[B2ST/Beast] Dream Story รักนี้ให้นาย...เจ้าชายอสูร

8.9

เขียนโดย Kreota

วันที่ 19 กรกฎาคม พ.ศ. 2556 เวลา 00.14 น.

  87 ตอน
  86 วิจารณ์
  113.73K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 11 ตุลาคม พ.ศ. 2557 22.21 น. โดย เจ้าของนิยายฟิคชั่น

แชร์นิยายฟิคชั่น Share Share Share

 

32) [Episode 3 :: Dangerous Lover] # Chapter 7

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ขนาดตัวอักษร เล็ก กลาง ใหญ่ ใหญ่มาก
 
Episode 3 Dangerous Lover
:: Chapter 7 ::
 
            “เฮ้ย!!”  ผู้ชายที่อุ้มฉันอยู่ ร้องด้วยความตกใจเมื่อฉันพยายามพลิกตัวจนทำให้ตัวเองหล่นตุบลงมาจากบ่าของมัน สะโพกและไหล่ของฉันกระแทกเข้ากับพื้นอย่างจัง มันยิ่งทำให้ความรู้สึกเจ็บปวดที่มีอยู่ทั่วร่างกายยิ่งเพิ่มดีกรีความปวดขึ้นเป็นทวีคูณ
            “มึงอุ้มยังไงวะ!!”  ผู้ชายอีกคนสบถด่าเพื่อนตัวเอง
            แต่ก่อนที่พวกนั้นมันจะเข้ามาอุ้มฉันขึ้นไปอีกครั้ง ก็มีผู้ชายอีก 2 คนวิ่งเข้ามาแล้วจัดการกับไอ้เลว 4 คนที่กำลังจะพาฉันไปทำมิดีมิร้ายอย่างรวดเร็ว โดยที่พวกมันยังไม่ทันได้ตั้งตัวเพราะกำลังตกใจที่ฉันหล่นจากไหล่เพื่อนของพวกมัน -_-!
            “ไอ้พวกสวะเอ้ย!!”  เสียงผู้ชาย 1 ใน 2 คนที่เข้ามาช่วยตะโกนไล่หลังพวก 4 คนนั้นไป
            “เป็นไรไหม?”  ผู้ชายอีกคนนั่งลงข้างๆ ฉัน แล้วพยุงฉันให้ลุกขึ้นจากพื้น
            “พี่จุนฮยอง ผมว่าเราออกจากที่นี่กันก่อนดีกว่านะ”  เสียงของผู้ชายคนที่ยืนอยู่พูด อะไรนะ! จุนฮยองงั้นหรอ?
            ฉันค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมองผู้ชายที่พยุงฉันอยู่ จุนฮยองละสายตาจากฉันไปพยักหน้ากับดงอุนที่ยืนมองไปทั่วซอย
            “อื้ม”  จุนฮยองรับคำก่อนจะอุ้มฉันขึ้นแล้วพาออกมาจากซอย แต่ก่อนที่จะออกมาพ้นเขตความมืดของซอยข้างคอนโด ดงอุนก็หยุดเดินแล้วหันมาถอดแจ็กเก็ตสีน้ำตาลที่ใส่อยู่มาคลุมหน้าให้ฉัน ก่อนที่จุนฮยองจะพาฉันออกเดินไปข้างหน้า จนกระทั่งเสียงเปิดประตูดังขึ้นฉันก็ถูกวางลงบนเบาะหลังของรถคันหนึ่ง
            “เดี๋ยวผมขับเอง”  เสียงของดงอุนดังขึ้น ก่อนที่เบาะข้างๆ ตัวฉันจะยุบยวบลงพร้อมๆ กับที่เสื้อของดงอุนเลื่อนหลุดออกโดยจุนฮยองเป็นคนดึงออก
            “เธอไปมีเรื่องกับไอ้พวกนั้นได้ยังไง”  จุนฮยองถามเสียงเรียบ สายตาของเขากวาดตามองทั่วใบหน้าและตัวของฉันขณะที่รถออกตัวไปตามท้องถนน ฉันรู้สึกอายจริงๆ ที่เขามาเห็นฉันในสภาพนี้ ถึงแม้ครั้งแรกที่เราเจอกันฉันก็มีเรื่องมาเหมือนกันแต่มันไม่ได้สะบักสะบอมขนาดนี้ (_ _;)
            “พวกนายไปที่นั่นได้ยังไง”  ฉันถาม จุนฮยองไม่ตอบอะไรเพียงแค่ค้นคลุกคลักอยู่ในกระเป๋าที่วางอยู่เบาะหลังเท่านั้น
            “พี่จุนฮยองเป็นห่วงเธอเรื่องข่าวน่ะ เขาเลยชวนฉันแวะไปดู”  ดงอุนพูดกับฉันผ่านกระจกมองหลัง
            “พวกนายรู้หรอ?”  ฉันมองพวกเขางงๆ
            “ก็มันข่าวของฉัน ฉันจะไม่รู้ได้ยังไง ถึงพ่อเธอจะปิดข่าวแล้วก็จริง แต่คุณมินนาก็ต้องบอกฉันอยู่ดีเพื่อฉันระวังตัวให้มากกว่านี้”  จุนฮยองบอก ขณะเงยหน้าขึ้นมาจากกระเป๋าพร้อมผ้าเช็ดหน้าผืนเล็กๆ และน้ำเปล่า 1 ขวด
            “โชคดีนะที่คนที่มีเรื่องกับเธอตะโกนชื่อเธอซะดัง ฉันเลยรู้ว่าเธออยู่ในซอยนั่น”  จุนฮยองบอกพร้อมกับเอาผ้าเช็ดหน้าชุบน้ำมาเช็ดเศษดินเศษโคลนที่เปื้อนตามหน้าและแขนให้ฉันอย่างเบามือ
            “เอ๊ะ! ยัยซอนบีมันเรียกฉันว่า ‘ฮยอนอิน’ ไม่ใช่หรอ นายรู้จักชื่อนี้ได้ยังไง”  ฉันมองจุนฮยองที่กำลังเช็ดหน้าให้ฉันอย่างตั้งอกตั้งใจ เพราะฉันไม่ได้แนะนำตัวให้ใครรู้จักในชื่อ ‘ซอฮยอนอิน’ เลย
            “ลูกสาวคนเดียวของซอยองวอน ทำไมฉันจะไม่รู้ว่าชื่ออะไร ฉันไปแสดงละครเวทีที่โรงละครของเธอนะ”  จุนฮยองบอก แล้วจับมือฉันไปเช็ดโคลนออก
            “คงจะแค้นกันมากเลยนะเนี่ย รุมซะหมดสภาพเลย”  ดงอุนมองฉันผ่านกระจกมองหลังด้วยสายตาที่แสดงออกชัดเจนว่าสงสาร จะบอกว่าสมเพชฉันก็ไม่โกรธหรอกนะเพราะฉันยอมรับว่าสภาพฉันตอนนี้มันน่าสมเพชสุดๆ U_U;
            “โอ้ย! เบาๆ หน่อยสิ”  ฉันร้องเมื่อจุนฮยองเช็ดไปโดนรอยฟกช้ำที่เริ่มเปลี่ยนจากสีแดงเป็นสีม่วงคล้ำแล้ว
            “โทษๆ”  จุนฮยองพูด แล้วเช็ดให้ฉันอย่างเบามือยิ่งกว่าเดิม -///-
            “เอ่อ...ฉันว่า ฉันเช็ดเองได้”  ฉันพูดแล้วแย่งผ้าเช็ดหน้ามาเช็ดด้วยตัวเอง จุนฮยองก็ไม่ได้ว่าอะไร แต่ล้วงลงไปหาอะไรสักอย่างในกระเป๋าอีกครั้ง ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาพร้อมผ้าเช็ดหน้าผืนใหม่
            “ฮึๆๆ”  ฉันได้ยินเสียงหัวเราะในลำคอของดงอุนลอดมาจากด้านหน้า ฉันหันไปมองต้นเสียงก็เห็นดงอุนทำหน้าตาไม่รู้ไม่ชี้ขับรถต่อไป
            “เธอนี่เก่งนะ โดนตีขนาดนี้ไม่ร้องให้คนช่วยสักแอ่ะ”  จุนฮยองพูดพร้อมกับใช้ผ้าเช็ดหน้าผืนใหม่มาเช็ดหน้าให้ฉันต่อ -///-
            “ร้องไปก็ไม่มีใครช่วยหรอก ซอยเปลี่ยวขนาดนั้น”  ฉันพูดแล้วทำทีเป็นก้มหน้าก้มตาเช็ดแขนของตัวเอง ทำไมพอมองหน้านายใกล้ๆ แล้วมันรู้สึกแปลกๆ แบบนี้นะจุนฮยอง -///-
            “เอาล่ะ ถึงแล้ว”  ดงอุนพูดขึ้นหลังจากที่เงียบไปนาน รถค่อยๆ เลี้ยวเข้าไปจอดที่โรงจอดรถใต้คอนโดแห่งหนึ่งซึ่งฉันจำได้แม่นว่าเป็นหอของวิลล่า O_O!
            “พาฉันมาที่นี่ทำไม!!”  ฉันถามขึ้นมาทันทีที่รถจอดสนิท จะบ้าหรอ! จุนฮยองรู้ดีที่สุดว่าสถานการณ์ของฉันตอนนี้เป็นยังไง ทำไมเขายังพาฉันมาที่นี่อีก!
            “ที่นี่แหละ ปลอดภัยที่สุดแล้ว”  ดงอุนตอบ แล้วเปิดประตูรถลงไปเป็นคนแรก
            “แต่นายก็รู้ว่าฉัน!...”
            “ฉันรู้...ฉันถึงไม่อยากปล่อยให้พวกเธอคาราคาซังอยู่แบบนี้ไง ขึ้นไปปรับความเข้าใจกันซะ ฉันว่าพอวิลล่าเห็นเธอสภาพแบบนี้ต้องใจอ่อนบ้างแหละน่า”  จุนฮยองพูด แล้วเอาเสื้อของดงอุนขึ้นมาคลุมหน้าฉันไว้ ฉันปัดมันออกแรงๆ แล้วมองจุนฮยองที่นั่งทำหน้างงอยู่ข้างๆ
            “ฉันไม่ต้องการให้ใครมาสงสารหรือว่าเห็นใจฉันด้วยสภาพแบบนี้!”  ฉันจ้องจุนฮยองเขม็ง เขาก็จ้องฉันด้วยอารมณ์โกรธไม่ต่างกัน
            “แล้วเธอจะไปไหน กลับบ้านหรอ? กลับคอนโด? สภาพแบบนี้เนี่ยนะ!”
            “ที่ไหนก็ได้ที่ไม่ใช่ที่นี่!!”
            “ตกลงเธอจะไปจริงๆ ใช่ไหม? ไปเลยสิ!! ไปให้ไอ้พวกนั้นมันรุมกระทืบอีก! ไปสิ!!”  จุนฮยองตะโกนแล้วลงจากรถ เดินอ้อมมาเปิดประตูฝั่งที่ฉันนั่งอยู่ แล้วลากฉันลงมาจากรถ
            “โอ้ย!!”  ฉันเผลอร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด เพราะขามันอ่อนจนไม่สามารถยืนอยู่ได้
            “อ้าวพี่ ทำอะไรเนี่ย!”  ดงอุนที่ยืนรออยู่ รีบเข้ามาพยุงฉันขึ้น
            “ก็ยัยนี่อยากไปนัก ก็ให้ไปไง ไม่เห็นต้องง้อเลย”  จุนฮยองกอดอกมองฉันด้วยอารมณ์ที่คุกรุ่นไม่แพ้กัน
            “ปล่อยฉันเถอะดงอุน ฉันไหว”  ฉันบอกพร้อมกับผละออกมายืนพิงรถแทนการพิงไหล่ของดงอุน
            “โอ้ยพี่ ใจเย็นๆ สิ ผู้หญิงตัวคนเดียวออกไปสภาพแบบนี้มีหวังไปไม่ถึงไหนแน่”  ดงอุนพูดกับจุนฮยองแล้วหันมาพูดกับฉัน
            “เธอก็เหมือนกัน เลิกหยิ่งได้แล้ว ฉันดูเธอตอนนี้ก็คงไปไม่ถึงไหน ส่วนเรื่องวิลล่าฉันอยากให้พวกเธอได้คุยกันบ้าง ไม่ใช่จะเป็นแบบนี้ต่อไป ฉันทนเห็นยัยนั่นนั่งหน้าหยิกทั้งวันไม่ไหวหรอกนะ” 
            “แต่ฉัน...ไม่กล้าสู้หน้าเพื่อนๆ ของนายหรอก ฉันทำกับพวกเขาไว้เยอะเกินกว่าจะให้อภัย U_U”
            “ทุกคนเขาพร้อมที่จะให้อภัยเธอเสมอ แม้กระทั่งวิลล่า แต่เธอเองนั่นแหละที่ไม่ยอมให้อภัยตัวเอง”  จุนฮยองพูดเสียงเรียบลง ก่อนจะเดินเข้าไปในตัวตึก
            “อย่างน้อยๆ ที่นี่ก็มีหมอคอยดูแลเธอนะ ไปเถอะ”  ดงอุนพูดแล้วใช้เสื้อของเขาคลุมศีรษะฉันไว้ แล้วพาเดินเข้าไปในตึก
            ฉัน จุนฮยองและดงอุน มาหยุดอยู่ที่หน้าห้องของวิลล่า แต่เราก็ยังไม่ได้เข้าไปสักที...นั่นก็เพราะฉันเอง เข้าไปแล้วฉันจะทำหน้ายังไงล่ะ ฉันทำกับพวกเขาไว้เยอะ โดยเฉพาะพี่เฝ้าฝัน U_U;
            “เข้าไปเถอะน่า ยัยวิลล่าไม่กัดคอเธอหรอก ฉันรับรอง ^^”  ดงอุนยิ้มเป็นกำลังใจให้ฉัน  “ฉันเปิดประตูนะ”
            แอ๊ด...
            เสียงเปิดประตูมันฟังแล้วลุ้นระทึกไม่ต่างกับเสียงซาวด์เอฟเฟ็คในหนังผีเลยทีเดียว และทันทีที่ประตูเปิดอ้าออก ฉันก็พบกับพี่เฝ้าฝันและพี่เภตรายืนรออยู่ตรงชั้นวางรองเท้า
            “มากันแล้วหรอ”  พี่เภตราทักพร้อมรอยยิ้ม แต่ทันทีที่ฉันเดินเข้าไป เอ่อ เรียกว่าโดนผลักเข้าไปจะดีกว่า -_-; ทันทีที่ฉันโดนผลักเข้าไปในห้องโดยจุนฮยอง พี่เภตราและพี่เฝ้าฝันก็ถึงกับหุบยิ้มทันที ฉันรู้ว่าตอนนี้สภาพฉันมันไม่ต่างกับหมาจรจัดตัวหนึ่งที่โดนหมอเจ้าถิ่นฟัดมาเลย =_=
            “ฉันไม่นึกว่าจะ...ขนาดนี้อ่ะจุนฮยอง ทำไมไม่บอกฉันจะได้เตรียมอุปกรณ์ทำแผลมาเยอะๆ หน่อย”  พี่เฝ้าฝันเข้ามาช่วยประคองฉันแทนดงอุนที่ช่วยประคองฉันมาตลอดทาง
            “โทษที ฉันก็ลืมบอกรายละเอียดไป เฮ้อ...ไปล่ะ เมื่อยตัวชะมัด”  จุนฮยองบ่นพร้อมกับบิดขี้เกียจแล้วเดินออกไปจากห้อง ส่วนดงอุนก็ยังคงคอยอำนวยความสะดวกอย่างใกล้ชิดตามเดิม
            “พาเข้ามาก่อนเถอะ”  พี่เภตราพูด แล้วเข้ามาพยุงฉันเพื่อพาเข้าไปในห้องช่วยพี่เฝ้าฝัน ส่วนดงอุนก็เดินตามเข้ามาติดๆ
            “วิลล่าอยู่ไหนครับเนี่ย”  ดงอุนกวาดตามองไปทั่วห้อง พี่เภตราจึงพยักพเยิดเข้าไปในห้องนอนระหว่างที่ช่วยพยุงตัวฉันไว้ขณะที่พานั่งลงในห้อง
            สัมผัสจากมืออุ่นๆ ของพี่ทั้ง 2 คน ทำให้ความรู้สึกผิดต่างๆ มันล้นหลามออกมามากขึ้น มันเหมือนมีก้อนอะไรสักอย่างขึ้นมาจุกอยู่ที่คอของฉันระหว่างที่พี่เภตราและพี่เฝ้าฝันช่วยกันจัดที่จัดทางให้ฉันได้นั่งให้สบายที่สุด ทั้งที่ฉัน...ทำร้ายเขาแท้ๆ แต่เขากลับทำดีกับฉันราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้นมาก่อน
            “เป็นอะไร...ปวดแผลมากหรอ ขอโทษทีนะ พี่คงมือหนักไปหน่อยใช่ไหม”  พี่เฝ้าฝันถามพร้อมกับชะงักมือที่กำลังใช้สำลีชุบน้ำเกลือมาเช็ดทำความสะอาดแผลให้ฉันอยู่
            “พี่คะ...ฉัน...ฉันขอโทษ...”  ฉันเอื้อมมือขึ้นไปกุมมือของพี่เฝ้าฝันเอาไว้ พี่เขาถอนหายใจออกมานิดหน่อยก่อนจะใช้มืออีกข้างที่ว่างกุมมือฉันไว้อีกชั้น
            “พี่ให้อภัย”  พี่เฝ้าฝันตอบกลับมาโดยไม่ได้หยุดคิดเลยสักนิด จนทำให้น้ำอุ่นๆ ค่อยๆ ไหลลงมาบนแก้มฉันช้าๆ ความอบอุ่นที่พี่เขาส่งมาให้ฉันมันมีพลังมากจนฉันรับรู้ได้ว่าพี่เขาให้อภัยฉันแล้วจริงๆ
            “พวกเราให้อภัยขวัญหมดทุกคนแล้วล่ะ ส่วนวิลล่า...ยัยนั่นยังปากแข็งอยู่ แต่พอรู้ว่าขวัญโดนรุมทำร้ายก็ช็อกจนหน้าซีดวิ่งเข้าไปในห้องยังไม่ออกมาเลย”  พี่เภตราบอก แล้วมองไปที่ห้องนอนอย่างขำๆ
            “พวกพี่ ใจดีกับขวัญเกินไปแล้วนะคะ...คนอย่างขวัญ ไม่สมควรได้รับอะไรแบบนี้เลย Y_Y”  ฉันพูดอย่างสำนึกผิด สิ่งที่พวกเขาทำมันดีกับฉันเกินไป
            “คนอย่างขวัญ เป็นยังไงหรอจ้ะ”  พี่เภตราถามขณะที่ช่วยพี่เฝ้าฝันทำแผลและทายาตามรอยฟกช้ำให้ฉัน
            “ก็ขวัญมันเลว กล้าหักหลังพี่ทั้งๆ ที่พี่ไว้ใจ...”  ฉันพูด พี่ทั้ง 2 คนมองหน้ากันแล้วถอนหายใจออกมาแรงๆ
            “คนเรามันผิดพลาดกันได้จ้ะ มันอยู่ที่ตัวเราเองต่างหากที่จะใช้ความผิดพลาดนั้นเอามาเป็นบทเรียนหรือจะเอามาเป็นสิ่งตอกย้ำตัวเองให้ตกต่ำลง”  พี่เภตราพูดพร้อมกับบีบไหล่ฉันเบาๆ
            “ถ้าขวัญสำนึกผิดจริงๆ พี่ขออะไรอย่างหนึ่งได้ไหม”  พี่เฝ้าฝันพูดด้วยสีหน้าจริงจัง
            “ได้ค่ะพี่...จะให้ขวัญทำอะไร ขวัญยอมทุกอย่างเลย T^T”
            “อย่าโทษตัวเองอีก อย่าจมปรักกับสิ่งที่ผ่านไปแล้ว เลิกตอกย้ำให้ชีวิตของตัวเองไม่มีความสุขสักที เพราะอดีตมันไม่สามารถแก้ไขได้แล้วนะจ้ะ อนาคตต่างหากที่สำคัญกว่า พี่อยากให้ขวัญมองสิ่งที่จะเกิดขึ้นอย่างมีสติและทำทุกๆ วันที่จะมาถึงให้มีประโยชน์และมีความสุขที่สุด เท่านี้...ทำให้พี่ได้ไหม?”  พี่เฝ้าฝันเอียงคอมองฉันเป็นเชิงถาม คำพูดแบบนี้มันยิ่งทำให้ฉันรู้สึกว่าพี่เขาเข้าใจฉันมาก...มากกว่าตัวของฉันเองซะอีก ฉันมัวแต่มองอดีตที่มันผ่านไปแล้วทั้งที่ทำยังไงมันก็ไม่สามารถกลับไปแก้ไขอะไรได้ ฉันมัวแต่ตอกย้ำตัวเองให้ด้อยค่าลง จนลืมไปว่าชีวิตของฉันมันควรจะเดินต่อไปอย่างมีคุณค่าและมีประโยชน์ที่สุด ไม่ใช่ใช้ชีวิตไปวันๆ เหมือนทุกวันนี้!
            หลังจากที่พี่เฝ้าฝันและพี่เภตราช่วยกันทำแผลให้ฉันเสร็จแล้ว ฉันก็ขอเข้าไปคุยกับวิลล่าที่อยู่ในห้องนอน ฉันเดินเข้าไปก็เจอกับพี่หยา พี่ณัชและพี่ดอกหลิว พวกเขายิ้มให้ฉันแล้วเดินออกไปจากห้อง ตอนนี้ก็เหลือแค่ฉันกับวิลล่าที่นอนคลุมโปงอยู่บนเตียง
            “วิล”  ฉันเรียกชื่อวิลล่าเบาๆ แต่เพราะอะไรไม่รู้ที่ทำให้น้ำตาที่หยุดไปแล้ว กลับมาไหลรินอีกครั้ง
            “...”  วิลล่าไม่ตอบอะไรและยังคงนอนนิ่งอยู่ท่าเดิม
            “ฉันขอโทษนะที่ไม่ฟังคำเตือนของแก ฉันผิดเองที่งี่เง่าไม่ยอมฟังแก”  ฉันพูดด้วยเสียงที่สั่นเครือจนฟังไม่ค่อยได้ศัพท์ ฉันต้องนิ่งทำใจอยู่นานก่อนจะพูดประโยคต่อไปได้
            “ฉันรู้ว่าถ้าเกิดฉันคิดอยากได้อะไรขึ้นมา ฉันจะไม่ยอมฟังใคร ไม่สนใจใครเลย...แต่ฉันก็รู้แล้วว่าการที่ฉันเป็นคนแบบนั้น มันส่งผลเสียต่อตัวเอง ต่อคนรอบข้างยังไงบ้าง...ฉันอยู่คนเดียวโดยไม่มีเพื่อนอย่างแกไม่ได้หรอกนะวิล”  ฉันพูดแล้วค่อยๆ นั่งลงบนเตียงที่วิลล่านอนอยู่
            “ฉันไม่ขอให้แกยกโทษให้หรอกนะ แต่ฉันอยากให้แกพูดอะไรกับฉันบ้าง ถ้าไม่มีเพื่อนอย่างพวกแก ฉันก็ไม่รู้จะอยู่ไปทำไม...ได้โปรด พูดกับฉันหน่อยได้ไหม?”
            “...”  วิลล่ายังคงเงียบอยู่อย่างนั้น แต่ฉันสังเกตเห็นว่าวิลล่ากำลังสะอื้นอยู่ใต้ผ้าห่ม ภาพตรงหน้ามันยิ่งทำให้น้ำตาของฉันยิ่งไหลออกมามากขึ้น
            “ฉันก็แค่ไม่อยากให้แกแยกให้ออกระหว่างความรักกับความปลื้มในตัวไอดอลเท่านั้นเอง”  ในที่สุดวิลล่าก็พูดออกมา
            “ฉันรู้ว่าแกไม่ได้รักพี่โยซอบแบบที่ผู้หญิงกับผู้ชายเขารักกัน แต่แกแค่ปลื้มเพราะพี่เขาเป็นไอดอลของแกเท่านั้นเอง ที่ฉันเสียใจเพราะฉันนึกว่าฉันจะสามารถเป็นเพื่อนที่ดีและคอยเตือนแกได้ แต่ฉันกลับ...ไม่ใช่ ฉันไม่ใช่เพื่อนที่ดีเลยที่ทำให้เพื่อนถลำลึกไปมากขนาดนั้น”
            “ฉันผิดเอง ฉันผิดเองวิลล่า...”  ฉันพูดแล้วก้มหน้าร้องไห้กับฝ่ามือของตัวเอง
            “ฉันก็ผิดเหมือนกันที่ทำให้แกเป็นแบบนี้”  วิลล่าพูดแล้วเปิดผ้าห่มออกมากอดฉันก่อนที่เราจะร้องไห้ไปด้วยกัน ความรู้สึกที่เหมือนว่าตัวเองอยู่ตัวคนเดียวบนโลกหายไปแล้ว เพื่อนที่ดีที่สุดของฉันกลับมาแล้ว...
            “แกเจ็บมากไหม ขอโทษนะที่ฉันไม่ได้ไปช่วยแกเลย”  วิลล่าถามขณะที่ยังกอดคอกันร้องไห้อยู่
            “ไม่เจ็บเท่ากับการที่อยู่คนเดียวในโลกหรอก”  ฉันบอก วิลล่าค่อยๆ ผละออกจากฉัน
            “ฉันบอกแกแล้วไงว่าแกไม่ได้อยู่คนเดียวในโลก แกยังมีฉัน ยูรี พ่อแก แล้วก็แม่ของแกที่อยู่ในนี้”  วิลล่าพูดแล้วชี้มาที่อกข้างซ้ายของฉัน  “เพราะฉะนั้นห้ามพูดอะไรแบบนี้อีก เข้าใจไหม”
            “โอเค ^_^”  ฉันยิ้มให้กับเพื่อนที่ดีที่สุดของฉัน แล้วเราก็คุยเรื่องโน้นเรื่องนี้กันอย่างสนุกสนานจนฉันลืมไปเลยว่าเพิ่งจะโดนรุมกระทืบมา แต่ก็เว้นอยู่เรื่องหนึ่งที่ไม่ได้พูดถึงคือเรื่องที่ฉันจะหมั้นกับพี่จุนเจ เรื่องนั้นฉันไม่กล้าบอกใครจริงๆ U_U;
            ฉันเดินออกมาจัดที่นอนด้านนอกที่เดิมที่เคยนอนพร้อมกับวิลล่า อยู่ๆ ก็มีผู้หญิงคนหนึ่งเดินเข้ามาในห้องพร้อมกับโวยวายลั่น
            “คนนี้ใช่ไหม?”  ผู้หญิงคนนั้นหยุดตรงหน้าฉันพร้อมกับมองฉันตั้งแต่หัวจรดเท้าอย่างเหยียดๆ
            “ปาร์กโฮยอนตัวจริงป่ะเนี่ย?”  ฉันหันไปกระซิบวิลล่าที่นั่งอยู่ข้างๆ เพราะเท่าที่ฉันจำได้ปาร์กโฮยอนคนนี้เป็นหนึ่งในนักร้องเกิร์ลกรุ๊ปวงหนึ่งที่อยู่ค่ายเดียวกับบีสท์ และที่สำคัญไปกว่านั้น มีข่าวกิ๊กกั๊กกับจุนฮยองซะด้วย
            “ตัวจริงเสียงจริงเลยล่ะ”  วิลล่ากระซิบตอบกลับมาเบาๆ
            “โฮยอน เธอมาที่นี่ทำไม”  พี่ณัชเดินออกมาจากห้องนอนพร้อมกับถามเสียงห้วน
            “ก็นังนี่ไม่ใช่หรอที่ทำให้หน้าจุนฮยองมีแผล”  ปาร์กโฮยอนชี้หน้าด่าฉันแบบไม่ห่วงภาพพจน์ มิน่าถึงกิ๊กกับนายจุนฮยองได้ อารมณ์ร้ายไม่ต่างกันเลยนะเนี่ย =_=;
            “ฉันบอกแล้วไงว่าอย่ามายุ่งกับเขา!!”  จุนฮยองเดินเข้ามาในห้องอีกคนพร้อมกับเข้ามาฉุดต้นแขนโฮยอนให้ออกไป แต่ยัยนั่นก็ยังไม่ยอมออก
            “ทำไม? ห่วงมันมากขนาดนี้เลยหรอ”  โฮยอนหันไปแขวะจุนฮยองก่อนจะหันมามองฉันอีกครั้ง สายตาแบบนี้เอาปังตอมาสับเนื้อฉันแทนหมูเลยดีกว่าไหม -*-!!
            “ดูท่าทางก็แค่พวกนักเลงข้างถนน เธอทนคบไปได้ยังไงวิลล่า”  ยัยโฮยอนหันไปเหน็บแนมวิลล่าที่ยืนอยู่ข้างๆ ฉัน เอาเข้าไปแม่คุณ!! ชักจะเยอะใหญ่แล้วนะ -_+
            “ฉันว่าพวกเธอออกไปคุยกันดีๆ ดีกว่า พวกเราจะพักผ่อน”  พี่เภตราบอกจุนฮยองเสียงเรียบ
            “หรืออยากโดนจับโยนออกไปเหมือนคราวที่แล้ว!”  พี่ณัชพูดเสริมด้วยน้ำเสียงเหี้ยม...แสดงว่าไม่ใช่ครั้งแรกที่ยัยนี่มาแสดงอิทธิฤทธิ์สินะ -_-;
            “ฉันว่าเธออกไปดีๆ เถอะโฮยอน”  พี่หยากอดอกอย่างเซ็งๆ
            ยัยโฮยอนที่ดูเหมือนจะสู้ไม่ไหวก็เดินกระแทกส้นสูงออกไปจากห้องทันที โดยมีจุนฮยองตามออกไปติดๆ
            “ยัยนี่ก็ไม่รู้ยังไงนะ เลิกกันแล้วยังจะตามมารังควานอีก ตัวเองเป็นคนขอเลิกเองแท้ๆ”  พี่ดอกหลิวพูดหลังจากที่เสียงส้นสูงสงบลง
            “เกือบโดนตบรอบสองแล้วไหมล่ะเพื่อน”  วิลล่าตบไหล่ฉันเบาๆ ก่อนที่พี่ๆ คนอื่นๆ จะเดินแยกย้ายกันไปเข้านอนตามปกติ
            “ปาร์กโฮยอน เคยมาอาละวาดที่นี่แล้วหรอ”  ฉันถามวิลล่าที่นั่งลงไปจัดที่นอนราวกับเมื่อกี๊ไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย
            “ใช่ มาตอนช่วงที่คบกับพี่จุนฮยองใหม่ๆ รู้สึกว่าหึงที่พวกฉันมาพักอยู่ใกล้ๆ กับห้องบีสท์ ชีเลยมาแสดงความเป็นเจ้าของนิดหน่อย พอดีช่วงนั้นบีสท์โดนปองร้ายน่ะ ฉันเลยไม่ได้สนใจเรื่องนี้เท่าไหร่ เพิ่งนึกได้ว่าสองคนนั้นคบกันอยู่ พอมารู้อีกทีก็เลิกคบกันซะแล้ว”  วิลล่าเล่า
            “หรอ...”  ฉันพยักหน้ารับรู้
            “ว่าแต่แกเหอะ กินยาก่อนนอนยัง พี่ฝันย้ำแล้วย้ำอีกว่าอย่าลืมกินยา” 
            “ยังเลย เดี๋ยวฉันไปกินก่อนแล้วกัน แกก็นอนเลยก็ได้ พรุ่งนี้มีซ้อมแต่เช้าไม่ใช่หรอ”  ฉันพูด แล้วเดินไปค้นกล่องยาที่อยู่หลังตู้เย็น ใจฉันมันรู้สึกปั่นป่วนไปหมดเลยเมื่อรู้ว่า 2 คนนั้นเคยคบกันทั้งที่ผ่านมาเห็นข่าวตามหน้าหนังสือพิมพ์ก็รู้สึกเฉยๆ ทำไมผู้ชายอารมณ์ร้อน ปากร้ายอย่างนายจุนฮยองถึงยอมคบกับคนอย่างปาร์กโฮยอนด้วยนะ ถ้าเกิดไม่รักมากๆ ทนยัยนั่นไม่ได้แน่ๆ
            รักมาก...งั้นหรอ Y_Y
            “ขวัญ ฉันนอนล่ะ ปิดไฟให้ด้วยนะ”  วิลล่าตะโกนบอกฉัน ฉันหันไปพยักหน้าให้แล้วกลับมาค้นหายาต่อ คงจะรักเขามากสินะจุนฮยอง...
            ฉันกินยาแล้วเดินไปปิดไฟให้วิลล่า ระหว่างนั้นฉันก็ได้ยินเหมือนมีอะไรบางอย่างตกพื้นแรงๆ รู้สึกเหมือนจะอยู่ใกล้ๆ นี่เอง ไปปลุกวิลล่าดีไหมนะ เพิ่งจะนอนเมื่อกี๊คงยังไม่หลับหรอก
            ฉันเดินกลับไปหาวิลล่ากะว่าจะปลุกไปดูด้วยกันสักหน่อย แต่พอเดินไปถึงวิลล่าก็หลับไปแล้ว ฉันจะไปดูดีไหมนะ -_-?
            สักพักก็มีเสียงเหมือนอะไรหนักๆ ตกอยู่อีกครั้ง ฉันเลยตัดสินใจเดินออกไปแง้มประตูดู ระเบียงทางเดินว่างเปล่า ไม่มีอะไรเลยแม้กระทั่งแมวสักตัว เสียงมาจากไหนล่ะ =_=; อยู่ๆ ฉันก็รู้สึกขนลุกซู่ที่ต้นแขน ความรู้สึกเหมือนกับตอนที่กำลังดูรายการคนอวดผีของพี่ป๋องอยู่ยังไงยังงั้น (เอ่อ...ฉันดูออนไลน์น่ะได้ข่าวจากเพื่อนที่เมืองไทยว่าน่ากลัว -_-;)
            “โธ่เว้ย!!”  เสียงสบถเบาๆ ดังมาจากบันไดหนีไฟที่อยู่ใกล้ๆ ทำให้ฉันตะดุ้งนิดหน่อย แต่มันก็ทำให้ฉันรู้สึกโล่งใจขึ้นมาบ้างเพราะเสียงที่ฉันได้ยินคือเสียงของจุนฮยอง
 
 
 
 
 
 
****************************************
ตัวอิจฉาโผล่แล้ว หลังจากที่นางเอกเป็นตัวอิจฉาอยู่นาน ฮ่าๆๆๆ
ยังไงก็ฝากติดตามต่อด้วยนะคะรีดเดอร์ ^_^
คอมเม้นเป็นกำลังใจ+กดติดตามกันได้เลยนะคะ >O<
****************************************
 
 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8.7 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9.2 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา