การเดินทางของติวเหวอ(เตอร์)

8.7

เขียนโดย nuskung

วันที่ 13 สิงหาคม พ.ศ. 2562 เวลา 21.43 น.

  8 ตอน
  2 วิจารณ์
  6,902 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 5 มกราคม พ.ศ. 2567 14.33 น. โดย เจ้าของเรื่องสั้น

แชร์เรื่องสั้น Share Share Share

 

1) เที่ยงวันเสาร์

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

เที่ยงวันเสาร์

                นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ได้ยินคนอื่นพูดว่าอาชีพนี้มันรายได้ดี

                ผมนั่งสอนหนังสือเด็กมหา’ลัยคนหนึ่งอยู่ น้องคนนี้เป็นผู้หญิง กำลังเรียนอยู่ชั้นปีที่ 5 ในคณะที่ผมเรียนจบมา ซึ่งอยู่ในมหาวิทยาลัยผีดุในอันดับต้นๆของประเทศก็ว่าได้ ไม่ต้องเดานะครับท่านผู้อ่าน เดี๋ยวผมจะงานเข้า ฮ่าๆๆๆ

                สมมุติว่าชื่อน้องบีแล้วกันนะ บีรู้จักกับผม เนื่องจากผมเป็นติวเตอร์ที่เคยเปิดกวดวิชาอยู่ข้างๆกับโรงเรียนกวดวิชาที่น้องเค้าเคยเรียนอยู่ เรารู้จักกันมาสัก 5 – 6 ปีก่อน แต่ก็ไม่ได้สนิทอะไรกัน เพียงแต่กล่าวคำสวัสดีทักทายกันเพราะน้องเค้าไม่เคยเรียนพิเศษกับผม น้องเค้าเรียนกับอดีตหุ้นส่วนผม จนกระทั่งฟ้าลิขิตให้ผมกับเค้ามาเป็นครู เป็นศิษย์กัน

                ในเวลาเที่ยงวัน ของเสาร์หนึ่ง ในขณะที่ผมกำลังขับรถจะไปสอนพิเศษยังบ้านนักเรียนบ้านถัดไป ก็มีโทรศัพท์ปริศนาโทรเข้ามา

                “ครับ สวัสดีครับ”

                “สวัสดีค่ะ พี่โน้สใช่มั้ยคะ” เสียงจากปลายสายกรอกเข้ามา น้ำเสียงไม่ค่อยมั่นใจ

“ใช่ครับ” ผมตอบแบบงงๆ ช้าๆ เพราะกำลังใช้ความคิดว่าคนที่โทรเข้ามานั้นเป็นใคร ยังไม่ทันที่จะได้คำตอบ เสียงจากปลายสายก็พูดต่อมาว่า

“พี่โน้สคะ นี่บีเองนะคะ จำบีได้มั้ยคะ”

 ไม่ต้องคิดเลยครับ ผมรีบตอบทันที   “จำไม่ได้ครับ” ตามด้วยหัวเราะกลบเกลื่อนไปนิดหน่อย แล้วถามต่อว่า

“บีไหนหรอครับ ขอโทษจริงๆ ผมจำไม่ได้” ผมถามอีกครั้ง

 “บีที่เคยเรียนพิเศษที่… ไงคะพี่ ที่เรียนคณะเดียวกับพี่โน้สที่มอ… ”

“อ๋อ พี่จำได้แล้ว บีที่เรียนม.ปลายที่โรงเรียน…ใช่มั้ย”

“ใช่ค่ะพี่โน้ส”

“ว่าไงมีอะไรหรือเปล่าครับ แล้วเอาเบอร์พี่มาจากใคร” ผมถามน้องบี เพราะยังงงๆว่าน้องเอาเบอร์ผมมาจากไหน

“พอดีหนูกลับไปที่เรียนพิเศษเก่ามาแล้วเจอผู้ปกครองที่เรียนกับพี่โน้สค่ะ หนูเลยขอเบอร์มา คือหนูจะขอความอนุเคราะห์ให้พี่โน้สช่วยติววิชาอินสตรูให้หนูหน่อยค่ะ หนูติดเอฟ ทำให้หนูต้องเปอร์ค่ะพี่ มันยากมากโดยเฉพาะของอาจารย์วัฒน์” น้องบีบอกจุดประสงค์คร่าวๆให้ผมทราบ จากนั้น ผมก็คุยรายละเอียดกับน้องเค้าไปยาวๆ และนัดวันที่จะได้พบกันเพื่อขอดูบทเรียนและนัดติว ผ่านเวลาไป  1 สัปดาห์เราก็ได้เจอกัน ผมเอาชีทเรียนของน้องมาถ่ายเอกสาร และเตรียมเนื้อหาเพื่อสอน ผมเตรียมตัวค่อนข้างหนักพอสมควร เนื่องจากผมจบมาสิบกว่าปีแล้วความรู้ต่างๆเริ่มเลือนรางเลยต้องเตรียมงานอย่างดีเพื่อไม่ให้น้องบีผิดหวัง

อีก 1 สัปดาห์ต่อมา ผมได้นัดติวให้น้องบี เราใช้เวลาในการเรียนการสอนประมาณ 2 ชั่วโมง โดยผมสอนฟรีไม่คิดค่าใช้จ่ายก่อนในครั้งนี้ เพราะผมเองก็ไม่รู้ว่าผมจะช่วยน้องเค้าได้มาน้อยแค่ไหน อีกอย่างหนึ่งผมคิดราคาไม่ถูก เนื่องจากผมเคยสอนแต่เด็กประถม มัธยม ไม่เคยสอนเด็กมหา’ลัย เราพูดคุยกันต่อสักพัก คุยเรื่องคนที่คณะ ทำให้ผมหวนระลึกถึงวันเก่าๆ น้องบีพร่ำเล่าเรื่องอาจารย์คนนั้นเป็นแบบนั้น อาจารย์คนนี้เป็นแบบนี้ จนมาจบที่เรื่องอาชีพติวเตอร์ได้ยังไงก็ไม่รู้

น้องบีสอบถามเหตุผลที่ผมปิดกวดวิชา ผมเลยบอกเหตุผลเรื่องเวลาไป ผมติดเรื่องเวลา เพราะผมมีบริษัทขายอุปกรณ์วิทยาศาสตร์ของผมเองด้วย การที่ผมต้องทำงานบริษัท ออกหาลูกค้าแล้วผมต้องรีบกลับมาไขประตูม้วนทุกวัน ผมคงไม่มีความสุขแน่ๆ

“รายได้มันโอเคไม่ใช่หรอคะพี่ หนูก็เห็นว่ามีเด็กเรียนกับพี่เยอะอยู่นะ ทำไมต้องปิดล่ะคะ เสียดายจัง ”  น้องบีถามผมตรงๆ ในวินาทีนั้นผมพูดไม่ถูก ไม่รู้จะตอบยังไง ผมไม่ชอบคุยกับคนที่มองเรื่องเงินเป็นสำคัญ การที่เรามองที่ตัวเงินมาก่อนตัวงาน สุดท้ายชีวิตก็จะโหยหาแต่เงิน ไม่ได้หายหางาน แต่ถ้าคนเรามองที่ตัวงาน มองเนื้องานก่อนแล้วค่อยมามองที่ตัวเงิน คนๆนั้นจะอยากทำงานที่รักมากกว่าทำเพื่อเงินที่รัก ผมจึงตอบบีไปว่า

“มันมีรายละเอียดเยอะนะ ไม่ใช่แค่เห็นว่ามีเด็กเรียนแล้วพี่จะมีความสุข ค่าใช้จ่ายต่างๆพี่ก็มี ปัญหาเรื่องเด็ก เรื่องผู้ปกครองก็มี ถามว่ารายได้เยอะมั้ย มันก็ได้ระดับนึง แต่การที่เรามีหุ้นส่วนมันก็มีปัญหาเรื่องความคิดต่างอีก”

น้องบีพยักหน้ารับรู้ แล้วกล่าวว่า

“น้องชายหนูก็รับสอนพิเศษ มันบอกว่าเงินดีมากเลย ไม่ต้องลงทุนอะไรเลย”

ผมได้ฟังดังนี้ ก็อึ้งเป็นครั้งที่สอง น้องคิดว่ามันง่ายหรอครับ สอนนักเรียนให้สอบได้คะแนนดีๆเนี่ย ติวเตอร์มันต้องมีเทคนิค มีจิตวิทยาในการสอนเด็ก เตรียมชีทแบบฝึกหัดเนื้อหา ไม่ใช่กางหนังสือเล่มหนึ่งแล้วพูดๆสอนๆนะครับ เด็กรุ่นใหม่นี่ไม่คิดอะไรเลย คิดถึงแต่เงิน   ผมรอจังหวะให้น้องบีได้คิดนิดหนึ่ง ก่อนจะทิ้งท้ายไปว่า

“พี่เองไม่ได้รวยนะครับ บ้านพี่ก็ไม่ได้มีเงิน แต่วันหนึ่งถ้าคุณได้ลองทำในสิ่งที่รัก ทำแล้วมีความสุขโดยไม่คิดถึงเงินดู แล้วคุณจะรู้ว่าเรามีความสุขมากแค่ไหน ” 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

คำยืนยันของเจ้าของเรื่องสั้น

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

คุณคิดยังไงกับเรื่องสั้นเรื่องนี้

* สามารถกรอกแบบสำรวจโดยไม่ต้องเป็นสมาชิกก็ได้ครับ

 

อ่านเรื่องสั้นเรื่องอื่น

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา