SEO คืออะไร เกี่ยวข้องอย่างไรกับธุรกิจออนไลน์

GUEST1649747579

สุดยอดขีดเีขียน (486)
เด็กใหม่ (0)
เด็กใหม่ (0)
POST:882
เมื่อ เมื่อวาน 21.20 น.

 

ปัจจุบันเป้าหมายการทำธุรกิจให้เติบโตได้ต้องพึ่งหลายปัจจัยด้วยกัน เช่น มีผลิตภัณฑ์ที่เป็นเลิศกว่าคู่แข่ง, ควบคุมค่าใช้จ่าย, เจาะกลุ่มลูกค้าเป้าหมายได้ตรง, เพิ่มช่องทางการตลาดและการจัดจำหน่าย ฯลฯ และสิ่งที่ขาดไม่ได้เลยในโลกยุคดิจิตัลก็คือ ช่องทางออนไลน์ที่สามารถเข้าถึงคนทุกเพศทุกวัยทุกที่แบบไม่มีพรมแดน สิ่งนี้เราอาจเรียกได้อีกอย่างหนึ่งก็คือการทำ SEO 

 

ซึ่ง SEO คือ การทำช่องทางในการนำเสนอเว็บไซต์ของธุรกิจบนออนไลน์ผ่านทาง Search Engine เช่น Google, Yahoo, Bing หรือ Baidu เป็นต้น ด้วยจุดมุ่งหมายในการเพิ่มยอดผู้ชมที่เรียกว่า Organic Traffic เพื่อเพิ่มโอกาสในการทำยอดขายให้ถึงเป้า

 

สำหรับ SEO ที่ย่อจาก Search Engine Optimization คือ การทำการใด ๆ ก็ตามที่เป็นการปรับแต่งหน้าเว็บไซต์ เนื้อหา โค้ด และความเร็วให้มีคุณภาพมากขึ้นสำหรับการค้นหาด้วยคีย์เวิร์ด หรือ คำที่เกี่ยวข้องบ่อยๆ และมากขึ้นจนทำให้หน้าเว็บไซต์ของทางธุรกิจได้รับการ Review ดูสินค้า/บริการมากเป็นอันดับแรก ๆ บนหน้า Search Engine โดยไม่จำเป็นต้องเสียเงินเพื่อซื้อพื้นที่โฆษณา

 


 

SEO มีหลักในการทำงานอย่างไร 

 

เพื่อทำ SEO ให้ดีได้รับการเข้าเยี่ยมชมบ่อย และมากครั้งที่สุดทาง SEO Google นั่นหมายถึงตำแหน่งแห่งที่ของเนื้อหาเว็บไซต์ใน SEO ควรอยู่บนหน้าแรกของ Search Engine เช่น Google เป็นต้น

 

การทำงานของ SEO คือการทำให้เว็บไซต์ติดหน้า Google จากยอดผู้ชมที่เข้ามาคลิกดูด้วยความสนใจในเนื้อหา เทคนิคต่าง ๆ ที่เจ้าของ SEO ได้ทำการปรับปรุง ตกแต่งให้เข้าเทรนด์การค้นหาของคนในยุคนี้ ยอดผู้ชมที่เข้ามาเองตามธรรมชาติ Organic Traffic ไม่ว่าจะเป็นจำนวนเท่าใดก็ไม่ส่งผลต่อค่าใช้จ่ายโฆษณา

 

ส่วนการทำ SEO นั้นจุดหลักก็คือการ Optimize SEO ตลอดเวลาเพื่อให้สามารถยืนอยู่อันดับต้น ๆ ใน Search Engine ในระยะยาว สามารถทำ SEO เอง หรือว่าจ้าง Agency SEO ที่มีความรู้ความชำนาญทางด้านเทคนิคต่าง ๆ มาช่วยทำให้ก็ได้

 


 

ประเภทของ SEO มีอะไรบ้าง 

 

SEO หลัก ๆ จะมี 1. On Page SEO และ 2. Off Page SEO พร้อมด้วยรายละเอียดด้าน SEO Website จะได้กล่าวถึงต่อไปข้างล่างนี้ 

 

On Page SEO

สำหรับ On Page SEO คือ ทุกสิ่งที่ปรากฏบนหน้าเว็บ เช่น หัวข้อ, คอนเทนท์ข้อความ, แท๊กอื่น ๆ ของภาพ, ลิงค์ภายในระหว่างข้อความที่เกี่ยวข้อง รวมถึงเทคนิคต่าง ๆ (Technical SEO) ที่จะมาช่วยให้เว็บเพจโหลดได้เร็วยิ่งขึ้น ช่วยปรับปรุงอันดับการค้นหาใน Search Engine

 

เมื่อใดก็ตามที่มีการค้นหาคำ หรือ ข้อความคีย์เวิร์ดใดบนเว็บไซต์เกิดขึ้น ทาง SEO Google ก็จะทำการจับคู่ โดยมีอัลกอริธึมคอยวิเคราะห์เพื่อประเมินว่าบนเพจมีข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับคำที่กำลังค้นหาอยู่หรือไม่ เพื่อนำมาเป็นข้อมูลในการจัดอันดับบน website ได้แม่นยำขึ้น 

 

Off Page SEO

Off Page SEO จะมุ่งเน้นไปที่การทำ Backlink ที่เป็นเว็บไซต์ภายนอกในสายงานเดียวกันหรือเกี่ยวข้องกันกับธุรกิจที่มีอยู่ในคอนเทนท์บนเว็บไซต์ของเรา การได้รับการอ้างอิงจากเว็บไซต์ดัง ๆ มีชื่อเสียงจะช่วยให้คอนเทนท์สร้างแบรนด์ของเราได้เป็นที่รู้จักในแวดวงที่กว้างขึ้น วิธีจะช่วยกระตุ้นให้เกิดการถ่ายโอนคะแนนด้านคุณภาพพร้อมยกระดับเพจให้สูงยิ่งขึ้น

 


 

การทำ SEO ต่างจาก SEM หรือไม่?

 

การทำ SEO จะมุ่งเน้นที่การพัฒนาและปรับปรุงคุณภาพของข้อความ หัวข้อ รูปภาพเพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือ น่าสนใจจนทำให้ Google นำมาแสดงบนหน้าแรกเมื่อได้รับการจัดเป็นอันดับแรก ๆ ด้วยยอดผู้ชมจำนวนมาก  นอกจากนี้แล้วยังได้ลูกค้าที่เป็นผู้เข้าชมใน SEO Website แบบธรรมชาติที่ไม่ต้องเสียเงินค่าคลิก หรือ ค่าโฆษณาให้กับ SEO Google

 

ส่วน SEM (Search Engine Marketing) เป็นการทำการตลาดทางโลกออนไลน์แบบ Google Ads โดยให้ทาง Search Engine ลงหน้าเว็บไซต์บนหน้าแรกของ Google วิธีนี้เป็นการโฆษณาที่ต้องจ่ายเงินค่าโฆษณาเป็นแบบ PPC (Pay Per Click - จ่ายค่าโฆษณาเมื่อมีการคลิกเกิดขึ้นเท่านั้น) ให้กับ SEO Google

 

อย่างไรก็ดีหากธุรกิจสามารถเลือกทำทั้ง SEO และ SEM ควบคู่กันไปโดยใช้เทคนิคที่เอื้อต่อกัน สนับสนุนกันก็สามารถส่งผลให้ได้ยอดขายเพิ่มขึ้น และมีประสิทธิภาพมากกว่าการเลือกทำเพียงอย่างเดียว

 

 


 

การทำ SEO ต้องใช้เวลานานเท่าไร ถึงจะเห็นผลลัพธ์ชัดเจน 

 

การเลือกทำ SEO คือ การตัดสินใจที่เข้ากับโลกดิจิตัลที่มีอินเทอร์เน็ตเข้ามามีส่วนร่วมในการใช้ชีวิตประจำวันของทุกคน โดยเฉพาะธุรกิจที่เพิ่งเริ่มเปิดตัว ไม่ต้องการทุ่มเม็ดเงินส่วนใหญ่ไปกับงบค่าโฆษณาเพราะยังมีส่วนอื่น ๆ ที่มีความสำคัญเหมือนกัน อย่างไรก็ตามการสร้างแบรนด์ และยอดขายก็เป็นเป้าหมายหลักสำคัญ 

 

ดังนั้นการทำ SEO จึงเป็นวิธีที่ช่วยประหยัดค่าโฆษณา ขณะเดียวกันก็สามารถสร้างความรับรู้ในแบรนด์แก่กลุ่มลูกค้าเป้าหมายทางออนไลน์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพียงแต่ต้องใช้ระยะเวลาหนึ่งประมาณ 3-6 เดือนจึงจะเห็นผลลัพธ์ได้ชัดเจนขึ้น ได้รับผลตอบแทนที่คุ้มค่าและประหยัดค่าใช้จ่ายมากกว่า

 


 

ข้อดีและประโยชน์จากการทำ SEO  

 

การทำ SEO ในโลกออนไลน์เหมาะสำหรับธุรกิจที่กำลังเริ่มต้น ต้องการสร้างแบรนด์ และยอดขายจากช่องทางออนไลน์นี้ในระยะยาว จะมีประโยชน์และข้อดีมากมาย เช่น

 

  • ช่วยให้ website ติดอันดับต้น ๆ จากการได้รับการรีวิวเพิ่มขึ้น จำนวนผู้เข้าชมเว็บไซต์ก็มากขึ้นโดยไม่มีการจำกัดจำนวนคลิกเพราะตอบโจทย์ความต้องการของผู้ใช้ได้มากกว่า
  • ได้กลุ่มลูกค้าที่ตรงเป้าหมายที่วางไว้ สามารถเพิ่มยอดขายอย่างต่อเนื่องในระยะยาว
  • เป็นวิธีในการโปรโมทเว็บไซต์ได้ตลอด 24 ชั่วโมง
  • การใช้ SEO Marketing ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายในการโฆษณาเมื่อเทียบกับวิธีโฆษณาประเภทอื่น
  • ทำให้ website ง่ายต่อการค้นหาบนเว็บ Search Engine เพราะใช้คีย์เวิร์ด คำ หรือ ข้อความที่ติดเทรนด์
  • เป็นการสร้างความน่าเชื่อถือให้กับแบรนด์เว็บไซด์ที่ทำขึ้นมา

 


 

SEO คือ ช่องทางขยายตลาดทางออนไลน์ ที่ธุรกิจควรต้องลงมือทำตอนนี้

 

SEO คือ การทำให้มีการเข้าชม Website เป็นปริมาณมาก ๆ เพื่อเข้าชมผลิตภัณฑ์/บริการต่าง ๆ ที่ทางธุรกิจได้นำเสนอ ปรับแต่งเพื่อดึงดูดความสนใจของลูกค้าทางออนไลน์ จนกระทั่งสามารถเพิ่มยอดขายได้ตามเป้าหมายผ่านช่องทางออนไลน์ที่กำลังเป็นที่นิยมในปัจจุบัน 

 

การทำ SEO เพื่อหวังผลในการสร้างแบรนด์ และเพิ่มยอดขายจำเป็นต้องใช้ระยะเวลาประมาณหนึ่งถึงจะบรรลุเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่หากต้องการผลลัพธ์ที่รวดเร็วอาจจำเป็นต้องใช้เทคนิคทางการตลาดแบบออนไลน์ด้วยการทำ SEO และ SEM ควบคู่ไปด้วยกัน

 


 

โพสตอบ

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเโพสตอบได้

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา