เด็กชายกับปู่โสม(เฝ้าทรัพย์)

8.7

เขียนโดย นิกซ์

วันที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2560 เวลา 21.42 น.

  10 ตอน
  9 วิจารณ์
  14.90K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 31 มกราคม พ.ศ. 2561 14.13 น. โดย เจ้าของเรื่องสั้น

แชร์เรื่องสั้น Share Share Share

 

7) ตอนที่ 6 ภารกิจปราบผีป่า

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

พายุพาวาโยมาส่งที่หมู่บ้าน อุสา ซึ่งเป็นหมู่บ้านที่อยู่ใกล้ กับป่าพญาเผือก พายุเห็นว่านี่ก็ดึกมากแล้ว จะพาไปส่งที่โรงแรมแต่วาโยไม่ค่อยชิน แต่พายุเห็นว่า เค้าจะหาที่พักในยามนี้ไม่ได้ แต่วาโยก็ยืนยันว่าจะไปนอนที่วัด แต่พายุบอกไว้ว่า ที่วัดแห่งนี้ไม่สะดวกสบาย แต่เด็กหนุ่มก็ยืนยันคำเดิม พายุจึงบอกทางที่จะไปที่โรงแรมให้ จากนั้นพายุก็ขับรถจากไป

วาโยสะพายกระเป๋าของตน  ก่อนจะตรงไปที่วัดป่าขาว ที่อยู่ไม่ไกลจาก หมู่บ้านอุสา เด็กหนุ่มเห็นว่า วัดแห่งนี้  อยู่ไม่ไกลจากป่า มีกุฏิอยู่หลังหนึ่ง ศาลาไม้เก่าๆ โบสถ์หลังหนึ่งที่เก่า เค้าสังเกตว่า ที่วัดกำลังจัดงานศพ ของใครก็ไม่รู้ น่าจะเป็นคนในหมู่บ้าน เพราะชาวบ้านมาเต็มศาลา ดูท่าเค้าจะพักที่วัดไม่ได้แล้วสิ

“ไปโรงแรมก็ได้”แต่เค้าก็อดแปลกใจไม่ได้ เค้าไม่เห็นวิญญาณ ของศพที่จัดงานเลย ที่เค้าเห็นก็มีแต่วิญญาณอื่น ที่วนเวียนอยู่รอบๆวัด ถามว่าทำไมเค้าถึงแยกออก เพราะว่าเค้าอยู่แต่ในวัดตั้งแต่เด็ก ย่อมเคยเห็น วิญญาณของคนที่ตายมักจะอยู่ใกล้ๆกับโลงที่บรรจุร่างของตัวเอง

“อ้าว ไอ้หนุ่ม มาจากไหนรึ?”ชายชราร่างผอมเกร็ง วัยเจ็ดสิบกว่าร้องทัก

เด็กหนุ่มยกมือไหว้ ชายชราที่ร้องทักเค้า“มาเที่ยวน่ะครับ ไม่ทราบว่า จัดงานอะไรเหรอครับ”

“อ้อ งานศพ คนแถวนี้น่ะ  เฮ้อ ไม่น่าอายุสั้นเลย เออ แล้วพ่อหนุ่มจะมาเที่ยวที่ไหนล่ะ”

“ป่าพญาเผือกครับ เห็นว่าเป็นที่สวยงามมากเลย”

ชายชราหน้าซีด “เสียสติไปแล้วรึ ไอ้หนุ่ม “

“ทำไมรึครับ”

“ที่นั่นน่ะ มันอันตรายมากกว่าสวยงามนะ”

และนั่นทำให้เค้าได้รู้ว่า ป่าพญาเผือก เป็นป่าอาถรรพ์ อยู่ไม่ไกลจากเขตรอยต่อชายแดนประเทศเพื่อนบ้าน ที่ผู้คนไม่กล้าเข้าไปหากไม่จำเป็น จะเข้าไปก็มีแต่พวกพราน และผู้เฒ่าผู้แก่ ที่ชำนาญทางเท่านั้น ที่จะเข้าไป แต่พักหลังๆพวกที่เข้าไปในป่า กลับถูกฆ่าตายอย่างสยดสยอง โดยที่ศพนั้น พวกที่เดินเข้าไปในป่าจะพบโดยบังเอิญ และงานศพที่กำลังจัดก็เป็นเหยื่อที่โชคร้าย เข้าไปในเขตอาถรรพ์และโดนลงโทษ สภาพศพนั้น แทบไม่เหลือเค้าเดิมเลย อ่า…ดูท่างานนี้ เค้าคง

“หมอนั้นฉลาดดีนะ ว่าไหมคะ พี่วุธ”เสียงหวาน ของใครบางคนเอ่ยถามอย่างอารมณ์ดี

คฑาวุธที่ถอดจิต ตามมาดูเอ่ยตอบ ขณะที่สายตายังคงจ้องมอง เด็กหนุ่มที่เป็นเหมือน น้องใหม่ ที่จะมาเป็นมือปราบ

“ไม่รู้สิ พี่ว่าเค้าแค่งกนะ”

“นั่นก็แค่ส่วนหนึ่งนะ แต่สำหรับหนู หนูคิดว่า เค้าอาจจะต้องการข้อมูลด้วยก็ได้ ภารกิจครั้งนี้ ได้ยินว่า ยากพอดูเลยนิ”

ชายหนุ่มหัวเราะร่า”ก็ทำไงได้ ก็นี่มันเป็นภารกิจเดียวที่ยังว่าง เอาน่า ถ้าไม่สำเร็จ มือปราบอีกสาม ก็ยังอยู่นะ”

“แต่หนูเดาว่า เค้าทำได้แน่ วาโย ศิริกุล จะสามารถทำภารกิจได้สำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี”

“ทำสำเร็จโดยไม่มีผู้ช่วยน่ะเหรอ  ความเป็นไปได้ มีแค่ 20%เองนะ ถ้าทำได้ มันก็โคตรเก่งนะ ”

“แหมๆ แต่งานนี้ ก็ไม่ยากอะไร ที่ชั้นเห็น เค้าจะทำสำเร็จ แต่อ่วมอรทัยเลย แต่ พี่บัวมาด้วย ก็ช่วยได้ อย่ากังวลเลย”

“ถ้าอาการแย่มาก พี่คิดว่าบัวคงจะไม่ไหวนะ”

“จะเป็นไรไป สามคนนั้นพอเห็นภารกิจเสร็จ ก็พากลับสำนักงานให้ หน่วยอินทร์เทพรักษา จัดการให้เอง ชั้นทำเรื่องเอาไว้แล้ว”

“นี่ แสดงว่ารู้หมดหมดแล้ว?”

คนถูกถามยิ้ม “ไปนะ แบ่งวิญญาณ มานานๆ ไม่ค่อยดี แล้วเจอกันนะคะ พี่วุธ”

“แล้วเจอกัน คุณรองหัวหน้าหน่วยอินทร์เทพรักษา”คฑาวุธยังคงเฝ้าดูต่อไป  ชายหนุ่มแย้มยิ้ม“อยากจะรู้เหมือนกัน เธอจะทำยังไงต่อ วาโย ศิริกุล”

วาโย จำต้องใช้คาถาย่นเวลา เดินเท้ามาที่โรงแรม ที่อยู่ใกล้ที่สุด ถึงแม้จะเป็นโรงแรม เล็กๆแต่ก็สะดวกสบาย เหมาะแก่การนอนพักที่สุด เด็กหนุ่มจัดการร่ายคาถาป้องกัน ตามที่ได้เรียนมารอบเตียง เพื่อป้องกัน ลมเพลมพัด (คือเวลา พวกเล่นของจะปล่อยของเพื่อทดลองวิชา เรียกว่า ลมเพลมพัด นะจ๊ะ)และ วิญญาณมารบกวน

หลังจากอาบน้ำ เปลี่ยนชุดเรียบร้อย เด็กหนุ่มก็สวดมนต์ ก่อนนอน อย่างที่เคยทำประจำ

เช้าวันต่อมา

วาโย เลือกสวมชุดที่ทะมัดทะแมง เหมาะแก่การเดินป่า เค้านำปืนลูกโม่ลงอาคม ที่ตนซื้อมาจาก คฑาวุธ มาหนึ่งอัน เหน็บไว้ที่ข้างเอว โดยเอาเสื้อคลุมสีดำตัวเก่ง ปิดไว้อีกที ปืนที่คฑาวุธ นำมาขายนั้น คือปืนจริงๆ เดิมทีปืนก็ราคาแพงมาก แต่พายุแอบกระซิบมาว่า ครอบครัวของพี่วุธเป็นเจ้าของโรงงานผลิตอาวุธเถื่อน เค้าจึงสามารถนำอาวุธเก่าๆบางส่วนออกมาปลุกเสกได้ ไอ้อาวุธน่ะไม่เท่าไหร่ แต่กระสุนปลุกเสกนี่แพงโคตรๆ

“สะดวกดีแฮะ” เหตุที่เค้ายิงปืนได้เพราะตอนแวะไปหาพ่อที่เชียงใหม่ช่วงปิดเทอม พ่อได้พาไปเรียนยิงปืน ที่โรงเรียนที่มีชื่อเสียง นอกจากการยิงปืน ท่านปู่โสม ยังสอนการยิงธนูและหน้าไม้ให้อีก

หลังจากกินข้าวต้ม ที่เป็นบริการอาหารเช้าของโรงแรมเรียบร้อยแล้ว วาโยก็สะพายเป้คู่ใจเช็คเอ้าท์ออกจากโรงแรม ตรงไปยังป่าพญาเผือก จากข้อมูลที่พายุเคยพูดไว้ เค้าต้องจัดการปราบผีป่า ที่สิงสถิตอยู่ที่นั่นให้หมด และนำวิญญาณเร่ร่อนในป่านั้นมาที่สำนักงานเพื่อรอการพิพากษา จบงานค่าจ้างส่วนที่เหลือจะให้อีกที นับว่าคุ้ม เพราะแค่ค่าอาวุธอย่างเดียวก็ทำเอาเงินที่ได้มา แทบจะหมดเพราะเค้าต้องซื้อผ้ายันต์ที่ถูกปลุกเสกไว้สำหรับแปะในเสื้อจะทำให้เสื้อตัวนั้นกลายเป็นเสื้อเกราะ ยังดี ที่เค้าได้ยันต์กันอาณาเขต เอาไว้พรางตาคนธรรมดาไม่ให้เห็นตอนต่อสู้และยังช่วยกันภูติผีที่เป็นเป้าหมายไม่ให้หนีออกนอกเขตได้ในระดับหนึ่งมาแบบฟรีๆด้วยเหตุผลที่ว่า มันคือของจำเป็น ดีที่ยังเหลือค่าที่พักค่ากินอยู่ ก่อนจะเข้าป่า วาโยแวะที่ร้านขายยา เพื่อซื้อยาที่จำเป็น เผื่อเอาไว้ เพราะไม่รู้ว่าจะเจออะไรบ้าง และแวะซื้อข้าวเหนียวกับหมูเค็มและน้ำเอาไว้เป็นเสบียง

เด็กปหนุ่มจึงมุ่งหน้าเข้าสู่ป่าพญาเผือก การเดินป่าแบบนี้สำหรับวาโย ถือว่าไม่คอยชินสักเท่าไหร่ เพราะสภาพอากาศร้อนชื้น

“ร้อนชิบ!”

เด็กหนุ่มหันซ้ายเลขวา ป่านี้ประหลาดเกินไป ไม่มีแม้แต่เสียงนก ไม่มีแม้แต่กระรอก  พอดูนาฬิกาก็พบว่าเค้าเดินเข้าป่ามาได้สามชั่วโมงแล้ว เค้านำกระจกส่องวิญญาณมาดู ก็ไม่พบวิญญาณเลยสักดวง เท่าที่รู้มาจากชายชราที่เจอที่วัดเมื่อคืนวาน ที่รู้ว่า ชื่อ บุญสม แกได้บอกว่า ถ้าเค้าจะเข้าป่าพญาเผือก ก็ควรจะเข้าไปในช่วงกลางวันและควรเข้าไปแค่ในเขตที่พวกพรานป่ากำหนดให้เท่านั้น โดยจะมีป้ายเตือนไม่ให้เข้าไปในเขตอาถรรพ์ เพราะอาจถูกผีป่าฆ่าตายได้

เด็กหนุ่มนั่งพักที่ใต้ต้นไม้ใหญ่เพื่อเอาแรง ก่อนจะหยิบน้ำมาดื่มพอแก้กระหาย ป่านี้ช่างแปลกดีจริงๆตั้งแต่เข้าป่ามา แม้แต่สัตว์สักตัวก็ไม่เห็นผิดวิสัยของธรรมชาติ

วาโยสะพายเป้ก่อนจะเดินป่าต่อ สักพัก เค้าก็พบกับรอยเท้าคน เด็กหนุ่มจึงย่อตัวดู เค้าสังเกตว่ารอยเท้านี้เกิดขึ้นนานแล้ว และกำลังมุ่งไปข้างหน้า …จะลองตามไปดีไหมนะ…

เด็กหนุ่มชั่งใจอยู่นาน ว่าจะตามรอยเท้านี้ไปไหม เท่าที่ดูน่าจะเป็นของคนแก่ สงสัยล่ะสิ ว่าทำไมเค้าถึงแกะรอยเป็น เพราะปู่โสมผู้เป็นอาจารย์ได้สอนการแกะรอยให้ เผื่อยามจำเป็น และเค้าก็ไม่นึกเลยว่าจะได้ใช้มันก็เอาคราวนี้  ดูจากรอยแล้วน่าจะตรงเข้าไปในป่า เค้าจึงตัดสินใจเดินตามรอยนั้นไป

ภายในกระท่อมเล็กๆในป่า…

“มีคนเข้ามาในเขตกู”ชายชราผมขาวโพลนนุ่งชุดดำ ถือประคำสีดำเส้นยาว เบื้องหลังคือแท่นพิธีกรรม ที่มีหัวกะโหลก องค์เทพ กุมารทอง

“ท่านอาจารย์ จะจัดการยังไงดีขอรับ”เสียงๆหนึ่งร้องถาม

“รอมันเข้ามาใกล้กว่านี้ก่อน ตะวันตกดินเมื่อไหร่ ไอ้หนุ่มนั่นชะตาขาดแน่…”

“ระวังตัวเอาไว้หน่อยขอรับท่านอาจารย์ ท่าทางไอ้หนุ่มคนนั้น ถ้าจะร้ายอยู่”

“หึๆมันก็แน่อยู่แล้ว ท่าทางมันใจกล้าน่าดู”

“แต่อาจารย์ ผมรู้สึกว่า คนๆนี้มันไม่เหมือนคนอื่นนะ”

“เหลวไหล มันก็แค่เด็กวัยรุ่นที่ชอบลองของก็เท่านั้น”ชายชราชุดดำแสยะยิ้มเหี้ยม…

“จะไหวรึเปล่านะ วาโย ชั้นเชื่อมั่นในตัวนายมากเลยนะ”ร่างๆหนึ่งที่กำลังมองไปที่กระท่อมเล็กๆหลังนั้น อีกฝ่ายเป็นถึงหมอผีที่มีพลังเวทย์มากระดับ3 และมีของขลังมากมายเลยนี่นา

“ถ้านายเอาชนะไม่ได้ งานนี้ชั้นโดนว่าแน่เลย เอาเถอะกังวลไปก็ไม่มีประโยชน์ ดูต่อไปดีกว่า แต่เหนื่อยเหมือนกันนะเนี่ย ที่ต้องหลบพวกมือปราบฯคนอื่นเนี่ย แย่จัง…” สักพัก…รอยยิ้มผุดขึ้นบนหน้าของร่างนั้น “ นายจะทำยังไงต่อไปล่ะ วาโย”

ทางด้านวาโย

หลังจากที่เดินตามรอยเท้าที่เดินเข้าไปในป่า เค้าเดินตามไปจนกระทั่งเห็นป้ายเตือนว่าอันตราย เด็กหนุ่มสังเกตว่า ป้ายที่เตือนไว้นั้น เป็นป้ายที่ทำจากแผ่นไม้ที่เขียนว่าอันตรายด้วยสี ที่ตอนนี้มันเริ่มจางแล้ว เด็กหนุ่มเดินตามรอยเท้าต่อไปเรื่อยๆ

จนกระทั่งรอยนั้นได้หายไป มันสิ้นสุดที่ต้นไม้ใหญ่ เค้าดูเวลาโดยใช้นาฬิกาข้อมือของตน “บ่ายสองแล้วแฮะ”

เด็กหนุ่มนั่งพักอย่างหมดแรง นี่เค้าเล่นเดินป่ามาตลอดตั้งสามสี่ชั่วโมงโดยที่ไม่ได้หยุดพักเลยเหรอเนี่ย สงสัยเดินเพลิน

“แปลกแฮะ รู้สึกเหมือนโดนจ้องมองเลย”

เด็กหนุ่มส่ายหน้าไล่ความคิดออกจากหัว ก่อนจะนั่งพักเอาแรงต่อ

วาโยรู้สึกตัวอีกที อาทิตย์กำลังจะตกดินเสียแล้ว

“อ่า…หลับเพลินอีกแล้ว”เด็กหนุ่มขยี้หัวของตน พลางบ่นตัวเอง เค้านำไฟฉายออกมาส่อง มันช่วยได้มากเลยจริงๆ เค้ายังไม่พักหรอกนะ “เข้าไปอีกหน่อยดีกว่า” เด็กหนุ่มสะพายเป้แล้วตามรอยต่อไป

เมื่อเดินตามรอยเท้ามาจนสุดรอย วาโยพบว่ามันหยุดอยู่ที่ ใต้ต้นใหญ่ แต่ต้นนั้นได้ตายไปเสียแล้ว บัดนี้เหลือเพียงแต่ลำต้นใหญ่ที่ปราศจากใบและผลเสียแล้ว

เด็กหนุ่มรู้สึกประหลาดใจ เพราะต้นไม้ต้นอื่น ดูเขียวขจี  แต่ต้นไม้ต้นนี้เป็นเพียงต้นเดียวที่เหี่ยวเฉา

…ฝังอาถรรพ์…การฝังอาถรรพ์สร้างอาณาเขตนั้น จะต้องฝังใต้ต้นไม้ใหญ่ที่มีขนาดหนึ่งคนโอบเท่านั้น  หากฝังของที่ปลุกเสกอาถรรพ์แล้ว จะทำให้ต้นไม้ที่ฝังตายทันที สิ่งที่ยืนยันได้ว่า ที่ต้นไม้ต้นนี้ถูกฝังอาถรรพ์ก็คือ ไออาถรรพ์ ที่มีเฉพาะคนที่มีสัมผัสที่หกเท่านั้นถึงจะมองเห็น

“ก่อนอื่นก็…”วาโยจัดการ เอามือแตะที่ดินใต้ต้นไม้ ท่องคาถาล้างอาถรรพ์

‘พริ้ววววว!!’

รอบตัวเด็กหนุ่ม เกิดใบไม้ปลิวว่อน  ไออาถรรพ์ที่มี สลายตัวไป

‘แย่แล้ว’

วาโยไม่รอช้า รีบใช้บ่วงจับวิญญาณ คล้องเอาไว้ วิญญาณ ที่แอบดูเค้าไว้ได้ทันการณ์ “สะดวงจริงๆนะ บ่วงนี่น่ะ ว่าแต่แกมาจากไหนกัน” เด็กหนุ่มเอ่ยถามวิญญาณชาย ที่น่าจะอยู่ในวัยกลางคน ผมเผ้ายุ่งเหยิงไม่สวมเสื้อ มีเพียงผ้าพันกายที่ขาดรุ่งหริ่งเนื้อตัวมอมแมม ดูแล้วน่าจะเป็นผีป่าไร้ญาติ

“ใครส่งแกมา ชั้นถามซ้ำแค่ครั้งเดียวนะ เพราะชั้นไม่ชอบเก็บตัวไร้ประโยชน์เอาไว้”ว่าจบ เด็กหนุ่มก็นำปืนอาคม ที่เหน็บเอวออกมาจ่อยิง

‘อย่าทำชั้นเลยจ้ะ นาย ชั้นเป็นเพียงขี้ข้าของท่านหมอชัย เท่านั้น’

“ทำไม เค้าส่งแกมาจับตาดูชั้นล่ะ”

‘ชะๆ ชั้นบอกได้แค่ว่า นายของชั้นจะส่งพวกนั้นมาจัดการนายน่ะ’

“พวกไหน”

เจ้าผีป่าหันไปข้างหน้าอย่างหวาดผวา ดวงตาของมันถลนแทบจะออกมานอกเบ้า

วาโยหันไปอย่างใจเย็น

‘กอย…กอย…’

‘กอย…กอย…’

ภาพที่ชายหนุ่มเห็น วิญญาณชายฉกรรจ์หน้าตาดุร้าย ผมเผ้ายุ่งเหยิง ปากกว้างกำลังแสยะยิ้ม  หลายสิบคน พวกมันไม่สวมเสื้อมีเพียงผ้าสีตุ่นๆพันช่วงล่างปิดกันอุจาดเท่านั้น และทุกคนมีขาข้างเดียวกำลังกระโดดอยู่กับที่ สายตาพวกมันที่มองมาที่เค้านั้น มีความความกระหายเลือด

“กองกอย เข้าใจเล่นนะ” …นี่สินะ พวกที่ฆ่าชาวบ้าน แต่ทำไม มันถึงทำล่ะ…

ความคิดของเด็กหนุ่มหยุดลงฉับพลันเพื่อผีกองกอยตัวหนึ่งกระโจนพรวดเข้ามา ทำให้เค้าต้องชักปืนอาคมที่เหน็บเอวมายิงใส่ในทันที

“กรี๊ซซซซ!”ร่างของกองกอยตัวร้ายก็มอดไหม้เป็นผุยผง

“ฮ่าๆๆๆๆ”หมอผีเฒ่าหัวเราะอย่างสะใจ หลังจากที่ส่งฝูงผีกองกอไปจัดการกับ เหยื่อ ที่บุรุกเขตของตน ถูกขยำตาย เหมือนเหยื่อรายอื่นๆ

“ดีใจอะไรรึครับ คุณตา”

เสียงที่ไม่คุ้นดังขึ้น ทำเอาตาเฒ่าหมอผี วิ่งถลาออกมาหน้ากระท่อมอย่างร้อนรนจนเกือบล้มคะมำ ตาที่เรียวเล็กก็เบิกโพลงเมื่อเห็น เด็กหนุ่มแปลกหน้า ในสภาพที่สบายดี แถมในมือยังถือบ่วงที่รัดวิญญาณข้ารับใช้คนสนิทอีกต่างหาก

วาโยยิ้มแย้ม”ฝูงผีของคุณตาทำเอากระสุนของผมหมดเกลี้ยงเลยนะครับ”

“ปะ..เป็นไปไม่ได้ ฝูงกองกอยพวกนั้นโดนปืนธรรมดาจัดการเนี่ยนะ”

“เปล่า..นั่นคือกระสุนลงอาคมต่างหาก” วาโยโนบ่วงที่รัดวิญญาณผีป่าไปที่ต้นไม้ใหญ่ บ่วงรัดวิญญาณก็จัดการมันเจ้าผีป่าเข้ากับต้นไม้ทันที

เจ้าผีป่ายังคงร้องขอให้ผู้เป็นนายช่วยเหลือ

ชั่วอึดใจ หมอผีเฒ่าก็ระเบิดหัวเราะลั่น”ฮ่าๆๆๆ”จนวาโยเลิกคิ้วคิดว่าชายชราคนนี้เสียสติไปแล้วแน่

“นึกไม่ถึงว่า พวกมือปราบจะส่งเด็กอมมือมา ฮ่าๆ ไอ้หนูกลับไปเสียเถอะ”

“ผมคงจะกลับไม่ได้ ผมได้รับหน้าที่ให้มาจัดการผีป่าที่นี่”

“เอ็งก็ได้พวกผีกองกอยของข้าไปแล้วนี่ จะต้องการอะไรอีก”

เด็กหนุ่มจ้องเขม็ง “ผมจะจัดการกับต้นเหตุยังไงล่ะ ผมไม่รู้หรอกนะว่า คุณตาจะฆ่าคนที่เข้ามาในป่านี้ทำไม”

“เรื่องของข้า ไม่เกี่ยวกับเอ็ง หึ!อยากลองดีนัก!”ว่าจบหมอผีเฒ่าก็หยิบบางสิ่งออกมาจากย่าม แล้วว่าคาถาขมุบขมิบแล้ว

เขวี้ยง สิ่งที่อยู่ในมือออกมา

ควันสีดำพุ่งออกมาหมายจะทำร้ายเด็กหนุ่ม แต่มันก็ต้องอันตรธานไป

ไม่รอให้หมอผีเฒ่าได้ลงมืออีกครั้ง วาโย พุ่งเข้าไปต่อยอีกฝ่ายทันทีแต่ไม่ได้ผล ร่างของหมอผีเฒ่ากลับสลายกลายเป็นธาตุอากาศ

“ภาพมายา”

“นึกว่าจะแน่ มองภาพมายาไม่ออก”

เด็กหนุ่มเบี่ยงตัวหลบ คมมีดที่พุ่งเข้ามาแทงที่กลางหลังในทันที

“ลอบกัดเก่งนะครับ ใช้พวกผีป่าหมดแล้วรึครับ”

“อย่าแส่!”

หมอผีเฒ่าถือมีดชี้มาที่เด็กหนุ่ม ว่าคาถาเพียงครู่ก่อนจะพุ่งเข้ามา

วาโยรอจังหวะที่อีกฝ่ายจะบุกเข้ามาอยู่แล้ว เค้าชักมีดหมอที่อู่ในการ์ดอาคมออกมากันได้ทันท่วงที ที่จริงเค้าก็มีมีดหมอที่ตัวเองปลุกเสกไว้อยู่ แต่เค้าอยากจะลองทดสอบอาวุธที่ซื้อมาจากมือปราบ ว่าจะดีสักแค่ไหน

หมอผีเฒ่ากัดฟันกรอด นึกไม่ถึงว่า ข่าวลือในโลกอาถรรพ์จะเป็นจริง ที่มีมือปราบวิญญาณ ยมทูตในคราบมนุษย์ ลือกันว่าเป็นผู้ที่มีฝีมือด้านคาถาอาคมสูง แต่นึกไม่ถึงว่า จะเป็นเด็ก สิ่งที่ยืนยันได้น่ะรึ ก็บ่วงรัดวิญญาณยังไงล่ะ  เค้ามีชีวิตอยู่มานาน ทำไมจะไม่เคยได้ยิน บ่วงนั้นเป็นของที่เหล่ายมทูตใช้จับวิญญาณบาปทั้งหลาย

…น่าสนุกนิ…

คนสองวัยต่างดวลมีดหมออย่างไม่มีใครยอมใคร

ฝ่ายหนึ่ง มีประสบการณ์แต่สังขารหาได้อำนวยสู้ได้สองยกก็เริ่มหอบ อีกฝ่ายแม้จะจะขาดประกอบการณ์แต่มีทั้งความสามารถและทักษะ ทำให้ในช่วงแรกตกเป็นรองแค่สองมีด เด็กหนุ่มก็สามารถเหนือกว่า หมอผีเฒ่าผู้ชำนาญหอบหายใจอย่างอ่อนล้า ด้วยเรี่ยวแรงของวาโยนั้นยังหนุ่มและมีมากกว่า แถมเจ้าตัวเองท่าจะมีทักษะด้านการต่อสู้ไม่ใช่น้อย มีดนั้นดูเหมือนว่าจะได้รับการปลุกเสกซ้ำ

สำหรับวาโย เค้าต้องยอมรับว่ามีดหมอที่ซื้อมามันเหมาะมือมากแต่เค้าจำต้องปลุกเสกซ้ำอีกชั้นเพราะมีดของหมอผีเฒ่านั้นร้ายกาจมาก แค่เฉี่ยวๆที่แขน ไม่โดนตัวก็เกิดแผลเลือดซึม ที่แขนซ้ายเค้าแล้ว ค้าจำต้องว่าคาถา คุ้มกันสามชั้น พร้อมกับปลุกเสกมีดหมอซ้ำ

เสียงร้องอันโหยหวน ที่ดังมาจากในป่าลึก ทำเอาชายต่างวัยหยุดชะงัก เสียงร้องนั้นช่างเย็นยะเยือก ขนลุกขนพอง

…อะไรน่ะ!?...

“ผลั่ก!/โครม!”

หมอผีเฒ่าอาศัยจังหวะที่เด็กหนุ่มชะงัก เตะร่างนั้นปลิว

วาโยลุกขึ้นมองด้านหลังของหมอผีเฒ่า ก็เห็นเงาสีดำที่สูงเกือบเท่าต้นตาล ไฟสีแดงสว่างสองดวง เค้าเดาว่ามันจะต้องเป็น ดวงตาแน่

“หรือว่า…”

“เห็นแล้วรึ นี่น่ะ ข้ารับใช้ของกูเอง”หมอผีเฒ่าแสยะยิ้มเหี้ยม “เตรียมตัวตายได้เลย”

“จะใช่เหรอ”

“หือ?”

วาโยพยายามลุกขึ้น“นั่นน่ะ คือเจ้าผีป่า ไม่สามารถควบคุมได้ง่ายๆ ยกเว้นเทพ”

หมอผีเฒ่าคุยโว“ถูกต้อง เพราะข้ามีญาณแห่งเทพ ยังไงล่ะ”

“ใช่ แต่ต้องมีอาณาเขตอาถรรพ์ด้วย และชั้นก็เพิ่งทำลาย อาณาเขตไปจุดหนึ่งแล้ว”

“ว่าอะไรนะ อ๊ากกกกกกกกกกกก!”ร่างของหมอผีเฒ่าก็ถูกเจ้าแห่งผีป่าจับฉีกเป็นชิ้นๆ เลือดสาดกระเซ็นไปทั่วบริเวณ

วาโยพยายามรวบรวมสติ แล้วรวบรวมพลังวิญญาณทั้งหมด จัดการว่าคาถาหัวใจผี

ได้ผล เจ้าผีป่า หยุดชะงัก

วาโยรีบนำถุงหนังอีกใบออกมา พลางว่าคาถาสะกดผี เผื่อให้เจ้าผีป่า เข้าไปในถุงเก็บวิญญาณ แต่วิญญาณเจ้าผีป่า กลับขัดขืน สายลมรอบตัวเริ่มแปรปวน

สมองของเด็กหนุ่มต้องพยายามนึกคาถาต่างๆที่มี ท่ามกลางกระแสลมที่รุนแรงจนเริ่มแสบผิว

“ดีล่ะ! คาถาพระพุทธเจ้าปราบมาร”

เด็กหนุ่มร่ายคาถาพระพุทธเจ้าปราบมารด้วยเสียงที่ดังลั่น เจ้าผีป่าส่งเสียงร้องโหยหวนอย่างเจ็บปวด เสียงของมันดังไปไกลจนถึงเขตหมู่บ้านอุสา ทำเอาชาวบ้านที่กำลังหลับ และยังไม่หลับต้องรีบเข้าห้องนอน คลุมโปงกัน พระภิกษุสงฆ์สามเณรรีบสวดมนต์แล้วพากันจำวัด สุนัขทั้งที่มีเข้าของและไม่มีเจ้าของต่างหอนกันสนั่น

ไม่นาน ร่างอันใหญ่โตของเจ้าผีป่าก็เข้าไปอยู่ในถุงเก็บวิญญาณของวาโย เรี่ยวแรงของเด็กหนุ่มเริ่มจะหมดลง สติเริ่มจะเลือนราง เค้ารีบนำเจ้าวิญญาณที่โดนบ่วงอาคมรัดมาใส่ในถุงเก็บวิญญาณด้วย

เรี่ยวแรงของเด็กหนุ่มกำลังจะหมดลง ตาทั้งสองข้างเริ่มพร่ามัว “ตุ้บ!”ร่างของเด็กหนุ่มล้มลงกับพื้น

“สอบผ่านนะ”เสียงหนึ่งเอ่ยขึ้น

“ใช่ เจ้าเด็กนี่เล่นใช้พลังวิญญาณเกือบหมดเลยนะครับ”

“รีบพาไปที่หน่วยเถอะ หน่วยอินทร์เทพรักษารออยู่แล้ว”

“ครับ”

วาโยรู้สึกว่าร่างของเค้าโดนใครบางคนแบกมา

ภาพเหตุการณ์ที่เคยเกิดกลับฉายซ้ำขึ้นมาในหัว

“เฮือก!”

เด็กหนุ่มกระพริบตาสองสามทีเพื่อปรับกับแสงที่ยิงตา พอปรับได้ก็พบกับเพดานขาวสะอาดที่ไม่คุ้นตา และไม่น่าใช่โรงพยาบาล ร่างกายของเค้ายังล้าขยับตัวไม่ถนัด

“อย่าเพิ่งลุกนะ”เสียงๆหนึ่งที่ไม่คุ้นเคยดังขึ้น “นายเสียพลังวิญญาณไปเยอะมาก”

ร่างนั้น ดูท้วมๆแต่กลับเคลื่อนไหวคล่องแคล่ว ถือแก้วใส่น้ำ มาวางไว้ที่โต๊ะข้างๆเค้า อ้าว นี่ไม่ได้เอามาให้เค้ารึ

“ก็ให้นายนั่นแหละ มา ค่อยๆลุกนะ”

เค้าดูไม่ออกว่าคนที่ช่วยพยุงให้เค้านั่งที่คือชายหรือหญิง เพราะผมสั้นแถมสวมหน้ากากอนามัยปิดหน้าและสวมชุดกาวน์สีขาว เหมือนหมออีก

“ค่อยๆจิบนะ”

วาโยค่อยๆจิบน้ำผ่านหลอดที่ฝ่ายป้อนมาให้

“เอาล่ะ ชั้นจะรักษาให้”ว่าแล้ว คนๆนั้นก็ยื่นมือไปเบื้องหน้าวาโย

แสงสีขาวก็เกิดขึ้นกับมือของอีกฝ่าย วาโยรู้สึกว่าร่างกายที่อ่อนล้าเริ่มฟื้นคืนกำลัง

ผ่านไปสักพัก

วาโยรู้สึกว่าร่างกายกระปรี้กระเปร่าเหลือเกิน “ขอบใจ”

อีกฝ่ายทรุดนั่งลงบนเก้าอี้ที่วางข้างๆเตียง“เก่งจริงๆนะ สามารถจัดการผีป่าระดับห้า และฝูงผีกองกอย ที่รวมแล้วก็ระดับสองได้ด้วยตัวคนเดียว แถมยังไม่มีคู่หูหรือผู้ช่วยสนับสนุนซะด้วย”

“มันมีระดับด้วยรึ”

“ใช่ ผีกองกอยก็แค่ผีป่าที่กำเนิดเอง ไม่ค่อยมีฤทธิ์มากมายอะไรนัก ปกติไม่ค่อยยุ่งกับคน ถ้าคนไม่ไปยุ่งกับของๆมันนะ ระดับของผี มีอยู่สิบระดับ ระดับ1-3 ใช้มือปราบคนเดียวกับคู่หูได้ แต่4-7จำเป็นต้องใช้มือปราบระดับกลางพร้อมคู่หู สองคน มากสุดก็ นำผู้ช่วยไปอีกสองคน หรือไม่ก็มือปราบระดับสูงคนเดียว 8-10 จะใช้มือปราบระดับสูงสองคนพร้อมคู่หู พ่วงด้วยมือปราบระดับกลางอีกสาม พร้อมคู่หู แค่จะไม่เอาผู้ช่วยไป อาจจะมีบางกรณีที่หนักหนาจน หน่วยของเรา หน่วยอินทร์เทพรักษา หรือ หน่วยแพทย์จะปฏิบัติภารกิจด้วย”

“ชั้นสงสัย มือปราบก็แบ่งระดับรึ และผู้ช่วยคือ? ชั้นรู้แต่คู่หูน่ะ”

“อ้อ จากที่ฟังมานะ มือปราบมี3ระดับ 1 คือ มือปราบระดับสูงที่มีฝีมือ ความสามารถพิเศษและประสบการณ์ 2 มือปราบระดับกลางที่มีฝีมือแต่ขาดประสบการณ์ 3 คือมือปราบฝึกหัด หรือ เรียกอีกอย่างว่า ผู้ช่วยมือปราบ ระดับนี้ห้ามปฏิบัติภารกิจเอง ทำได้แต่ติดตามและค่อยมือปราบรุ่นพี่ เท่านั้น ทุกคนจะเป็นเด็กที่ฝึกในสังกัดนะ”

“เหรอ ถ้าอย่างชั้นล่ะ”

“นายน่าจะระดับสูงแล้ว ปราบผีระดับ 5 ได้ด้วยตัวคนเดียวโดยไม่มีคู่หู แต่ถ้านายจะเป็นมือปราบ นายต้องมีคู่หูนะ อีกไม่นานจะมีพิธีการเลือกจ้าวศาตรา”

“จ้าวศาตรา?”

“ใช่ มันคือพิธี เลือกผู้ถือครอง เทพอาวุธ ศักดิ์สิทธ์ มือปราบ ทุกคนจะมีอาวุธศักดิสิทธิ์ครอบครอง เอาไว้ใช้ในการปราบวิญญาณ ว่าแต่นายเป็นยังไงบ้าง”

“ไม่เป็นไรแล้ว ว่าแต่ นายชื่อ…”

“ ไม่ต้องรู้จักชื่อเราหรอก อีกนานกว่าจะได้เจอกันอีกนะ นายสอบผ่านแล้ว นายอยากจะเป็นมือปราบวิญญาณรึยัง”

เด็กหนุ่มยังคงนิ่งเงียบ “ทำไม หมอผีคนนั้น ต้องสั่งพวกผีป่าฆ่าคนล่ะ”

“รู้รึเปล่าว่าที่ป่าพญาเผือกน่ะ วงการใต้ดินเอาไว้ใช้ขนส่งสารพัดของผิดกฎหมายนะ พวกนั้นจึงต้องจ้างหมอผีคนนั้น ให้จัดการไม่ให้ใครมาที่ป่านั้น และจัดการเก็บ คนที่เข้ามาในป่า กี่ศพแล้วที่ตาย ชาวบ้านก็เชื่อว่าเป็นฝีมือผีป่า พวกคนร้ายก็ขนส่งอาวุธเถื่อน ยาเสพติดสารพัดอย่างสบายแฮ หมอผีคนนั้นก็มีเงินใช้ สบาย และนั่นทำให้เค้าเหลิงในอำนาจของตัวเอง จนลืมสิ่งที่ต้องปฏิบัติประจำ เป็นเหตุให้มนต์สะกดที่สะกดเจ้าผีป่าไว้ใต้อาณัติเสื่อม”

“มันไม่ใช่เพราะชั้นไปทำลายเขตอาถรรพ์ของมันรึ”

“นั่นก็ส่วนหนึ่งนะ”

เด็กหนุ่มเอนหลังอย่างอ่อนล้า“แบบนี้ก็ หมายความว่า ชั้นมีส่วนในการฆ่าน่ะสิ”

อีกฝ่ายส่ายหน้า “เปล่าเลย เค้าทำตัวเค้าเอง ทุกสิ่งเป็นไปตามกรรม ชะตาของหมอผีคนนั้นถึงฆาตแล้ว ขอบอกอะไรหน่อยนะ ถึงชั้นจะเป็นแค่หน่วยอินทร์เทพรักษา ไม่เคยปฏิบัติภารกิจร่วมกับมือปราบ แต่เท่าที่รู้มา บางครั้งมือปราบวิญญาณอาจจะต้องปะทะกับหมอผี และส่วนใหญ่มือปราบไม่เคยฆ่าใคร มีแต่‘ของ’ที่หมอผีเหล่านั้นทำ ย้อนเข้าเล่นงานถึงตาย ไม่ก็พิการ อย่างกรณีของนาย คือ เค้าทำตัวเค้าเอง ไม่จำเป็นต้องรู้สึกผิดหรือเสียใจในสิ่งที่นายไม่ได้ทำนะ พักผ่อนอีกสักชั่วโมงค่อยกลับบ้านนะ วาโย ต่อจากนี้นายต้อง เลือก แล้ว”ว่าจบคนในชุดกาวน์สีขาวก็เดินออกจากห้องไป ทิ้งให้เด็กหนุ่มอยู่ในห้องเพียงลำพัง

มือหนามาก่ายหน้าผาก “ไม่หนุกเลย เหนื่อยใจจัง”

สักพัก

‘ก๊อกๆ’

พายุได้เข้ามาในห้อง พร้อมคู่หูนางไม้ “ไง ดีขึ้นแล้วนะ”

“ครับ”

พายุรับหน้าที่ส่งวาโยไปที่บ้าน

“เงินค่าจ้างจะโอนให้แล้ว ไปกดได้ รหัสเอทีเอ็มเขียนในกระดาษที่แนบบนบัตรนะ ทางองค์กรได้ทำบัญชีและบัตรเอทีเอ็ม ให้นายแล้ว อย่าตกใจถ้าเงินมันเยอะ”

“ทำไมครับ”

“มันเป็นค่าเหนื่อย เงินอุดปากและไม่ได้มีภารกิจบ่อยนะ สนใจจะเป็นมือปราบรึยังล่ะ”

“ไม่…ผมไม่รู้”

“นี่ เป็นชั้น ชั้นก็เสียดายความสามารถของนายนะ นายสามารถช่วยคนได้เยอะ ไอ้น้อง ความสามารถเก็บไว้ ก็ไม่ได้ช่วยใคร อย่างมากก็ช่วยป้องกันตัวเราเท่านั้น แต่ถ้านายเป็นมือปราบ ก็จะมีเงินใช้และได้ช่วยคนอื่นอีกเยอะเลยนะ”

จำปาจึงมากระซิบข้างหู “ให้เวลาเค้าหน่อย”

“รู้แล้วๆ”พายุหันไปหาวาโยที่นั่งข้างหลัง “อีกสามวันชั้นจะรอคำตอบนะ ไอ้น้อง”

“ครับ”

เมื่อมาถึงห้องพัก สองดำต่างกระโจนใส่เด็กหนุ่มผู้เป็นนายด้วยความคิดถึง

“พ่อก็คิดถึงพวกหนูเหมือนกัน”วาโยสวมกอดหมาแมว สัตว์เลี้ยงแสนรักไว้ในอ้อมแขน หลังจากที่ลองไปกดเงิน ก็พบว่าจำนวนมันมากมาย เกินกว่าที่เด็กอายุ สิบสี่สิบห้าจะนึก เป็นหลักแสน อาจเป็นเพราะเค้าทำงานคนเดียวก็ได้ แบบนี้เรียกว่าช่วยเหลือคนเหรอ?

เด็กหนุ่มเดินกลับห้องพักด้วยใจอันหนักอึ้ง ท่ามกลางความมืดและแสงไฟจากเสาที่ส่องสว่าง

เค้ามีเวลาตั้งสามวันนี่นา ค่อยๆคิดก็แล้วกัน….

 

โปรดติดตามตอนต่อไป

สวัสดีปีใหม่ค่า คนอ่านทุกคนนนน มีความสุขมากๆนะคะ ไม่รู้อวยพรอะไรแล้ว ยังไงก็ฝากเม้น ไลท์ แชร์ ให้คะแนนและกำลังนิกซ์บ้างนะ จะพยายามอัพเรื่อยๆ Happy New Year 2018 นะคะ

 

คำยืนยันของเจ้าของเรื่องสั้น

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8.5 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8.5 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา