ปากกาสามหัว
9.7
เขียนโดย นางแกงพเนจร
วันที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2561 เวลา 01.59 น.
2 chapter
1 วิจารณ์
4,234 อ่าน
แก้ไขเมื่อ 14 กรกฎาคม พ.ศ. 2561 11.49 น. โดย เจ้าของเรื่องสั้น
2) Spirit House
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ “ปึ้ง!” เสียงผลักประตูห้องพักอย่างรุนแรงของชายหนุ่มรูปหล่อตัวสูงโปร่ง มีหนวดเคราเล็กน้อยสวมใส่เสื้อเชิ้ตสีฟ้าอ่อน เขาวิ่งหน้าตาตื่นด้วยท่าทางหวาดกลัวอะไรบางอย่างภายในโรงแรมที่ผนังและเพดานถูกทาด้วยสีส้มอิฐ หนุ่มหล่อวิ่งมาจนถึงหน้าลิฟท์โดยสาร เขาพุ่งตัวเข้าไปกดปุ่มลูกศร “ลง” เพื่อเรียกให้ลิฟท์ขึ้นมารับ บริเวณพื้นที่คั่นกลางระหว่างลิฟท์ทุกตัวถูกเขียนเลข 5 เอาไว้ หนุ่มหล่อเร่งกดปุ่มลูกศร “ลง” แบบย้ำๆไปเรื่อยๆแม้มันจะไม่ได้ช่วยอะไรเลยก็ตาม เขาดูขาดสติและร้อนรน ท่าทางลอกแลก สีหน้าหวาดกลัวอะไรบางอย่างสุดขีด สายตาของเขากวาดไปทั่วทุกบริเวณตลอดเวลาเหมือนกับกำลังระแวงอะไรบางอย่าง
“สวัสดีรากาน่า สบายดีไหม?” หนุ่มหล่อสูงโปร่ง มีหนวดเคราเล็กน้อย สวมใส่ชุดสูท นั่งอยู่ที่โซฟาชั้นล็อบบี้ของโรงแรม ใบหน้าของเขาเหมือนกับแมคราวกับฝาแฝด
“สบายดีจ้ะ ขอบคุณนะที่มา” รากาน่าตอบกลับ เธอแต่งหน้าปัดขนตาและทาปากด้วยลิปสติกสีนู้ด สวมใส่ชุดรัดรูป ผมหยักศกดกหนาถูกรวบต่ำและมัดเป็นหางม้าแทน
“พวกเราต่างหากที่ต้องขอบคุณ ขอบคุณนะสำหรับเรื่อง...” หนุ่มหล่อไม่กล้าสบตาหญิงหน้าคม เขาดูเกร็งเล็กน้อย
“เรื่องมันผ่านมาแล้ว ช่างเถอะเดวิด แค่คุณตอบรับคำเชิญของฉัน ฉันก็ดีใจแล้วหละ” เธอยิ้มอย่างอ่อนโยนก่อนที่จะกุมมือเขาเบาๆ
หนุ่มหล่อรู้สึกโล่งใจอย่างบอกไม่ถูก เขายิ้มตอบกลับแล้วเริ่มหันมองสิ่งต่างๆรอบๆตัว โรงแรมนี้มีเนื้อที่พอสมควร ตกแต่งสไตล์ตะวันตกโบราณ ผนังและเพดานถูกทาด้วยสีส้มอิฐ มีแขกเข้าออกอยู่ตลอดเวลา หลากหลายสัญชาติ “โรงแรมสวยดีนะ เออ นั่นญาติฉัน ชื่อโจ เธอมากับฉัน ไม่มีปัญหาอะไรใช่ไหมรากาน่า” เดวิดพูดด้วยน้ำเสียงที่ผ่อนคลายลง เขาชี้ไปทางบุคคลที่สามให้หญิงหน้าคมหันไปมอง
“ติ๊ง!” เสียงลิฟท์ตัวกลางถูกเปิดออก หนุ่มหล่อกำลังจะพุ่งตัวเข้าไปแต่เขากลับต้องผงะเมื่อเขาพบกับผู้หญิงวัย 30 ปีหน้าตาคมเข้มเหมือนผู้หญิงภาคใต้ ผมยาวสีดำดกหนาและหยักศก สวมใส่คลุมสีดำ ยืนฉีกยิ้มแห้งๆให้กับเขา หนุ่มหล่อตกใจกลัวสุดขีด ขาทั้งสองข้างของเขาแทบจะไร้เรี่ยวแรงเลยทีเดียว
“เดวิด!” เสียงของผู้หญิงคนหนึ่งวิ่งตามหลังเขามา หน้าตาของเธองดงาม ทั้งจมูก คิ้ว ริมฝีปาก โหนกแก้มและกรามเข้ากับรูปหน้าของเธอได้อย่างลงตัว เส้นผมของเธอยาวตรงสลวยสีทองออกขาว ลำตัวสูงเพรียวสวมใส่ชุดสีครีม เมื่อเธอวิ่งมาถึงหน้าลิฟท์ก็ต้องตะลึงกับภาพที่เห็น เธอจึงยืนมือขวาออกไปอย่างรวดเร็วก่อนที่จะ “Maviti” สิ้นเสียงของเธอร่างของผู้หญิงน่ากลัวในลิฟท์ได้สลายหายไปในชั่วพริบตา เธอจึงรีบผลักหนุ่มหล่อคนนั้นให้เข้าไปในลิฟท์แล้วรีบกดปุ่ม “ปิด” ลิฟท์พร้อมกับกดไปที่หมายเลข 1 ทันที
“นี่มันเกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้นฮะ เดวิด!” เธอหันไปถามผู้ชายข้างๆ
“โจ ฉันอยากเผาโรงแรมบ้านี่ทิ้งซะ” เดวิดเรียกชื่อเธอก่อนที่จะพูดความตั้งใจบางอย่าง
“อะไรนะ?” หญิงหน้าสวยตกใจเล็กน้อย
“ใครคะแม่?” เสียงเล็กๆของเด็กสาววัย 12 ปีถามคำถาม เธอถักผมเปียสีดำสองข้างไว้ยาวลงมาถึงกลางอก สวมใส่ชุดเดรสลายดอกไม้สีเหลืองสลับฟ้าสวยงาม
“เขาชื่อว่าแมคจ๊ะ เป็น เอิ่ม…” ผู้หญิงวัย 30 ปีตอบเด็กสาวกลับด้วยท่าทางอ้ำอึ้ง หน้าตาของเธอคมเข้มเหมือนผู้หญิงภาคใต้ ผมยาวสีดำดกหนาและหยักศก สวมใส่ชุดสุภาพสีดำ
“รากาน่าให้ผมพูดนะ” หนุ่มหล่อสูงล่ำ อกผายไหล่ผึ่ง สวมใส่ชุดสูท หันไปพูดกับผู้หญิงข้างกายเขา เธอพยักหน้าตอบกลับ
“ไงจ๊ะ รีนัสใช่ไหม?” แมคเดินเข้าไปหาเด็กสาวด้วยท่าทางอ่อนโยน รอยยิ้มของเขาทำให้เด็กสาวรู้สึกผ่อนคลายเล็กน้อย เธอพยักหน้าตอบเขา “ฉันชื่อแมคนะ เป็นแฟนใหม่ของแม่เธอ ยินดีที่ได้รู้จักนะ”
“Cieli Cotel I E Mocam, Cieli Cotel I E Mocam, Cieli Cotel I E Mocam!!!!!! วิญญาณเอ๋ยไล่ล่าพวกมัน!!!!!” เสียงพูดดุดันและน่าขนลุกของผู้หญิงหน้าคมเข้ม เธอออกคำสั่งให้ภูตผีในโรงแรมปรากฏตัวขึ้นเป็นจำนวนมากในทุกซอกทุกมุม บริเวณที่เธอยืนคล้ายคลึงกับห้องโถงขนาดใหญ่แต่สภาพทรุดโทรมและมืดทึบ
“ตุบ!” เสียงลิฟท์สะดุดแล้วหยุดลงพร้อมกับไฟดับทันที เดวิดและโจตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทั้งสองคนยังไม่ทันได้ตั้งสติดีจู่ๆลิฟท์ก็เกิดสั่นราวกับมีบางอย่างมากระแทกอย่างรุนแรง เสียงทุบตีผนังลิฟท์ดังขึ้นพร้อมกับเสียงกรีดร้องรอบตัวพวกเขา หนุ่มหล่อเริ่มประสาทเสีย ผู้หญิงหน้าสวยจึงต้องรีบดึงสติของเธอกลับมา
“Idite Doye” สิ้นเสียงของเธอ ลิฟท์ถูกเปิดใช้งานอีกครั้ง
“ติ๊ง!” เสียงประตูลิฟท์เปิดออก หน้าจอของลิฟท์ขึ้นหมายเลข 3 อย่างชัดเจน โจรีบคว้ามือเดวิดแล้ววิ่งหนีออกมา
“ช่วยด้วย... จะไปไหน... ทรมานเหลือเกิน... หิว...” เสียงโหยหวนของเหล่าภูตผีมากมายปรากฏตัวขึ้นทุกซอกทุกมุมขวางทางทั้งสองคนเอาไว้ พวกมันแต่งกายหลายชนชั้นและหลากหลายยุคสมัย หน้าตาเน่าเฟะ ผิวหนังเป็นสีดำปนน้ำหนองเหมือนกับซากศพ หญิงหน้าสวยจึงตัดสินใจใช้พลังบางอย่างจากในตัวเธอเข้าต่อสู้กับภูตผีพวกนั้นพร้อมกับจับมือหนุ่มหล่อฝ่าดงผีร้ายท่ามกลางเสียงหัวเราะปริศนาชวนน่าขนหัวลุกที่ดังขึ้นเป็นระยะๆไปทั่วทั้งบริเวณ พลังของเธอทำให้พวกผีกระเด็นหายไปตนแล้วตนเล่าแต่จำนวนของพวกมันกลับไม่ลดลงเลยแม้แต่น้อย หนุ่มหล่อนึกอะไรบางอย่างออกก่อนที่เขาจะล่วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกงแล้วหยิบมีดบางอย่างที่สลักอักขระประหลาดลงไปออกมา
“ย๊ากกกก” เดวิดฟันไปที่ผีพวกนั้น ปรากฏว่ามันได้ผล มีดหมอนี้ทำให้พวกผีสิ้นฤทธิ์แล้วหายไป ทั้งสองคนต่อสู้กับวิญญาณร้ายอย่างหนักหน่วง
เสียงร้องไห้ นั่นคือเสียงร้องไห้ของเด็กผู้หญิงคนหนึ่ง เธอสวมใส่เสื้อยืดสีเทาปล่อยผมยาวสลวยเดินออกมาที่ริมระเบียงห้องพัก “ฮือๆๆ...ฮือ” สีหน้าของเธอเจ็บปวด ความเจ็บปวดนี้ฝังรากลึกลงไปในหัวใจของเธอ เธอเดินมาที่ริมระเบียง จับราวระเบียงแล้วปีนขึ้นไปยืน สัมผัสกับสายลมที่พัดแผ่ว แสงแดดยามบ่ายที่ร้อนระอุ เสียงรถกลางถนน ผู้คนสนทนา โลกของเธอ ตอนนี้โลกของเธอได้หยุดหมุนไปแล้วในที่สุด คงเหลือแต่เธอ เด็กสาวทรงตัวอยู่บนราวระเบียงก่อนที่จะ...
“คิดว่ากูจะยอมเหรอ!!!Vise Misteria!!!” นางแม่มดหน้าคมพูดอะไรบางอย่างออกมาด้วยน้ำเสียงที่เกรี้ยวกราด เธอหันไปทางซ้ายมือมองไปที่กรอบรูปเล็กๆใส่รูปถ่ายของเด็กสาวผมเปียที่มีรอยยิ้มสดใสเอาไว้ “รีนัส คอยแม่ก่อนนะลูก”
“ย๊ากกกกกกก” เดวิดและโจต่อสู้กับภูตผีมากมายแบบเอาเป็นเอาตายจนเหล่าผีร้ายมีจำนวนลดน้อยลงเปิดช่องทางให้ทั้งสองคนรีบวิ่งหนีออกมาจากตรงนั้นให้เร็วที่สุด
“เฮ้ย!!!!!” เดวิดถึงกับเบรกฝีเท้ากะทันหัน เมื่อผู้หญิงหน้าคมเข้มกลับมายืนปรากฏตัวตรงหน้าดักทางเขาเอาไว้อีกครั้ง หนุ่มหล่อจึงรีบดึงตัวหญิงหน้าสวยวิ่งไปอีกทาง นางแม่มดปรากฏตัวขึ้นอีกทางดักหน้าพวกเขาเอาไว้เช่นเคย ทั้งคู่วิ่งกลับมาที่หน้าลิฟท์นางแม่มดก็ปรากฏตัวขึ้นดักหน้าพวกเขาเอาไว้อีก ทั้งคู่ลองสังเกตดีๆพบว่ามีนางแม่มดหน้าคมผู้นี้ถึง 3 คนด้วยกัน ทั้งหมดกำลังเดินเข้าหาเดวิดและโจอย่างช้าๆ จังหวะนั้นเหล่าภูตผีได้หวนกลับมาอีกครั้งหนึ่ง คราวนี้พวกมันมีอิทธิฤทธิ์เพิ่มขึ้นและจัดการได้ยากขึ้น แม้ว่าพลังบางอย่างของหญิงหน้าสวยจะทำให้พวกมันไม่อาจเข้าใกล้ได้ก็ตาม แต่ก็ไม่อาจกำจัดพวกมันได้เหมือนกับตอนแรกเช่นเดียวกับมีดอาคมของหนุ่มหล่อที่พวกผีร้ายจะไม่ตายจากการฟันเพียงแค่ครั้งเดียว
“เอาไงกันต่อดี?” เดวิดหันไปถามผู้หญิงข้างหลังเขา เหล่าผีร้ายและแม่มด 3 ร่างบีบพวกเขาจนมากระจุกอยู่ที่ตรงกลางทางเดินแล้วในที่สุด
โจตัดสินใจทำอะไรบางอย่าง เธอรีบคว้ามีดอาคมออกมาจากมือของหนุ่มหล่อและพูดพึมพำ “Vitez Mac” ทันใดนั้นมีดอาคมเริ่มเปลี่ยนรูปร่างจนยาวขึ้น สีเงินแวววับ สลักอักขระประหลาด ลักษณะเหมือนดาบอัศวิน “รับไป” หญิงหน้าสวยรีบคืนดาบให้กับเดวิดทันที
“ยอดเลย!” หนุ่มหล่อรับไว้แล้วรีบหันไปฟาดฟันพวกผีร้ายเหมือนเดิม คราวนี้พวกมันไม่อาจจะต้านทานพลังของดาบวิเศษได้ การต่อสู้เริ่มกลับมาดุเดือดขึ้นอีกครั้ง
“มับ!” ฝ่ามือทั้งสองจากหนึ่งในร่างแยกนางแม่มดจับไปที่ด้ามจับดาบวิเศษโดยที่หนุ่มหล่อไม่ทันได้ตั้งตัว หญิงหน้าคมพยายามจะควบคุมมือของเดวิดที่กุมดาบไว้ให้หันปลายดาบกลับไปที่ศีรษะของเขาเอง
“โอ๊ย!” เสียงร้องของหนุ่มหล่อเพราะปลายดาบวิเศษปาดไปที่บริเวณข้างลำคอเล็กน้อยจนเกิดเป็นบาดแผลและมีเลือดไหลรินออกมา ร่างแยกของนางแม่มดยิ้มที่มุมปากก่อนที่จะใช้มือซ้ายปาดเลือดของเดวิดออกมาใส่ขวดเล็กๆเอาไว้แล้วเก็บเข้าไปในชุดคลุม
“เดวิด!” โจสังเกตเห็นหนุ่มหล่อกำลังถูกเล่นงานจึงรีบวิ่งเข้าไปช่วยแต่...
“มับ! มับ!” ร่างแยกของหญิงหน้าคมที่เหลือเข้ามาพร้อมกับจับไปที่แขนของเธอทั้งสองข้างเอาไว้ในทันที
“ปล่อยฉันนะ!!!” โจพยายามดิ้นให้หลุดแต่กำลังแขนของร่างแยกพวกนี้แข็งแรงเหลือเกินจนเธอไม่สามารถดิ้นให้หลุดได้ ร่างแยกของนางแม่มดทั้งสองใช้โอกาสนี้หยิบกริชปลายด้ามสีทองออกมาจากชุดคลุมแล้วเฉือนไปที่แขนขวากับหน้าท้องของหญิงหน้าสวย
“โอ๊ยยยยย” เสียงร้องของโจเพราะความเจ็บปวด สีหน้าของเธอแสดงออกถึงความโกรธขึ้นมาอย่างชัดเจน
“เดวิดหมอบ!” หญิงหน้าสวยตะโกนบอกหนุ่มหล่อ เขารีบสะบัดดาบทิ้งแล้วมอบลงกับพื้นทันทีโดยไม่ลังเลเลยสักนิด
“ย๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก”
“บึ้ม!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!” เมื่อโจเริ่มแผดเสียงราวกับเสียงคำรามของเจ้าป่า พลังงานมหาศาลบางอย่างระเบิดออกมาจากข้างในตัวเธอจนทำให้เกิดแรงระเบิดที่รุนแรงถล่มทั้งชั้น 3 จนพินาศเป็นราบกอง ร่างแยกของนางแม่มดและพวกภูตผีถูกสลายหายไปจนหมดสิ้น หญิงหน้าสวยล้มลงกับพื้นด้วยท่าทางอิดโรย
เดวิดนอนแนบอยู่กับพื้นเริ่มตั้งสติและหันมามองดูสถานการณ์รอบๆ เมื่อเห็นว่าปลอดภัยแล้วเขาจึงรีบเก็บมีดอาคมที่ตกอยู่กับพื้นใส่กระเป๋ากางเกงไว้เหมือนเดิมก่อนที่จะลุกขึ้นยืนแล้ววิ่งกลับไปหาโจทันที
“ลุกขึ้นเร็ว เราต้องหนีไปให้ถึงชั้นล่าง!” หนุ่มหล่อคล้องแขนหญิงหน้าสวยก่อนที่จะพยุงเธอให้ลุกขึ้นยืนและพยายามเร่งฝีเท้าให้ไวที่สุดเท่าที่จะทำได้ตรงไปที่บันไดหนีไฟของโรงแรม
“รอแม่อยู่ที่นี่ก่อนนะ รีนัส” เสียงของหญิงหน้าคมชวนขนหัวลุก เธอพูดขณะกำลังวางตุ๊กตาไหมพรมลักษณะคล้ายเด็กทารกแรกเกิดสีชมพูสลับฟ้าไว้บนเคาน์เตอร์บริเวณล็อบบี้ชั้น 1 ของโรงแรม บรรยากาศในโซนนี้ช่างแตกต่างจากสถานการณ์ที่ชั้นบนมากโข ทุกอย่างดูเป็นปกติ มีลูกค้าพักเข้าออก นั่งคุยเล่น เสียงเพลงเปิดฟังในโรงแรม ระบบไฟฟ้าทำงานปกติ สิ่งเดียวที่แปลกคือผู้คนเหล่านั้นล้วนไม่มีใครสังเกตเห็นนางแม่มดวิปลาสนี้เลยสักคน ราวกับว่าเธอไม่มีตัวตนอยู่ในสายตาพวกเขา
“ตัก..ตัก..ตัก..ตัก..ตัก..ตัก..ตัก..ตัก..” เสียงก้าวเท้าลงบันไดหนีไฟของทั้งสองคนด้วยท่าทางอิดโรยโดยเฉพาะหญิงหน้าสวย
“ถามจริงเหอะ ไปก่อเรื่องอะไรไว้หรือเปล่า แล้วมีดหมอนั่นของใคร?” โจหันหน้ามาถามหนุ่มหล่อด้วยน้ำเสียงอ่อนแรง
“ไม่รู้เหมือนกัน แกก็ลองไปถามอีบ้ารากาน่าดูสิ มีดหมอของมันฉันรีบหยิบออกมาตอนที่วิ่งหนีอะ” เดวิดตอบกลับเธอกลับด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด
“อาแมค แม่หละ?” เสียงเล็กๆของรีนัสถามหนุ่มหล่อที่นั่งดูทีวีอยู่ที่โซฟา
“ไปข้างนอกจ๊ะ” แมคหันมาตอบ สายตาของเขาจดจ้องไปที่เด็กสาววัยละอ่อน เธอสวมใส่เสื้อคอกว้างกับยีนส์ขาสั้น ผมสีดำยาวของเธอถูกมัดรวบเป็นหางม้า ความรู้สึกบางอย่างมันกำลังกระตุ้นเขาจากภายใน หนุ่มหล่อในชุดสบายๆลุกขึ้นยืนแล้วเดินเข้าไปหาเด็กสาวทันที “ไปเที่ยวมาเหรอ?” แมคถามรีนัส สายตาของเขาไม่ได้หยุดเพียงแค่ใบหน้าของเด็กสาว
“ค่ะ อาแมคมีอะไรหรือเปล่า?” แน่นอนว่าการแสดงออกของหนุ่มหล่อทำให้เด็กสาวรู้สึกไม่สบายใจ
“การแต่งตัวหนะ อาว่ามันโป้ไปนะ” แมคกลับมาโฟกัสที่ใบหน้าของเด็กสาวเหมือนเดิม มือซ้ายของเขาจับไปที่ไหล่ข้างซ้ายของเธอเช่นกัน “อาหวง” ความรู้สึกบางอย่างแสดงออกมาอย่างชัดเจนผ่านรอยยิ้ม
“ค่ะ” เด็กสาวตอบแบบเจื่อนๆ
“ถึงสักที” โจหันมาเห็นเลขหนึ่งที่ประตูทางออกสุดทางบันไดหนีไฟ หนุ่มหล่อออกแรงที่แขนซ้ายผลักประตูออกอย่างรวดเร็ว ทั้งสองคนโผล่ออกมาที่บริเวณชั้น 1 ของโรงแรม ทุกอย่างยังคงปกติดีเหมือนเดิมจนทำให้พวกเขาเริ่มคิดว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ใช่สิ่งที่เกิดขึ้นจริงหรือแค่คิดไปเอง เกิดจากภาพหลอนหรือเปล่า มันบ้ามากๆเพราะสภาพของทั้งสองคนตอนนี้เหมือนเพิ่งผ่านมาจากสนามรบอย่างไรอย่างนั้นเลยทีเดียว
“ว้าย! คุณลูกค้าเป็นอะไรหรือเปล่าคะ?” พนักงานหญิงสาวหน้าหวานเดินเข้ามาถามทั้งสองคนด้วยสีหน้าที่ตื่นตระหนก “ตามรถพยาบาลให้ที” เธอหันไปพูดกับพนักงานคนอื่นๆในบริเวณพื้นที่ตรงนั้น “มาค่ะเดี๋ยวดิฉันช่วยพยุงอีกแรง คุณผู้หญิงไหวนะคะ?” เธอพูดต่อขณะที่เอามือคล้องแขนอีกข้างของโจไว้
“ไหวค่ะไหว” โจตอบกลับ ทั้งสองคนตอนนี้เหมือนพวกเขาได้เกิดใหม่อีกครั้ง ความรู้สึกรอดตายมันเป็นแบบนี้นี่เอง
“แล้วเธอมายุ่งเรื่องของฉันทำไม?” น้ำเสียงเย็นชาถูกเอ่ยขึ้นมาจากพนักงานหญิงสาวข้างกายหญิงหน้าสวย น้ำ เสียงคุ้นหูทำเอาทั้งสองคนถึงกับขนลุกขึ้นมาทันที พวกเขารีบมองหน้ากันก่อนที่จะหันไปสบตาเธอคนนั้น
“Na I Eli Paraliza” สิ้นเสียงของพนักงานหญิงสาวเกิดแสงสีชาดที่รอยแผลแขนขวาและหน้าท้องบนร่างของโจก่อนที่เธอจะทรุดลงไปกับพื้นด้วยอาการชาฉับพลันจนขยับไม่ได้ทันที ร่างของพนักงานหญิงสาวคืนกลับมาเป็นนางแม่มดหน้าคมเข้มทำเอาเดวิดถึงกับมือสั่นทำอะไรไม่ถูก หญิงหน้าสวยรีบตั้งสติถึงแม้ว่าร่างกายของเธอจะเป็นอัมพาตจนขยับไม่ได้ก็ตาม
“เขาเป็นญาติของฉัน!” เสียงเกรี้ยวกราดจากโจ เธอยืนอยู่ตรงหน้าหญิงหน้าคมทำเอาทุกคนอึ้งไปตามๆกัน นางแม่มดหันกลับมามองที่พื้นร่างของอีกฝ่ายยังคงนอนแน่นิ่งอยู่กับที่
“ถึงกับถอดจิตมาขวางฉันเลยเหรอ?” หญิงหน้าคมพูดด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด เธอจึงขยับตัวหมายเข้าประชิดหนุ่มหล่อ
“ตึง!” เสียงแรงสะท้อนของพลังงานที่หนาแน่นและทรงพลังทำให้นางแม่มดไม่สามารถเข้าใกล้อีกฝ่ายได้เลยแม้แต่น้อย เธอถูกกักขังไว้ด้วยพลังบางอย่างจากร่างจิตของหญิงหน้าสวย
“ตอนนี้หละ หนีไป!” โจหันมาพูดกับเดวิด
“เดี๋ยวจะเอารถพยาบาลกลับมารับนะ เข้าร่างให้ได้” หนุ่มหล่อพูดทิ้งท้ายก่อนที่จะก้าวเท้าวิ่งด้วยความเร็วไปที่ประตูทางออกของโรงแรม
“ฮา ฮา ฮา ฮา ฮา” เสียงหัวเราะของหญิงหน้าคมก่อนที่ชั้น 1 ของโรงแรมจะสลายหายไปราวกับภาพฝันกลายเป็นห้องโถงกำแพงหนาคล้ายคุกใต้ดินขนาดใหญ่ขึ้นมาทันที ประตูทางออกของโรงแรมบัดนี้กลายเป็นกำแพงหนาที่ไร้ทางออก
“ไม่!!!!!” เดวิดหน้าเสียและกรี๊ดร้องเยี่ยงคนเสียสติ หนึ่งวินาทีที่แล้วที่เขาเกือบจะได้สัมผัสกับอิสรภาพ บัดนี้มันเลือนลางเหลือเกินกับความหวังของเขา
“ฉันอยากเห็นสีหน้าคนบาป” นางแม่มดเอ่ยขึ้นก่อนที่จะขยับมือขวาแล้วกำหมัดแน่น
“เธอจะทำอะไร?” หญิงหน้าสวยในร่างจิตพูดสวนขึ้นด้วยสีหน้าที่กังวล ทันใดนั้นหนุ่มหล่อรู้สึกเหมือนถูกกดลงกับพื้นทันที แขนของเขาถูกไขว่หลัง พลังงานสีดำบางอย่างมัดแขนและขาของเขาอย่างแน่นหนาจนไม่สามารถขยับได้
“อีบ้า อีชั่ว!” เดวิดตะโกนด่าด้วยอารมณ์โมโหสุดขีดก่อนที่เขาจะนึกอะไรบางอย่างออก
“มึงว่ากูบ้าเหรอ ชั่วเหรอ แล้วที่กูบ้าเพราะใคร คนอย่างกูถ้าเรียกว่าชั่วแล้วคนอย่างมึงมันเรียกว่าอะไร! ตอบกูหน่อยเถอะ” หญิงหน้าคมตะคอกกลับ ร่างกายของเธอสั่นไปทั้งตัว นางแม่มดกำหมัดแน่น ตาแดงก่ำน้ำตาคลอเบ้า โดยที่ไม่ทันสังเกตเลยว่าจังหวะนั้นหนุ่มหล่อพยายามจะเอื้อมมือไปให้ถึงกระเป๋ากางเกงข้างขวา ที่ที่เขาใส่บางอย่างเอาไว้ โจมองเห็นท่าทีแปลกๆของเดวิดจึงพยายามจ้องและเธอก็นึกบางอย่างออก
“ฉลาดมาก!” สิ้นคำพูดของหญิงหน้าสวย เธอใช้พลังบางอย่างดึงเอามีดอาคมออกมาจากกระเป๋ากางเกงของฝ่ายชายจากนั้นควบคุมให้มันฟันไปที่พลังงานสีดำจนสลายหายไปทันที หนุ่มหล่อเป็นอิสระจากการถูกพันธนาการ เขารีบลุกขึ้นยืน ร่างจิตของโจวิ่งมาประชิดตัวเขาก่อนที่เธอจะทำบางอย่าง
“Dia De!” สิ้นคำพูดบางอย่าง หญิงหน้าสวยใช้พลังควบคุมมีดอาคมฟันไปที่กำแพงห้องโถงตรงหน้าอย่างรวดเร็ว
“ฟาบบบ!!” รอยฟันแตกออกเป็นรอยแยกขนาดใหญ่ก่อนที่แสงสว่างเจิดจ้าจะผ่านเข้ามาในช่องรอยแยก หญิงหน้าคมยืนนิ่งไม่มีแสดงปฏิกิริยาแต่อย่างใด
“วิ่ง!” หญิงหน้าสวยพูดกระแทกเสียงใส่หนุ่มหล่อ เขาวิ่งผ่าเข้าไปใส่รอยแตกนั้นโดยที่ไม่ลังเลทันที
“ฮา ฮา ฮา หึ!” นางแม่มดหัวเราะด้วยความสะใจก่อนที่นางจะผายมือทั้งสองข้างออก ชั่วพริบตาเดียวก่อนที่อีกฝ่ายจะวิ่งเข้าไปในช่องรอยแตกอักขระโบราณเรืองแสงสีทองปรากฏขึ้นจากกำแพงทั้งหมดในห้องโถงขนาดใหญ่แห่งนี้ โจถึงกับทำหน้าเหวอ เดวิดวิ่งเข้าไปในรอยแตกได้สำเร็จมันพาเขาทะลุไปอีกสถานที่ ไม่สิ! มันควรจะพาเขาทะลุไปที่อื่นแต่ดันพาเขาทะลุกลับมาที่เดิม ที่ห้องโถงคล้ายคุกใต้ดินสุดสยองพร้อมกับนางแม่มดและร่างจิตของญาติเขา หนุ่มหล่อตกใจสุดขีด
“ไอ้บ้าเอ้ย เกิดบ้าอะไรขึ้นวะเนี้ย!” เดวิดตะโกนเกรี้ยวกราดก่อนที่เขาจะลองวิ่งเข้าไปในรอยแยกอีกรอบหนึ่ง ผลลัพธ์ก็คือรอยแตกนั้นนำพาเขากลับมาที่เดิมอีกครั้ง
“มีดอาคมของฉันทรงพลังก็จริง แต่พวกแกต้องไม่ลืมนะว่าฉันเป็นคนปลุกเสกมันขึ้นมา” หญิงหน้าคมพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงสะใจ ทั้งสองคนได้แต่กำหมัดแน่นแสงแห่งอิสรภาพของพวกเขาเริ่มริบหรี่ลงไปทุกที “อักขระพวกนี้จะทำให้พวกแกถูกจองจำอยู่ที่นี่ไปตลอดกาล!” นางแม่มดพูดต่อ
“ทำไม! ทำไม! คนชั่วแบบมันถึงได้ลอยนวล อ๊ากกกกก” เสียงกรี๊ดร้องด้วยความเจ็บปวดของผู้หญิงที่มีใบหน้าคมเข้มและผมหยักศกหนา เธอพังข้าวของล้มลงกับพื้นร้องไห้ฟูมฟาย ร่างกายของเธอแทบชาไปทั้งตัว สายตาของเธอก้มลงต่ำ น้ำตาไหลรินหยดลงมาเป็นเหมือนสายน้ำที่ไม่มีทางแห้งเหือด เธอหยิบกรอบรูปเล็กๆออกมาจากข้างๆโซฟา กรอบรูปถ่ายของเด็กสาวผมเปียที่มีรอยยิ้มสดใส เธอดึงกรอบรูปใบนี้มาไว้ที่หน้าอก ความเจ็บปวดอย่างรุนแรงแทรกซึมออกมาทุกอณูจากภายในร่างกายของเธอ “ในเมื่อกฎหมายให้ความยุติธรรมกับฉันไม่ได้ ฉันจะต้องสร้างมันด้วยตัวเอง”
“เธอทำแบบนี้ทำไม รากาน่า?” หนุ่มหล่อตะโกนแผดเสียงใส่ ในที่สุดเขาก็เอ่ยชื่อหญิงหน้าคมออกมา
“ทำไมอย่างนั้นเหรอ มึงไม่ลองถามตัวเองดูหละว่ามึงทำอะไรลงไปบ้าง” แม่มดรากาน่าตอบกลับ สีหน้าของเธอโกรธแค้นเขาอย่างถึงที่สุด
“นี่มันเรื่องอะไรกัน ฉันต้องการรู้ความจริงเดี๋ยวนี้!” หญิงหน้าสวยในร่างจิตเริ่มสับสน
“ชื่อโจใช่ไหม? เธอเนี่ยไม่น่าโง่เลย สู้สุดตัวเพื่อคนชั่วคนหนึ่ง ฮา ฮา ฮา” หญิงหน้าคมหันไปพูดกับโจ
“หุบปากไปเลย นางแม่มด!” ร่างจิตหันมาตะคอกเสียงเกรี้ยวกราดใส่รากาน่า
“มึงก็แม่มด!” นางแม่มดย้อนกลับ
“เดวิดตอบฉันสิ!” โจกลับไปถามคำถามเดิม เดวิดได้แต่ยืนอ้ำอึ้งไม่กล้าสบตาใคร
“ว่าไง? ตอบญาติมึงไปสิ หรือมึงจะไม่พูด ถ้าอย่างนั้นกูพูดเอง” รากาน่ายอกย้อนต่อ ใบหน้าของเธอแดงก่ำ ดวงตาฉายแววโกรธแค้นถึงขีดสุด “ลูกสาวของกูชื่อรีนัส รีนัสที่น่ารัก สดใส เป็นดั่งแสงอาทิตย์ เป็นดั่งดวงใจของกู หึ! กูเลี้ยงลูกตัวคนเดียวมาตลอด วันหนึ่งกูกลับรู้สึกอยากมีความรัก ความรักที่ไม่ใช่แบบแม่กับลูกสาว ความรักที่มาเติมเต็มช่องว่าง ความรักแบบหนุ่มสาว แล้ววันหนึ่งโชคชะตาก็เข้าข้างกู ให้กูได้รัก เป็นรักที่อบอุ่น เป็นเหมือนดวงใจของกูอีกดวง เป็นความสมบูรณ์แบบที่รีนัสของกูจะได้มีความสุขกับครอบครัวแสนอบอุ่น มันควรจะเป็นอย่างนั้น มันควรจบอย่างสวยงาม ใช่ไหม?” น้ำตาเริ่มไหลรินออกมาจากดวงตาทั้งสองของนาง “มันควรจะจบอย่างสวยงาม.... อ๊ากกกกกก” เธอกรีดร้องออกมาอย่างเจ็บปวด “ แต่ผัวของกู พี่ชายฝาแฝดของมึง! ข่มขืนลูกสาวของกู ทำร้ายลูกสาวสุดที่รัก ย่ำยีดวงใจของกู กูไม่เคยคิด ไม่เคยมองเห็น เจ็บที่สุดคือกูช่วยอะไรลูกกูไม่ได้ รีนัสฆ่าตัวตายเพราะบาดแผลที่พี่มึงทำไว้! พี่ชายของมึงก็ทิ้งกูไป ไปร่านเสพสมกับคนอื่น เมื่อกูเรียกร้องความยุติธรรมให้กับลูกของกู แต่ความยุติธรรมกลับไม่มีจริง มันไม่โดนเอาผิด พ้นจากโทษทุกอย่างที่มันควรโดน ก็เพราะมึง! มึงช่วยพี่ชายมึงโดยที่ไม่สนใจว่ามันทำชั่วทำเลวไว้แค่ไหน รีนัสของกูเพิ่งจะ 13 ปี แล้วแบบนี้มึงจะให้กูทำยังไง กูสูญสิ้นทุกสิ่งอย่าง ความฝัน ความรัก ลูกสาว มึงตอบกูสิว่ามึงจะให้กูทำยังไง!!!” ความรู้สึกเศร้าโศกและเคียดแค้นคละคลุ้งไปทั่วทั้งบริเวณ ความเจ็บปวดที่ถูกปลดปล่อยออกมาจากปากของผู้หญิงคนหนึ่ง มันมีแรงกดดันมหาศาลและส่งผลต่ออารมณ์ทั้งสองคน ความเงียบเข้าครอบงำบรรยากาศอยู่สักครู่ก่อนที่จะ...
“ฉันขอโทษ ฉันผิดไปแล้ว รากาน่า แต่แมคเป็นพี่ชายคนเดียวของฉัน ฉันเป็นทนายทำไมถ้าไม่สามารถช่วยแม้กระทั่งพี่ชายตัวเองได้ ฉันทำเพื่อครอบครัว...” หนุ่มหล่อต้องตอบอะไรสักอย่าง สมองของเขาตอนนี้สับสนไปหมด
“มึงเป็นทนาย แล้วเรื่องความยุติธรรมหละ มึงเอาหัวใจหลักของอาชีพมึงไปไว้ตรงไหน แบบนี้สิ่งที่กูทำอยู่มันก็คงไม่ผิดสินะ กูฆ่าล้างแค้น ทำเพื่อครอบครัวก็คงจะไม่ผิดเหมือนกัน” น้ำเสียงโกรธแค้นสุดขีดพูดดังขึ้นอีกราวกับตะคอก
“ถึงอย่างนั้นสิ่งที่เธอทำมันก็ไม่ใช่เรื่องความยุติธรรมนะ เดวิดกับฉันเกี่ยวอะไรด้วย?” หญิงหน้าสวยแทรกขึ้นมาหลังจากที่เธออึ้งไปพักใหญ่
“มึงเลือกตามมันมาเอง เท่ากับมึงเลือกที่จะตายที่นี่พร้อมมัน เนี่ยแหละคือความยุติธรรม เพราะหลังจากนี้พวกมึงจะได้ตามไปอยู่กับผัวของกู อีกไม่นานเกินรอหรอก” แม่มดรากาน่าพูดต่อขณะที่เธอกำลังหยิบอะไรบางอย่างออกมาจากชุดคลุมโดยที่อีกฝ่ายไม่ทันได้สังเกต
“หมายความว่าไง แมคตายแล้วเหรอ?” โจอึ้งอีกครั้ง
“ถามญาติมึงดูสิ คิดว่ากูไม่รู้เหรอว่าแอบเข้าไปในห้องของกู” หญิงหน้าคมพูดต่อ
“กึกๆ” ประตูห้องถูกเปิดออกอย่างช้าๆ ข้างในปิดไฟมืดสนิท หนุ่มหล่อร่างสูงโปร่งย่างกายเข้ามาเบาๆ เขาใช้แสงไฟฉายจากในโทรศัพท์มือถือส่องนำทาง ห้องนี้ค่อนข้างเหม็นอับ เหม็นสาบบางอย่าง กลิ่นของมันคละคลุ้งไปทั่วห้อง ในใจของเขานึกถึงสิ่งที่โจพูด เสียงของญาติผู้หญิงยังคงดังก้องอยู่ในหัว คำเตือนเรื่องของแฟนเก่าพี่ชายฝาแฝดของเขา และความรู้สึกแปลกๆในสถานที่แห่งนี้ เขาเดินเลี้ยวขวาไปทางห้องนอน ทำไมห้องพักห้องนี้ถึงแตกต่างจากห้องพักอื่นในโรงแรม มันดูเหมือนอพาร์ทเม้นท์เก่าๆ
“เฮ้ย!!!!” สิ่งที่เขาเห็นทำเอาหนุ่มหล่อถึงกับสะดุ้งและตกใจกลัวสุดขีด ศพของผู้ชายรูปร่างสูงล่ำที่เขาคุ้นเคย นอนอืดเนื้อเน่าและมีหนอนไชไปทั่วทั้งตัวอยู่บนเตียง “ไม่อยู่แล้วเว้ยยยยย” หนุ่มหล่อโวยวายและวิ่งหนีออกมา แต่สายตาของเขาดันไปเห็นอะไรบางอย่างทางด้านซ้ายมือของห้อง มันเป็นหิ้งบูชารูปร่างประหลาดไม่คุ้นตา เขาเห็นรูปถ่ายของตัวเองอยู่ในนั้นก่อนที่จะตั้งสติแล้วหยิบมีดหมอสลักอักขระประหลาดพกติดกระเป๋ากางเกงไปด้วยแล้วรีบวิ่งออกมาจากห้องนั่นให้เร็วที่สุด
“ศพแมคนอนอืดอยู่บนเตียงนอนก่อนที่ฉันจะหยิบมีดอาคมของมันแล้ววิ่งออกมาจากห้องจนมาเจอกับเธอที่หน้าลิฟท์” เดวิดพูดต่อ เนื้อเสียงสั่นพอๆกับร่างกายของเขาขณะที่หันไปสบตากับหญิงหน้าสวย “ฉัน...ฉันกลัว จริงอยู่ที่หลังจบคดีแมคก็ไม่ได้ติดต่อกลับมาอีกเลยแต่ฉันไม่คิดว่า...” หนุ่มหล่อตัวสั่นหนักกว่าเดิมและกำหมัดแน่น
“พูดจบหรือยัง?” น้ำเสียงเย็นชาแทรกขึ้นมา มือขวาของนางแม่มดรากาน่าถือขวดขนาดเล็กบรรจุของเหลวสีแดงไว้ข้างใน เดวิดสังเกตเห็นว่านั้นคือเลือดของเขาเองที่ถูกปาดเอาไปตั้งแต่ที่ชั้น 3
“มึงจะทำอะไร?” หนุ่มหล่อเสียงแข็งขึ้นมาทันที
“รู้ไหมว่าเลือดเป็นสิ่งที่ทรงอำนาจที่สุดในทางของเวทมนตร์ เวลาที่เราจะล้างมนตราของใครจะต้องใช้เลือดของคนผู้นั้นหรือคนสายเลือดเดียวกันเป็นทางแก้ หนามยอกก็ต้องเอาหนามบ่ง” หญิงหน้าคมเปิดจุกขวดบรรลุเลือดของเดวิดออกก่อนที่จะเทมันลงไปที่พื้นทันที แรงลมปริศนาพัดกระจายรอบตัวนางจนทำให้รากาน่ารู้สึกหายใจโล่งแปลกๆ นางแม่มดฉีกยิ้มก่อนที่จะลองก้าวเท้าเดินหน้าออกมา บัดนี้กำแพงพลังงานหนาแน่นของโจได้สลายหายไปในที่สุด หญิงหน้าสวยยืนอึ้งไม่คาดคิดมาก่อนว่าฝั่งตรงข้ามจะมาไม้นี้
“ตอนนี้กูได้กลิ่นความกลัว มึงกลัวอะไร กลัวกูหรือว่ากลัวผลกรรมที่มึงเคยทำไว้!” หญิงหน้าคมก้าวเท้าเดินอย่างสบายใจพร้อมกับพูดจาแดกดันอีกฝ่าย
ทั้งสองคนมัวแต่ตกตะลึงค้างจนไม่ทันสังเกตเลยว่านางแม่มดเดินมาหยุดอยู่ตรงร่างของโจแล้วตอนนี้ “ไม่ตอบ... ไม่เป็นไร คราวนี้ถึงทีกูบ้าง!!” หญิงหน้าคมกระแทกเสียงก่อนที่จะก้มลงมองร่างของหญิงหน้าสวย ทันใดนั้นร่างของเธอก็ลืมตาและลุกขึ้นยืนต่อหน้าต่อตาโจในร่างจิตและเดวิดทันที มันคือวิญญาณร้ายสมุนของนางแม่มดรากาน่าที่เข้ามาสิงสู่ร่างของหญิงหน้าสวย เจ้าวิญญาณร้ายในร่างของโจจ้องเขม่งไปที่ทั้งสองคนราวกับจะกินเลือดกินเนื้อทั้งคู่ให้ได้เลยทีเดียว
“เล่นแบบนี้เลยเหรอ!!” หญิงหน้าสวยโมโหสุดขีด “เอาวะ! เป็นไงเป็นกัน” เธอรวบรวมความกล้าและตัดสินกระทำบางอย่าง “Vatra!!!!” สิ้นเสียงของโจเปลวไฟร้อนแรงลุกไหม้เผาผลาญร่างของเธอภายในชั่วพริบตา
“อ๊ากกกก” เสียงร้องโหยหวนของวิญญาณร้ายที่เข้ามาสิงภายในร่างของหญิงหน้าสวยก่อนที่มันจะสลายหายไป ร่างของเธอล้มลงไปนอนกองกับพื้นพร้อมกับถูกไฟเผาจนไหม้เกรียม
โจในร่างจิตใช้โอกาสนี้ควบคุมมีดอาคมของรากาน่าให้พุ่งไปที่กำแพงด้านซ้ายมือ มันพุ่งไปด้วยความเร็วสูงและปักลงไปที่อักขระโบราณจนเกิดแสงสว่างจ้า อักขระโบราณสีทองในบริเวณนั้นสลายหายไปกลายเป็นประตูทางออกที่มีบันไดทันที “วิ่ง!!!” หญิงหน้าสวยหันไปพูดกับเดวิด ในเมื่อเธอไม่สามารถกลับไปเป็นมนุษย์ได้อีกแล้ว เธอจึงตัดสินใจว่าจะช่วยญาติหนุ่มของเธอให้เป็นอิสระจงได้ หนุ่มหล่อไม่รอช้ารีบวิ่งหนีออกไปจากโถงใต้ดินอันน่าสะพรึงกลัวนี้ทันที
“ไม่!!!!!!!” หญิงหน้าคมกรีดร้องทุกอย่างมันเกิดขึ้นเร็วมาก การโต้ตอบแบบทุ่มสุดตัวของอีกฝ่ายทำให้นางไม่ทันได้ระวัง นางกำลังจะพ่ายแพ้อย่างนั้นเหรอ
“แก!!!!!” แม่มดรากาน่าหันมาเกรี้ยวกราดใส่โจ
“ฉันกับแกต้องตายกันอยู่ที่นี่ แกไม่มีวันจะได้ตัวเดวิดไป!” หญิงหน้าสวยในร่างจิตยืนกรานขอสู้ยิบตา
“หึ!” หญิงหน้าคมกำหมัดซ้ายก่อนที่จะ “Mentalni Poremacai, Ne Jeden… Mentalni Poremacai, Ne Jeden…” นางแม่มดเริ่มร่ายมนต์บางอย่าง
“แกจะทำอะไรหนะ!” ความหวาดกลัววิ่งพล่านเข้าสู่ความคิดของโจขึ้นมาทันที เธอสัมผัสได้ว่าร่างจิตของเธอมีบางสิ่งที่ผิดปกติ
“Mentalni Poremacai, Ne Jeden!” รากาน่าร่ายมนต์ต่อไปเรื่อยๆก่อนที่จะย่างก้าวเข้าหาร่างจิตอย่างช้าๆด้วยแววตาจ้องเขม่งและไม่กระพริบตาแม้แต่เพียงนิดเดียว ร่างจิตของหญิงหน้าสวยเริ่มแปรปรวนจนเธอไม่สามารถควบคุมพลังงานของตัวเองได้ หญิงหน้าคมแบมือซ้ายพร้อมกับยื่นออกไปนาบไว้ที่ใบหน้าของร่างจิตและในที่สุด “Pravopis Duh!” อักขระโบราณสลักไปที่หน้าผากของโจในร่างจิตจนเกิดคลื่นพลังงานบางอย่างอัดกระแทกและกระจายออกไป ร่างจิตของหญิงหน้าสวยยืนแน่นิ่งราวกับรูปปั้นไม่ไหวติงใดๆ นางแม่มดสะกดร่างจิตของเธอได้ในที่สุด หญิงหน้าคมเบือนหน้าใส่ร่างจิตก่อนที่จะโฟกัสสายตาไปที่ประตูทางออก นางก้าวเท้าเดินต่อไปอย่างรวดเร็ว ลึกๆแล้วนางไม่ได้ต้องการที่จะเผชิญหน้ากับพวกเดียวกันเลยแม้แต่น้อย มีแค่คนเดียวเท่านั้นที่นางต้องการและนางจะต้องทำให้ได้
“แฮ่ก ๆ” เสียงหายใจแรงของเดวิด ตอนนี้เขาวิ่งขึ้นมาจนถึงบริเวณล็อบบี้ชั้น 1 ของโรงแรมเป็นล็อบบี้จริง ๆ ที่ไม่ใช่ภาพลวงตาอีกแล้ว หนุ่มหล่อยืนพักหายเหนื่อยครู่หนึ่งก่อนที่จะเดินสำรวจรอบๆ นี่คือสภาพที่แท้จริงของโรงแรมแห่งนี้ มันช่างทรุดโทรมราวกับเป็นโรงแรมผีสิง มืดมิดและเต็มไปด้วยกลิ่นเหม็นอับ ที่ผ่านมาเขาคงถูกนางแม่มดใช้ภาพลวงตามาโดยตลอด เดวิดเริ่มตั้งข้อสงสัยแล้วสรุปตอนนี้เขามาอยู่ที่ไหนกันแน่ก่อนที่หางตาของเขาจะสังเกตเห็นอะไรบางอย่างทางซ้ายมือ มันคือตุ๊กตาไหมพรมสีชมพูสลับฟ้าถูกตั้งไว้อยู่บนเคาน์เตอร์ หนุ่มหล่อรู้สึกคุ้นเคยกับตุ๊กตาตัวนี้มาก เขาเดินเข้าไปจ้องมองมันใกล้ๆอย่างช้าๆ
“ทักทายรีนัสลูกสาวฉันสิ!” น้ำเสียงเย็นชาเอ่ยขึ้นมาจากความเงียบงันผ่านแผ่นหลังเดวิด เขาสะดุ้งโหยงก่อนที่จะหลังกลับไป
“รากาน่า!! มึง...” น้ำเสียงและสีหน้าที่หวาดกลัวอย่างสุดขีดของเดวิด เขาทำได้แค่เพียงยืนชี้หน้าอีกฝ่ายไว้เท่านั้น
“รออีกนิดนะลูก แม่กำลังจะเอาของขวัญอีกชิ้นไปให้ลูกนะ” นางแม่มดรากาน่าไม่สนใจท่าทางของเขา เธอกลับมองผ่านไปและพูดคุยกับตุ๊กตาไหมพรมตัวนั้นแทนราวกับว่ามันคือลูกสาวของเธอ
หนุ่มหล่อจึงขยับฝีเท้าพร้อมวิ่งแต่... “มับ!” มือขวาของหญิงหน้าคมจับไปที่คอของเขาและบีบมัน หนุ่มหล่อตกใจจึงโต้กลับด้วยการทุบตีต่างๆไปที่แขนของอีกฝ่ายแต่ดูเหมือนว่าจะเปล่าประโยชน์
“มึงจะไปไหน ถ้ามึงไปแล้วกูจะเอาอะไรเป็นของขวัญให้ลูกกู” น้ำเสียงสุดแสนอำมหิตของนางแม่มด เธอบีบคออีกฝ่ายแรงขึ้นจนหนุ่มหล่อรู้สึกได้ว่าเริ่มหายใจไม่ออก เขายังคงพยายามดิ้นอย่างสุดชีวิต
“ปล่อยกู... ปล่อยกูไปเถอะ” เดวิดพยายามพูดขอร้องอีกฝ่าย ใบหน้าของเขาแดงก่ำ น้ำตาไหลรินออกมา ตอนนี้เขารู้สึกแน่นหน้าอกอย่างรุนแรง
“หุบปาก!!” หญิงหน้าคมสวนขึ้น “ลูกกูรอมึงนานเกินไปแล้ว” รากาน่าออกแรงอีกครั้ง คราวนี้เธอยกแขนขวาขึ้นสูงทำให้ตัวของหนุ่มหล่อถูกยกขึ้นจนขาไม่ถึงพื้นด้วยพละกำลังมหาศาลบางอย่าง เดวิดดิ้นแทบขาดใจ ความรู้สึกชากระจายออกไปทั่วทั้งร่างกายของเขา “มันจะได้จบกันสักที”
ที่ห้องโถงกำแพงหนาคล้ายคุกใต้ดินขนาดใหญ่ โจในร่างจิตที่ยืนแน่นิ่งเพราะคำสาปของหญิงหน้าคมจู่ๆก็ระเบิดพลังบางอย่างออกมาจนเกิดเป็นแสงสว่างจ้าอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่มันจะดับวูบหายเข้าไปในร่างจิตของเธอ “แฮ่กๆ เดวิด!” หญิงหน้าสวยขยับตัวได้อีกครั้ง ที่ผ่านมาเธอพยายามแก้คำสาปของอีกฝ่ายจากภายในร่างจิตของเธอนั้นเอง โจไม่รอช้ารีบใช้พลังบางอย่างอันตรธานร่างจิตมาปรากฏตัวที่ล็อบบี้ชั้น 1 ของโรงแรมอย่างรวดเร็ว “เดวิด!!!!!!!!!!” หญิงหน้าสวยตะโกนลั่นเมื่อเห็นญาติหนุ่มของเธอกำลังจะถูกบีบคอตายภายในไม่ช้านี้ด้วยฝีมือนางแม่มด โจรีบตั้งสติและรวบรวมพลังงานทุกสิ่งอย่างจากภายในร่างจิตของเธอก่อนที่จะพุ่งเข้าใส่นางแม่มดรากาน่าและผลักร่างของหนุ่มหล่อให้กระเด็นออกไปทันที
“เฮือก!!!!!!!” เดวิดหายใจเฮือกใหญ่และสำลักในลำคอก่อนที่เขาจะพยายามลุกขึ้นยืนให้ได้
“มึงอย่ามาขวางกู!” หญิงหน้าคมเกรี้ยวกราดราวกับสัตว์ร้าย เธอพยายามจะพุ่งตัวเข้าใส่หนุ่มหล่อที่เพิ่งหลุดออกจากพันธนาการแต่ดันถูกหญิงหน้าสวยเอาตัวขวางไว้อย่างสุดกำลังของเธอ
“หนีไปซะ!!!” โจหันมาตะคอกใส่ญาติชายของเขาก่อนที่ร่างจิตของเธอจะเรืองแสงสว่างเจิดจ้าราวกับแสงจากดวงอาทิตย์ขนาดย่อมๆ เดวิดรีบก้าวเท้าให้ไวที่สุดจนสามารถเปิดประตูและออกไปจากโรงแรมแห่งนี้ได้สำเร็จ
“อ๊ากกกกกกกกกก” เสียงกรีดร้องทรมานของนางแม่มดก่อนที่ร่างของนางจะสลายหายไปพร้อมกับร่างจิตของหญิงหน้าสวยด้วยรัศมีจากแสงสว่างจ้านี้ เป็นการปิดฉากอย่างสวยงามของแม่มดทั้งสองคน
“โอ๊ย!!” หนุ่มหล่อล้มลงกระแทกกับพื้นถนนลาดยางอย่างรุนแรง เขาค่อยๆลุกขึ้นยืนอย่างช้าๆ ก่อนที่จะสังเกตว่าที่ที่เขายืนอยู่คือส่วนไหนของโลกใบนี้ แสงแดดจ้าทิ่มแทงดวงตาของเขา เดวิดพยายามมองทิศทางของดวงอาทิตย์จึงทำให้รู้ว่านี่คือแดดยามเย็นและเริ่มมองไปรอบๆ นอกจากถนนลาดยางสองเลนส์แล้วรอบๆตัวเขามีเพียงแค่ทุ่งนากว้างจนสุดลุกหูลูกตาเท่านั้น ผู้คน ชุมชน ความวุ่นวาย ทุกอย่างหายไปหมดจนทำให้เขาสับสน ทำไมเขาถึงมาอยู่ที่นี่แล้วเมื่อตอนที่เดินทางมาถึงโรงแรมเขาไปที่ไหนมากันแน่ หนุ่มหล่อหันขวากลับมาและตกใจอย่างสุดขีดจนสะดุดล้มลงไปนั่งกองกับพื้นถนนอีกครั้ง ภาพตรงหน้าที่เขาเห็นกลับมีเพียงแค่ศาลไม้เก่าๆใต้ต้นไม้ใหญ่ริมถนนเท่านั้น แล้วโรงแรมที่เขาเข้าไปเผชิญเหตุการณ์ต่างๆเมื่อก่อนหน้านี้มันหายไปไหน มันหายไปได้ยังไง หนุ่มหล่อพยายามตบหน้าตัวเองเพื่อเรียกสติ
“คิ คิ” เสียงหัวเราะคิกคักของเด็กแววเข้าหูเดวิดราวกับว่ามันเป็นเสียงที่ผ่านมากับสายลม มันน่าขนลุกจนทำให้หนุ่มหล่อถึงกับสะดุ้งและรีบลุกขึ้นยืนทันที ทันใดนั้นเดวิดสังเกตเห็นบางอย่างภายในศาลไม้เก่าๆหลังนี้
“เฮ้ย!” หนุ่มหล่อถึงกับร้องอุทานออกมาเมื่อสิ่งที่เขาเห็นคือตุ๊กตาไหมพรมสีชมพูสลับฟ้าตัวนั้นถูกตั้งเอาไว้ในศาลไม้แห่งนี้
“คิ คิ” เสียงหัวเราะของเด็กแววเข้าหูข้างขวาของเขาอีกครั้ง คราวนี้มันใกล้มากและด้วยสัญชาตญาณเดวิดจึงหันขวาไปมองทันที ร่างสีดำทมิฬปริศนากระโจนเข้าใส่เขาอย่างรวดเร็ว
Spirit House.
เรื่องสั้นจากพวกเรา “ปากกาสามหัว” ฝากติดตามและให้กำลังใจด้วยนะคะ
นามปากกา Red Serpent, จันทร์ซ่อน และ D.O.V.
“สวัสดีรากาน่า สบายดีไหม?” หนุ่มหล่อสูงโปร่ง มีหนวดเคราเล็กน้อย สวมใส่ชุดสูท นั่งอยู่ที่โซฟาชั้นล็อบบี้ของโรงแรม ใบหน้าของเขาเหมือนกับแมคราวกับฝาแฝด
“สบายดีจ้ะ ขอบคุณนะที่มา” รากาน่าตอบกลับ เธอแต่งหน้าปัดขนตาและทาปากด้วยลิปสติกสีนู้ด สวมใส่ชุดรัดรูป ผมหยักศกดกหนาถูกรวบต่ำและมัดเป็นหางม้าแทน
“พวกเราต่างหากที่ต้องขอบคุณ ขอบคุณนะสำหรับเรื่อง...” หนุ่มหล่อไม่กล้าสบตาหญิงหน้าคม เขาดูเกร็งเล็กน้อย
“เรื่องมันผ่านมาแล้ว ช่างเถอะเดวิด แค่คุณตอบรับคำเชิญของฉัน ฉันก็ดีใจแล้วหละ” เธอยิ้มอย่างอ่อนโยนก่อนที่จะกุมมือเขาเบาๆ
หนุ่มหล่อรู้สึกโล่งใจอย่างบอกไม่ถูก เขายิ้มตอบกลับแล้วเริ่มหันมองสิ่งต่างๆรอบๆตัว โรงแรมนี้มีเนื้อที่พอสมควร ตกแต่งสไตล์ตะวันตกโบราณ ผนังและเพดานถูกทาด้วยสีส้มอิฐ มีแขกเข้าออกอยู่ตลอดเวลา หลากหลายสัญชาติ “โรงแรมสวยดีนะ เออ นั่นญาติฉัน ชื่อโจ เธอมากับฉัน ไม่มีปัญหาอะไรใช่ไหมรากาน่า” เดวิดพูดด้วยน้ำเสียงที่ผ่อนคลายลง เขาชี้ไปทางบุคคลที่สามให้หญิงหน้าคมหันไปมอง
“ติ๊ง!” เสียงลิฟท์ตัวกลางถูกเปิดออก หนุ่มหล่อกำลังจะพุ่งตัวเข้าไปแต่เขากลับต้องผงะเมื่อเขาพบกับผู้หญิงวัย 30 ปีหน้าตาคมเข้มเหมือนผู้หญิงภาคใต้ ผมยาวสีดำดกหนาและหยักศก สวมใส่คลุมสีดำ ยืนฉีกยิ้มแห้งๆให้กับเขา หนุ่มหล่อตกใจกลัวสุดขีด ขาทั้งสองข้างของเขาแทบจะไร้เรี่ยวแรงเลยทีเดียว
“เดวิด!” เสียงของผู้หญิงคนหนึ่งวิ่งตามหลังเขามา หน้าตาของเธองดงาม ทั้งจมูก คิ้ว ริมฝีปาก โหนกแก้มและกรามเข้ากับรูปหน้าของเธอได้อย่างลงตัว เส้นผมของเธอยาวตรงสลวยสีทองออกขาว ลำตัวสูงเพรียวสวมใส่ชุดสีครีม เมื่อเธอวิ่งมาถึงหน้าลิฟท์ก็ต้องตะลึงกับภาพที่เห็น เธอจึงยืนมือขวาออกไปอย่างรวดเร็วก่อนที่จะ “Maviti” สิ้นเสียงของเธอร่างของผู้หญิงน่ากลัวในลิฟท์ได้สลายหายไปในชั่วพริบตา เธอจึงรีบผลักหนุ่มหล่อคนนั้นให้เข้าไปในลิฟท์แล้วรีบกดปุ่ม “ปิด” ลิฟท์พร้อมกับกดไปที่หมายเลข 1 ทันที
“นี่มันเกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้นฮะ เดวิด!” เธอหันไปถามผู้ชายข้างๆ
“โจ ฉันอยากเผาโรงแรมบ้านี่ทิ้งซะ” เดวิดเรียกชื่อเธอก่อนที่จะพูดความตั้งใจบางอย่าง
“อะไรนะ?” หญิงหน้าสวยตกใจเล็กน้อย
“ใครคะแม่?” เสียงเล็กๆของเด็กสาววัย 12 ปีถามคำถาม เธอถักผมเปียสีดำสองข้างไว้ยาวลงมาถึงกลางอก สวมใส่ชุดเดรสลายดอกไม้สีเหลืองสลับฟ้าสวยงาม
“เขาชื่อว่าแมคจ๊ะ เป็น เอิ่ม…” ผู้หญิงวัย 30 ปีตอบเด็กสาวกลับด้วยท่าทางอ้ำอึ้ง หน้าตาของเธอคมเข้มเหมือนผู้หญิงภาคใต้ ผมยาวสีดำดกหนาและหยักศก สวมใส่ชุดสุภาพสีดำ
“รากาน่าให้ผมพูดนะ” หนุ่มหล่อสูงล่ำ อกผายไหล่ผึ่ง สวมใส่ชุดสูท หันไปพูดกับผู้หญิงข้างกายเขา เธอพยักหน้าตอบกลับ
“ไงจ๊ะ รีนัสใช่ไหม?” แมคเดินเข้าไปหาเด็กสาวด้วยท่าทางอ่อนโยน รอยยิ้มของเขาทำให้เด็กสาวรู้สึกผ่อนคลายเล็กน้อย เธอพยักหน้าตอบเขา “ฉันชื่อแมคนะ เป็นแฟนใหม่ของแม่เธอ ยินดีที่ได้รู้จักนะ”
“Cieli Cotel I E Mocam, Cieli Cotel I E Mocam, Cieli Cotel I E Mocam!!!!!! วิญญาณเอ๋ยไล่ล่าพวกมัน!!!!!” เสียงพูดดุดันและน่าขนลุกของผู้หญิงหน้าคมเข้ม เธอออกคำสั่งให้ภูตผีในโรงแรมปรากฏตัวขึ้นเป็นจำนวนมากในทุกซอกทุกมุม บริเวณที่เธอยืนคล้ายคลึงกับห้องโถงขนาดใหญ่แต่สภาพทรุดโทรมและมืดทึบ
“ตุบ!” เสียงลิฟท์สะดุดแล้วหยุดลงพร้อมกับไฟดับทันที เดวิดและโจตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทั้งสองคนยังไม่ทันได้ตั้งสติดีจู่ๆลิฟท์ก็เกิดสั่นราวกับมีบางอย่างมากระแทกอย่างรุนแรง เสียงทุบตีผนังลิฟท์ดังขึ้นพร้อมกับเสียงกรีดร้องรอบตัวพวกเขา หนุ่มหล่อเริ่มประสาทเสีย ผู้หญิงหน้าสวยจึงต้องรีบดึงสติของเธอกลับมา
“Idite Doye” สิ้นเสียงของเธอ ลิฟท์ถูกเปิดใช้งานอีกครั้ง
“ติ๊ง!” เสียงประตูลิฟท์เปิดออก หน้าจอของลิฟท์ขึ้นหมายเลข 3 อย่างชัดเจน โจรีบคว้ามือเดวิดแล้ววิ่งหนีออกมา
“ช่วยด้วย... จะไปไหน... ทรมานเหลือเกิน... หิว...” เสียงโหยหวนของเหล่าภูตผีมากมายปรากฏตัวขึ้นทุกซอกทุกมุมขวางทางทั้งสองคนเอาไว้ พวกมันแต่งกายหลายชนชั้นและหลากหลายยุคสมัย หน้าตาเน่าเฟะ ผิวหนังเป็นสีดำปนน้ำหนองเหมือนกับซากศพ หญิงหน้าสวยจึงตัดสินใจใช้พลังบางอย่างจากในตัวเธอเข้าต่อสู้กับภูตผีพวกนั้นพร้อมกับจับมือหนุ่มหล่อฝ่าดงผีร้ายท่ามกลางเสียงหัวเราะปริศนาชวนน่าขนหัวลุกที่ดังขึ้นเป็นระยะๆไปทั่วทั้งบริเวณ พลังของเธอทำให้พวกผีกระเด็นหายไปตนแล้วตนเล่าแต่จำนวนของพวกมันกลับไม่ลดลงเลยแม้แต่น้อย หนุ่มหล่อนึกอะไรบางอย่างออกก่อนที่เขาจะล่วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกงแล้วหยิบมีดบางอย่างที่สลักอักขระประหลาดลงไปออกมา
“ย๊ากกกก” เดวิดฟันไปที่ผีพวกนั้น ปรากฏว่ามันได้ผล มีดหมอนี้ทำให้พวกผีสิ้นฤทธิ์แล้วหายไป ทั้งสองคนต่อสู้กับวิญญาณร้ายอย่างหนักหน่วง
เสียงร้องไห้ นั่นคือเสียงร้องไห้ของเด็กผู้หญิงคนหนึ่ง เธอสวมใส่เสื้อยืดสีเทาปล่อยผมยาวสลวยเดินออกมาที่ริมระเบียงห้องพัก “ฮือๆๆ...ฮือ” สีหน้าของเธอเจ็บปวด ความเจ็บปวดนี้ฝังรากลึกลงไปในหัวใจของเธอ เธอเดินมาที่ริมระเบียง จับราวระเบียงแล้วปีนขึ้นไปยืน สัมผัสกับสายลมที่พัดแผ่ว แสงแดดยามบ่ายที่ร้อนระอุ เสียงรถกลางถนน ผู้คนสนทนา โลกของเธอ ตอนนี้โลกของเธอได้หยุดหมุนไปแล้วในที่สุด คงเหลือแต่เธอ เด็กสาวทรงตัวอยู่บนราวระเบียงก่อนที่จะ...
“คิดว่ากูจะยอมเหรอ!!!Vise Misteria!!!” นางแม่มดหน้าคมพูดอะไรบางอย่างออกมาด้วยน้ำเสียงที่เกรี้ยวกราด เธอหันไปทางซ้ายมือมองไปที่กรอบรูปเล็กๆใส่รูปถ่ายของเด็กสาวผมเปียที่มีรอยยิ้มสดใสเอาไว้ “รีนัส คอยแม่ก่อนนะลูก”
“ย๊ากกกกกกก” เดวิดและโจต่อสู้กับภูตผีมากมายแบบเอาเป็นเอาตายจนเหล่าผีร้ายมีจำนวนลดน้อยลงเปิดช่องทางให้ทั้งสองคนรีบวิ่งหนีออกมาจากตรงนั้นให้เร็วที่สุด
“เฮ้ย!!!!!” เดวิดถึงกับเบรกฝีเท้ากะทันหัน เมื่อผู้หญิงหน้าคมเข้มกลับมายืนปรากฏตัวตรงหน้าดักทางเขาเอาไว้อีกครั้ง หนุ่มหล่อจึงรีบดึงตัวหญิงหน้าสวยวิ่งไปอีกทาง นางแม่มดปรากฏตัวขึ้นอีกทางดักหน้าพวกเขาเอาไว้เช่นเคย ทั้งคู่วิ่งกลับมาที่หน้าลิฟท์นางแม่มดก็ปรากฏตัวขึ้นดักหน้าพวกเขาเอาไว้อีก ทั้งคู่ลองสังเกตดีๆพบว่ามีนางแม่มดหน้าคมผู้นี้ถึง 3 คนด้วยกัน ทั้งหมดกำลังเดินเข้าหาเดวิดและโจอย่างช้าๆ จังหวะนั้นเหล่าภูตผีได้หวนกลับมาอีกครั้งหนึ่ง คราวนี้พวกมันมีอิทธิฤทธิ์เพิ่มขึ้นและจัดการได้ยากขึ้น แม้ว่าพลังบางอย่างของหญิงหน้าสวยจะทำให้พวกมันไม่อาจเข้าใกล้ได้ก็ตาม แต่ก็ไม่อาจกำจัดพวกมันได้เหมือนกับตอนแรกเช่นเดียวกับมีดอาคมของหนุ่มหล่อที่พวกผีร้ายจะไม่ตายจากการฟันเพียงแค่ครั้งเดียว
“เอาไงกันต่อดี?” เดวิดหันไปถามผู้หญิงข้างหลังเขา เหล่าผีร้ายและแม่มด 3 ร่างบีบพวกเขาจนมากระจุกอยู่ที่ตรงกลางทางเดินแล้วในที่สุด
โจตัดสินใจทำอะไรบางอย่าง เธอรีบคว้ามีดอาคมออกมาจากมือของหนุ่มหล่อและพูดพึมพำ “Vitez Mac” ทันใดนั้นมีดอาคมเริ่มเปลี่ยนรูปร่างจนยาวขึ้น สีเงินแวววับ สลักอักขระประหลาด ลักษณะเหมือนดาบอัศวิน “รับไป” หญิงหน้าสวยรีบคืนดาบให้กับเดวิดทันที
“ยอดเลย!” หนุ่มหล่อรับไว้แล้วรีบหันไปฟาดฟันพวกผีร้ายเหมือนเดิม คราวนี้พวกมันไม่อาจจะต้านทานพลังของดาบวิเศษได้ การต่อสู้เริ่มกลับมาดุเดือดขึ้นอีกครั้ง
“มับ!” ฝ่ามือทั้งสองจากหนึ่งในร่างแยกนางแม่มดจับไปที่ด้ามจับดาบวิเศษโดยที่หนุ่มหล่อไม่ทันได้ตั้งตัว หญิงหน้าคมพยายามจะควบคุมมือของเดวิดที่กุมดาบไว้ให้หันปลายดาบกลับไปที่ศีรษะของเขาเอง
“โอ๊ย!” เสียงร้องของหนุ่มหล่อเพราะปลายดาบวิเศษปาดไปที่บริเวณข้างลำคอเล็กน้อยจนเกิดเป็นบาดแผลและมีเลือดไหลรินออกมา ร่างแยกของนางแม่มดยิ้มที่มุมปากก่อนที่จะใช้มือซ้ายปาดเลือดของเดวิดออกมาใส่ขวดเล็กๆเอาไว้แล้วเก็บเข้าไปในชุดคลุม
“เดวิด!” โจสังเกตเห็นหนุ่มหล่อกำลังถูกเล่นงานจึงรีบวิ่งเข้าไปช่วยแต่...
“มับ! มับ!” ร่างแยกของหญิงหน้าคมที่เหลือเข้ามาพร้อมกับจับไปที่แขนของเธอทั้งสองข้างเอาไว้ในทันที
“ปล่อยฉันนะ!!!” โจพยายามดิ้นให้หลุดแต่กำลังแขนของร่างแยกพวกนี้แข็งแรงเหลือเกินจนเธอไม่สามารถดิ้นให้หลุดได้ ร่างแยกของนางแม่มดทั้งสองใช้โอกาสนี้หยิบกริชปลายด้ามสีทองออกมาจากชุดคลุมแล้วเฉือนไปที่แขนขวากับหน้าท้องของหญิงหน้าสวย
“โอ๊ยยยยย” เสียงร้องของโจเพราะความเจ็บปวด สีหน้าของเธอแสดงออกถึงความโกรธขึ้นมาอย่างชัดเจน
“เดวิดหมอบ!” หญิงหน้าสวยตะโกนบอกหนุ่มหล่อ เขารีบสะบัดดาบทิ้งแล้วมอบลงกับพื้นทันทีโดยไม่ลังเลเลยสักนิด
“ย๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก”
“บึ้ม!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!” เมื่อโจเริ่มแผดเสียงราวกับเสียงคำรามของเจ้าป่า พลังงานมหาศาลบางอย่างระเบิดออกมาจากข้างในตัวเธอจนทำให้เกิดแรงระเบิดที่รุนแรงถล่มทั้งชั้น 3 จนพินาศเป็นราบกอง ร่างแยกของนางแม่มดและพวกภูตผีถูกสลายหายไปจนหมดสิ้น หญิงหน้าสวยล้มลงกับพื้นด้วยท่าทางอิดโรย
เดวิดนอนแนบอยู่กับพื้นเริ่มตั้งสติและหันมามองดูสถานการณ์รอบๆ เมื่อเห็นว่าปลอดภัยแล้วเขาจึงรีบเก็บมีดอาคมที่ตกอยู่กับพื้นใส่กระเป๋ากางเกงไว้เหมือนเดิมก่อนที่จะลุกขึ้นยืนแล้ววิ่งกลับไปหาโจทันที
“ลุกขึ้นเร็ว เราต้องหนีไปให้ถึงชั้นล่าง!” หนุ่มหล่อคล้องแขนหญิงหน้าสวยก่อนที่จะพยุงเธอให้ลุกขึ้นยืนและพยายามเร่งฝีเท้าให้ไวที่สุดเท่าที่จะทำได้ตรงไปที่บันไดหนีไฟของโรงแรม
“รอแม่อยู่ที่นี่ก่อนนะ รีนัส” เสียงของหญิงหน้าคมชวนขนหัวลุก เธอพูดขณะกำลังวางตุ๊กตาไหมพรมลักษณะคล้ายเด็กทารกแรกเกิดสีชมพูสลับฟ้าไว้บนเคาน์เตอร์บริเวณล็อบบี้ชั้น 1 ของโรงแรม บรรยากาศในโซนนี้ช่างแตกต่างจากสถานการณ์ที่ชั้นบนมากโข ทุกอย่างดูเป็นปกติ มีลูกค้าพักเข้าออก นั่งคุยเล่น เสียงเพลงเปิดฟังในโรงแรม ระบบไฟฟ้าทำงานปกติ สิ่งเดียวที่แปลกคือผู้คนเหล่านั้นล้วนไม่มีใครสังเกตเห็นนางแม่มดวิปลาสนี้เลยสักคน ราวกับว่าเธอไม่มีตัวตนอยู่ในสายตาพวกเขา
“ตัก..ตัก..ตัก..ตัก..ตัก..ตัก..ตัก..ตัก..” เสียงก้าวเท้าลงบันไดหนีไฟของทั้งสองคนด้วยท่าทางอิดโรยโดยเฉพาะหญิงหน้าสวย
“ถามจริงเหอะ ไปก่อเรื่องอะไรไว้หรือเปล่า แล้วมีดหมอนั่นของใคร?” โจหันหน้ามาถามหนุ่มหล่อด้วยน้ำเสียงอ่อนแรง
“ไม่รู้เหมือนกัน แกก็ลองไปถามอีบ้ารากาน่าดูสิ มีดหมอของมันฉันรีบหยิบออกมาตอนที่วิ่งหนีอะ” เดวิดตอบกลับเธอกลับด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด
“อาแมค แม่หละ?” เสียงเล็กๆของรีนัสถามหนุ่มหล่อที่นั่งดูทีวีอยู่ที่โซฟา
“ไปข้างนอกจ๊ะ” แมคหันมาตอบ สายตาของเขาจดจ้องไปที่เด็กสาววัยละอ่อน เธอสวมใส่เสื้อคอกว้างกับยีนส์ขาสั้น ผมสีดำยาวของเธอถูกมัดรวบเป็นหางม้า ความรู้สึกบางอย่างมันกำลังกระตุ้นเขาจากภายใน หนุ่มหล่อในชุดสบายๆลุกขึ้นยืนแล้วเดินเข้าไปหาเด็กสาวทันที “ไปเที่ยวมาเหรอ?” แมคถามรีนัส สายตาของเขาไม่ได้หยุดเพียงแค่ใบหน้าของเด็กสาว
“ค่ะ อาแมคมีอะไรหรือเปล่า?” แน่นอนว่าการแสดงออกของหนุ่มหล่อทำให้เด็กสาวรู้สึกไม่สบายใจ
“การแต่งตัวหนะ อาว่ามันโป้ไปนะ” แมคกลับมาโฟกัสที่ใบหน้าของเด็กสาวเหมือนเดิม มือซ้ายของเขาจับไปที่ไหล่ข้างซ้ายของเธอเช่นกัน “อาหวง” ความรู้สึกบางอย่างแสดงออกมาอย่างชัดเจนผ่านรอยยิ้ม
“ค่ะ” เด็กสาวตอบแบบเจื่อนๆ
“ถึงสักที” โจหันมาเห็นเลขหนึ่งที่ประตูทางออกสุดทางบันไดหนีไฟ หนุ่มหล่อออกแรงที่แขนซ้ายผลักประตูออกอย่างรวดเร็ว ทั้งสองคนโผล่ออกมาที่บริเวณชั้น 1 ของโรงแรม ทุกอย่างยังคงปกติดีเหมือนเดิมจนทำให้พวกเขาเริ่มคิดว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ใช่สิ่งที่เกิดขึ้นจริงหรือแค่คิดไปเอง เกิดจากภาพหลอนหรือเปล่า มันบ้ามากๆเพราะสภาพของทั้งสองคนตอนนี้เหมือนเพิ่งผ่านมาจากสนามรบอย่างไรอย่างนั้นเลยทีเดียว
“ว้าย! คุณลูกค้าเป็นอะไรหรือเปล่าคะ?” พนักงานหญิงสาวหน้าหวานเดินเข้ามาถามทั้งสองคนด้วยสีหน้าที่ตื่นตระหนก “ตามรถพยาบาลให้ที” เธอหันไปพูดกับพนักงานคนอื่นๆในบริเวณพื้นที่ตรงนั้น “มาค่ะเดี๋ยวดิฉันช่วยพยุงอีกแรง คุณผู้หญิงไหวนะคะ?” เธอพูดต่อขณะที่เอามือคล้องแขนอีกข้างของโจไว้
“ไหวค่ะไหว” โจตอบกลับ ทั้งสองคนตอนนี้เหมือนพวกเขาได้เกิดใหม่อีกครั้ง ความรู้สึกรอดตายมันเป็นแบบนี้นี่เอง
“แล้วเธอมายุ่งเรื่องของฉันทำไม?” น้ำเสียงเย็นชาถูกเอ่ยขึ้นมาจากพนักงานหญิงสาวข้างกายหญิงหน้าสวย น้ำ เสียงคุ้นหูทำเอาทั้งสองคนถึงกับขนลุกขึ้นมาทันที พวกเขารีบมองหน้ากันก่อนที่จะหันไปสบตาเธอคนนั้น
“Na I Eli Paraliza” สิ้นเสียงของพนักงานหญิงสาวเกิดแสงสีชาดที่รอยแผลแขนขวาและหน้าท้องบนร่างของโจก่อนที่เธอจะทรุดลงไปกับพื้นด้วยอาการชาฉับพลันจนขยับไม่ได้ทันที ร่างของพนักงานหญิงสาวคืนกลับมาเป็นนางแม่มดหน้าคมเข้มทำเอาเดวิดถึงกับมือสั่นทำอะไรไม่ถูก หญิงหน้าสวยรีบตั้งสติถึงแม้ว่าร่างกายของเธอจะเป็นอัมพาตจนขยับไม่ได้ก็ตาม
“เขาเป็นญาติของฉัน!” เสียงเกรี้ยวกราดจากโจ เธอยืนอยู่ตรงหน้าหญิงหน้าคมทำเอาทุกคนอึ้งไปตามๆกัน นางแม่มดหันกลับมามองที่พื้นร่างของอีกฝ่ายยังคงนอนแน่นิ่งอยู่กับที่
“ถึงกับถอดจิตมาขวางฉันเลยเหรอ?” หญิงหน้าคมพูดด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด เธอจึงขยับตัวหมายเข้าประชิดหนุ่มหล่อ
“ตึง!” เสียงแรงสะท้อนของพลังงานที่หนาแน่นและทรงพลังทำให้นางแม่มดไม่สามารถเข้าใกล้อีกฝ่ายได้เลยแม้แต่น้อย เธอถูกกักขังไว้ด้วยพลังบางอย่างจากร่างจิตของหญิงหน้าสวย
“ตอนนี้หละ หนีไป!” โจหันมาพูดกับเดวิด
“เดี๋ยวจะเอารถพยาบาลกลับมารับนะ เข้าร่างให้ได้” หนุ่มหล่อพูดทิ้งท้ายก่อนที่จะก้าวเท้าวิ่งด้วยความเร็วไปที่ประตูทางออกของโรงแรม
“ฮา ฮา ฮา ฮา ฮา” เสียงหัวเราะของหญิงหน้าคมก่อนที่ชั้น 1 ของโรงแรมจะสลายหายไปราวกับภาพฝันกลายเป็นห้องโถงกำแพงหนาคล้ายคุกใต้ดินขนาดใหญ่ขึ้นมาทันที ประตูทางออกของโรงแรมบัดนี้กลายเป็นกำแพงหนาที่ไร้ทางออก
“ไม่!!!!!” เดวิดหน้าเสียและกรี๊ดร้องเยี่ยงคนเสียสติ หนึ่งวินาทีที่แล้วที่เขาเกือบจะได้สัมผัสกับอิสรภาพ บัดนี้มันเลือนลางเหลือเกินกับความหวังของเขา
“ฉันอยากเห็นสีหน้าคนบาป” นางแม่มดเอ่ยขึ้นก่อนที่จะขยับมือขวาแล้วกำหมัดแน่น
“เธอจะทำอะไร?” หญิงหน้าสวยในร่างจิตพูดสวนขึ้นด้วยสีหน้าที่กังวล ทันใดนั้นหนุ่มหล่อรู้สึกเหมือนถูกกดลงกับพื้นทันที แขนของเขาถูกไขว่หลัง พลังงานสีดำบางอย่างมัดแขนและขาของเขาอย่างแน่นหนาจนไม่สามารถขยับได้
“อีบ้า อีชั่ว!” เดวิดตะโกนด่าด้วยอารมณ์โมโหสุดขีดก่อนที่เขาจะนึกอะไรบางอย่างออก
“มึงว่ากูบ้าเหรอ ชั่วเหรอ แล้วที่กูบ้าเพราะใคร คนอย่างกูถ้าเรียกว่าชั่วแล้วคนอย่างมึงมันเรียกว่าอะไร! ตอบกูหน่อยเถอะ” หญิงหน้าคมตะคอกกลับ ร่างกายของเธอสั่นไปทั้งตัว นางแม่มดกำหมัดแน่น ตาแดงก่ำน้ำตาคลอเบ้า โดยที่ไม่ทันสังเกตเลยว่าจังหวะนั้นหนุ่มหล่อพยายามจะเอื้อมมือไปให้ถึงกระเป๋ากางเกงข้างขวา ที่ที่เขาใส่บางอย่างเอาไว้ โจมองเห็นท่าทีแปลกๆของเดวิดจึงพยายามจ้องและเธอก็นึกบางอย่างออก
“ฉลาดมาก!” สิ้นคำพูดของหญิงหน้าสวย เธอใช้พลังบางอย่างดึงเอามีดอาคมออกมาจากกระเป๋ากางเกงของฝ่ายชายจากนั้นควบคุมให้มันฟันไปที่พลังงานสีดำจนสลายหายไปทันที หนุ่มหล่อเป็นอิสระจากการถูกพันธนาการ เขารีบลุกขึ้นยืน ร่างจิตของโจวิ่งมาประชิดตัวเขาก่อนที่เธอจะทำบางอย่าง
“Dia De!” สิ้นคำพูดบางอย่าง หญิงหน้าสวยใช้พลังควบคุมมีดอาคมฟันไปที่กำแพงห้องโถงตรงหน้าอย่างรวดเร็ว
“ฟาบบบ!!” รอยฟันแตกออกเป็นรอยแยกขนาดใหญ่ก่อนที่แสงสว่างเจิดจ้าจะผ่านเข้ามาในช่องรอยแยก หญิงหน้าคมยืนนิ่งไม่มีแสดงปฏิกิริยาแต่อย่างใด
“วิ่ง!” หญิงหน้าสวยพูดกระแทกเสียงใส่หนุ่มหล่อ เขาวิ่งผ่าเข้าไปใส่รอยแตกนั้นโดยที่ไม่ลังเลทันที
“ฮา ฮา ฮา หึ!” นางแม่มดหัวเราะด้วยความสะใจก่อนที่นางจะผายมือทั้งสองข้างออก ชั่วพริบตาเดียวก่อนที่อีกฝ่ายจะวิ่งเข้าไปในช่องรอยแตกอักขระโบราณเรืองแสงสีทองปรากฏขึ้นจากกำแพงทั้งหมดในห้องโถงขนาดใหญ่แห่งนี้ โจถึงกับทำหน้าเหวอ เดวิดวิ่งเข้าไปในรอยแตกได้สำเร็จมันพาเขาทะลุไปอีกสถานที่ ไม่สิ! มันควรจะพาเขาทะลุไปที่อื่นแต่ดันพาเขาทะลุกลับมาที่เดิม ที่ห้องโถงคล้ายคุกใต้ดินสุดสยองพร้อมกับนางแม่มดและร่างจิตของญาติเขา หนุ่มหล่อตกใจสุดขีด
“ไอ้บ้าเอ้ย เกิดบ้าอะไรขึ้นวะเนี้ย!” เดวิดตะโกนเกรี้ยวกราดก่อนที่เขาจะลองวิ่งเข้าไปในรอยแยกอีกรอบหนึ่ง ผลลัพธ์ก็คือรอยแตกนั้นนำพาเขากลับมาที่เดิมอีกครั้ง
“มีดอาคมของฉันทรงพลังก็จริง แต่พวกแกต้องไม่ลืมนะว่าฉันเป็นคนปลุกเสกมันขึ้นมา” หญิงหน้าคมพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงสะใจ ทั้งสองคนได้แต่กำหมัดแน่นแสงแห่งอิสรภาพของพวกเขาเริ่มริบหรี่ลงไปทุกที “อักขระพวกนี้จะทำให้พวกแกถูกจองจำอยู่ที่นี่ไปตลอดกาล!” นางแม่มดพูดต่อ
“ทำไม! ทำไม! คนชั่วแบบมันถึงได้ลอยนวล อ๊ากกกกก” เสียงกรี๊ดร้องด้วยความเจ็บปวดของผู้หญิงที่มีใบหน้าคมเข้มและผมหยักศกหนา เธอพังข้าวของล้มลงกับพื้นร้องไห้ฟูมฟาย ร่างกายของเธอแทบชาไปทั้งตัว สายตาของเธอก้มลงต่ำ น้ำตาไหลรินหยดลงมาเป็นเหมือนสายน้ำที่ไม่มีทางแห้งเหือด เธอหยิบกรอบรูปเล็กๆออกมาจากข้างๆโซฟา กรอบรูปถ่ายของเด็กสาวผมเปียที่มีรอยยิ้มสดใส เธอดึงกรอบรูปใบนี้มาไว้ที่หน้าอก ความเจ็บปวดอย่างรุนแรงแทรกซึมออกมาทุกอณูจากภายในร่างกายของเธอ “ในเมื่อกฎหมายให้ความยุติธรรมกับฉันไม่ได้ ฉันจะต้องสร้างมันด้วยตัวเอง”
“เธอทำแบบนี้ทำไม รากาน่า?” หนุ่มหล่อตะโกนแผดเสียงใส่ ในที่สุดเขาก็เอ่ยชื่อหญิงหน้าคมออกมา
“ทำไมอย่างนั้นเหรอ มึงไม่ลองถามตัวเองดูหละว่ามึงทำอะไรลงไปบ้าง” แม่มดรากาน่าตอบกลับ สีหน้าของเธอโกรธแค้นเขาอย่างถึงที่สุด
“นี่มันเรื่องอะไรกัน ฉันต้องการรู้ความจริงเดี๋ยวนี้!” หญิงหน้าสวยในร่างจิตเริ่มสับสน
“ชื่อโจใช่ไหม? เธอเนี่ยไม่น่าโง่เลย สู้สุดตัวเพื่อคนชั่วคนหนึ่ง ฮา ฮา ฮา” หญิงหน้าคมหันไปพูดกับโจ
“หุบปากไปเลย นางแม่มด!” ร่างจิตหันมาตะคอกเสียงเกรี้ยวกราดใส่รากาน่า
“มึงก็แม่มด!” นางแม่มดย้อนกลับ
“เดวิดตอบฉันสิ!” โจกลับไปถามคำถามเดิม เดวิดได้แต่ยืนอ้ำอึ้งไม่กล้าสบตาใคร
“ว่าไง? ตอบญาติมึงไปสิ หรือมึงจะไม่พูด ถ้าอย่างนั้นกูพูดเอง” รากาน่ายอกย้อนต่อ ใบหน้าของเธอแดงก่ำ ดวงตาฉายแววโกรธแค้นถึงขีดสุด “ลูกสาวของกูชื่อรีนัส รีนัสที่น่ารัก สดใส เป็นดั่งแสงอาทิตย์ เป็นดั่งดวงใจของกู หึ! กูเลี้ยงลูกตัวคนเดียวมาตลอด วันหนึ่งกูกลับรู้สึกอยากมีความรัก ความรักที่ไม่ใช่แบบแม่กับลูกสาว ความรักที่มาเติมเต็มช่องว่าง ความรักแบบหนุ่มสาว แล้ววันหนึ่งโชคชะตาก็เข้าข้างกู ให้กูได้รัก เป็นรักที่อบอุ่น เป็นเหมือนดวงใจของกูอีกดวง เป็นความสมบูรณ์แบบที่รีนัสของกูจะได้มีความสุขกับครอบครัวแสนอบอุ่น มันควรจะเป็นอย่างนั้น มันควรจบอย่างสวยงาม ใช่ไหม?” น้ำตาเริ่มไหลรินออกมาจากดวงตาทั้งสองของนาง “มันควรจะจบอย่างสวยงาม.... อ๊ากกกกกก” เธอกรีดร้องออกมาอย่างเจ็บปวด “ แต่ผัวของกู พี่ชายฝาแฝดของมึง! ข่มขืนลูกสาวของกู ทำร้ายลูกสาวสุดที่รัก ย่ำยีดวงใจของกู กูไม่เคยคิด ไม่เคยมองเห็น เจ็บที่สุดคือกูช่วยอะไรลูกกูไม่ได้ รีนัสฆ่าตัวตายเพราะบาดแผลที่พี่มึงทำไว้! พี่ชายของมึงก็ทิ้งกูไป ไปร่านเสพสมกับคนอื่น เมื่อกูเรียกร้องความยุติธรรมให้กับลูกของกู แต่ความยุติธรรมกลับไม่มีจริง มันไม่โดนเอาผิด พ้นจากโทษทุกอย่างที่มันควรโดน ก็เพราะมึง! มึงช่วยพี่ชายมึงโดยที่ไม่สนใจว่ามันทำชั่วทำเลวไว้แค่ไหน รีนัสของกูเพิ่งจะ 13 ปี แล้วแบบนี้มึงจะให้กูทำยังไง กูสูญสิ้นทุกสิ่งอย่าง ความฝัน ความรัก ลูกสาว มึงตอบกูสิว่ามึงจะให้กูทำยังไง!!!” ความรู้สึกเศร้าโศกและเคียดแค้นคละคลุ้งไปทั่วทั้งบริเวณ ความเจ็บปวดที่ถูกปลดปล่อยออกมาจากปากของผู้หญิงคนหนึ่ง มันมีแรงกดดันมหาศาลและส่งผลต่ออารมณ์ทั้งสองคน ความเงียบเข้าครอบงำบรรยากาศอยู่สักครู่ก่อนที่จะ...
“ฉันขอโทษ ฉันผิดไปแล้ว รากาน่า แต่แมคเป็นพี่ชายคนเดียวของฉัน ฉันเป็นทนายทำไมถ้าไม่สามารถช่วยแม้กระทั่งพี่ชายตัวเองได้ ฉันทำเพื่อครอบครัว...” หนุ่มหล่อต้องตอบอะไรสักอย่าง สมองของเขาตอนนี้สับสนไปหมด
“มึงเป็นทนาย แล้วเรื่องความยุติธรรมหละ มึงเอาหัวใจหลักของอาชีพมึงไปไว้ตรงไหน แบบนี้สิ่งที่กูทำอยู่มันก็คงไม่ผิดสินะ กูฆ่าล้างแค้น ทำเพื่อครอบครัวก็คงจะไม่ผิดเหมือนกัน” น้ำเสียงโกรธแค้นสุดขีดพูดดังขึ้นอีกราวกับตะคอก
“ถึงอย่างนั้นสิ่งที่เธอทำมันก็ไม่ใช่เรื่องความยุติธรรมนะ เดวิดกับฉันเกี่ยวอะไรด้วย?” หญิงหน้าสวยแทรกขึ้นมาหลังจากที่เธออึ้งไปพักใหญ่
“มึงเลือกตามมันมาเอง เท่ากับมึงเลือกที่จะตายที่นี่พร้อมมัน เนี่ยแหละคือความยุติธรรม เพราะหลังจากนี้พวกมึงจะได้ตามไปอยู่กับผัวของกู อีกไม่นานเกินรอหรอก” แม่มดรากาน่าพูดต่อขณะที่เธอกำลังหยิบอะไรบางอย่างออกมาจากชุดคลุมโดยที่อีกฝ่ายไม่ทันได้สังเกต
“หมายความว่าไง แมคตายแล้วเหรอ?” โจอึ้งอีกครั้ง
“ถามญาติมึงดูสิ คิดว่ากูไม่รู้เหรอว่าแอบเข้าไปในห้องของกู” หญิงหน้าคมพูดต่อ
“กึกๆ” ประตูห้องถูกเปิดออกอย่างช้าๆ ข้างในปิดไฟมืดสนิท หนุ่มหล่อร่างสูงโปร่งย่างกายเข้ามาเบาๆ เขาใช้แสงไฟฉายจากในโทรศัพท์มือถือส่องนำทาง ห้องนี้ค่อนข้างเหม็นอับ เหม็นสาบบางอย่าง กลิ่นของมันคละคลุ้งไปทั่วห้อง ในใจของเขานึกถึงสิ่งที่โจพูด เสียงของญาติผู้หญิงยังคงดังก้องอยู่ในหัว คำเตือนเรื่องของแฟนเก่าพี่ชายฝาแฝดของเขา และความรู้สึกแปลกๆในสถานที่แห่งนี้ เขาเดินเลี้ยวขวาไปทางห้องนอน ทำไมห้องพักห้องนี้ถึงแตกต่างจากห้องพักอื่นในโรงแรม มันดูเหมือนอพาร์ทเม้นท์เก่าๆ
“เฮ้ย!!!!” สิ่งที่เขาเห็นทำเอาหนุ่มหล่อถึงกับสะดุ้งและตกใจกลัวสุดขีด ศพของผู้ชายรูปร่างสูงล่ำที่เขาคุ้นเคย นอนอืดเนื้อเน่าและมีหนอนไชไปทั่วทั้งตัวอยู่บนเตียง “ไม่อยู่แล้วเว้ยยยยย” หนุ่มหล่อโวยวายและวิ่งหนีออกมา แต่สายตาของเขาดันไปเห็นอะไรบางอย่างทางด้านซ้ายมือของห้อง มันเป็นหิ้งบูชารูปร่างประหลาดไม่คุ้นตา เขาเห็นรูปถ่ายของตัวเองอยู่ในนั้นก่อนที่จะตั้งสติแล้วหยิบมีดหมอสลักอักขระประหลาดพกติดกระเป๋ากางเกงไปด้วยแล้วรีบวิ่งออกมาจากห้องนั่นให้เร็วที่สุด
“ศพแมคนอนอืดอยู่บนเตียงนอนก่อนที่ฉันจะหยิบมีดอาคมของมันแล้ววิ่งออกมาจากห้องจนมาเจอกับเธอที่หน้าลิฟท์” เดวิดพูดต่อ เนื้อเสียงสั่นพอๆกับร่างกายของเขาขณะที่หันไปสบตากับหญิงหน้าสวย “ฉัน...ฉันกลัว จริงอยู่ที่หลังจบคดีแมคก็ไม่ได้ติดต่อกลับมาอีกเลยแต่ฉันไม่คิดว่า...” หนุ่มหล่อตัวสั่นหนักกว่าเดิมและกำหมัดแน่น
“พูดจบหรือยัง?” น้ำเสียงเย็นชาแทรกขึ้นมา มือขวาของนางแม่มดรากาน่าถือขวดขนาดเล็กบรรจุของเหลวสีแดงไว้ข้างใน เดวิดสังเกตเห็นว่านั้นคือเลือดของเขาเองที่ถูกปาดเอาไปตั้งแต่ที่ชั้น 3
“มึงจะทำอะไร?” หนุ่มหล่อเสียงแข็งขึ้นมาทันที
“รู้ไหมว่าเลือดเป็นสิ่งที่ทรงอำนาจที่สุดในทางของเวทมนตร์ เวลาที่เราจะล้างมนตราของใครจะต้องใช้เลือดของคนผู้นั้นหรือคนสายเลือดเดียวกันเป็นทางแก้ หนามยอกก็ต้องเอาหนามบ่ง” หญิงหน้าคมเปิดจุกขวดบรรลุเลือดของเดวิดออกก่อนที่จะเทมันลงไปที่พื้นทันที แรงลมปริศนาพัดกระจายรอบตัวนางจนทำให้รากาน่ารู้สึกหายใจโล่งแปลกๆ นางแม่มดฉีกยิ้มก่อนที่จะลองก้าวเท้าเดินหน้าออกมา บัดนี้กำแพงพลังงานหนาแน่นของโจได้สลายหายไปในที่สุด หญิงหน้าสวยยืนอึ้งไม่คาดคิดมาก่อนว่าฝั่งตรงข้ามจะมาไม้นี้
“ตอนนี้กูได้กลิ่นความกลัว มึงกลัวอะไร กลัวกูหรือว่ากลัวผลกรรมที่มึงเคยทำไว้!” หญิงหน้าคมก้าวเท้าเดินอย่างสบายใจพร้อมกับพูดจาแดกดันอีกฝ่าย
ทั้งสองคนมัวแต่ตกตะลึงค้างจนไม่ทันสังเกตเลยว่านางแม่มดเดินมาหยุดอยู่ตรงร่างของโจแล้วตอนนี้ “ไม่ตอบ... ไม่เป็นไร คราวนี้ถึงทีกูบ้าง!!” หญิงหน้าคมกระแทกเสียงก่อนที่จะก้มลงมองร่างของหญิงหน้าสวย ทันใดนั้นร่างของเธอก็ลืมตาและลุกขึ้นยืนต่อหน้าต่อตาโจในร่างจิตและเดวิดทันที มันคือวิญญาณร้ายสมุนของนางแม่มดรากาน่าที่เข้ามาสิงสู่ร่างของหญิงหน้าสวย เจ้าวิญญาณร้ายในร่างของโจจ้องเขม่งไปที่ทั้งสองคนราวกับจะกินเลือดกินเนื้อทั้งคู่ให้ได้เลยทีเดียว
“เล่นแบบนี้เลยเหรอ!!” หญิงหน้าสวยโมโหสุดขีด “เอาวะ! เป็นไงเป็นกัน” เธอรวบรวมความกล้าและตัดสินกระทำบางอย่าง “Vatra!!!!” สิ้นเสียงของโจเปลวไฟร้อนแรงลุกไหม้เผาผลาญร่างของเธอภายในชั่วพริบตา
“อ๊ากกกก” เสียงร้องโหยหวนของวิญญาณร้ายที่เข้ามาสิงภายในร่างของหญิงหน้าสวยก่อนที่มันจะสลายหายไป ร่างของเธอล้มลงไปนอนกองกับพื้นพร้อมกับถูกไฟเผาจนไหม้เกรียม
โจในร่างจิตใช้โอกาสนี้ควบคุมมีดอาคมของรากาน่าให้พุ่งไปที่กำแพงด้านซ้ายมือ มันพุ่งไปด้วยความเร็วสูงและปักลงไปที่อักขระโบราณจนเกิดแสงสว่างจ้า อักขระโบราณสีทองในบริเวณนั้นสลายหายไปกลายเป็นประตูทางออกที่มีบันไดทันที “วิ่ง!!!” หญิงหน้าสวยหันไปพูดกับเดวิด ในเมื่อเธอไม่สามารถกลับไปเป็นมนุษย์ได้อีกแล้ว เธอจึงตัดสินใจว่าจะช่วยญาติหนุ่มของเธอให้เป็นอิสระจงได้ หนุ่มหล่อไม่รอช้ารีบวิ่งหนีออกไปจากโถงใต้ดินอันน่าสะพรึงกลัวนี้ทันที
“ไม่!!!!!!!” หญิงหน้าคมกรีดร้องทุกอย่างมันเกิดขึ้นเร็วมาก การโต้ตอบแบบทุ่มสุดตัวของอีกฝ่ายทำให้นางไม่ทันได้ระวัง นางกำลังจะพ่ายแพ้อย่างนั้นเหรอ
“แก!!!!!” แม่มดรากาน่าหันมาเกรี้ยวกราดใส่โจ
“ฉันกับแกต้องตายกันอยู่ที่นี่ แกไม่มีวันจะได้ตัวเดวิดไป!” หญิงหน้าสวยในร่างจิตยืนกรานขอสู้ยิบตา
“หึ!” หญิงหน้าคมกำหมัดซ้ายก่อนที่จะ “Mentalni Poremacai, Ne Jeden… Mentalni Poremacai, Ne Jeden…” นางแม่มดเริ่มร่ายมนต์บางอย่าง
“แกจะทำอะไรหนะ!” ความหวาดกลัววิ่งพล่านเข้าสู่ความคิดของโจขึ้นมาทันที เธอสัมผัสได้ว่าร่างจิตของเธอมีบางสิ่งที่ผิดปกติ
“Mentalni Poremacai, Ne Jeden!” รากาน่าร่ายมนต์ต่อไปเรื่อยๆก่อนที่จะย่างก้าวเข้าหาร่างจิตอย่างช้าๆด้วยแววตาจ้องเขม่งและไม่กระพริบตาแม้แต่เพียงนิดเดียว ร่างจิตของหญิงหน้าสวยเริ่มแปรปรวนจนเธอไม่สามารถควบคุมพลังงานของตัวเองได้ หญิงหน้าคมแบมือซ้ายพร้อมกับยื่นออกไปนาบไว้ที่ใบหน้าของร่างจิตและในที่สุด “Pravopis Duh!” อักขระโบราณสลักไปที่หน้าผากของโจในร่างจิตจนเกิดคลื่นพลังงานบางอย่างอัดกระแทกและกระจายออกไป ร่างจิตของหญิงหน้าสวยยืนแน่นิ่งราวกับรูปปั้นไม่ไหวติงใดๆ นางแม่มดสะกดร่างจิตของเธอได้ในที่สุด หญิงหน้าคมเบือนหน้าใส่ร่างจิตก่อนที่จะโฟกัสสายตาไปที่ประตูทางออก นางก้าวเท้าเดินต่อไปอย่างรวดเร็ว ลึกๆแล้วนางไม่ได้ต้องการที่จะเผชิญหน้ากับพวกเดียวกันเลยแม้แต่น้อย มีแค่คนเดียวเท่านั้นที่นางต้องการและนางจะต้องทำให้ได้
“แฮ่ก ๆ” เสียงหายใจแรงของเดวิด ตอนนี้เขาวิ่งขึ้นมาจนถึงบริเวณล็อบบี้ชั้น 1 ของโรงแรมเป็นล็อบบี้จริง ๆ ที่ไม่ใช่ภาพลวงตาอีกแล้ว หนุ่มหล่อยืนพักหายเหนื่อยครู่หนึ่งก่อนที่จะเดินสำรวจรอบๆ นี่คือสภาพที่แท้จริงของโรงแรมแห่งนี้ มันช่างทรุดโทรมราวกับเป็นโรงแรมผีสิง มืดมิดและเต็มไปด้วยกลิ่นเหม็นอับ ที่ผ่านมาเขาคงถูกนางแม่มดใช้ภาพลวงตามาโดยตลอด เดวิดเริ่มตั้งข้อสงสัยแล้วสรุปตอนนี้เขามาอยู่ที่ไหนกันแน่ก่อนที่หางตาของเขาจะสังเกตเห็นอะไรบางอย่างทางซ้ายมือ มันคือตุ๊กตาไหมพรมสีชมพูสลับฟ้าถูกตั้งไว้อยู่บนเคาน์เตอร์ หนุ่มหล่อรู้สึกคุ้นเคยกับตุ๊กตาตัวนี้มาก เขาเดินเข้าไปจ้องมองมันใกล้ๆอย่างช้าๆ
“ทักทายรีนัสลูกสาวฉันสิ!” น้ำเสียงเย็นชาเอ่ยขึ้นมาจากความเงียบงันผ่านแผ่นหลังเดวิด เขาสะดุ้งโหยงก่อนที่จะหลังกลับไป
“รากาน่า!! มึง...” น้ำเสียงและสีหน้าที่หวาดกลัวอย่างสุดขีดของเดวิด เขาทำได้แค่เพียงยืนชี้หน้าอีกฝ่ายไว้เท่านั้น
“รออีกนิดนะลูก แม่กำลังจะเอาของขวัญอีกชิ้นไปให้ลูกนะ” นางแม่มดรากาน่าไม่สนใจท่าทางของเขา เธอกลับมองผ่านไปและพูดคุยกับตุ๊กตาไหมพรมตัวนั้นแทนราวกับว่ามันคือลูกสาวของเธอ
หนุ่มหล่อจึงขยับฝีเท้าพร้อมวิ่งแต่... “มับ!” มือขวาของหญิงหน้าคมจับไปที่คอของเขาและบีบมัน หนุ่มหล่อตกใจจึงโต้กลับด้วยการทุบตีต่างๆไปที่แขนของอีกฝ่ายแต่ดูเหมือนว่าจะเปล่าประโยชน์
“มึงจะไปไหน ถ้ามึงไปแล้วกูจะเอาอะไรเป็นของขวัญให้ลูกกู” น้ำเสียงสุดแสนอำมหิตของนางแม่มด เธอบีบคออีกฝ่ายแรงขึ้นจนหนุ่มหล่อรู้สึกได้ว่าเริ่มหายใจไม่ออก เขายังคงพยายามดิ้นอย่างสุดชีวิต
“ปล่อยกู... ปล่อยกูไปเถอะ” เดวิดพยายามพูดขอร้องอีกฝ่าย ใบหน้าของเขาแดงก่ำ น้ำตาไหลรินออกมา ตอนนี้เขารู้สึกแน่นหน้าอกอย่างรุนแรง
“หุบปาก!!” หญิงหน้าคมสวนขึ้น “ลูกกูรอมึงนานเกินไปแล้ว” รากาน่าออกแรงอีกครั้ง คราวนี้เธอยกแขนขวาขึ้นสูงทำให้ตัวของหนุ่มหล่อถูกยกขึ้นจนขาไม่ถึงพื้นด้วยพละกำลังมหาศาลบางอย่าง เดวิดดิ้นแทบขาดใจ ความรู้สึกชากระจายออกไปทั่วทั้งร่างกายของเขา “มันจะได้จบกันสักที”
ที่ห้องโถงกำแพงหนาคล้ายคุกใต้ดินขนาดใหญ่ โจในร่างจิตที่ยืนแน่นิ่งเพราะคำสาปของหญิงหน้าคมจู่ๆก็ระเบิดพลังบางอย่างออกมาจนเกิดเป็นแสงสว่างจ้าอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่มันจะดับวูบหายเข้าไปในร่างจิตของเธอ “แฮ่กๆ เดวิด!” หญิงหน้าสวยขยับตัวได้อีกครั้ง ที่ผ่านมาเธอพยายามแก้คำสาปของอีกฝ่ายจากภายในร่างจิตของเธอนั้นเอง โจไม่รอช้ารีบใช้พลังบางอย่างอันตรธานร่างจิตมาปรากฏตัวที่ล็อบบี้ชั้น 1 ของโรงแรมอย่างรวดเร็ว “เดวิด!!!!!!!!!!” หญิงหน้าสวยตะโกนลั่นเมื่อเห็นญาติหนุ่มของเธอกำลังจะถูกบีบคอตายภายในไม่ช้านี้ด้วยฝีมือนางแม่มด โจรีบตั้งสติและรวบรวมพลังงานทุกสิ่งอย่างจากภายในร่างจิตของเธอก่อนที่จะพุ่งเข้าใส่นางแม่มดรากาน่าและผลักร่างของหนุ่มหล่อให้กระเด็นออกไปทันที
“เฮือก!!!!!!!” เดวิดหายใจเฮือกใหญ่และสำลักในลำคอก่อนที่เขาจะพยายามลุกขึ้นยืนให้ได้
“มึงอย่ามาขวางกู!” หญิงหน้าคมเกรี้ยวกราดราวกับสัตว์ร้าย เธอพยายามจะพุ่งตัวเข้าใส่หนุ่มหล่อที่เพิ่งหลุดออกจากพันธนาการแต่ดันถูกหญิงหน้าสวยเอาตัวขวางไว้อย่างสุดกำลังของเธอ
“หนีไปซะ!!!” โจหันมาตะคอกใส่ญาติชายของเขาก่อนที่ร่างจิตของเธอจะเรืองแสงสว่างเจิดจ้าราวกับแสงจากดวงอาทิตย์ขนาดย่อมๆ เดวิดรีบก้าวเท้าให้ไวที่สุดจนสามารถเปิดประตูและออกไปจากโรงแรมแห่งนี้ได้สำเร็จ
“อ๊ากกกกกกกกกก” เสียงกรีดร้องทรมานของนางแม่มดก่อนที่ร่างของนางจะสลายหายไปพร้อมกับร่างจิตของหญิงหน้าสวยด้วยรัศมีจากแสงสว่างจ้านี้ เป็นการปิดฉากอย่างสวยงามของแม่มดทั้งสองคน
“โอ๊ย!!” หนุ่มหล่อล้มลงกระแทกกับพื้นถนนลาดยางอย่างรุนแรง เขาค่อยๆลุกขึ้นยืนอย่างช้าๆ ก่อนที่จะสังเกตว่าที่ที่เขายืนอยู่คือส่วนไหนของโลกใบนี้ แสงแดดจ้าทิ่มแทงดวงตาของเขา เดวิดพยายามมองทิศทางของดวงอาทิตย์จึงทำให้รู้ว่านี่คือแดดยามเย็นและเริ่มมองไปรอบๆ นอกจากถนนลาดยางสองเลนส์แล้วรอบๆตัวเขามีเพียงแค่ทุ่งนากว้างจนสุดลุกหูลูกตาเท่านั้น ผู้คน ชุมชน ความวุ่นวาย ทุกอย่างหายไปหมดจนทำให้เขาสับสน ทำไมเขาถึงมาอยู่ที่นี่แล้วเมื่อตอนที่เดินทางมาถึงโรงแรมเขาไปที่ไหนมากันแน่ หนุ่มหล่อหันขวากลับมาและตกใจอย่างสุดขีดจนสะดุดล้มลงไปนั่งกองกับพื้นถนนอีกครั้ง ภาพตรงหน้าที่เขาเห็นกลับมีเพียงแค่ศาลไม้เก่าๆใต้ต้นไม้ใหญ่ริมถนนเท่านั้น แล้วโรงแรมที่เขาเข้าไปเผชิญเหตุการณ์ต่างๆเมื่อก่อนหน้านี้มันหายไปไหน มันหายไปได้ยังไง หนุ่มหล่อพยายามตบหน้าตัวเองเพื่อเรียกสติ
“คิ คิ” เสียงหัวเราะคิกคักของเด็กแววเข้าหูเดวิดราวกับว่ามันเป็นเสียงที่ผ่านมากับสายลม มันน่าขนลุกจนทำให้หนุ่มหล่อถึงกับสะดุ้งและรีบลุกขึ้นยืนทันที ทันใดนั้นเดวิดสังเกตเห็นบางอย่างภายในศาลไม้เก่าๆหลังนี้
“เฮ้ย!” หนุ่มหล่อถึงกับร้องอุทานออกมาเมื่อสิ่งที่เขาเห็นคือตุ๊กตาไหมพรมสีชมพูสลับฟ้าตัวนั้นถูกตั้งเอาไว้ในศาลไม้แห่งนี้
“คิ คิ” เสียงหัวเราะของเด็กแววเข้าหูข้างขวาของเขาอีกครั้ง คราวนี้มันใกล้มากและด้วยสัญชาตญาณเดวิดจึงหันขวาไปมองทันที ร่างสีดำทมิฬปริศนากระโจนเข้าใส่เขาอย่างรวดเร็ว
Spirit House.
เรื่องสั้นจากพวกเรา “ปากกาสามหัว” ฝากติดตามและให้กำลังใจด้วยนะคะ
นามปากกา Red Serpent, จันทร์ซ่อน และ D.O.V.
คำยืนยันของเจ้าของเรื่องสั้น
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
10 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ