On-Page SEO คืออะไร พร้อมแนะนำวิธีการทำอย่างไรให้บทความติดหน้าแรก!
รู้หรือไม่ว่า 75% ของผู้ใช้จะคลิกที่ผลการค้นหาอันดับ 1-3 เพียงเท่านั้น หากคุณต้องการให้เว็บไซต์ของคุณเป็นหนึ่งบน Search Engine นั้น การทำ On-Page SEO ให้ถูกต้องตามหลัก SEO เป็นสิ่งสำคัญมากๆ ในบทความนี้ เราจะมาเจาะลึกถึง การทำ On-Page SEO คืออะไร ส่วนประกอบของ On-Page SEO มีอะไรบ้าง พร้อมเทคนิคการทำ On-page SEO ที่จะช่วยให้บทความของคุณติดอันดับของ Google ในหน้าแรกได้อย่างรวดเร็วและยั่งยืนอีกด้วย
On-Page SEO คืออะไร ทำไมคนถึงเว็บไซต์ถึงควรรู้จัก!
On-Page SEO คือกระบวนการปรับแต่งและพัฒนาองค์ประกอบต่าง ๆ ภายในหน้าเว็บไซต์ เพื่อให้เหมาะสมกับการค้นหาของผู้ใช้และเป็นไปตามหลักเกณฑ์ของเครื่องมือค้นหา (Search Engine) เช่น Google หรือ Bing การทำ On-Page SEO เป็นขั้นตอนสำคัญที่จะช่วยให้หน้าเว็บไซต์ของเรามีโอกาสติดอันดับที่ดีขึ้นในหน้าผลการค้นหา ทำให้ผู้ใช้งานเห็นและเข้าถึงเว็บไซต์ได้ง่ายขึ้น
การทำ On-Page SEO มีความสำคัญต่อแวดวงธุรกิจอย่างไรในปัจจุบัน
การทำ On-Page SEO มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อธุรกิจในยุคปัจจุบัน เนื่องจากพฤติกรรมของผู้บริโภคมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว โดยการค้นหาข้อมูลสินค้าหรือบริการบนอินเทอร์เน็ตเป็นหนึ่งในช่องทางสำคัญที่ผู้คนเลือกใช้ การปรับแต่งเว็บไซต์ให้สอดคล้องกับหลัก SEO จึงเป็นตัวช่วยสำคัญในการเพิ่มการมองเห็นและการเข้าถึงของกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย ซึ่งการทำ On-Page SEO ส่งผลต่อธุรกิจในหลายด้าน เช่น
- ช่วยเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงลูกค้าใหม่
เมื่อเว็บไซต์มีการปรับแต่งให้สอดคล้องกับ On-Page SEO จะมีโอกาสสูงขึ้นที่เว็บไซต์จะปรากฏในอันดับต้น ๆ ของผลการค้นหา เมื่อกลุ่มเป้าหมายค้นหาสินค้าหรือบริการที่เกี่ยวข้อง ซึ่งทำให้มีโอกาสที่ลูกค้าใหม่จะเข้ามาเยี่ยมชมเว็บไซต์ และทำให้การขายหรือการให้บริการของธุรกิจมีโอกาสเพิ่มสูงขึ้น - เพิ่มการรับรู้และความน่าเชื่อถือของแบรนด์
เว็บไซต์ที่มีการปรับแต่ง SEO อย่างดี มักจะให้ความรู้สึกน่าเชื่อถือ เพราะผู้ใช้งานมักจะไว้วางใจเว็บไซต์ที่ปรากฏในอันดับต้น ๆ ของการค้นหา การที่ธุรกิจอยู่ในตำแหน่งสูง ๆ ใน Google จึงช่วยเพิ่มการรับรู้และสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับแบรนด์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ - ลดต้นทุนในการทำโฆษณา (Paid Ads)
เมื่อเว็บไซต์ของธุรกิจติดอันดับดีในผลการค้นหาแบบธรรมชาติ (Organic Search) จะช่วยลดการพึ่งพาการทำโฆษณาที่มีค่าใช้จ่ายสูงได้ ซึ่งถือเป็นการประหยัดต้นทุนระยะยาว อีกทั้งยังให้ผลลัพธ์ที่ยั่งยืนมากกว่าการโฆษณาแบบชั่วคราว - เพิ่มอัตราการแปลงยอดขาย (Conversion Rate)
On-Page SEO ที่ดีจะช่วยให้เนื้อหาเว็บไซต์มีคุณภาพสูง ตอบโจทย์คำถามของผู้ใช้งาน และสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับผู้เยี่ยมชม ทำให้มีโอกาสสูงที่ผู้ใช้งานจะตัดสินใจซื้อสินค้าหรือใช้บริการจากเว็บไซต์นั้น ๆ มากขึ้น ส่งผลให้อัตราการแปลงยอดขายเพิ่มขึ้น - ช่วยให้ธุรกิจได้เปรียบคู่แข่งในตลาดออนไลน์
ในยุคที่หลายธุรกิจหันมาให้ความสำคัญกับตลาดออนไลน์ การที่เว็บไซต์มีการทำ On-Page SEO ที่ดีจะเป็นการสร้างความได้เปรียบในการแข่งขัน หากเว็บไซต์ของธุรกิจมีประสิทธิภาพและการจัดอันดับที่ดีกว่าคู่แข่ง ก็จะช่วยให้ธุรกิจมีโอกาสดึงลูกค้ามาได้มากขึ้น - ปรับปรุงประสบการณ์ของผู้ใช้งาน (User Experience)
การทำ On-Page SEO ไม่ได้เน้นแค่เรื่องคีย์เวิร์ดเท่านั้น แต่ยังครอบคลุมถึงการปรับปรุงความเร็วในการโหลด การออกแบบหน้าเว็บไซต์ที่ใช้งานง่าย และรองรับการแสดงผลบนอุปกรณ์ต่าง ๆ ซึ่งสิ่งเหล่านี้ทำให้ผู้ใช้งานมีประสบการณ์ที่ดี และเมื่อผู้ใช้งานรู้สึกดีกับเว็บไซต์ก็จะมีแนวโน้มที่จะกลับมาใช้งานอีก - เพิ่มโอกาสในการวิเคราะห์และปรับปรุงการทำตลาด
การทำ On-Page SEO ยังช่วยให้ธุรกิจสามารถเก็บข้อมูลและวิเคราะห์พฤติกรรมของผู้ใช้งานได้ดีขึ้น จากการเก็บข้อมูลเชิงสถิติเช่น คำค้นหายอดนิยมหรือระยะเวลาที่ใช้ในหน้าเว็บไซต์ ซึ่งช่วยให้ธุรกิจสามารถวางกลยุทธ์การตลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
การเขียนเนื้อหาที่ดีและมีคุณภาพ มีความสำคัญต่อการทำ On-Page SEO หรือไม่?
การเขียนเนื้อหาที่ดีและมีคุณภาพมีความสำคัญอย่างมากต่อการทำ On-Page SEO เพราะเนื้อหาที่มีคุณภาพไม่เพียงแต่ช่วยดึงดูดความสนใจจากผู้เยี่ยมชมเว็บไซต์เท่านั้น แต่ยังส่งผลดีต่อการจัดอันดับของเว็บไซต์ในเครื่องมือค้นหาอีกด้วย เนื่องจาก Search Engine ให้ความสำคัญการเขียนเนื้อหาที่มีคุณภาพ ดังนี้
- ตอบสนองความต้องการของผู้ใช้ เพราะเนื้อหาที่ดีต้องสามารถตอบคำถามหรือแก้ปัญหาให้กับผู้ใช้ได้อย่างตรงจุด ทำให้ผู้ใช้รู้สึกพึงพอใจและใช้เวลากับเว็บไซต์นานขึ้น ซึ่งสัญญาณเหล่านี้จะส่งผลดีต่ออันดับของเว็บไซต์ในผลการค้นหา
- เนื้อหาต้องมีการใช้คำหลักที่เกี่ยวข้องกับหัวข้ออย่างสม่ำเสมอ แต่ไม่ควรใส่คำหลักซ้ำซากจนเกินไป (keyword stuffing) เพราะจะส่งผลเสียต่อการจัดอันดับ
- มีการจัดเรียงโครงสร้างที่ชัดเจนเป็นระเบียบ มีหัวข้อรอง หัวข้อย่อย และใช้ bullet points หรือ numbering จะช่วยให้ทั้งผู้ใช้และเครื่องมือค้นหาเข้าใจเนื้อหาได้ง่ายขึ้น
- เนื้อหาต้องมีคุณภาพ มีความถูกต้อง น่าเชื่อถือ และเป็นปัจจุบัน การเขียนเนื้อหาที่ผิดพลาดหรือล้าสมัยจะส่งผลเสียต่อภาพลักษณ์ของเว็บไซต์
- เนื้อหามีความยาวที่เหมาะสม และครอบคลุมหัวข้อสำคัญๆ แต่ไม่ควรยาวจนเกินไปจนทำให้ผู้อ่านเบื่อหน่าย
10 เทคนิคในการทำ On-Page SEO ให้ติดหน้าแรกได้ง่ายๆ
การทำ On-Page SEO ให้เว็บไซต์ติดหน้าแรกต้องอาศัยปัจจัยหลายอย่างประกอบกัน ไม่ใช่แค่การเขียนเนื้อหาดีๆ เพียงอย่างเดียว แต่ยังต้องมีการวางแผนและปฏิบัติตามเทคนิคต่างๆ อย่างถูกต้อง โดยส่วนประกอบของ On-Page SEO เริ่มตั้งแต่
1.การเลือกใช้คีย์เวิร์ดอย่างเหมาะสม
โดย Research Keywords ที่ผู้ใช้งานนิยมใช้และมีความเกี่ยวข้องกับธุรกิจหรือเนื้อหาที่ต้องการนำเสนอ และควรเลือกใช้คีย์เวิร์ดที่ตรงกลุ่มเป้าหมาย และไม่ยากต่อการจัดอันดับจนเกินไป สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ ต้องนำคีย์เวิร์ดมาวางในตำแหน่งสำคัญ เช่น หัวข้อบทความ (Title Tag), คำอธิบายหน้าเว็บ (Meta Description), หัวข้อย่อย (Header Tags) และในเนื้อหา โดยให้เป็นธรรมชาติที่สุด ดูไม่ยัดเยียดเกินไป
2.ปรับแต่ง Title Tag และ Meta Description
เขียน Title Tag ที่กระชับและน่าสนใจ โดยควรมีคีย์เวิร์ดหลักและคีย์เวิร์ดที่เกี่ยวข้อง โดยมีความยาวไม่เกิน 60 ตัวอักษร ส่วน Meta Description ควรมีคีย์เวิร์ดที่เกี่ยวข้องเช่นกัน และมีความยาวไม่เกิน 160 ตัวอักษร เขียนให้ดึงดูดผู้ใช้ให้คลิกเข้าชมเว็บไซต์
3.การจัดโครงสร้างเนื้อหาด้วย Header Tags (H1, H2, H3)
โดยต้องใช้ H1 เพียงหนึ่งครั้งสำหรับหัวข้อหลักของหน้าเพจ และใช้ H2, H3 สำหรับหัวข้อรอง เพื่อช่วยจัดระเบียบเนื้อหาให้ Search Engine เข้าใจง่ายขึ้น โครงสร้างที่ชัดเจนแบบนี้ จะช่วยให้ผู้อ่านค้นหาข้อมูลที่ต้องการได้ง่าย ซึ่งเป็นการเพิ่มประสบการณ์การใช้งานและช่วยให้ Google ประเมินคุณภาพของหน้าเพจได้ดีขึ้น
4.การเขียนเนื้อหาที่มีคุณภาพสูงและตอบโจทย์ผู้ใช้งาน
การเขียนเนื้อหาต้องมีความน่าสนใจ ครอบคลุมหัวข้อที่ผู้ค้นหาต้องการ และควรมีข้อมูลที่ครบถ้วน
ใช้คีย์เวิร์ดที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติม (LSI Keywords) เพื่อช่วยให้เนื้อหาครอบคลุม ตอบสนองต่อการค้นหาในรูปแบบต่าง ๆ และเนื้อหาควรมีความยาวที่เหมาะสมและละเอียดพอสมควร เพราะ Google มักให้ความสำคัญกับเนื้อหาที่ให้ข้อมูลมากกว่าและมีคุณภาพสูงกว่า
5.ปรับปรุง Page Speed ในการโหลดของหน้าเว็บไซต์
การทำ SEO ที่ดีต้องมีการตรวจสอบและปรับปรุงความเร็วเว็บไซต์ เพื่อให้โหลดได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งสามารถทำได้โดยการลดขนาดไฟล์ภาพ ใช้การแคชหน้าเว็บ และเลือกใช้โฮสต์ที่มีคุณภาพ เนื่องจากความเร็วในการโหลดที่ดีช่วยลดยอด Bound Rate และเป็นสัญญาณที่ดีสำหรับ Google ในการจัดทำอันดับ
6.ปรับให้เว็บไซต์รองรับการแสดงผลบนมือถือ (Mobile-Friendly)
การทำ On-Page SEO ควรคำนึงถึงการออกแบบเว็บไซต์ให้ตอบสนองต่อการแสดงผลบนอุปกรณ์พกพา เนื่องจากปัจจุบันผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ตผ่านมือถือมากขึ้น ดังนั้น ควรตรวจสอบให้แน่ใจว่าเนื้อหา รูปภาพ และปุ่มต่าง ๆ แสดงผลได้ดีและใช้งานได้สะดวกบนหน้าจอขนาดเล็ก
7.เพิ่มการเชื่อมโยงลิงก์ภายในเว็บไซต์ (Internal Links)
สร้างลิงก์ภายในเชื่อมโยงไปยังหน้าที่เกี่ยวข้องภายในเว็บไซต์ จะช่วยให้ Search Engine เข้าใจโครงสร้างของเว็บไซต์และช่วยเพิ่มโอกาสให้ผู้ใช้งานอยู่ในเว็บไซต์นานขึ้น นอกจากนี้ Internal link ภายในยังช่วยส่งเสริมการจัดอันดับของหน้าเพจที่ต้องการให้มีการเข้าชมมากขึ้นอีกด้วย
8.ใช้ Alt Text รูปภาพและเพิ่ม Media ที่เกี่ยวข้อง
On-page SEO จำเป็นต้องใส่คำอธิบายรูปภาพ (Alt Text) ที่เกี่ยวข้องกับคีย์เวิร์ดหน้านั้นๆ เพื่อให้ Google เข้าใจเนื้อหาของรูปภาพ รวมไปถึงการเพิ่มสื่อประเภทอื่นๆ เช่น วิดีโอหรืออินโฟกราฟิก เพื่อเพิ่มความน่าสนใจของเนื้อหา และช่วยเพิ่มเวลาเฉลี่ยที่ผู้ใช้งานอยู่ในหน้าเว็บไซต์ได้
9.สร้างเนื้อหาให้น่าสนใจและพร้อมให้ผู้ใช้แชร์ (Shareable Content)
นักทำ SEO ที่เข้าใจหลักการทำงานของ On-Page SEO ที่ดี ต้องตระหนักถึงการสร้าง Content ที่มีเนื้อหาที่เป็นประโยชน์และมีคุณภาพสูง เพราะจะเพิ่มโอกาสให้ผู้ใช้งานกดแชร์บทความของคุณไปยังบนโซเชียลมีเดีย ช่วยให้มีการเชื่อมโยงจากลิงก์ภายนอก (Backlink) และเพิ่มปริมาณการเข้าชมเว็บไซต์นั่นเอง
10.ปรับปรุงหน้าเพจให้ตอบสนองต่อ E-A-T (Expertise, Authoritativeness, Trustworthiness)
ในกรณีที่เว็บไซต์ของคุณเกี่ยวข้องกับการแพทย์ หรือต้องการความน่าเชื่อถือมาก ๆ การเพิ่มข้อมูลที่แสดงถึงความเชี่ยวชาญ, ความน่าเชื่อถือ และความน่าไว้วางใจ เช่น ชื่อผู้เขียน ประวัติ การรีวิวจากผู้ใช้ จะช่วยเพิ่มคะแนนของหน้าเพจเว็บไซต์ของคุณได้
ปรับแต่งเว็บไซต์ได้ง่ายๆ เริ่มต้นด้วย On-Page SEO
SEO On-Page คือ กระบวนการปรับปรุงและปรับแต่งองค์ประกอบต่างๆ บนหน้าเว็บไซต์ของคุณเอง เพื่อให้เว็บไซต์ของคุณเป็นมิตรกับเครื่องมือค้นหา (Search Engine) มากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะ Google ทำให้เว็บไซต์ของคุณมีโอกาสขึ้นไปแสดงผลในอันดับที่ดี เมื่อมีคนค้นหาคีย์เวิร์ดที่เกี่ยวข้องกับเนื้อหาของคุณ ก็จะช่วยเพิ่มยอด Traffic เข้าเว็บไซต์ได้นั่นเอง โดย On-Page SEO มีเทคนิคการทำจำนวนมากอย่างที่เรายกตัวอย่างไปด้านบน
โพสตอบ
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเโพสตอบได้