(จบ)มนต์รักลอลลี่ป๊อป...ของนายมาเฟียไร้เดียงสา
เขียนโดย Byตั้งโอ๋
วันที่ 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2562 เวลา 12.06 น.
แก้ไขเมื่อ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2562 12.48 น. โดย เจ้าของเรื่องสั้น
1) ความไร้เดียงสาครั้งที่ 1 ความอ่อนหัดของนายมาเฟียใหญ่
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความความไร้เดียงสาครั้งที่ 1 ความอ่อนหัดของนายมาเฟียใหญ่
ผู้ชาย...ดูเหมือนจะเป็นเพศที่ดื้อรั้น หัวแข็ง มีนิสัยหยาบกระด้างแต่ก็เป็นสิ่งมีชีวิตหนึ่งที่มีความเปราะบางและความละเอียดอ่อนแอบแผงอยู่เช่นกัน....
ณ คฤหาสน์หลังใหญ่ในยามเช้าเสียงเจาะแจะของเหล่าสมุนผู้พักดีต่างดังกันให้วุ่นวาย ถึงจะเป็นคฤหาสน์หลังใหญ่แต่ก็ไม่ได้เงียบเหงาเหมือนหลังอื่นๆคงเพราะเจ้าพวกลูกน้องปัญญาอ่อนทั้งหลายที่พอได้อยู่ในที่ของตัวเองต่างแสดงความเป็นตัวของตัวเองออกมาอย่างไม่ต้องกลัวว่าใครจะมาว่าๆมันไม่สมควร คงเพราะประมุขของบ้านนั้นไม่ได้เข้มงวดอะไร แต่หากเวลางานทุกคนต่างทำกันอย่างแข่งขัน
“อรุณสวัสดิ์ครับ”
เสียงเอ่ยทักทายของเหล่าสมุนผู้พักดีที่กุลอกุจอตั้งแถวตามแนวทางเดินตั้งแต่หัวบันไดต่างเอ่ยทักทายขึ้นอย่างพร้อมเพรียง
ร่างสูงใหญ่ใบหน้ามาดนิ่งก้าวเท้าเดินผ่านอย่างดูสง่า ในแววตาผู้เป็นบริวาลต่างมองว่ามันช่างดูงดงามและเท่เหลือเกิน
“เตรียมอาหารไว้แล้วนะครับนายน้อย”
“โทษนะวันนี้ฉันไม่กิน พวกนายกินกันไปเลย”
ดวงตาคู่เรียวตวัดมองคนพูดก่อนจะตอบออกไปด้วยเสียงที่เรียบนิ่งแต่ทรงพลังยิ่งนัก ก่อนจะเดินออกไป แต่เสียงคุยจากเหล่าพวกบริวาลที่ต่างชอบพูดกันนั้นมันทำให้เขาต้องชะงักทุกครั้ง
“วันที่นายน้อยของเราก็ดูเท่เหมือนเคยเลยนะ”
“ใช่ๆ อายุแค่ 23 ปี แต่ออร่าความร้ายกาจก็ออกมาแล้ว สมกับเป็นบุตรของนายใหญ่จริงๆ”
“ต่อไปคงจะเนื้อหอมต่อสาวๆไม่น้อย นี้ก็ได้ข่าวว่านายน้อยมีสาวเข้าหาเพียบเลย”
“ต้องแบบนี้ซิถึงจะเป็นมาเฟียผู้ยิ่งใหญ่ ที่ไม่ใช่แค่ภายนอก นายน้อยเรานี้แหละเป็นมาเฟียเหนือมาเฟียของแท้แน่นอน”
เสียงพูดคุยของเหล่าบริวาลยังคงมีมาให้ได้ยินเป็นระยะซึ่งผิดกับความรู้สึกของคนในหัวข้อสนทนาเลย ข่าวลือพวกนั้นมันอะไรกัน
“รู้ไหมคนที่จัดการพวกคู่แข่งที่เข้ามาก่อกวนที่ผับเมื่อวันก่อนนั้นก็คือนายน้อยนะ”
“ใช่ๆเป็นคนเก่งขนาดนั้นแต่กลับถ่อมตัว เป็นมาเฟียด้วยจิตใจที่ดีจริงๆแต่ถึงอย่างนั้นกลับมีแต่ผู้คนหวั่นเกรง
”ผิดแล้วเขาไม่ใช่คนแบบนั้นเลย ผมไม่ใช่ผู้ชายที่น่ายกย่องแบบนั้นแม้แต่น้อยสมกับเป็นมาเฟียอะไรกันพวกบ้านั้นเข้าใจผิดกันไปทั้งนั้น จริงอยู่ผมอาจจะเก่งเรื่องการบริหารจัดการต่างๆนั้นไม่มีทางแพ้ใคร แต่ว่าถึงจะบอกว่าสมเป็นมาเฟียแต่ว่าใช่จะแข็งแกร่งเพราะผมยังมีเรื่องที่อ่อนหัดอยู่เลย
“นายน้อยจะไปที่นั้นหรือครับ ให้ผมไปส่งไหมครับ”เสียงกล่าวจากชายหนุ่มชุดดำเรียกให้ผมต้องกลับหันไปมอง
“ไม่เป็นไร ฉันจะไปคนเดียว”ว่าเสร็จผมก็หันไปยิบหมวกกันน็อคใบงามมาหวังจะสวมใส่
“แต่ว่า”
“ไม่ต้องตามมานะควอต”
สายตาคมกริบตวัดมองอย่างไม่พอใจก่อนจะเอ่ยเสียงเย็นออกมา ควอตมักเป็นแบบนี้เสมอเป็นห่วงผมตลอดคงเพราะรู้ดีว่าผมจะเป็นอย่างไรแต่ผมจะคอยให้ควอตช่วยตลอดไม่ได้ ควอตเป็นเลขาของผมแต่ถึงจะบอกว่าเป็นเลขาแต่เขาก็ทำทุกอย่างทั้งเรื่องเล็กเรื่องน้อยเพราะหน้าที่หลักคือดูแลผมตามคำสั่งของพ่อและแม่ที่ทิ้งผมไปทำธุรกิจที่เมืองนอกเมืองนา
“ครับ ยังไงก็ระวังตัวนะครับ มีอะไรก็โทรหาผมได้ตลอดนะครับนายน้อย”
ผมไม่ได้ตอบรับอะไรกลับไปหันมาขึ้นค่อมบนมอเตอร์ไซค์คู่ใจก่อนจะมุ่งทยายออกไปยังจุดหมายที่ตั้งไว้
...ร้านลอลลี่ป๊อปคอฟฟี่....
ที่นี้ที่เป็นความลับที่ไม่สมกับหนุ่มมาเฟียอย่างผม ความลับที่ไม่มีใครรู้นอกจาก ควอต ว่าจริงๆแล้วผมนะ
กรุ้งกริ้ง กรุ้งกริ้ง
“ลอลลี่ป๊อปคอฟฟี่ยินดีต้อนรับครับบบ”
เสียงใสที่เอ่ยดังขึ้นทันทีที่ได้ยินเสียงกริ่งทางประตูก่อนจะหันมายิ้มหวานส่งให้ผมที่พึ่งเดินเข้ามา
ตึกตัก ตึกตัก ตึกตัก เสียงหัวใจที่เต้นระรัวมันทำให้ผมควบคุมตัวเองไม่ได้ พออยู่ตรงหน้าคนๆนี้ ตึกตัก ตึกตัก
“สวัสดีครับ วันนี้รับอะไรดีครับ?”
เสียงหวานเอ่ยพร้อมทั้งรอยยิ้มที่ทำเอา
ตึกตัก ตึกตัก ชะ ช็อค รอยยิ้มนี้มันช่างเจิดจรัส ไม่ไหวผมไม่ไหวจริงๆ ทำไมควบคุมตัวเองไม่ได้ พะ พูดอะไรไม่ออกทำไงดี จะก้าวขาก็ไม่ออก ตึกตัก ตึกตัก
“เอ่อ..?”ทำไงดีพะ...พูดไม่ออก ตื่นเต้นตลอดเลย สีหน้าที่สงสัยพร้อมรอยยิ้มนั้นไม่ไหวผมรับไม่ไหวจริงๆ มองหน้าเขาไม่ได้เลยจริงๆ
“คะ คา ปะ ปูชิโน่ กะ กับ พะ พายแอบปะ เปิ้ลครับ”พูดไปแล้วผมพูดออกไปแล้ว อยากมองใบหน้าหวานนั้นให้เต็มตาเหลือเกินตะ แต่ ทำไม่ได้
“ครับ รับคาปูชิโน่และพายแอบเปิ้ลนะครับ จะทานที่ร้านหรือกลับบ้านดีครับ”ใบหน้าสวยเอ่ยก่อนจะตามด้วยรอยยิ้มที่ฆ่าผมได้เลย ทะ ทำไมถึงน่ารักเช่นนี้
“กะ กลับบ้านครับ”
“ครับผม กรุณารอสักครู่นะครับ”เขาตอบกลับมาด้วยรอยยิ้ม
ความลับที่ไม่สมเป็นชาย ความจริงที่เจ็บปวด แค่จะสบตากับคนที่ชอบตรงๆยังทำไม่ได้เลยผมมันช่างไร้เดียงสา เป็นได้แค่ไอ้อ่อนหัด พูดให้ถูกก็เป็นแค่ไอ้ผู้ชายน่าสมเพชนั่นแหละ
ตั้งแต่เด็กเมื่อไหร่ที่ผมอยู่ต่อหน้าคนที่ชอบก็มักจะทำตัวไม่ถูกทำตัวเปิ่นๆให้เขาขายหน้าจนถูกทิ้งและยังถูกตราหน้าว่าเป็นไอ้อ่อนหัด มันทำให้ผมช็อคจนป่วยไปเลยตั้งแต่ตอนนั้นก็กลายเป็นโรคขี้ขลาดเมื่ออยู่ต่อหน้าคนที่ชอบ ผมพยายามฝึกร่างกายและจิตใจให้แข็งแรงแต่มันก็เท่านั้นโรคบ้านี้มันไม่หายไปยิ่งมีคนที่ชอบยิ่งอาการสาหัสเข้าไปทุกที ไม่แปลกเลยที่ผมยังเวอร์จิ้นอยู่แบบนี้ช่างเป็นเรื่องน่าสมเพชจริงๆในฐานะผู้ชาย
“ขอโทษที่ให้รอนะครับ พอดีทางร้านของเรามีลอลลี่ป๊อปแจกฟรีจะรับด้วยไม่ครับ”
ผมได้แต่พยักหน้าไปเป็นคำตอบก่อนที่มือเล็กๆนั้นจะเอื้อมไปยิมลอลลี่ป๊อปสีสวยที่กลายเป็นของโปรดผมไปเสียแล้ว นั้นมายืนให้ ผมค่อยๆเลื่อนมือที่รู้สึกว่าติดจะสั่นเทาไปรับมาอย่างกล้าๆกลัวๆ แต่ระหว่างนั้น แตะ! มะ มือ ผมสัมผัสเข้ากับมือเล็กขาวเนียนนั้น ผมรับรู้ถึงเสียงเส้นประสาทการรับรู้ขาดลงดังเปรี๊ยะ และเหมือนทุกอย่างจะหยุดนิ่งไปผมไม่สามารถทำอะไรได้อีกเลย
“อะ...เอ่อ..เป็นอะไรรึเปล่าครับคุณลูกค้า?”
เสียงเล็กเอ่ยขึ้นอย่างเป็นห่วงเมื่อเห็นคนตรงหน้ายืนนิ่งไม่ยอมขยับ สีหน้าซีดดูไม่ดีเท่าไหร่
ตึกตัก ตึกตัก มะ มือ ผมยังจับมือเขาอยู่เลยทำยังไงดี มะ มันยกไม่ขึ้นเลย ตึกตัก ตึก ตัก
“ขอโทษนะครับ”
อยู่ๆชายในชุดสูทสีดำสนิทก็เข้ามาพาผมออกไปก็ไม่ใช่ใครที่ไหนหรอก ควอต เอง
คนตัวเล็กเมื่อเห็นดูเหมือนจะตกใจกับการกระทำของผมไม่น้อย จบกันความรักของผม มันเป็นเรื่องที่เลวร้ายจริงเป็นถึงมาเฟียผู้ยิ่งใหญ่แต่กลับไม่เคยมีความรักเลยสักครั้ง
“ผมถึงบอกไงว่าจะมาส่ง ถ้าผมไม่แอบตามมานายน้อยคิดว่าตัวเองจะออกมาไหวรึครับ คุณนะไม่เคยฟังที่ผมพูดเลย”
เพราะควอตดูแลผมมาตั้งแต่เด็กเลยกล้าที่จะเถียงและขัดคำสั่งของผมตามความสมควร
“คราวนี้เป็นหนุ่มน้อยน่ารักร้านกาแฟหรือครับ แต่ว่าเป็นไงมาไงถึงได้มาชอบผู้ชายได้ละครับ”ควอตที่ขับรถอยู่เอ่ยยถามขึ้น
“หนวกหูน่า”ผมว่ากลับไปอย่างเบื่อหน่าย อาการที่เคยมีก็หายไปแล้ว ทำไมกันทำไมฟ้าถึงได้กลั้นแกล้งคนรูปงามที่เพียบพร้อมอย่างผมกัน เฮ้ออออ
“ถ้านายใหญ่รู้ว่านายน้อยไปชอบผู้ชายเข้า ผมที่เป็นคนดูแลคงถูกฆ่าหมกป่าแน่ๆ ดังนั้นกรุณาเก็บเป็นความลับด้วยนะครับ"
“รู้แล้วน่า”ผมว่ากลับไปอย่างหงุดหงิด
“ฉันนะก็ไม่ได้อยากชอบผู้ชายสักหน่อยแต่ในเมื่อมันชอบไปแล้วก็ช่วยไม่ได้นิ”
“ถ้าช่วยไม่ได้ผมก็ไม่เข้าไปช่วยแล้วนะครับนายน้อย”
โป๊ก
จบเสียงพูดของควอตก็ตามด้วยเสียงกล่องกระดาษทิชชู่ที่ผมปาไปถูกหัวของคนที่ชอบกวนประสาทตรงที่นั่งคนขับทันที
“มันอันตรายนะครับนายน้อย”
ผมไม่ได้ตอบกลับไปได้แต่ปล่อยตัวเองให้จมอยู่กับความคิด ถ้าไม่เกิดเรื่องเมื่อครึ่งปีก่อน...ผมก็คงไม่ชอบผู้ชายคนนั้นหรอก
......ฝากติชมด้วยนะคะ....
คำยืนยันของเจ้าของเรื่องสั้น
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ