไรครบครันกว่าห้องซ้อมที่พวกเราได้อีกนะ ก็เขาเป็นนักร้องวงดังนี่นา -_-

            “งั้นเดี๋ยวพี่ไปตามยัยมิวกี้แป๊บนึงนะ พวกเธอก็วอร์มกันรอแล้วกัน”  พี่นาบีบอกแล้วเดินออกไปบ้าง พี่มิวกี้นี่ก็อีกคน ชอบหายตัวไปเหมือนพี่นาบีไม่มีผิด =_=!

            แปะ!...แปะ!...แปะ!...

            เสียงปรบมือสามครั้งดังเข้ามาในห้องซ้อม พร้อมกับเจ้าของเสียงที่เดินเข้ามาพร้อมเพื่อนอีก 4 คน

            “แหมๆ น่าประทับใจจัง! ได้เข้ามาซ้อมในห้องซ้อมของบีสท์เชียว”  ยัยผมบ๊อบทองกอดอกพูดด้วยน้ำเสียงที่บ่งบอกอย่างชัดเจนว่าไม่เป็นมิตรตั้งแต่เผยอริมฝีปากขึ้นพูด +_+!

            “เป็น ‘เด็กพิเศษ’ ไง เก็บขยะแค่นิดหน่อยก็ทำเป็นกระแด่ะเก็บเองไม่ได้”  เพื่อนที่มาด้วยพูดเสริม

            “อ๋อ! ที่ห้องซ้อมพวกฉันเป็นแบบนั้นเพราะพวกเธอสินะ!!”  ณัชเดินเข้าไปชี้หน้ายัยผมบ๊อบอย่างเอาเรื่อง

            “ฉลาดดีนี่!”

            “เธอต้องการอะไร”  เฝ้าฝันถามเสียงเรียบ แต่สายตาโคตรน่ากลัว Y_Y

            “ฉันแค่ต้องการเตือน ว่าพวกเธอไม่สมควรจะมาออร์ดิชั่นกับพวกเรา”

            “ฉันว่าไม่สมควรจะอยู่ที่นี่เลยมากกว่า ฮ่าๆๆ”  เพื่อนที่อยู่ข้างหลังยัยบ๊อบทองเสริมให้อย่างเมามันส์

            “อย่าเพิ่งว่าพวกเขาแรงแบบนั้นสิ เดี๋ยวก็ร้องไห้ขี้มูกโป่งไปฟ้องคุณนาบีหรอก”  ยัยบ๊อบทองยิ้มเยาะพวกเรา

            “เธอรู้จักพี่นาบีด้วยหรอ?”  ฉันถามทันทีที่มีโอกาส ทำไมยัยเด็กฝึกหัดคนนี้ถึงรู้จักพี่นาบีได้ล่ะ พี่เขาไปอยู่เมืองไทยตั้งหลายปีแล้วนะ

            “ก็ใช่น่ะสิ! มีใครไม่รู้จักคุณนาบีบ้างล่ะ หรือว่าพวกเธอคิดว่าตัวเองพิเศษมากจนรู้จักกับคุณนาบีได้คนเดียวล่ะยะ”

            “พวกเธอ!”  พี่มิวกี้เดินเข้ามายืนกึ่งกลางระหว่างพวกฉันกับยัยเด็กฝึกหัด  “พาเพื่อนของเธอกลับไปซะซอนบี”

            “ถ้าไม่กลับล่ะคะ คุณมิวกี้...”  ยัยคนที่ถูกเรียกว่า ‘ซอนบี’ ลอยหน้าลอยตาพูด หนอยนังนี่ -_+!

            “เธอคิดว่าถ้าเรื่องรู้ถึงหูนาบี เธอยังจะมีสิทธิ์ออร์ดิชั่นอยู่อีกรึเปล่า ฉันคงไม่ต้องบอกนะ”  พี่มะนาวพูด น้ำเสียงฟังดูน่ากลัวสุดๆ ไม่ชินกับโหมดนี้ของพี่มะนาวสักเท่าไหร่เลยอ่ะ (_ _;)

            “ถึงบอกไปก็ไม่มีหลักฐานหรอก ไม่ต้องมาขู่กันซะให้ยาก”  ยัยซอนบีเบ้ปากเย้ย

            “ถ้ามันออกมาจากปากฉัน ถึงแม้ว่าไม่มีหลักฐาน นาบีก็เชื่อฉันอยู่ดี”  พี่มะนาวมองยัยซอนบีอย่างไม่ยอมแพ้ จนกระทั่งยัยพวกนั้นยอมพ่ายแพ้แล้วเดินกระทืบพื้นห้องออกไปเอง

            “พวกมันทำอะไรหนูๆ ของพี่รึเปล่าเนี่ย T^T”  พี่มิวกี้เดินเข้ามาสำรวจพวกเราทีละคนว่าชิ้นส่วนยังอยู่ครบดีรึเปล่า

            “พวกเขาไม่ได้ทำอะไรหรอกค่ะ เขาแค่มาทักทายนิดหน่อย”  ฉันบอก

            “เหมือนพวกเขาจะไม่ชอบพวกเราเลยนะคะ T_T”  วิลล่าทำท่าเหมือนจะร้องไห้

            “ก็นิดหน่อยแหละพี่ว่า ก็พวกเธอไม่รู้มาจากไหน อยู่ดีๆ ก็ได้ขึ้นโชว์เคสเลย เป็นใครก็คงไม่ยอม”  พี่มิวกี้พูด นั่นไง! ขนาดพี่มิวกี้ยังพูดเองเลยว่า เป็นใครก็คงไม่ยอม U_U;

            “แล้วทำไมพี่นาบีไม่ส่งพวกเรามาเป็นเด็กฝึกหัดก่อนหน้านี้ล่ะคะ”

            “นาบีไม่อยากให้พวกเธอเป็นเหมือนเด็กฝึกหัดพวกนี้น่ะสิ...นาบีอยากให้พวกเธอเป็นแบบนี้”  พี่มะนาวชี้มาที่พวกเรา

            “ถึงขนาดลาออกจากที่นี่ไปหาเด็กฝึกหัดในอุดมคติที่เมืองไทยเลยเนี่ยนะคะ”  หยาถาม

            “ลาองลาออกอะไรกัน ทำไมถึงคิดว่านาบีลาออกจากที่นี่ล่ะ”  พี่มิวกี้พูด แล้วก็ต้องยกมือขึ้นปิดปากตัวเองด้วยความตกใจเพราะเผลอพูดออกมาแล้วว่าพี่นาบีไม่ได้ลาออกจากที่นี่ ฉะนั้นก็แสดงว่าพี่นาบีทำงานที่นี่จริงๆ

            “พูดมากไปแล้วยัยกี้!!”  พี่มะนาวพูด แล้วลากพี่มิวกี้ออกไปจากห้องทันที พวกเราเลยได้แต่มองหน้ากันกับข้อมูลใหม่ที่เพิ่งได้รับ

            หลังจากที่โดนปล่อยขยะใส่ห้องซ้อมก็เหมือนว่าจะไม่มีอะไรแล้ว แต่ที่ไหนได้ยังมีตามมาอีกเป็นชุดๆ ตั้งแต่แอบวางเปลือกกล้วยไว้ตรงทางเข้าห้องน้ำที่อยู่ใกล้ๆ ห้องซ้อม (อันนี้เบสิคมาก =_=) จนกระทั่งถึงขั้นแอบเอาเศษแก้วใส่ไว้ในรองเท้าผ้าใบของพวกเรา แต่มันก็ไม่สำเร็จสักอย่างเพราะว่าพวกเราระวังตัวกันไว้อยู่แล้ว เราเลยได้แต่แอบขำกับการแกล้งแบบเด็กๆ ของซอนบี

            “พรุ่งนี้มันจะแกล้งอะไรเราอีกนะ -_-”  ณัชพูดขณะเคาะแก้วออกจากรองเท้าตัวเอง

            “คงไม่มีแล้วล่ะ พรุ่งนี้วันออร์ดิชั่นใครๆ ก็ต้องเตรียมตัว”  ดอกหลิวพูด

            “นั่นสิ มัวแต่มาคิดแผนการไร้สาระแบบนี้ทุกวันก็คงจะไม่ได้”  เฝ้าฝันเสริม

            “เอ่อ...ขอโทษนะคะ ฉันมาถ่ายทำวีทีอาร์ไว้เปิดวันออร์ดิชั่นพรุ่งนี้น่ะค่ะ ขอถ่ายการฝึกซ้อมสักสิบห้านาทีได้ไหม?”  ผู้หญิงสวมแว่นคนหนึ่งเดินเข้ามาในห้องซ้อมอย่างเก้ๆ กังๆ อายุน่าจะรุ่นเดียวกับวิลล่านะ

            “อ๋อ ได้ค่ะ”  ฉันตอบ พวกเราเลยลุกขึ้นยืนแล้วก็เริ่มซ้อมขณะที่เด็กคนนั้นตั้งกล้องและเริ่มถ่าย

            เราซ้อมกันจนกระทั่งผ่านไปนานอยู่เหมือนกัน แต่ฉันก็ยังเห็นเด็กคนนั้นนั่งอยู่มุมด้านหลังของห้องซ้อม ทั้งๆ ที่ไม่ได้ถ่ายอะไรแล้ว

            “เอ่อ...โทษนะ เธอทำไมยังนั่งอยู่ตรงนี้ล่ะ”  หยาถาม เด็กคนนั้นถึงกับสะดุ้งแล้วรีบดันตัวเองลุกขึ้นยืนตัวตรงแหน่ว

            “ขอโทษนะคะที่ทำตัวเกะกะ!”  เด็กคนนั้นพูดพร้อมกับโค้งตัวลง 90º

            “ฉันยังไม่ได้พูดสักคำว่าเธอเกะกะ -_-“  หยาพูดทำให้เด็กคนนั้นค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมา

            “ปกติมีแต่คนเขาพูดว่าฉันมันเกะกะนี่คะ T.T”

            “แล้วเธอไม่เตรียมตัวออร์ดิชั่นหรอ มาเดินถ่ายทำวีทีอาร์อะไรอยู่ตรงนี้”  ฉันถาม

            “เอ่อ...ฉันไม่กล้าไปออร์ดิชั่นหรอกค่ะ คนอื่นเขารังเกียจฉันจะตาย แค่ไปยืนร่วมงานฉันยังคิดแล้วคิดอีกเลย”

            “อ้าว! ทำไมล่ะ”  วิลล่าถามด้วยความอยากรู้ เออฉันก็อยากรู้? ว่าทำไมคนที่นี่ทำอะไรแปลกๆ กันไปหมด -_-;

            “ไม่มีอะไรหรอกค่ะ...ฉันชื่อชเวอึนพานะคะ ยินดีที่ได้รู้จักพี่ๆ ทุกคน ^^”  เด็กคนนั้นโค้งให้พวกเราแล้วเดินออกไปจากห้อง

            “ทำไมไม่ได้ออร์ดิชั่นล่ะ น่าสงสารจัง”  วิลล่าพูดขณะที่ยังคงมองเด็กคนนั้นเดินไป

            “ก็เพราะเด็กคนนั้นเสียงดีมากน่ะสิ เลยไม่ได้ออร์ดิชั่นสักที”  จุนฮยองเดินเข้ามาในห้องซ้อมพร้อมกับบีสท์คนอื่นๆ

            “เสียงดี?”  ฉันทวนคำ

            “...มากๆ เลยล่ะ”  โยซอบเสริมต่อจากฉัน

            “เสียงดีมาก แล้วทำไมไม่ออร์ดิชั่นล่ะ”

            “เพราะซอนบีไง ซอนบีน่ะเป็นศิษย์รักของอาจารย์โบอาเลยคิดว่าตัวเองเก่งที่สุด แต่พอมาเจออึนพาเข้าให้ถึงกับไปไม่เป็น เลยกีดกันทุกทางเพื่อไม่ให้อึนพาร้องเพลง”

            “โห...ร้ายกาจอ่ะ”  วิลล่าพูดแล้วถอนหายใจยาวๆ กับความร้ายกาจของซอนบี  “แล้วเรื่องนี้มีใครรู้รึเปล่าคะ”

            “มี แต่ไม่มีใครทำอะไร นี่แหละท่านรองของบริษัทนี้เลยขอพักงานยาวไปเที่ยวต่างประเทศเพราะทนกับอะไรแบบนี้ไม่ได้”

            “ท่านรอง?”  ทำไมที่นี่มันปริศนาเยอะจัง =_=?

            “อ๋อ ลูกสาวของประธานฮันน่ะ เป็นคนตรงและเก่งมากแต่เสียดายนะ ไปเที่ยวตั้งนานแล้วยังไม่กลับมาเลย”  โยซอบสาธยายให้ฟังซะยืดยาว  เล่าได้เป็นฉากๆ เลยแฮะ =_=

 

            และวันออร์ดิชั่นก็มาถึง พวกเรามาที่ห้องซ้อมกลางของค่ายค่ะ ห้องนี้เป็นห้องซ้อมที่ใหญ่ที่สุดของตึกนี้ ใช้สำหรับออร์ดิชั่นงานใหญ่ๆ แบบนี้เท่านั้น

            “ไหนว่าพี่นาบีจะมาไงคะ ไม่เห็นมาเลย”  วิลล่าโอดควรญขณะที่นั่งรออยู่หน้าห้องออร์ดิชั่น

            “ไม่ต้องกังวลเรื่องนั้นหรอก เดี๋ยวก็ได้เจอกันแล้ว”  พี่มิวกี้พูด ขณะก้มดูเลขลำดับที่แปะอยู่บนเสื้อของพวกเรา

            “เหลืออีกแค่ลำดับเดียวก็จะเป็นพวกเธอแล้ว ทำใจให้สบาย ไม่ต้องเกร็งหรือกังวลอะไรทั้งนั้น และไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุดแค่นั้นพอ”  พี่มะนาวพูด ดูเหมือนจะกังวลยิ่งกว่าพวกเราซะอีก =_=

            “ดูนี่สิคะ ดงอุนส่งข้อความมาบอกว่า ‘ไฟท์ติ้ง’ ด้วยอ่ะ >O<”  วิลล่าดี๊ด๊ากับข้อความในมือถือก่อนจะยกมันขึ้นมาโชว์ให้พวกเราดู

            “ลีดเดอร์ ดูจุนฝากบอกลีดเดอร์ด้วยว่า ‘พยายามเข้านะครับ’ ด้วย >///<”  วิลล่าแอบเข้ามากระซิบฉัน

            “แล้วเธอไปแลกเบอร์กับดงอุนตั้งแต่เมื่อไหร่กันน่ะ -///-“  ฉันถามบ่ายเบี่ยงไปเรื่องอื่น ก่อนที่หน้าจะออกสีไปมากกว่านี้ -///-!

            “วันที่พวกเขาไปดูเราร้องเพลงข้างถนนน่ะค่ะ ^^”

            โห...เร็วดีนะคู่นี้ =_=

            “เอ่อ...พี่ๆ คะ คือ...ว่า...”  เด็กอึนพาคนนั้นเดินหิ้วรองเท้าเข้ามาหาพวกฉัน

            “คะ?”  ฉันถาม แต่เด็กคนนั้นก็ยังอ้ำอึ้งไม่ยอมพูด

            “มีอะไรก็รีบพูดมาเถอะน้อง เดี๋ยวพี่จะได้เข้าไปแล้ว”  ณัชพูด ทำให้เด็กคนนั้นสะดุ้งไปทีนึง

            “คือว่า...อึนพาอยากจะให้พี่ๆ ใส่รองเท้าของอึนพาเข้าไปออร์ดิชั่นน่ะค่ะ >.<”

            “ทำไมเราต้องทำแบบนั้นด้วย”  ณัชหรี่ตามองอึนพาอย่างไม่ไว้ใจ ทำให้เด็กคนนั้นก้มหน้างุดๆ ทันที

            “คือว่า...อึนพาคงไม่มีโอกาสเข้าไปในนั้นน่ะค่ะ อึนพาเลยอยากให้พี่ๆ ใส่มันเข้าไปออร์ดิชั่นให้หน่อย เพราะว่ามันเป็นของขวัญชิ้นสุดท้ายที่แม่ของอึนพาให้ไว้ก่อนท่านจะเสีย...”  อึนพาพูดด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูเจ็บปวด พวกเราหันมามองหน้ากันเพื่อปรึกษา ถ้าเกิดเป็นอย่างที่อึนพาพูดก็น่าสงสารนะ แต่ถ้าอึนพาเป็นพวกเดียวกับยัยซอนบีล่ะ?

 

 

********************************

อัพเดตอีกตอนแล้วค่ะ

ยังไงก้อฝากติดตามด้วยนะ ^O^

********************************

 

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8.7 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9.2 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา