The rebound paradin in crow paht
เขียนโดย พาวจาพัจส์
วันที่ 14 พฤษภาคม พ.ศ. 2561 เวลา 22.43 น.
แก้ไขเมื่อ 29 มิถุนายน พ.ศ. 2563 11.58 น. โดย เจ้าของเรื่องสั้น
6) Carrion part 3
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
เรื่องราวของชายคนนี้กำลังถูกเล่าสู่ท่าน โดยมีข้าเป็นคนที่คอยดูแล ทำไมข้าจึงต้องดูแลเขาด้วย
มีบางอย่างไม่ถูกต้อง หัวใจบีบตัวเร็วขึ้นภายในอกของชายหนุ่ม หัวของเขาคิดออกไปว่า
หีบใบนี้โครตหนัก
เพราะเขาออกแรงยกเร็วไป โดยเหล่ามนุษย์ผู้รวมชะตา ยังไม่ได้ออกแรงยกกันเลยสักคน ผ่านไปหนึ่งช่วงหายใจ
น้ำหนักของหีบเริ่มสมดุลชายหนุ่มของเราถอนหายใจอย่างยินถึงถึงความหนักที่ลอยหายไป
หีบไม้ใบนี้ต้องมีบางอย่างอยู่ข้างในนี้แน่นอน น้ำหนักของหีบไม้ใบนี้ไม่น่าจะหนักขนาดชายสามคนยกจนต้องเอนตัว
ล่มไปตามหีบ หรืออาจลืมนับเป็นสี่คน ซึ่งยืนนิ่งโดยไม่ส่งเสียงออกมาจากชุดเกราะเหลี่ยมนั้น ชายหนุ่มเอียงไปทางขวาเล็กน้อย
เมื่อถูกแรงผลักของหีบ เช่นเดียวกับคนเฝ้าประตูที่ยกมุมหนึ่งของหีบอยู่ข้างหน้าเขา ชายผู้นั้นผลักตัวกลับไปทำให้หีบโอนเอน
ชายวัยกลางคนอยู่ด้านซ้ายของหีบตะโกนว่าข้ามหีบมาทางฝั่งขวาอย่างหัวเสีย
ชายทั้งสามตั้งตัวแล้วเริ่มเดิน
ในขณะที่ชายหนุ่มของเรารู้สึกถึงแรงสะเทือนจากภายในหีบที่ผลักเขาเมื่อครู่ เขามองไปที่หีบอย่างสงสัย
มันมีอะไรขยับไปมาอยู่ในนี้
จากสัมผัสของหีบที่เอียงเอนไปมาเล็กน้อย ฉันว่าฉันได้ยินเสียงมาจากในหีบ
เท้าที่ยังก้าวอยู่ ทำให้ชายหนุ่มมองไปข้างหน้าตามเดิม โดยยังมีแรงสะเทือนจากภายใน ภาพจากสายตาข้างหน้า
ของพวกเขาที่ยกหีบใบนี้อยู่ คือทางเข้าโบสถ ไฟจากเทียนไขส่องแสงไปกระทบบนกระจกหน้าต่างที่ฝุ่นเกาะ แสงอ่อนแรงของ
เปลวไฟภายในโบสถทำให้เกิดมุมมืดมากมายภายในโบสถ และภายนอกซึ่งเป็นพื้นดินโล่งข้างหน้าโบสถ
ในไม่ช้าด้วยแรงของพวกเขาทั้งสี่ก็ได้เดินออกมาจากโบสถแล้วว่างหีบใบนี้ลง ด้วยความห่างจากโบสถประมาณสาม
เมตรกว่าๆ ชายหนุ่มสะบัดแขนเล็กน้อย หลังจากปล่อยมือออกจากที่จับ นักบวชหนุ่มเดินตามพวกเขาออกมาข้างนอกโบสถ
พลางถือคบเพลิงในมือซ้ายส่งแสงออกมาให้เหล่าผู้ยกหีบ ชายหนุ่มหันมองคบเพลิง เขาไม่สังเกตเห็นว่ามันไม่เคยถูกจุดอยู่ตรง
ใดตรงหนึ่งภายในโบสถเลย มีเพียงแต่เชิงเทียนหลายอันจากกำแพงที่เป็นแหล่งสำคัญในการมอบแสงสว่างให้ภายในโบสถ ไม่
ว่าด้วยสาเหตุใดที่คบเพลิงนั้นโผ่ลออกมา สาเหตุนั้นก็เป็นเพียงความคิดเล็กน้อยให้ชายหนุ่มแสวงหาคำตอบอยู่ภายในหัว
ขณะที่ดวงตาแสดงบอกเป็นภาพว่าคบเพลิงให้ที่นักบวชถือมานี่ ให้แสงสว่างมากพอสำหรับการมองสภาพแวดล้อมของข้างนอก
และการมองเห็นของชายทั้งสาม
ภายนอก
สีของท้องฟ้าเริ่มเข้มขึ้น ก้อนเมฆเริ่มละลายหายไปในอากาศ ดวงจันทร์ดวงใหญ่เริ่มประกายแสงสว่าง พร้อมกับ
ดวงดาวที่เริ่มปรากฏให้เห็นจางๆ สาวสมุนไพรเริ่มมองเห็นเหตุการณ์ชัดเจน แสงไฟจากคบเพลิงทำให้เธอเห็นชายหนุ่ม
ชายหนุ่มเอยออกไปถามชายวัยกลางคนที่ยังดูเหนื่อยล้า
ตัวของชายคนนั้นช่างน่าประหลาด...
“ ข้างในนี้มีอะไรอยู่งั้นหรอ? ”
เพิ่มแรงลงไปบนใบหน้าของตัวเอง ชายวัยกลางคนมองไปหาชายหนุ่มที่ยืนอยู่อีกฝั่งของหีบไม้
“ พวกเขาพันผ้ารอบตัวเธอ แล้วจับเธอมาขังไว้ข้างในหีบ ”
ชายผู้นี้กล่าวออกมาอย่างจริงจัง เหมือนเขาอยากจะบอกเรื่องนี้ให้ใครบางคน บางคนที่เขามองเป็นพิเศษ
ชายหนุ่มดูสับสน
“ อะไรนะครับ? ”
“ …พวกเขาจะเผานางกันหน้าโบสถแห่งนี้ เจ้ารู้หรือไม่ว่าพิธีกรรมแบบนี้มีอยู่จริงๆ ถ้าคนในหมู่บ้านเจ้ารู้เรื่องเกี่ยวกับพิธีกรรมนี้
พวกเขาจะไม่ยอมให้ทำพิธีกรรมเช่นนี้แน่ ”
เงามืดในรูปของมนุษย์เดินออกมาจากภายในโบสถ ก้าวออกมาอย่างเชื่องช้า
“ พวกเราตัดสินใจกันแล้ว ” ชายชราผู้ยืนอยู่ด้านหลังของนักบวชหนุ่มเขาได้กล่าว หญิงชราเดินตามออกมาช้าเล็กน้อย
เธอไม่ได้พูดอะไร เพียงยืนอยู่ด้านหลังของชายชราอย่างสงบ
ชายชราทำให้เหล่าชายหนุ่มพากันยืนสงบ แม้กระทั้งชายหนุ่มผู้มึนงงในสถานการณ์ที่ตนไม่เข้าใจแล้วอยากจะเอ่ยถามออกมา
นักบวชหนุ่มมองพื้นดินหน้าโบสถเชิงครุ่นคิดบางอย่าง จนชายตัวโตที่เป็นคนเฝ้าประตูโยนเสียงทุ้มของตัวเอง
ไปหาชายวัยกลางคน
“ พวกเราคุยกันแล้ว เจ้าจะปล่อยให้นางรอด แล้ววางยาที่หมู่บ้านแห่งอื่นอีกรึ หากแย่กว่าพวกเราอาจถูกนางกลับมาแก้แค้น
ไล่สาปพวกเราทีละคน นางต้องถูกเผา ฤทธิ์ของมนต์ดำของนางจะสลาย ”
ชายหนุ่มยืนใจหายข้างๆชายตัวโต จนอีกฝั่งเริ่มพูดสวนกลับ
ชายหนุ่มเขาเริ่มประสานเหตุการณ์
“ ขุนนางเช่นเจ้าตัดสินใจฆ่าใคร ไล่ใครไม่เคยคิดถึงเหตุผลของคนเหล่านั้น แต่คิดแค่ผลประโยชน์ของตนเองเท่านั้น ”
“ นางเป็นตัวนำของโรคร้าย ความหายนะ ความหวาดกลัว หมู่บ้านเราจะไม่มีวันทำลายสิ่งเหล่านั้นได้ จนกว่านางจะ
ถูกเพลิงนรกแผดเผา ” ชายตัวโตมองตาของชายวัยกลางคนอย่างดุดัน
การพูดคุยของชายตัวโตกับชายวัยกลางคนดูหนักแน่น แม้ทั้งสองจะปะทะกันทางสายตาและวาจา แต่ก็รุนแรง
เหมือนการใช้กำมือชกไปที่หน้า ชายตัวโตดูน่าหวาดกลัวสำหรับชายหนุ่มมากขึ้นทุกครา ส่วนชายวัยกลางคนไม่อยู่ในช่วงเวลาของ
อารมณ์ที่ดีพอ ให้ชายหนุ่มถามถึงเรื่องของหีบไม้ใบนี้
หรือโรงศพ?
ชายตัวโตที่ถูกกล่าวว่าเป็นขุนนาง ยกแขนแล้วชี้ไปทางชายหนุ่มอย่างรวดเร็ว
ชายหนุ่มก้าวเอียงเอียดไปข้างหลัง เพราะมือสบัดมาใกล้หน้าของเขาสะเหลือเกิน
“ นางเป็นภัยต่อหมู่บ้านเรา! หมู่บ้านเขา ทุกคนในหมู่บ้านเขาเห็นด้วยในการกระทำครั้งนี้เป็นแน่ ”
“ คนที่นั้นยังดีพอที่จะไม่ทำอะไรโง่เช่นนี้ พวกเขาคงไม่อยากให้เจ้ามาสั่งสอน หรือทำเรื่องโง่เขลาเช่นนี้หรอก ตามที่
เจ้าพูดหากนางเป็นแม่มดนางจะไม่ตายหากถูกไฟแผดเผา แล้วถ้านางตายแล้วความจริงเผยออกมาว่านางไม่ใช่แม่มด พวกเรา
จะทำอย่างไรต่อล่ะ เมื่อเราเป็นฆาตกร ”
เสียงโลหะหนักกระทบกัน อัศวินชุดเกราะหัวเหลี่ยมเริ่มเดินเข้าไปหาชายวัยกลางคน
ชายผู้นั้นเขารู้ทันทีเลยว่าเขาได้ทำอะไรที่ไม่ควรทำลงไปแล้ว
นั้นอาจเป็นการดูหมิ่น
นักบวชเรียกชื่อของอัศวิน ‘มิเชล’ อัศวินหยุดเข้าหาชายวัยกลางคน แล้วเดินกลับไปตรงมุมเดิมของหีบที่อัศวินยกเมื่อครู่
“ สิ่งที่ข้าบอกเจ้า คำพูดเหล่านั้นเป็นของท่านนักบวชเจ้ากำลังกล่าวร้ายว่าท่านนักบวช ผู้อยู่ที่นี่เพื่อขับไล่แม่มด
เขาเป็นผู้ชำนาญ เขารู้ว่าเราควรทำอะไร ทำอย่างไร ” ชายตัวโตยืดอกผงาดก่อนกล่าวออกมาอย่างใจเย็น
ชายวัยกลางคนมองไปที่นักบวช
“ ขออภัยครับ แต่ท่านนักบวชเราควรเริ่มการตัดสินใจใหม่เพื่อทางออกที่ดีกว่านี้นะครับ เราต้องรอฟังความเห็นของ
อีกหมู่บ้านก่อนเสียก่อน ”
นักบวชก้าวเดินมาข้างหน้าหนึ่งก้าว เขาต้องการจะกล่าวบางอย่างให้ชัดเจน
“ เจ้าอาจไม่เคยเห็นคนที่ถูกแผดเผาโดยความโง่เขลาของตน เจ้าอาจยังไม่เคยพบเห็นสิ่งที่อยู่ตรงหน้า ตรงหางตาเจ้า เมื่อ
เริ่มมองหาจะได้รู้ว่าตรงหน้าเจ้านั้น คือกองเถาถ่าน พิธีจะดำเนินต่อ ” คำพูดของนักบวชปัดความมุ่งมั่นของชายวัยกลางคน
ชายหนุ่มปกคลุมไปด้วยความสับสนของการเข้าใจความหมายของคำที่นักบวชเปรยออกมา นักบวชมองไปทางด้านขวาสายตาผ่าน
ไปพบต้นไม้แก่เดี่ยวดาย บนพื้นแห้งหยาบและเหล่าต้นหญ้า เป็นต้นหญ้าที่พยายามเติบโตออกมาจากรอยแยกของพื้นแห้ง
“ ย้ายหีบไปตรงนั้น ”
นักบวชออกคำสั่ง อัศวินพยักหน้าตอบด้วยความเข้าใจด้วยท่าทางของความเคารพ แล้วได้หันไปมองชายทั้งสาม
ที่ยืนคนละมุมของหีบไม้
“ เอาล่ะยก ” พวกเขาเริ่มยกหีบใบนี้อีกครั้ง โดยมีขุนนางบอกเริ่ม
“ เรามีคนของหมู่บ้านอื่นอยู่ที่นี้ด้วยเจ้าไม่ต้องห่วง ” นักบวชกล่าวออกมา ชายหนุ่มเกือบสะดุดเท้าตัวเอง มันแปลกที่ว่า
เขาคิดว่าเขาทำหัวใจตัวเองหาย แต่สิ่งที่เกิดขึ้นคือเขาเกือบทำให้ตัวเองมีปัญหาเพราะความประหลาดใจต่างหาก
ขณะที่แบกหีบไม้ชายหนุ่มมองหีบพลางขมวดหน้าตรึง กับแรงสะเทือนจากภายในหรือแรงจากมนุษย์ที่อยู่ภายในหีบไม้
ด้วยความกลุ้มใจชายหนุ่มเลยได้มองกลับเข้าไปในป่า แสงไฟไม่สามารถส่องให้เห็นผ่านพุ่มไม้หรือโพรงหญ้า เขา
ไม่เห็นสาวสมุนไพรหลบอยู่ตรงไหนเลยในป่า ด้วยเหตุนี้การมองเข้าไปในป่าทำให้เขากลุ้มใจหนักกว่าเดิมเป็นอย่างมาก
พวกเขาวางหีบลง อัศวินก้าวออกมาจากหีบทันทีที่หีบอยู่บนพื้นอย่างสงบ อัศวินพูดคุยกับนักบวชด้วยระยะประชันชิด
เมื่อมองไปภาพที่แสดงให้เห็น เป็นอัศวินเดินผ่านนักบวช ชายสูงอายุกับหญิงชรา เข้าไปภายในโบสถ โดยมีเสียงพูดคุยที่ไม่
เข้าใจว่าทั้งสองพูดคุยอะไรกัน แต่ถว่าสำหรับชายหนุ่ม เขาไม่ได้สนเรื่องเนื้อหาของการสนทนา หรืออัศวินชื่อ 'มิเชล' เดินกลับเข้า
ไปในโบสถโดยมีจุดประสงค์อะไร
ชายหนุ่มมองหีบไม้นี้ด้วยใจมุ่งมั่น สลับกับชายวัยกลางคนที่ยืนอยู่อีกฝั่งของหีบ
“ เจ้า ” ขุนนางคนนี้แม้การแต่งตัวทำให้ชายหนุ่มไม่เชื่อในสิ่งที่ชายคนนี้เป็น แต่การถูกชายตัวโตผู้นี้เรียกในระยะหนึ่ง
ช่วงแขนทำให้ชายหนุ่มกังวล ยิ่งรวมสิ่งที่เขาคิดจะทำต่อจากนี้ด้วยแล้วแถบทำให้หัวใจหลุดออกจากอก แม้ความจริงความ
กังวลของเขา ไม่มีทางทำให้หัวใจหลุดออกมาได้หรอก
ฉิป! ชายหนุ่มสงบจิตสงบใจแล้วหันไปฟังขุนนางที่เริ่มถาม สิ่งที่น่ากังวล
“ ทหารที่มีสัญลักษณ์กากบาทนั้น เจ้าได้เห็นผู้นำของพวกเขารึเปล่า? ” ชายหนุ่มไม่เคยเห็นผู้นำของทหารที่
ไล่ล่าเขากับสาวสมุนไพร จากความจำสาวโฉมงามปริศนาไม่ได้เล่าถึงผู้นำของกองทหาร แล้วชายหนุ่มก็ไม่ได้ถามถึงเรื่องนี้
“ ไม่เห็นนะครับ… ”
เกิดบรรยากาศของความอึดอัดเล็กน้อย ขุนนางหันหัวหนีหน้าชายหนุ่มอย่างไม่สนใจ
ชายหนุ่มรู้สึกเหมือนถูกดูแคลน
“ งั้นไม่น่าจะเป็นปัญหา ” การพูดพึมพำหรือพูดออกมาโดยไม่ระมัดระวัง ทำให้ชายหนุ่มเห็นโอกาสบางอย่าง
นักบวชเดินเข้ามาใกล้ชายทั้งสาม ข้างหน้าของเขาคือหีบไม้สีเทา เป็นสีของความมืดบนท้องฟ้า ตะวันได้บอกลาขอบฟ้า ในตอนนี้
เหนือหัวปราศจากแสงตะวันเคียงข้าง แสงดาว แสงจันทร์แปล่งประกายสว่างขึ้น นักบวชหยุดมองท้องฟ้าเหนือหัว แล้วกลับมาสนใจหีบไม้
บนพื้น
ถึงคราวแล้ว…
นักบวชคิด
ชายหนุ่มกำมือชกไปที่หน้าของขุนนางสุดแรงแขน การส่งน้ำหนักตัวตามแขนที่พุ่งไปหาขุนนาง ช่วยทำให้กำปั้น
ของชายหนุ่มชกลงไปโดนขากรรไกรข้างหนึ่งของขุนนางได้อย่างแม่นยำแล้วรุนแรง ชายผู้นั้นสับสน แล้วพยามทรงตัวไม่ให้ล่ม
ขุนนางโขยกเขยกไปมา จนเขาหยุดการล่มลงของตัวเองไม่สำเร็จ เขาคุกเข่าลงพื้นแต่ก็ยังพยามลุกขึ้น เพราะดูเหมือนว่าขุนนางผู้นี้
จะไม่ชอบดินตรงพื้นดินสักเท่าไรนัก
ชายวัยกลางคนยืนตกใจหลังหีบไม้ นักบวชแสดงสีหน้าแบบเดียวกันแต่ยังคงรักษาท่าทางความน่านับถือไว้
ชายชรา และหญิงชราตกใจอ่าปากค้าง พวกเขาพร้อมจะพูดบางอย่าง แต่ตอนนี้ยังพูดไม่ออก
ชายหนุ่มของเราร้องคำครวญถึงความเจ็บปวดบนกำปั้นของเขา มันเป็นความเจ็บปวดเล็กน้อย เขายายามปกปิด
ความกระวนวายของตัวเองโดยการร้องอุทานออกมา
“ อ่า! เอย… มือฉันหนักไม่เบาเลยน่ะเนี่ย ” ประโยคสุดท้ายออกเสียงเบาๆ พร้อมเสียงหัวเราะแห้งๆ
ขุนนางรีบลุกขึ้นยืน พร้อมหันมาหาชายหนุ่มด้วยโทสะ และความพร้อมที่จะสวนกลับด้วยความหยาบคาย
“ ทำอะไรของแกว่ะ ไอ้- ” มันช่างน่าเหลือเชื่อที่ ชายวัยหนุ่มที่รูปร่างหน้าตาไม่ดี จะเคลื่อนไหวได้ไวอย่างที่เขาทำ
ชายหนุ่มพยายามรัดคอของขุนนาง โดยใช้มีดพกจ่อหน้าชายตัวโต เพื่อจำกัดการเคลื่อนไหวตัวไม่ได้อย่างอิสระ ถึงจะโดนแขนขุนนาง
ปัดหน้าไปนิดเดียว ชายหนุ่มก็หลบช่วงที่อันตรายมาได้ ทำให้ขุนนางไม่อาจหนีการจับตัวที่เกือบจะสมบูรณ์ของชายหนุ่มได้
“ ลุง! ช่วยคนที่อยู่ข้างในเร็ว ” ชายหนุ่มเรียกชายวัยกลางคน เสียงเรียกนั้น เหมือนการเตือนสติสำหรับชายผู้นั้น
ชายวัยกลางคนดูจะสบสนอย่างหนักจนทำอะไรไม่ถูก เขามองไปที่นักบวช แล้วคนชราทั้งสอง มองย้อนกลับมาที่
หีบไม้ และชายหนุ่มที่ใช้แขนรัดขอ ถือมีดจ่อขุนนางข้างหน้าตน
ในตอนนั้นชายหนุ่มคิดเศร้าใจกับการตัดสินใจในครั้งนี้
ถ้าข้างในนี้ไม่ใช่คนจริงๆล่ะ อาจเป็นสัตว์หรือตัวอะไรสักอย่าง
เขาสบสนแล้วอารมณ์เสียที่เขาเชื่อเสียงในหัว ว่าข้างในนี้มีคนอยู่จริง
ถึงความจริงจากสิ่งรอบตัวเขาจะบอกเด่นชัดอยู่แล้ว ทั้งชายที่พูดถึงการจับเธอมัดแล้วเผา พิธีกรรม แม่มด?
หญิงสาวที่มีรอยแผลบนใบหน้าภาย
“ คุณลุงอยากช่วยคนในนั้นรึเปล่า! ”
ตึง
ช่างแปลกนักที่เริ่มมีความกดดันมากขึ้นเมื่อเวลาได้ดำเนินไปทีละเล็กน้อย
ชายวัยกลางคนท่าทีของเขา เหมือนจะเริ่มทำอะไรสักอย่าง ช่างน่าแปลกใจสำหรับชายหนุ่มที่ยังเห็นชายคนนั้นมัวย่ำอยู่กับที่
“ คิดให้ดีนะท่าน ว่าการจะทำอะไรที่ไม่ควร อย่าทำเลยเสียดีกว่า ” นักบวชพูดโดยไร้รอยยิ้ม มองไปยังชาย
วัยกลางคน ส่วนขุนนางขยับปากแทนการขยับตัว เพราะชายหนุ่มแอบขู่เบาๆว่า “ อย่าน้า อย่าน้า อย่าขยับน้า ”
ตึง
“ ถ้าแกช่วยมันออกมา ตัวแกจะถูกตราหน้าว่าเป็นพวกนอกรีดป่าเถื่อน ทิ้งหมู่บ้าน ทิ้งศาสนา ให้เดือดร้อน- ”
“ พูดเยอะไปแล้ว ” ชายหนุ่มขยับมีดเข้าใกล้แก้มของขุนนาง แม้ใจจริงเขาไม่กล้าที่จะลงคมมีดลงไปบนหน้าก็ตาม
ถึงจะเคยเอามีดแทงเข้าไปในดวงตามาแล้วก็เถอะ
เขาประหม่า และเหงื่อตกอยู่พอตัว
ตึง
ไม่อยากเชื่อเลยว่าฉันจะมาทำอะไรแบบนี้ มันเหมือนว่าฉันผู้ร้ายไปแล้ว!
การกระทำของเขานั้น ทำให้เขาหวั่นกลัวด้วยสาเหตุบางอย่าง ถ้าชายหนุ่มเห็นว่าชายวัยกลางคนไม่ยอมช่วยคนใน
หีบไม้ เขาคงต้องใช้วิธีขู่จะฆ่าขุนนาง ซึ่งเป็นไปได้ยากที่จะสำเร็จ แต่วิธีที่สำเร็จแน่นอนคือการหนีเอาตัวรอด
ตึง
“ ได้เลย! ” ชายวัยกลางคนพูดออกมาแล้วรีบก้มตัวลงไปที่หีบไม้เพื่อจะเปิดผนึกออก
“ แกมันโง่! ” ขุนนางขยับตัวพูดเยาะย้อยออกมาด้วยรอยยิ้ม ช่างน่าแปลกชายหนุ่มคิด แล้วเห็นว่าขุนนางชายคนนี้ลืม
อะไรไปอย่างหนึ่ง
“ อยู่เฉยๆ เห็นมีดฉันเป็นของเล่นรึไงหา!? ” มีดพกเปลี่ยนตำแหน่งไปมา ข้างๆ หน้าของขุนนาง
แต่พูดบทตัวร้ายก็สนุกเมื่อกันเฮะ...
ชายหนุ่มหัวเราะแห้งอยู่ในความคิด
ขุนนางไม่ชอบใจเท่าไร เขามองกลับเข้าไปในโบสถ ไม่สนใจมีดพกแม้แต่น้อย
ตึง!
ชายหนุ่มมองไปยังโบสถเช่นเดียวกัน
ดูเหมือนชายหนุ่มจะลืมอะไรไปอย่างหนึ่งเช่นกัน
[มุมนักเขียน]
สวัสดี แล้วขอบคุณที่อ่านมาถึงตรงนี้ หรือเลี่อนมาเจอ
ส่วนเนื้อหาของเรื่องสั้นนี้อาจดูเก่าไปบ้าง เพราะเราไม่ได้กลับมาเขียนบ่อยหรือดองนั้นเอง แต่ยังเขียนอยู่นะ
ถ้ายังมีคนตามอยู่ก็ขอขอบคุณนักอ่านมาก
----------------
บางช่วงนักเขียนได้ลองวาดคอมมิคเรื่องสั้น หากสนใจลองเช็คดูได้นะ ระหว่างรอนักเขียนลงบทใหม่ (ระหว่างนักเขียนของเราหายหมดไฟ)
https://www.wecomics.in.th/comics/9494/influence-affect-mindset-iam
(เหมือนโฆษณาเลย... แต่ไม่ได้ค่าโฆษณาหรอกนะ)
คำยืนยันของเจ้าของเรื่องสั้น
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ