The rebound paradin in crow paht
8.7
เขียนโดย พาวจาพัจส์
วันที่ 14 พฤษภาคม พ.ศ. 2561 เวลา 22.43 น.
9 chapter
2 วิจารณ์
10.69K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 29 มิถุนายน พ.ศ. 2563 11.58 น. โดย เจ้าของเรื่องสั้น
5) Carrion part 2
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ ชายหนุ่มมองข้ามพุ่มไม้ไปเห็นต้นสนข้างทางเข้าของโบสถประตูเข้าของโบสถถูกเปิดทิ้งไว้ ชายหนุ่มเห็นเช่นนั้นจึงมีวิธี
เดียวคือวิ่งไปให้เร็วที่สุดแล้วหลบหลังต้นสน หากเร็วพออาจไม่มีใครทันสังเกต
แย่ล่ะสิ ฉันไม่คิดว่าฉันจะทำได้ ฉันไม่ใช่เด็กนะแต่เป็นชายหนุ่มหนักหกสิบกว่ากิโลปกติขาจะล้าทุกครั้งเมื่อเริ่มวิ่ง
เยาะไม่เพียงกี่นาที ชายหนุ่มเขารู้ว่าตนเองกำลังกังวลอยู่กับเรื่องในหัวโดยข้างนอกห่างจากความคิดที่ลอยไปมาอย่างอิสระ
ตัวของเขากับถูกตรึงไว้ตำแหน่งเดิม สาวสมุนไพรมอบใบหน้าไม่พอใจเล็กน้อยให้ชายผู้นั้น คิ้วของเธอขยับเข้าหากันเล็กน้อย
ชายหนุ่มได้ผ่านเหตุการณ์เฉียดตายซึ่งเทียบกันไม่ได้เลย ตอนนั้นความตายลุกลามเข้าหาถว่า ตอนนี้ความตายของเขาอาจ
รออยู่ข้างหน้า คงต้องลองเป็นฝ่ายก้าวกลับไปเผชิญ ตอกย้ำจนเกิดความกล้าในใจ ชายหนุ่มเริ่มขยับตัวเตรียมพร้อมออกวิ่ง
หญิงสาวหายจากหน้าตึงคิ้วขมวด
“ ฉันจะอ้อมไปทางนั้น ”
เธอชี้ไปทางซ้ายที่มีพุ่มไม้ห่างออกไป
“ หากมีคนออกมากระทันหัน ฉันจะช่วยล่อความสนใจจากตรงนี้ “
เขาพยักหน้าแบบไม่พึงใจ ชายหนุ่มมองเช็คอีกรอบ
ทางที่สามารถไปยังตรงนั้นได้ ตรงหน้าเป็นเนินหญ้าโล่งเลี้ยวสายตาไปทางซ้ายเป็นต้นสนไม้ใหญ่ หน้าต่างของโบสถไม่ใช่
ปัญหาใหญ่ จึงไม่ความกังวลหรือชายหนุ่มลืมกังวลเรื่องนี้ไป สิ่งสำคัญและปัญหาใหญ่คือประตูโบสถที่เปิดอยู่ ยากนัก
ที่ชายหนุ่มจะมองเห็นภายในจากมุมนี้เช่นเดียวกับสาวสมุนไพรถึงแม้เธอพูดว่ามีคนอยู่ในนั้น ในตอนนี้หญิงสาวย่องออกไป
โดยไม่พยายามแสดงตัวออกมาจากพุ่มไม้
เขามองบนท้องฟ้า เริ่มฟ้ามืดแล้ว
“ ได้เลย หวังว่าตะคิวจะไม่กินนะ ”
ชายหนุ่มแบกร่างของเขาออกไปอย่างรวดเร็ว เข้าวิ่งผ่านพื้นที่โล่งหน้าโบสถจุดหมายคือต้นไม้เบื้องหน้า ลมสาดสาย
ไปทั่วหน้าชายผู้นี้รู้สึกปลาบปลื้มกับตัวเอง เช่นเดียวกับเด็กน้อยที่เล่นวิ่งแข่งกับเพื่อนๆจนได้รับชัยชนะ ช่วงครึ่งทางหน้าประตู
โบสถสายตาแสดงให้เห็นภายในมีคนอยู่มากกว่าหนึ่งคน แต่ไม่สามารถบอกได้กำลังทำอะไรอยู่ ชายหนุ่มหลบหลังต้นไม้ โดย
ไม่ได้ส่งเสียงดังหรือดึงความสนใจให้คนภายในโบสถซึ่งถือว่าการวิ่งครั้งนี้ประสบความสำเร็จ เขาหายใจเข้าออกพยามหยุด
หัวใจที่เต้นรัวให้สงบพลางยกหน้ามองกลับไปยังป่า สาวสมุนไพรเธอย้ายมาอยู่ในทิศเดียวกันกับโบสถ เธอมองผ่านหน้าประตู
ได้อย่างชัดเจน ไกลออกไปภายในโบสถจุดเทียนไขส่งแสงสว่างภายในกระทบร่างของมนุษย์ได้ยืนเขียงข้างกับมนุษย์ผู้ทรุด
ตัวลงพื้นแล้วนั่งตัวสั่น ความคิดของหญิงสาวบอกว่าเหมือนกำลังสะอึกอยู่ ภายในนั้นไม่มืดมากแต่ไม่ได้ช่วยให้มองเห็นอย่าง
อื่นได้ นอกเสียจากร่างทั้งสองผ่านทางเข้าที่ประตูเปิดท้งไว้ ชายชุดคลุมสีเทาดำสวมหมวกแหลมสีเดียวกันกับชุด เชือกสีขาว
ร้อยรอบตัวของชายผู้นี้ สาวสมนุนนึกออกว่านี้คงเป็นนักบวชหรือผู้นับถือลัทธิความเชื่อบ้างอย่าง ข้างๆเป็นเป็นผู้หญิงโฉมหน้า
ถูกผมที่กระเซิงบดบัง เสื้อและกระโปร่งบอกถึงผู้สวมใส่ชัดเจน โดยรวมบรรยากาศภายในไม่ดีเท่าไรนัก
ชายหนุ่มทำมือเรียกสายตาของหญิงสาว เธอเห็นเขาชัดเจนแน่นอนแต่เขาทำสัญลักษณ์มือที่ชวนงงงวยหญิงสาว
ไม่สามารถเข้าใจความหมาย
เธอส่ายหน้าตอบแบบงงงัน
ชายหนุ่มตะลึงไปช่วงเฮือกหายใจ
เขาและเธอไม่เข้าใจความหมายของอีกฝ่ายเพราะทั้งคู่ไม่เปิดปากสนทนากัน สาวสมนุไพรเข้าใจอย่าง
หนึ่งจากสัญลักษณ์มือของชายหนุ่ม เขามองหน้าหญิงสาวแล้วชี้ไปทางด้านหลังทำซ้ำหลายครั้งทางที่ชี้ไปนั้นคือโบสถ
เธอพยักออกไปหาชายหนุ่มขณะพูดหลุดมาออกมาเบา เข้าใจแล้ว เธอมองกลับเข้าไปในโบสถชายหญิงในโบสถ
ยังคงอยู่เสียงสนทนาเริ่มมาได้สักพักและยังไม่ยุติลง ร่างที่สามจากภายในโบสถปรากฏขึ้นร่างคนสวมเกราะเหล็กดุจ
อศวินแบกขวานภายในโบสถ ไม่ช้าถัดมาร่างที่สี่โผ่ลมาจากภายนอกโบสถแล้วกำลังมุ่งหน้าไปที่โบสถ
“ อ่ะ! ” ชายหนุ่มหยุดหลบหลังต้นสน เขาได้เดินเข้าไปในโบสถหญิงสาวพึงสังเกต
“ รอก่อน! ” เธอพูดเสียงเบาเพื่อเขาได้ยินระยะห่างของชายหนุ่มห่างเกินไป
เท้าซ้ายก้าวเข้าไปข้างใน ร้องเท้าผ้าใบย้ำลงไปบนพื้นหินซึ่งคือส่วนหนึ่งของโครงสร้างโบสถเก่าแก่แห่งนี้
ชายแต่งกายคล้ายนักบวชอยู่ตรงหน้าชายหนุ่ม เขาถูกเหลือบมองโดยนักบวช
เขารู้สึกเหมือนกำลังโดนท้าทาย ดวงตาบนใบหน้าของคนในโบสถมองเขาด้วยความสงสัย หญิงชรากับชาย
ชราแล้ว ชายวัยกลางคนอีกหนึ่งซึ่งแก่กว่าตัวของชายหนุ่มหลายสิบปี คนภายในนี้มีม่มากนะ ยกเว้นสามบุคคุลหลักมี่ชาย
หนุ่มดูกังวลเป็นพิเศษ หญิงสาวมี่นังซุกพื้นมีเส้นผมปิดบังใบหน้าท่าทางของคอที่หันมาเมื่อครู่ ทำให้รู้ว่าเธอมมองมาที่ชาย
หนุ่ม คนปริศนาสวมชุดเกราะปกปิดร่างของตนได้แบกขวานใหญ่กับสวมหมวกเกราะเหล็กทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้ามีช่องผ่าน
ชุดเกราะใช้มองออกมาจากภายในแน่นอนคนผู้นั้นมองไปหาชายหนุ่ม ส่วนอีกคนเป็นชายตัวโตวัยกลางคนสวมชุดธรรมดา
ที่ไม่ต่างจากคนที่นั่งมองในเก้าอี้โบสถ หรือไม่มีอะไรสำคัญมากไปกว่า ผู้สวมเกราะหมวกเหล็กรูปทรงประหลาด ความสำคัญ
ของชาวบ้านผู้นี้คือเขาอยู่ในตำแหน่งข้างทางเข้าประตูโบสถ โดยมีชายหนุ่มยืนเป็นผู้มาเยือนให้ต้อนรับซึ่งตัวเขาเองไม่รู้ตัว
เหงื่อไหลลงจากเส้นผมลงมาถึงใบหน้าจนชายหนุ่มลำคาญ แต่เขาอึดอัดจนขยับตัวไม่ถูก
“ เชิญนั่งก่อน ”
ชายหน้าทางเข้าดูหน้าตึงเครียดพอสมควรชายหนุ่มคิด แล้วเข้าไปนั่งมุมด้านในของเก้าอี้ยาวของโบสถ หลังจากนักบวช
สังเกตการมาเยือนของชายหน้าทางเข้าเขาก็กลับไปพูดกับหญิงสาวที่มีหน้าเป็นปริศนา เสียงร้องไห้ ชายหนุ่มได้ยินอย่าง
ชัดเจน หัวใจของเขากำลังไหวสั่นอยู่ภายใน ชายชราที่นั่งข้างหญิงชราเอนคอมาหาชายหนุ่ม
“ ทำไมมาช้ากันนัก มีอะไรเกิดขึ้นที่หมู่บ้านรึเปล่า คนอื่นมั่วทำอะไรกันอยู่ ”
สติสัมปชัญญะของชายหนุ่มดับ
ชายชรามองชายหนุ่ม ดวงตาของชายชราผู้นี้โตและใบหน้าที่มีรอยตีนกาจนทำให้ภาพรวมดูดุดัน
ฉิปแล้ว
เขาจับคอของตัวเองโดยตัวเขาเองไม่ได้เจตนา ทำให้ชายหนุ่มนึกถึงสถานการณ์ในค่ำคืนก่อนแล้วมองผู้หญิงที่ทรุดตัว
ลงพื้นอยู่ห่างออกไป
“ พอดีที่หมู่บ้านมีคนบ้าไปหาเรื่องฆ่าคนเมื่อคืน ตอนนี้ทหารกำลังตามตัวฆาตกรอยู่ คนอื่นก็กำลังช่วยหาตัวมันอยู่เลย
ยังมากันไม่ได้ ”
“ ทหาร? ทหารฝ่ายไหนกันล่ะที่มา เจ้าพวกนั้นไม่ชอบมายุ่งเรื่องของชาวบ้านอย่างพวกเรา? ”
ตามที่ชายหนุ่มได้ยินมาจากหญิงสาวปริศนา เธอไม่ได้บอกชื่อของเหล่ากองทหารที่เดินทางเข้ามาในหมู่บ้าน เพื่อตาม
ล่าตัวของชายหนุ่มกับสาวสมุนไพรที่ตัวของหญิงสาวเองยังสงสัย เกี่ยวกับการที่เธอถูกเพิ่มในหัวของนักล่า
“ ทหารที่มีสัญลักษณ์กากบาทอยู่บนหลัง ”
ชายชราถูกทำให้ประหลาดใจโดยชายหนุ่ม
ชายหนุ่มรู้ว่าเขาควรตอบเช่นไรไป เขาจึงไม่ลุกลนในการตอบกลับไป เพราะสิ่งที่ทำในตอนนี้ไม่ต่างกับการโกหก
เมื่อครั้งที่เขาโกหกใครบางคน ด้วยเหตุใดเหตุหนึ่งเขารู้สึกผิดโดยนึกไม่ออกว่าในอดีตเขาโกหกใครไป ชายชราขยับคอไปมา
เขากำลังทำหน้าไม่พอใจ เขากำลังพูดบ่างอย่างออกมา
“ แล้วทำไม- ”
อศวินชุดเกราะหนาส่งเสียงดัง ใช้ขวานตีลงบนโต๊ะไม้กลางโบสถ โดยมีนักบวชสั่งให้ทำเมื่อตอนที่ชายหนุ่มกับชายหนุ่ม
ยังไม่หยุดการสนทนา ชายหนุ่มสะดุ้งขณะที่ชายชรากับหญิงชราพากันใจหาย
“ เอาไว้คุยกันหลังจบพิธีล่ะนะพ่อหนุ่ม ” ชายชราถอนหายใจ
ชายวัยกลางคนที่นั่งห่างไปทางขวาของโบสถจ้องดูการพูดคุยของชายหนุ่มอย่างสนใจ นักบวชแม้จะเหลือบมามองบ้าง
ตอนพูดกระซิบกับหญิงสาว นักบวชก็สนใจผู้มาเยือนผู้นี้เหมือนกัน
“ หลังจากเธอผู้นี้ถูกตราหน้าว่าเป็นผู้ร่วมหัวกับแม่มดโดยโทษของเธอไม่ได้ร้ายแรง ต่อไปนี้เราจะเริ่มส่วนสุดท้าย ”
ชายวัยกลางคนที่นั่งเงียบอยู่ทางด้านขวา เดินมาแบกตัวหญิงสาวออกไปจากกลางโบสถ ช่วงนั้นเองชายหนุ่มได้สังเกต
เห็นใบหน้าของผู้หญิงชัดเจนเส้นผมขยับผ่านตอนเธอลุก ใบหน้าดูอ่อนวัยแต่หน้าเธอออกแดงดำ แผลฟกช้ำตรงแก้มหรืออาจ
เป็นดวงตา แผลไหม้สดใหม่ชวนทำให้สยองสำหรับชายหนุ่มแผลไหม้นั้นเป็นสัญลักษณ์ที่เป็นตราประทับของลัทธิบางอย่าง
หรือบางอย่างที่มีความหมายให้เธอผู้นี้เจ็บปวด ชายหนุ่มใจเต้นรัวเพราะสัมผัสความกลัวจากสายตาและความเศร้าที่จมลึกใน
จิตใจ เธอนั่งลงบนเก้าอี้ของโบสถโดยมีชายวัยกลางคนพยุงตัวเธอ
“ ชายหนุ่มคนนั้น ” นักบวชชี้ตัวชายหนุ่มโดยการหันหน้ามองมาโดยตรง
ฉันเหรอ?
“ ช่วยร่วมมือกับเราในส่วนสุดท้ายหน่อยจะได้ไหม? เนื่องด้วยเหล่าผู้คนในบ้านของเธอไม่มาเราจึงไม่มีใครช่วย
ในส่วนนี้ เวลาที่ใช้ดำเนินการของเราช้ากว่าที่จำเป็น ”
“ ได้สิครับท่าน ” เขาเกือบพูดออกเสียงอย่างคนที่สงสัยในตัวคนอื่นซึ่งอาจเหมือนดูหยาบคาย สำหรับตัวบุคลิก
นิสัยของชายหนุ่มซึ่งเป็นพื้นฐานของตัวตนเขา ความคิดแบบนี้ทำให้เขาตอบกลับไปแบบเย็นชาโดยไม่ได้ตั้งใจ
แต่ชายหนุ่มควรจะดีใจหากรู้ว่านักบวชไม่ได้ติใจอะไรกับคำตอบสั้นๆ ที่เย็นชาของเขาเลย อีกสิ่งหนึ่งก็คือผลของประโยค
ที่เปรยออกมาทำให้เขาดูใจเย็นต่างจากตอนที่เขาเข้ามาแบบน่าสงสัย
ชายเฝ้าหน้าทางเข้าโบสถเดินตรงไปกลางโบสถตรงที่นักบวชกับอัศวินยืนอยู่ ชายวัยกลางคนลุกขึ้นหลังจากพาหญิง
สาวนั่งลงอย่างสงบเมื่อเธอจะสลบหรือไร...ก็ไม่แน่ชัด ชายหนุ่มเห็นดวงตาที่เปิดค้างศีรษะก้มต่ำ ตามองไปที่พื้นหรืออากาศก็
ไม่สามารถเข้าใจจุดประสงค์ได้ ชายวัยกลางคนเดินไปข้างๆ คนเฝ้าประตูพลางกวักมือใส่ชายหนุ่ม ในไม่ช้าชายหนุ่มก็ลุกออก
จากที่นั่ง เดินเข้าหานักบวช
“ พวกคุณช่วยกันยกออกไปข้างนอก หน้าโบสถ ตัวผมจะไปดูว่าตรงที่ใดสมควรให้พวกคุณวางลงไป ”
นักบวชพูดกับชายทั้งสาม โดยหันมาจับโต๊ะที่เขาบอกให้ชายทั้งสามยกออกไป
ชายหนุ่มสังเกตลักษณะของโต๊ะเบื้องหน้าเขา เลยได้รู้ทันทีว่าเขามองผิดไปโต๊ะที่อยู่กลางโบสถก็คือหีบใบหนึ่ง
ชายวัยกลางคนดูจะไม่ชอบใจหีบใบนี้เท่าไร
“ ท่านนักบวชพวกเราแค่สามคนเองนะ ”
นักบวชเข้าใจที่ชายผู้นี้กล่าวเลยไม่ล่ะที่จะตอบกลับด้วยรอยยิ้ม
“ มิเชลจะช่วยพวกท่านยกด้วย ”
ฮัศวินหัวเหลื่ยมวางขวานพึงกับกำแพงแล้วเดินไปที่มุมหนึ่งของหีบใบใหญ่โดยไม่พูดอะไร ชายทั้งสามพากันแบ่งมุมกันยกทั้งสี่
มุมสี่คน
ชายหนุ่มโล่งอกที่หีบใบนี้มีที่จับที่สะดวก การเคลื่อนย้ายคงไม่ใช้เรื่องยาก ในมือกำที่จับแน่นชายคนอื่นก็เช่นกัน
ยกเว้นอัศวินที่ไม่ทราบเพศของผู้สวมใส่ แต่เขาเห็นว่าทุกคนพร้อมจะยกขึ้นแล้วก็เริ่มมีการนับย้อนหลัง จากสาม
สอง
หนึ่ง
บางอย่างไม่ถูกต้อง
มุมนักเขึยน
หากคุณนักอ่านสังเกตว่าคำมันแปลกๆ ก็ถือว่านี้เป็นต้นฉบับที่ยังไม่ได้ปรับปรุงล่ะกันนะ (ปวดหัวหน่อยนะ)
ถ้ายังตามอ่านกันก็อยู่ ก็ขอขอบคุณที่ติดตามกันด้วยและเป็นกำลังใจให้คนเขียน (ขอบคุณที่อ่านมาถึงตรงนี้กันนะ หรืออาจเลื่อนมาเจอ (¯―¯٥) )
แล้วจะกลับมาสานต่อ (หากคนเขียนว่างก็จะกลับมาเขียนต่อ หรือยังตามอ่านกันอยู่)
เดียวคือวิ่งไปให้เร็วที่สุดแล้วหลบหลังต้นสน หากเร็วพออาจไม่มีใครทันสังเกต
แย่ล่ะสิ ฉันไม่คิดว่าฉันจะทำได้ ฉันไม่ใช่เด็กนะแต่เป็นชายหนุ่มหนักหกสิบกว่ากิโลปกติขาจะล้าทุกครั้งเมื่อเริ่มวิ่ง
เยาะไม่เพียงกี่นาที ชายหนุ่มเขารู้ว่าตนเองกำลังกังวลอยู่กับเรื่องในหัวโดยข้างนอกห่างจากความคิดที่ลอยไปมาอย่างอิสระ
ตัวของเขากับถูกตรึงไว้ตำแหน่งเดิม สาวสมุนไพรมอบใบหน้าไม่พอใจเล็กน้อยให้ชายผู้นั้น คิ้วของเธอขยับเข้าหากันเล็กน้อย
ชายหนุ่มได้ผ่านเหตุการณ์เฉียดตายซึ่งเทียบกันไม่ได้เลย ตอนนั้นความตายลุกลามเข้าหาถว่า ตอนนี้ความตายของเขาอาจ
รออยู่ข้างหน้า คงต้องลองเป็นฝ่ายก้าวกลับไปเผชิญ ตอกย้ำจนเกิดความกล้าในใจ ชายหนุ่มเริ่มขยับตัวเตรียมพร้อมออกวิ่ง
หญิงสาวหายจากหน้าตึงคิ้วขมวด
“ ฉันจะอ้อมไปทางนั้น ”
เธอชี้ไปทางซ้ายที่มีพุ่มไม้ห่างออกไป
“ หากมีคนออกมากระทันหัน ฉันจะช่วยล่อความสนใจจากตรงนี้ “
เขาพยักหน้าแบบไม่พึงใจ ชายหนุ่มมองเช็คอีกรอบ
ทางที่สามารถไปยังตรงนั้นได้ ตรงหน้าเป็นเนินหญ้าโล่งเลี้ยวสายตาไปทางซ้ายเป็นต้นสนไม้ใหญ่ หน้าต่างของโบสถไม่ใช่
ปัญหาใหญ่ จึงไม่ความกังวลหรือชายหนุ่มลืมกังวลเรื่องนี้ไป สิ่งสำคัญและปัญหาใหญ่คือประตูโบสถที่เปิดอยู่ ยากนัก
ที่ชายหนุ่มจะมองเห็นภายในจากมุมนี้เช่นเดียวกับสาวสมุนไพรถึงแม้เธอพูดว่ามีคนอยู่ในนั้น ในตอนนี้หญิงสาวย่องออกไป
โดยไม่พยายามแสดงตัวออกมาจากพุ่มไม้
เขามองบนท้องฟ้า เริ่มฟ้ามืดแล้ว
“ ได้เลย หวังว่าตะคิวจะไม่กินนะ ”
ชายหนุ่มแบกร่างของเขาออกไปอย่างรวดเร็ว เข้าวิ่งผ่านพื้นที่โล่งหน้าโบสถจุดหมายคือต้นไม้เบื้องหน้า ลมสาดสาย
ไปทั่วหน้าชายผู้นี้รู้สึกปลาบปลื้มกับตัวเอง เช่นเดียวกับเด็กน้อยที่เล่นวิ่งแข่งกับเพื่อนๆจนได้รับชัยชนะ ช่วงครึ่งทางหน้าประตู
โบสถสายตาแสดงให้เห็นภายในมีคนอยู่มากกว่าหนึ่งคน แต่ไม่สามารถบอกได้กำลังทำอะไรอยู่ ชายหนุ่มหลบหลังต้นไม้ โดย
ไม่ได้ส่งเสียงดังหรือดึงความสนใจให้คนภายในโบสถซึ่งถือว่าการวิ่งครั้งนี้ประสบความสำเร็จ เขาหายใจเข้าออกพยามหยุด
หัวใจที่เต้นรัวให้สงบพลางยกหน้ามองกลับไปยังป่า สาวสมุนไพรเธอย้ายมาอยู่ในทิศเดียวกันกับโบสถ เธอมองผ่านหน้าประตู
ได้อย่างชัดเจน ไกลออกไปภายในโบสถจุดเทียนไขส่งแสงสว่างภายในกระทบร่างของมนุษย์ได้ยืนเขียงข้างกับมนุษย์ผู้ทรุด
ตัวลงพื้นแล้วนั่งตัวสั่น ความคิดของหญิงสาวบอกว่าเหมือนกำลังสะอึกอยู่ ภายในนั้นไม่มืดมากแต่ไม่ได้ช่วยให้มองเห็นอย่าง
อื่นได้ นอกเสียจากร่างทั้งสองผ่านทางเข้าที่ประตูเปิดท้งไว้ ชายชุดคลุมสีเทาดำสวมหมวกแหลมสีเดียวกันกับชุด เชือกสีขาว
ร้อยรอบตัวของชายผู้นี้ สาวสมนุนนึกออกว่านี้คงเป็นนักบวชหรือผู้นับถือลัทธิความเชื่อบ้างอย่าง ข้างๆเป็นเป็นผู้หญิงโฉมหน้า
ถูกผมที่กระเซิงบดบัง เสื้อและกระโปร่งบอกถึงผู้สวมใส่ชัดเจน โดยรวมบรรยากาศภายในไม่ดีเท่าไรนัก
ชายหนุ่มทำมือเรียกสายตาของหญิงสาว เธอเห็นเขาชัดเจนแน่นอนแต่เขาทำสัญลักษณ์มือที่ชวนงงงวยหญิงสาว
ไม่สามารถเข้าใจความหมาย
เธอส่ายหน้าตอบแบบงงงัน
ชายหนุ่มตะลึงไปช่วงเฮือกหายใจ
เขาและเธอไม่เข้าใจความหมายของอีกฝ่ายเพราะทั้งคู่ไม่เปิดปากสนทนากัน สาวสมนุไพรเข้าใจอย่าง
หนึ่งจากสัญลักษณ์มือของชายหนุ่ม เขามองหน้าหญิงสาวแล้วชี้ไปทางด้านหลังทำซ้ำหลายครั้งทางที่ชี้ไปนั้นคือโบสถ
เธอพยักออกไปหาชายหนุ่มขณะพูดหลุดมาออกมาเบา เข้าใจแล้ว เธอมองกลับเข้าไปในโบสถชายหญิงในโบสถ
ยังคงอยู่เสียงสนทนาเริ่มมาได้สักพักและยังไม่ยุติลง ร่างที่สามจากภายในโบสถปรากฏขึ้นร่างคนสวมเกราะเหล็กดุจ
อศวินแบกขวานภายในโบสถ ไม่ช้าถัดมาร่างที่สี่โผ่ลมาจากภายนอกโบสถแล้วกำลังมุ่งหน้าไปที่โบสถ
“ อ่ะ! ” ชายหนุ่มหยุดหลบหลังต้นสน เขาได้เดินเข้าไปในโบสถหญิงสาวพึงสังเกต
“ รอก่อน! ” เธอพูดเสียงเบาเพื่อเขาได้ยินระยะห่างของชายหนุ่มห่างเกินไป
เท้าซ้ายก้าวเข้าไปข้างใน ร้องเท้าผ้าใบย้ำลงไปบนพื้นหินซึ่งคือส่วนหนึ่งของโครงสร้างโบสถเก่าแก่แห่งนี้
ชายแต่งกายคล้ายนักบวชอยู่ตรงหน้าชายหนุ่ม เขาถูกเหลือบมองโดยนักบวช
เขารู้สึกเหมือนกำลังโดนท้าทาย ดวงตาบนใบหน้าของคนในโบสถมองเขาด้วยความสงสัย หญิงชรากับชาย
ชราแล้ว ชายวัยกลางคนอีกหนึ่งซึ่งแก่กว่าตัวของชายหนุ่มหลายสิบปี คนภายในนี้มีม่มากนะ ยกเว้นสามบุคคุลหลักมี่ชาย
หนุ่มดูกังวลเป็นพิเศษ หญิงสาวมี่นังซุกพื้นมีเส้นผมปิดบังใบหน้าท่าทางของคอที่หันมาเมื่อครู่ ทำให้รู้ว่าเธอมมองมาที่ชาย
หนุ่ม คนปริศนาสวมชุดเกราะปกปิดร่างของตนได้แบกขวานใหญ่กับสวมหมวกเกราะเหล็กทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้ามีช่องผ่าน
ชุดเกราะใช้มองออกมาจากภายในแน่นอนคนผู้นั้นมองไปหาชายหนุ่ม ส่วนอีกคนเป็นชายตัวโตวัยกลางคนสวมชุดธรรมดา
ที่ไม่ต่างจากคนที่นั่งมองในเก้าอี้โบสถ หรือไม่มีอะไรสำคัญมากไปกว่า ผู้สวมเกราะหมวกเหล็กรูปทรงประหลาด ความสำคัญ
ของชาวบ้านผู้นี้คือเขาอยู่ในตำแหน่งข้างทางเข้าประตูโบสถ โดยมีชายหนุ่มยืนเป็นผู้มาเยือนให้ต้อนรับซึ่งตัวเขาเองไม่รู้ตัว
เหงื่อไหลลงจากเส้นผมลงมาถึงใบหน้าจนชายหนุ่มลำคาญ แต่เขาอึดอัดจนขยับตัวไม่ถูก
“ เชิญนั่งก่อน ”
ชายหน้าทางเข้าดูหน้าตึงเครียดพอสมควรชายหนุ่มคิด แล้วเข้าไปนั่งมุมด้านในของเก้าอี้ยาวของโบสถ หลังจากนักบวช
สังเกตการมาเยือนของชายหน้าทางเข้าเขาก็กลับไปพูดกับหญิงสาวที่มีหน้าเป็นปริศนา เสียงร้องไห้ ชายหนุ่มได้ยินอย่าง
ชัดเจน หัวใจของเขากำลังไหวสั่นอยู่ภายใน ชายชราที่นั่งข้างหญิงชราเอนคอมาหาชายหนุ่ม
“ ทำไมมาช้ากันนัก มีอะไรเกิดขึ้นที่หมู่บ้านรึเปล่า คนอื่นมั่วทำอะไรกันอยู่ ”
สติสัมปชัญญะของชายหนุ่มดับ
ชายชรามองชายหนุ่ม ดวงตาของชายชราผู้นี้โตและใบหน้าที่มีรอยตีนกาจนทำให้ภาพรวมดูดุดัน
ฉิปแล้ว
เขาจับคอของตัวเองโดยตัวเขาเองไม่ได้เจตนา ทำให้ชายหนุ่มนึกถึงสถานการณ์ในค่ำคืนก่อนแล้วมองผู้หญิงที่ทรุดตัว
ลงพื้นอยู่ห่างออกไป
“ พอดีที่หมู่บ้านมีคนบ้าไปหาเรื่องฆ่าคนเมื่อคืน ตอนนี้ทหารกำลังตามตัวฆาตกรอยู่ คนอื่นก็กำลังช่วยหาตัวมันอยู่เลย
ยังมากันไม่ได้ ”
“ ทหาร? ทหารฝ่ายไหนกันล่ะที่มา เจ้าพวกนั้นไม่ชอบมายุ่งเรื่องของชาวบ้านอย่างพวกเรา? ”
ตามที่ชายหนุ่มได้ยินมาจากหญิงสาวปริศนา เธอไม่ได้บอกชื่อของเหล่ากองทหารที่เดินทางเข้ามาในหมู่บ้าน เพื่อตาม
ล่าตัวของชายหนุ่มกับสาวสมุนไพรที่ตัวของหญิงสาวเองยังสงสัย เกี่ยวกับการที่เธอถูกเพิ่มในหัวของนักล่า
“ ทหารที่มีสัญลักษณ์กากบาทอยู่บนหลัง ”
ชายชราถูกทำให้ประหลาดใจโดยชายหนุ่ม
ชายหนุ่มรู้ว่าเขาควรตอบเช่นไรไป เขาจึงไม่ลุกลนในการตอบกลับไป เพราะสิ่งที่ทำในตอนนี้ไม่ต่างกับการโกหก
เมื่อครั้งที่เขาโกหกใครบางคน ด้วยเหตุใดเหตุหนึ่งเขารู้สึกผิดโดยนึกไม่ออกว่าในอดีตเขาโกหกใครไป ชายชราขยับคอไปมา
เขากำลังทำหน้าไม่พอใจ เขากำลังพูดบ่างอย่างออกมา
“ แล้วทำไม- ”
อศวินชุดเกราะหนาส่งเสียงดัง ใช้ขวานตีลงบนโต๊ะไม้กลางโบสถ โดยมีนักบวชสั่งให้ทำเมื่อตอนที่ชายหนุ่มกับชายหนุ่ม
ยังไม่หยุดการสนทนา ชายหนุ่มสะดุ้งขณะที่ชายชรากับหญิงชราพากันใจหาย
“ เอาไว้คุยกันหลังจบพิธีล่ะนะพ่อหนุ่ม ” ชายชราถอนหายใจ
ชายวัยกลางคนที่นั่งห่างไปทางขวาของโบสถจ้องดูการพูดคุยของชายหนุ่มอย่างสนใจ นักบวชแม้จะเหลือบมามองบ้าง
ตอนพูดกระซิบกับหญิงสาว นักบวชก็สนใจผู้มาเยือนผู้นี้เหมือนกัน
“ หลังจากเธอผู้นี้ถูกตราหน้าว่าเป็นผู้ร่วมหัวกับแม่มดโดยโทษของเธอไม่ได้ร้ายแรง ต่อไปนี้เราจะเริ่มส่วนสุดท้าย ”
ชายวัยกลางคนที่นั่งเงียบอยู่ทางด้านขวา เดินมาแบกตัวหญิงสาวออกไปจากกลางโบสถ ช่วงนั้นเองชายหนุ่มได้สังเกต
เห็นใบหน้าของผู้หญิงชัดเจนเส้นผมขยับผ่านตอนเธอลุก ใบหน้าดูอ่อนวัยแต่หน้าเธอออกแดงดำ แผลฟกช้ำตรงแก้มหรืออาจ
เป็นดวงตา แผลไหม้สดใหม่ชวนทำให้สยองสำหรับชายหนุ่มแผลไหม้นั้นเป็นสัญลักษณ์ที่เป็นตราประทับของลัทธิบางอย่าง
หรือบางอย่างที่มีความหมายให้เธอผู้นี้เจ็บปวด ชายหนุ่มใจเต้นรัวเพราะสัมผัสความกลัวจากสายตาและความเศร้าที่จมลึกใน
จิตใจ เธอนั่งลงบนเก้าอี้ของโบสถโดยมีชายวัยกลางคนพยุงตัวเธอ
“ ชายหนุ่มคนนั้น ” นักบวชชี้ตัวชายหนุ่มโดยการหันหน้ามองมาโดยตรง
ฉันเหรอ?
“ ช่วยร่วมมือกับเราในส่วนสุดท้ายหน่อยจะได้ไหม? เนื่องด้วยเหล่าผู้คนในบ้านของเธอไม่มาเราจึงไม่มีใครช่วย
ในส่วนนี้ เวลาที่ใช้ดำเนินการของเราช้ากว่าที่จำเป็น ”
“ ได้สิครับท่าน ” เขาเกือบพูดออกเสียงอย่างคนที่สงสัยในตัวคนอื่นซึ่งอาจเหมือนดูหยาบคาย สำหรับตัวบุคลิก
นิสัยของชายหนุ่มซึ่งเป็นพื้นฐานของตัวตนเขา ความคิดแบบนี้ทำให้เขาตอบกลับไปแบบเย็นชาโดยไม่ได้ตั้งใจ
แต่ชายหนุ่มควรจะดีใจหากรู้ว่านักบวชไม่ได้ติใจอะไรกับคำตอบสั้นๆ ที่เย็นชาของเขาเลย อีกสิ่งหนึ่งก็คือผลของประโยค
ที่เปรยออกมาทำให้เขาดูใจเย็นต่างจากตอนที่เขาเข้ามาแบบน่าสงสัย
ชายเฝ้าหน้าทางเข้าโบสถเดินตรงไปกลางโบสถตรงที่นักบวชกับอัศวินยืนอยู่ ชายวัยกลางคนลุกขึ้นหลังจากพาหญิง
สาวนั่งลงอย่างสงบเมื่อเธอจะสลบหรือไร...ก็ไม่แน่ชัด ชายหนุ่มเห็นดวงตาที่เปิดค้างศีรษะก้มต่ำ ตามองไปที่พื้นหรืออากาศก็
ไม่สามารถเข้าใจจุดประสงค์ได้ ชายวัยกลางคนเดินไปข้างๆ คนเฝ้าประตูพลางกวักมือใส่ชายหนุ่ม ในไม่ช้าชายหนุ่มก็ลุกออก
จากที่นั่ง เดินเข้าหานักบวช
“ พวกคุณช่วยกันยกออกไปข้างนอก หน้าโบสถ ตัวผมจะไปดูว่าตรงที่ใดสมควรให้พวกคุณวางลงไป ”
นักบวชพูดกับชายทั้งสาม โดยหันมาจับโต๊ะที่เขาบอกให้ชายทั้งสามยกออกไป
ชายหนุ่มสังเกตลักษณะของโต๊ะเบื้องหน้าเขา เลยได้รู้ทันทีว่าเขามองผิดไปโต๊ะที่อยู่กลางโบสถก็คือหีบใบหนึ่ง
ชายวัยกลางคนดูจะไม่ชอบใจหีบใบนี้เท่าไร
“ ท่านนักบวชพวกเราแค่สามคนเองนะ ”
นักบวชเข้าใจที่ชายผู้นี้กล่าวเลยไม่ล่ะที่จะตอบกลับด้วยรอยยิ้ม
“ มิเชลจะช่วยพวกท่านยกด้วย ”
ฮัศวินหัวเหลื่ยมวางขวานพึงกับกำแพงแล้วเดินไปที่มุมหนึ่งของหีบใบใหญ่โดยไม่พูดอะไร ชายทั้งสามพากันแบ่งมุมกันยกทั้งสี่
มุมสี่คน
ชายหนุ่มโล่งอกที่หีบใบนี้มีที่จับที่สะดวก การเคลื่อนย้ายคงไม่ใช้เรื่องยาก ในมือกำที่จับแน่นชายคนอื่นก็เช่นกัน
ยกเว้นอัศวินที่ไม่ทราบเพศของผู้สวมใส่ แต่เขาเห็นว่าทุกคนพร้อมจะยกขึ้นแล้วก็เริ่มมีการนับย้อนหลัง จากสาม
สอง
หนึ่ง
บางอย่างไม่ถูกต้อง
มุมนักเขึยน
หากคุณนักอ่านสังเกตว่าคำมันแปลกๆ ก็ถือว่านี้เป็นต้นฉบับที่ยังไม่ได้ปรับปรุงล่ะกันนะ (ปวดหัวหน่อยนะ)
ถ้ายังตามอ่านกันก็อยู่ ก็ขอขอบคุณที่ติดตามกันด้วยและเป็นกำลังใจให้คนเขียน (ขอบคุณที่อ่านมาถึงตรงนี้กันนะ หรืออาจเลื่อนมาเจอ (¯―¯٥) )
แล้วจะกลับมาสานต่อ (หากคนเขียนว่างก็จะกลับมาเขียนต่อ หรือยังตามอ่านกันอยู่)
คำยืนยันของเจ้าของเรื่องสั้น
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
7 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ