My dear อยากบอกว่ารักเธอ

9.7

เขียนโดย ฝนดาวตก

วันที่ 18 มีนาคม พ.ศ. 2560 เวลา 19.06 น.

  12 ตอน
  6 วิจารณ์
  13.89K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 2 พฤษภาคม พ.ศ. 2560 16.41 น. โดย เจ้าของเรื่องสั้น

แชร์เรื่องสั้น Share Share Share

 

12) 12

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ขนาดตัวอักษร เล็ก กลาง ใหญ่ ใหญ่มาก
ตอนที่ 12
     3 ปีผ่านไป
          ในที่สุดก็ครบ 3 ปีแล้วสินะ ผมดีใจที่สุด เพราะผมจะได้กลับไปหาเอลลี่เสียที
          “ขอให้โชคดีนะวาเลน ข้าฝากท่านดูแลเอลลี่ด้วย นางโชคร้ายที่เจอกับเรื่องแย่ๆ และฝากท่านบอกนางด้วยว่าข้ารัก และเป็นห่วงนางมาก” เอล่ากล่าวลาผม
          “ไม่ต้องห่วงเอลลี่นะ เพราะข้าจะดูแลนางด้วยชีวิตของข้า ข้าสัญญา”
          “ขอบคุณท่านมากนะ วาเลน”
          “อือ ข้าไปละ” หลังจากที่ผมได้ล่ำลากับเอล่าแล้ว ผมก็ได้กลับไปยังดินแดนแห่งเวทมนตร์จริงๆด้วย ผมได้กลับมาที่นี่จริง ผมกลับมาได้ ผมทำได้ แต่เอ๊ะ ทำไมผมเข้าร่างตัวเองไม่ได้ล่ะ
          “ข้าว่าแล้ว ท่านต้องเข้าร่างตัวเองไม่ได้ ราชาท่านออกมาเถอะ” เอล่าเรียกหาราชา
          “เจ้านี่รู้เยอะจริงๆนะ เอล่า”
          “ราชาท่านเลิกลองใจพวกเขาได้แล้ว แค่นี้พวกเขาสองคนก็ทรมานใจมากพอแล้ว”
          “ตั้งแต่เจ้าไปอยู่โลกของดวงวิญญาณ เจ้าพูดเก่งขึ้นเยอะเลยนะ เอล่า”
          “ก็ข้าต้องคอยช่วยดูแลเหล่าดวงวิญญาณของทุกดินแดนนี่หน่า ก็ต้องหัดไว้บางล่ะ และครั้งนี้ข้าก็จะใช้กับท่าน ราชาของดินแดนแห่งเวทมนตร์”
          “ข้าไม่ใช่ดวงวิญญาณที่เจ้าต้องมาสั่งสอนนะ เอล่า อย่าให้มันมากเกินไปนะ”
          “ถ้าอย่างนั้น ข้าพูดตรงๆ เลยนะ ถ้ามีพ่อมด แม่มดตนใด ให้ท่านต้องจากราชะนีไปในที่ที่แสนไกล เป็นเวลา 3 ปี ท่านจะทนได้หรือไม่ หึหึ ดูจากสีหน้าของท่านแล้ว คงจะทำไม่ได้เหมือนวาเลนใช่หรือไม่” เอล่าพูด พร้อมยิ้มอย่างผู้ชนะ
          “ก็ได้ ข้ายอมแพ้เจ้า ข้าจะให้วาเลนกลับเข้าร่าง และให้พวกเขาสองคนได้รักกัน” ราชาตอบเสียงเบา
          “ดีแล้วเพคะ เพราะไม่ว่าท่านจะทดสอบเรื่องความรักกับคนในตระกูลแบล็คเวฟคนไหน ท่านก็ไม่ชนะ เพราะนอกจากคนในตระกูลนี้จะยึดมั่นในสัจจะแล้ว ถ้าพวกเขาเจอรักแท้ที่เกิดมาเพื่อคู่กันแล้ว พวกเขาจะไม่มีวันยอมแพ้อะไรง่ายๆ หรอกนะเพคะ”
          “ข้าเข้าใจแล้ว แต่ข้าไม่เชื่อ เพราะคนต่อไปที่ศิลาทำนายไว้ว่าจะเจอรักแท้ คงจะเป็นคนที่เจ้ารัก ข้าไม่ต้องบอกหรอกนะว่าเป็นใคร”
          “ท่านไม่ต้องบอกข้าหรอก เพราะตอนนี้ข้าได้สิ้นชีพไปแล้ว ไม่มีวันที่ข้าจะกลับมารักกับฮาโลได้ และถ้าที่ท่านพูดเป็นความจริง ข้าจะอวยพรให้ฮาโลและหญิงผู้นั้นชนะท่านให้จงได้”
          “แล้วเรามาคอยดูกัน”
          “ดูท่าท่านจะไม่เข็ดเลยนะ ตั้งแต่ทดสอบลูกชายของท่านเองกับนิวเยียร์แล้ว คราวนี้ก็วาเลนกับเอลลี่น้องของข้าอีก นี่ใจคอท่านจะทดสอบให้ครบห้าคนเลยใช่หรือไม่” เอล่าถามอย่างโมโห
          “ใช่” ราชาตอบสั้นๆ และยิ้มอย่างผู้มีชัย
          “งั้นก็แล้วแต่ท่านเลยเพคะ ข้าขี้เกียจจะเถียงด้วยแล้ว” เอล่าพูดอย่างหัวเสีย แต่ราชาไม่ตอบโต้อะไร แต่ให้คนไปตามตัวเอลลี่มา พอเอลลี่มาถึง นางก็ตกใจที่ได้เห็นหน้าพี่สาวตัวเอง เพราะหน้าของนางทั้งสองคนเหมือนกันมาก และในช่วงเวลานั้นเองที่เอล่ากับราชาร่ายเวทส่งดวงวิญญาณของผมกลับเข้าร่าง
          “ท่านคือพี่เอล่าใช่ไหมคะ” เอลลี่ถาม
          “ใช่แล้วน้องพี่ มาให้พี่กอดหน่อยได้ไหม” เอล่าตอบเอลลี่ด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน เอลลี่ก็เดินมาหาเอล่า และกอดเอล่าด้วยความรู้สึกดีใจที่ตนได้เจอพี่สาว ถึงแม้จะเป็นพี่สาวต่างมารดากันก็ตาม
          “ท่านตายไปแล้ว ท่านมาที่นี่ได้ยังไงคะ”
          “ข้ามาส่งวาเลนน่ะ มันครบ 3 ปีแล้วนะ”
          “ใช่สิ วันนี้วาเลนต้องกลับมาแล้ว แล้วทำไมเขายังนอนนิ่งอยู่ล่ะ” เอลลี่พูดด้วยน้ำเสียงเป็นกังวัล
          “เดี๋ยวเขาก็ฟื้น เพียงแต่ไม่ใช่ตอนนี้”
          “หมายความว่ายังไงคะ”
          “หมายความว่าเขาจะฟื้นก็ต่อเมื่อน้องไปจุมพิตเขานั่นล่ะ” เอล่า เธอแสบจริงๆ ทั้งๆ ที่เธอก็เห็นว่าผมกลับเข้าร่างได้แล้ว แต่เธอก็แกล้งให้เอลลี่มาจุมพิตผม
          “เหมือนนิทานของโลกมนุษย์ เรื่องเจ้าหญิงนิทราใช่ไหมคะ”
          “ใช่แล้วจ๊ะ แต่นี่เป็นพ่อมดนิทรา”
          “ไม่มีวิธีอื่นหรอคะพี่เอล่า” เอลลี่ถามเสียงอ่อย
          “ไม่มีจ๊ะ เว้นแต่น้องจะไม่อยากให้วาเลนตื่นก็เท่านั้น” ดูเธอสิ ดีแต่สอนราชา ตัวเธอเองก็ลองใจน้องสาวตัวเองเหมือนกันนั่นล่ะว่าจะรักผมมากขนาดไหน แต่มันก็ดีเหมือนกันนะ เพราะผมก็อยากรู้เหมือนกัน
          “แต่น้องอายนี่คะ พี่เอล่ากับราชาก็อยู่ ถึงน้องอยากให้วาเลนฟื้นขนาดไหน ก็ไม่กล้าใช้วิธีนี้ต่อหน้าใครหรอกนะคะ”
          “ได้จ๊ะ งั้นพี่จะกลับแล้วนะ พี่ขอให้น้องมีความสุขมากๆนะ และดีใจด้วยที่น้องทำให้พ่อมด แม่มดยอมรับในตัวของน้องได้ พี่ไปล่ะนะ” จากนั้นเอล่าก็กลับไปยังโลกของดวงวิญญาณตามเดิม
          “งั้นข้าก็ไปด้วยอีกคนแล้วกัน ส่วนเจ้าจะปลุกเขาหรือไม่ก็เรื่องของเจ้าแล้วกันนะ” ราชาพูดจบก็หายตัวไปทันที ตอนนี้ก็จะเหลือแต่เอลลี่กับผมสองคนที่อยู่ในห้องนอนของผม
          “นี่นายยังไม่กลับเข้าร่างจริงๆใช่ไหม” ดูท่าทางเอลลี่จะไม่เชื่อในสิ่งที่เอล่าพูด แต่เธอก็เดินตรงมาหาผมที่เตียง เธอนั่งลงบนเตียง ข้างๆร่างของผม เธอค่อยโน้มใบหน้าแสนหวานของเธอลงมา และริมฝีปากบางๆ เล็กๆของเธอก็จุมพิตเข้าที่ริมฝีปากหนาของผม ผมรู้สึกหัวใจเต้นแรงอย่างบอกไม่ถูก วินาทีนั้นผมรู้ได้เลยว่าเธอคือคนที่ผมตามหา เธอคือคนที่ผมรัก และผมอยากจะบอกเธอว่าผมรักเธอ แต่ตอนนี้ผมขอจูบเธอบ้างนะ พอคิดได้ผมก็ค่อยๆ เอื้อมมือทั้งสองข้างของผมไปกอดเธอไว้ เพื่อไม่ให้เธอถอนริมฝีปากออกได้ง่ายๆ เมื่อผมกอดเธอได้แล้วเธอตกใจมาก และพยายามดิ้นให้หลุดจากอ้อมกอดผม ผมมีความสุขมากที่ได้แกล้งเธอแบบนี้ แต่ความสุขของผมก็หยุดลงเมื่อมีเสียงดังขึ้น
          “พวกเธอทำอะไรกันน่ะ” เสียงพี่นิวเยียร์นี่หน่า ผมรีบปล่อยมือจากตัวเอลลี่ และลุกขึ้นนั่งทันที
          “ใช่ๆ พวกพี่ทำอะไรกันน่ะ”
          “เอพริล อย่าไปแซวพวกพี่เขาสิ เขาไม่ได้เจอกันตั้ง 3 ปีนะ”
          “ฮอลลี่เจ้าก็ว่าแต่น้อง เจ้าเองก็แซวเหมือนกันน่ะล่ะ ว่าแต่พวกท่านดูจะหวานกันเกินไปหน่อยนะ ข้าอิจฉา สงสัยข้าคงต้องหาคนรักบ้างแล้วล่ะ” ดูพี่น้องผมสิ มาขัดจังหวะได้พอดีมาก ดูคนโน้นห้ามคนนี้ คนนี้ก็เริ่มต่อ ผมกับเอลลี่นี่นั่งตัวชา หน้าแดง พูดอะไรไม่ออกเลยสักคำ
          “พวกเจ้าพอกันได้แล้ว ดูสิพวกเขาสองคนนั่งหน้าแดงกันหมดแล้ว” พี่นิวเยียร์เอ็ดน้องๆ
          “โถ่พี่นิวเยียร์ ข้าก็แค่แซวเล่นๆ ตอนรับสมาชิกใหม่ของบ้านไงครับ” เจ้าฮาโลพูดยิ้มน้อยยิ้มใหญ่
          “อย่าถึงที่เจ้าบ้างแล้ว พี่จะเอาคืน” ผมได้ที่ตอบโต้กลับบ้าง แต่เอลลี่นี่สิ พอตั้งสติได้ก็วิ่งหนีออกนอกห้องไปเลย
          “ข้าว่าตอนนี้ พี่ตามคนรักของพี่ไปก่อนเถอะ นางวิ่งไปนู้นแล้ว”
          “ได้ฮาโล เดี๋ยวพี่ค่อยกลับมาจัดการกับเจ้า” ผมพูดทิ้งท้ายไว้แค่นั้นก็วิ่งตามเอลลี่ออกมา เธอวิ่งมาไกลจนถึงทุ่งดอกกุหลาบสีน้ำเงิน พอผมวิ่งมาถึงก็เห็นเอลลี่ยืนอยู่ ผมเลยเดินเข้าไปกอดเธอจากทางข้างหลัง
          “นายจำได้ไหม ที่นายเคยให้ดอกกุหลายสีน้ำเงินกับฉัน เพื่อพิสูจน์ว่านายเป็นพ่อมดน่ะ ตอนนี้ฉันเชื่อแล้วนะว่านายเป็นพ่อมดจริงๆ” เอลลี่พูดขึ้นมาทันทีที่ผมโอบเอวเธอจากทางด้านหลัง
          “ฉันจำได้ แล้วเธอล่ะจำได้ไหมที่เราเจอกันครั้งแรก แล้วฉันก็กอดเธอ แล้วเธอก็ตบหน้าฉัน”
          “จำได้สิ แต่นายกอดเพราะคิดว่าฉันเป็นพี่เอล่า” เอลลี่ตอบด้วยน้ำเสียงที่น้อยใจ แต่มันดูน่ารักมากสำหรับผม
          “ใช่ ตอนนั้นฉัน...” ผมยังพูดไม่ทันจบเอลลี่ก็แทรกขึ้นว่า
          “ฉันอยากให้นายพูดภาษาพ่อมดกับฉันนะ ถึงฉันจะพูดไม่ค่อยได้ แต่ฉันฟังได้นะ นายทำได้ไหม”
          “ได้สิ”
          “เมื่อกี้ นายจะบอกอะไรฉันนะ”
          “ข้าแค่จะบอกว่า ตอนนั้นที่ข้ากอดเจ้า เพราะคิดว่าเจ้าเป็นเอล่า แต่ตอนนี้ข้าก็กอดเจ้าแต่กอด เพราะเจ้าคือเจ้า ไม่ใช่ตัวแทนของใคร” ผมตอบพร้อมกับจับเอลลี่หันหน้ามาหาผม แล้วผมก็เอาจมูกของผมไปแตะที่จมูกของเอลลี่ ซึ่งความจริงผมอยากจะจูบเธอมากกว่าทำแบบนี้ แต่ผมกลัวมีใครมาเห็นแล้วเธอจะเสียหาย
          “อือ ว่าแต่ก่อนนายจะไปโลกของดวงวิญญาณ นายบอกว่าถ้ากลับมานายมีอะไรอยากจะบอกฉัน นายจะบอกอะไรฉันหรอ” เอลลี่ถาม ทั้งที่จมูกของเราก็ยังแตะกันอยู่
          “ก็อยากบอกว่ารักเธอ” ผมพูดเพียงแค่นั้น เอลลี่ก็ยิ้ม แล้วก็โผเข้ากอดผมทันที ผมก็เลยกอดเธอแล้วหมุนตัวไปรอบๆ จนเอลลี่ตัวลอย มีสายลมพัดเย็นสบาย และกลีบดอกกุหลาบสีน้ำเงินก็ปลิวไปทั่วบริเวณ เหมือนกับว่าพวกมันกำลังมาร่วมยินดีกับความรักของพวกเรา
          “ฉันก็อยากบอกว่ารักนายเหมือนกันนะ”
 
- The End By ฝนดาวตก -

 

คำยืนยันของเจ้าของเรื่องสั้น

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
10 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

อ่านเรื่องสั้นเรื่องอื่น

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา