เปรมวาดCome back (รักครั้งนี้ต้องดีกว่าเก่า)

7.5

เขียนโดย zeeto

วันที่ 4 มิถุนายน พ.ศ. 2560 เวลา 00.49 น.

  6 ตอน
  1 วิจารณ์
  11.70K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 4 มิถุนายน พ.ศ. 2560 22.11 น. โดย เจ้าของเรื่องสั้น

แชร์เรื่องสั้น Share Share Share

 

5) จีบได้ไหมพี่ว๊ากคนนี้

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

          ผมวิ่งจากคณะมาลัดเลาะมาตามทางลัดที่คุ้นเคยทั้งเดินทั้งวิ่งจนมาหยุดที่สนามบาสหลังมหาวิทยาลัย แต่...วาดไปไหนละหรือจะอยู่ตรงนั้น ผมวิ่งไปดูจนทั่วบริเวณใกล้เคียงกับสนามก็ไม่เจอ วาดไปอยู่ที่ไหนของเขานะ อยู่ๆคำพูดของก้องภพก็ดังเข้ามาในหัวของผมที่ตอนนี้ยืนหอบกับความเหนื่อย “งั้น...พี่เปรมลองไปแถวสนามบาสมหาลัยไม่ก็ลานน้ำพุดูซิครับ” จริงซิสนามบาสที่ก้องภพพูดอาจจะไม่ใช่ที่นี้อาจจะเป็นที่ยิมก็ได้ ผมรีบวิ่งไปที่โรงยิมอีกครั้งก็พบเพียงแค่รุ่นน้องในมหาลัยที่กำลังซ่อมกัน ผมมองหาเท่าไรก็ไม่มีวาด หรือว่าจะเป็น น้ำพุ ไม่รอช้าผมรีบวิ่งตรงไปที่ลานน้ำพุที่ใกล้กับคณะทันที

               

          พี่เปรม อยู่ไหนละไอ้โอ๊คบอกว่าพี่เปรมมา เขามาหาผมใช่ไหม หรือว่ามีธุระอะไร ผมเดินขึ้นลงตึกคณะจนครบทุกชั้นก็ไม่เห็นแม้แต่เงาของพี่เปรม ว่าแต่พี่เปรมอยู่ไหน หรือจะกลับไปแล้ว ไม่จริงใช่ไหมพี่เปรมกลับไปแล้วหรอ ผมรีบเดินกึ่งวิ่งออกไปที่หน้าคณะก่อนจะวิ่งออกไป นี่ผมจะไม่ได้เจอพี่เปรมแล้วจริงๆใช่ไหม เดี๋ยวนะ ผู้ชายที่วิ่งอยู่ตรงนั้น... “พี่เปรม” เมื่อเห็นคนที่เดินอยู่ตรงน้ำพุผมก็รีบวิ่งตรงไปหาพี่เปรมทันที ใช่พี่เปรมจริงๆด้วย

           

          เสียงหอบเหนื่อยที่อยู่ข้างหลังพร้อมกับมือที่แตะบนบ่าของผมเบาๆทำให้ผมหันกลับไปมอง “วาด” ใบหน้าที่เต็มไปด้วยเหงื่อ มันบ่งบอกให้ผมรู้ได้ทันทีเลยว่าเขาไม่ได้บังเอิญเดินมาเห็นผม แต่เขาวิ่งตามหาผมเช่นกันใช่ไหม ผมกลับไปหารุ่นน้องที่มหาลัยแล้วบังเอิญไปเดินสวนกันกับใครคนหนึ่งที่คุ้นหน้าตรงครั้งแรกที่ผมเคยสวนกับวาดแต่ครั้งนั้นวาดไม่ไหว้ แต่มาคราวนี้พอเดินสวนกัน วาดกับยกมือไหว้แล้วยิ้มให้ผมอย่างน่ารัก “เป็นไงบ้างทำไมเหงื่อเต็มหน้าอย่างนี้ละวาด” “โอเค แล้วพี่เป็นไงบ้าง” แม้ใบหน้าจะดูเหนื่อยแต่ผมกับชอบท่าทางเขินๆเหมือนตอนครั้งที่ผมได้เห็นเขาในร้านขายยา “เหนื่อยเหมือนวาดนั้นแหล่ะวิ่งมาหรอ” “ครับ” “เสียลุ๊คพี่ว๊ากหมดเลยแบบนี้น้องเห็นจะกลัวไหม” “ก็คงกลัวแหล่ะเพราะน้องไม่ดื้อเท่าผมสมัยที่ดื้อกับพี่หรอก” “งั้นก็แสดงว่า วาดของพี่ดื้อที่สุดใช่ไหม” “ใช่...แต่เดี๋ยวนะ วาดของพี่หรอ” “ใช่...วาดของพี่” ผมมองตาวาดที่ตอนนี้หันหลบแทนจนบางทีใบหน้าที่แดงตอนนี้ผมไม่รู้เลยว่าแดงเพราะเหนื่อย ร้อน หรือเขินผมกันแน่แต่ผมก็ขอเข้าข้างตัวเองจะได้ไหมว่าเพราะผม”

 

          วาดอะไรของพี่กันละ...พูดงี้ใครจะกล้ามองหน้าได้ ผมได้แต่แอบเขินกับคนที่จ้องหน้าไม่วางตา และเหมือนกับแกล้งก็ไม่ต่างพอผมหันหน้าไปทางไหนพี่เปรมก็หันตามมามอง ไม่รู้หรือไงว่าเขินทำอะไรของเขาเนี้ย “พี่มาทำไมหรอ...” “ตอนแรกก็ว่าจะมาเซอร์ไพร์คนแถวนี้ซักหน่อยแต่ตอนนี้เปลี่ยนใจละ” “เปลี่ยนใจอะไร” “ก็...เปลี่ยนใจมาหาพี่ว๊ากแทน ได้ข่าวพี่ว๊ากปีนี้เขาคิดถึง” “ใครไปคิดถึงพี่” “นั้นดิใครนะ...เดี๋ยวต้องเช็คไลน์ก่อนไม่รู้ใครส่งข้อความมาว่าคิดถึง” “ไม่ต้องเลย...” “เขินหรอ” “อือ...ก็พี่พูดเหมือนมาหาผม” “ก็ใช่ไง...ตั้งใจว่าจะมาพิชิตใจพี่ว๊ากปีนี้ซักหน่อย” “ไอ้ก้องหรอมันไม่อยู่หรอกมันไปรอเพื่อนพี่เลิกงานแล้ว” “จะบ้าหรอ...วาดนั้นแหล่ะ” “ทำไมจะมาจีบผมหรือไง” “ใช่...ให้จีบป่ะละ” “อยากจีบก็จีบดิให้รอนานทำไมตั้งแต่ปีหนึ่งแล้วนะ” “ห่ะ?...นี้วาดรอพี่หรอ” “เออ..แล้วสรุปจะจีบไหมถ้าไม่ผมไปแล้วนะ” “เฮ้ยๆๆ...จีบดิแล้วสรุปพี่จะจีบติดป่ะ” “ติดไม่ติดผมก็จองพี่ตั้งแต่ผูกข้อมือให้แล้ว” พูดจบผมยกข้อมือที่มีสายสิญจน์ ผูกไว้ให้คนตรงหน้าดู “เฮ้ย...นี้มันนานมากแล้วนะดูดิดำหมดแล้วทำไมไม่เอาออก” “ก็เอาไว้ดูต่างหน้าแล้วก็...ผมจองพี่แล้วไง” “เดี๋ยวนะจอง?...” “เออ” “ไชโย....วาดเป็นของพี่นะ” “ไอ้พี่เปรมจะเสียงดังทำไมคนเขาจะได้ยินทั้งคณะแล้ว” “ก็ดีใจนี่หว่าให้ได้ยินทั้งมหาลัยเลยก็ได้...” “บ้า” “งั้นเอางี้พี่ให้สิทธิ์ที่ว๊ากอย่างวาดสั่งลงโทษพี่อะไรก็ได้” “พูดเองนะ...” “อือ...สั่งมาเลยพี่ยอม” “งั้น...ไปยืนที่โต๊ะใต้ตึกคณะนะ โต๊ะหน้าสุดเลยตรงใกล้ๆทางออก” “ได้...แล้วไงต่อ” “จากนั้นพี่ก็ตะโกนว่า...พี่เปรมนักศึกษาเก่าคณะวิศวกรรมศาสตร์รุ่นปี2557 ขอจีบวาดพี่ว๊ากคณะวิศวกรรมศาสตร์รุ่นปี2559 ครับ สามครั้ง” “โห่...เอางี้จริงดิ” “ทำไมพี่ทำไม่ได้หรอ” “ได้ถ้าวาดไม่อาย” “หมดเวลาอายแล้วครับ”

 

          ผมได้แต่เดินมาตามที่วาดสั่งก็ช่วยไม่ได้ดันไปบอกว่าให้เขาทำอะไรก็ได้ ก็ตอนนี้เขาสั่งให้ผมทำแล้วจะให้ทำไง ถอยไม่ทันแล้วเรื่องแบบนี้คงต้องยอมทำตามที่เขาต้องการชดเชยกับสิ่งที่ขาดไป “เฮ้ยแกๆพี่คนนั้นใช่พี่เปรมที่จบไปแล้วไหม” “เออใช่ๆคนที่ไปรับน้องพวกเราที่ทะเลนี่” “ว่าแต่พี่แกมาทำไรว่ะ” “ไม่รู้ดิ...แล้วนั้นพี่วาดไม่ใช่หรอว่ะ” เสียงรุ่นน้องหลายๆคนที่เริ่มจะหยุดมองทันทีที่ผมปีนขึ้นไปยืนบนโต๊ะหน้าคณะก่อนจะมองไปที่วาดที่ยืนยิ้มให้กับผมอยู่ เอาว่ะ “เปรมนักศึกษาเก่าคณะวิศวกรรมศาสตร์รุ่นปี2557 ขอจีบวาดพี่ว๊ากคณะวิศวกรรมศาสตร์รุ่นปี2559 ครับ, เปรมนักศึกษาเก่าคณะวิศวกรรมศาสตร์รุ่นปี2557 ขอจีบวาดพี่ว๊ากคณะวิศวกรรมศาสตร์รุ่นปี2559 ครับ , เปรมนักศึกษาเก่าคณะวิศวกรรมศาสตร์รุ่นปี2557 ขอจีบวาดพี่ว๊ากคณะวิศวกรรมศาสตร์รุ่นปี2559 ครับ”  เมื่อผมตะโกนพูดครบสามครั้งน้องๆในคณะต่างพากันกรี๊ดให้กับผมก่อนที่ผมจะเดินลงไปหาวาดที่ยืนกอดอกมองผมอยู่ใกล้ๆ “สรุปจีบได้ยัง” “ก็...ประกาศขนาดนี้แล้วตกลงครับ” “เยส!!...วาดยอมเป็นแฟนพี่แล้ว” “เฮ้ยเบาๆ...” “ก็มันดีใจนี้หว่า” “ขอบคุณนะที่กลับมา” “ครับ...ขอโทษด้วยนะที่ให้รอ” “อืม...รู้แต่ตอนนี้มันสิ้นสุดการรอคอยแล้ว อีกอย่างมันก็คุ้มค่าด้วย” “จริงซิพี่มีอะไรจะให้วาดด้วยไหนๆวาดก็ไม่มีไม่ใช่หรอ” “อะไร”

 

          เกียร์รุ่น พี่เปรมจับเกียร์รุ่นของเขาเองให้ผมดูก่อนที่จะค่อยๆจับมาใส่คอให้กับผมที่ได้แต่ยืนนิ่งทำอะไรไม่ถูก เพราะเกียร์มันมีความหมายมากกว่าการแสดงตนว่าเป็นคนชาววิศวะ “วาดรู้ไหมพี่เดียร์เคยบอกพวกพี่ว่า เกียร์อยู่ที่ใจ ใจอยู่ที่เกียร์ฝากเกียร์ไว้กับใครก็เหมือนฝากใจไว้กับคนนั้น...ตอนนี้พี่ฝากไว้ที่วาดแล้วนะ” “พี่เปรม...” “ขอกอดได้ไหมอ่ะ...โคตรคิดถึงเลยไอ้เด็กดื้อ” “บ้า..คนเยอะแยะ” “นิดนึงไม่ได้หรอ..” “ไม่เอาผมเป็นพี่ว๊ากนะอีกอย่างอยู่ในชุดนักศึกษาต้องให้เกียรติ” “ก็ได้ติดไว้ก่อนก็ได้งั้น...เย็นนี้ไปดูหนังกันไหม” “ไปดิ...พี่เปรมเลี้ยงนะ” “ครับ...งั้นพี่ไปทำงานต่อนะเย็นๆเดี๋ยวมารับ” “ครับขับรถดีๆนะ”

 

          ตื้อดึ่ง ! ตื้อดึ่ง! ไม่ทันที่ผมจะเดินออกมาเสียงไลน์กลุ่มก็ดังขึ้นไม่ขาดว่าแต่มีอะไรเกิดขึ้นกันแน่ ผมหยิบมือถือขึ้นมาเปิดดูไม่ทันที่จะตอบอะไรในตอนนี้ก็คงไม่ทันแล้วละ (ไบร์ท:ไอ้เปรมมันร้ายนี้มึงดูคลิปนี้) (น๊อต:แม่งนี้เพื่อนกูหรอวะ) (ตุ๊ต๊ะ: นี่สกิลการจีบของพี่ว๊ากหรอว่ะ) (อาทิตย์: ทำงี้กูกับก้องอยู่ยากนะไอ้เปรม) .... บลา บลา และข้อความจิกกัดของเหล่ากลุ่มเพื่อนของผมอีกมากมาย “มีอะไรหรือเปล่า” ผมยื่นมือถือให้วาดดูทันทีที่วาดเห็นการสนทนาก็ได้แต่ขำก่อนจะหันมามองหน้าผมที่ตอนนี้คิดไม่ตกว่าจะตอบกลับไอ้พวกนี้ยังไง หรือไม่ควรตอบเพราะหลักฐานมันชัดเจนไปแล้ว หรือผมควรตอบว่า “แล้วไงก็คนเป็นแฟนกัน” ผมพิมพ์เสร็จก่อนจะส่งไปในกลุ่มทันที “ไม่ไปทำงานหรือไง” “โทษทีพี่ลืม...งั้นไปนะไว้เย็นๆเจอกันครับ” “อือ...ไปได้แล้ว” “ครับ...ไม่ต้องคิดถึงพี่นะ” “บ้า...ไปเลย” “ไปจริงๆแล้วนะ” “เออไปเลย” “โอเคครับรักนะครับ” “ถ้าไม่ไปอีกห้านาทีไม่ให้ไปไหนเลยนะ” “อุ้ย...พูดแบบนี้ไม่ไปก็ได้นะ” “พอเลยๆไปทำงาน...ถ้าถูกหักเงินโดนดีแน่” “โห่ยังไม่ทันแต่งดุจังงั้นพี่ไปแล้วนะครับแมวเหมี๊ยวของพี่อย่าลืมอ้อนพี่บ่อยๆละ” “เออ...ไอ้พี่บ้าไปเลย”

 

          ในที่สุดการรอคอยความรู้สึกดีๆของผมที่มีต่อพี่เปรมและที่พี่เปรมมีต่อผมมันก็ได้พูดกันออกมาแล้วแม้จะใช้เวลานานแต่เชื่อผมเถอะความรู้สึกดีๆบางครั้งมันก็ต้องรอจังหวะที่เราจะพูดออกไป และยิ่งความรู้สึกที่มีของคนทั้งสองต้านทานต่อความต้องการไม่ได้ ความรู้สึกเหล่านั้นมันก็จะประทุออกมา เหมือนกับผมและพี่เปรมที่กว่าจะอ้าปากพูดความในใจที่มีต่อกันมันต้องเริ่มจากเรื่องร้ายๆเสมอ แต่เรื่องร้ายๆมักจะลงท้ายด้วยรัก  และเรื่องร้ายๆมักจะสร้างฮีโร่ให้เราเสมอเช่นกัน

 

คำยืนยันของเจ้าของเรื่องสั้น

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
7 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
7 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8.5 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา