Spin in love โคจรมาเจอกัน
-
เขียนโดย อมยิ้ม
วันที่ 9 มกราคม พ.ศ. 2560 เวลา 21.13 น.
4 ตอน
0 วิจารณ์
6,822 อ่าน
แก้ไขเมื่อ 21 มกราคม พ.ศ. 2560 23.17 น. โดย เจ้าของเรื่องสั้น
2) เดินทาง
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความPeang Part::
.
.
เวลา 9:30 น. ของเช้าวันต่อมา
"ฮัลโหลค่ะแม่ เพียงขอไปเที่ยวญี่ปุ่นสักอาทิตย์นะ" ฉันโทรหาแม่ เพื่อท่านจะได้ไม่เป็นห่วง
"แล้วไปคนเดี๋ยวหรอลูก? ไม่ชวนเพื่อนไปหรอ?" แต่แม่ก็คือแม่นะเนอะ=3= มนุษย์แม่ห่วงทุกเรื่องจริงๆ แหละ นี่ฉัน26จะ27แล้วนะ!
"เพื่อนเพียงแต่งงานมีลูกมีผัวกันหมดแล้ว" ฉันบอกเหตุผลด้วยอารมณ์งอนสุดๆ ใช่ซิ้..
"ไม่เอาน่าลูกแม่555 คนสวยแต่ไม่มีใครเอาก็ถมไป ไม่ได้มีแค่ลูกสักหน่อย" ฉึก---โอ้ย..มันแทงใจดำอ่ะแม่~TT
"แม่อ่าาา"
"จ้าๆ เดินทางปลอดภัยนะ ขาดอะไรเดี๋ยวแม่ให้พัฒไปส่งถึงญี่ปุ่นเลย" พัฒที่ว่านี่น้องชายแท้ๆของฉันเองแหละ มันอายุน้อยกว่าฉัน4ปี แต่เรื่องผู้หญิงนี่เกินบรรยาย
"สาธุค่า ขอบคุณค่ะแม่"
19:45 น. สนามบินสุวรรณภูมิ
ตอนนี้ฉันนั่งรอเครื่องที่จะมุ่งสู่โอซาก้า ประเทศญี่ปุ่น ฉันได้จองโรงแรมแคปซูลเอาไว้2คืน ส่วนอีก3คืนฉันจะไปนอนที่บ้านของซายะ เพื่อนชาวญี่ปุ่นที่สนิทตอนที่มาเรียนต่อ เพราะฉะนั้นเรื่องภาษาและการใช้ชีวิตฉันมั่นใจและมั่นหน้ามาก555
"ผู้โดยสารของสายการบินxxx เครื่องหมายเลขxxx ขอเชิญขึ้นเครื่องได้ที่ประตู21ค่ะ ขอบคุณค่ะ"
สิ้นเสียงประกาศฉันก็รีบแบกเป้เดินไปที่จุดเช็คตั๋วและตรงขึ้นเครื่องทันที ฉันได้ที่นั่งริมหน้าต่างสะด้วย
"Hey you! Can you change your seat with me?(เฮ้คุณ! คุณเปลี่ยนที่นั่งกับฉันได้ไหม?)" โอ้แม่นิโกรอยด์คนงามมม ดิฉันก็อยากมองกรุงเทพตอนกลางคืนเหมือนกันนะย่ะ
"ahhh Sorry.I can't change with you.(เอ่อ ขอโทษด้วยค่ะ ฉันคงสลับที่กับคุณไม่ได้)"
"...okay!" สบัดบ๊อบหันหน้าหนีเฉย..เหอะ!
2:30 น. ตามเวลาที่ญี่ปุ่น
ณ สนามบินคันไซ
ตอนนี้ตี2ครึ่ง ร้านอาหารในสนามบินก็ยังไม่เปิด มีแค่ร้านสะดวกซื้อเท่านั้น ฉันเลยเดินเข้าไปซื้อน้ำมา ฉันกะว่าจะนอนที่สนามบินนี้ก่อน เดี๋ยวพอเช้าแล้วค่อยไปหาอะไรกินก่อนเข้าที่พัก อากาศตอนนี้ถ้าข้างนอกก็คงประมาณ6-9องศา เพราะนี่ก็กลางเดือนพฤศจิกายนแล้ว เป็นช่วงใบไม้เปลี่ยนสี หรือฤดูใบไม้ร่วงนั่นเอง สำหรับฉันแล้วฉันชอบญี่ปุ่นในบรรยากาศแบบนี้ที่สุด ยิ่งสะกว่าช่วงดอกซากุระสะอีก
เวลา 6:20 น. สนามบินคันไซ
หาวววว~~ สดชื่นจริงๆ เอาล่ะ!ลุย!! ก้าวแรกในรอบปีตั้งแต่กลับไปไทยก็ไม่เคยมาญี่ปุ่นอีกเลย หวังว่าภาษาจะยังไม่หายไปจากหัวนะ
"Hallo Japan~" ลั้ลลาสิคะ คิคิ
"ว่าแต่...โรงแรมไปทางไหนนะ?" ฉันบ่นกับตัวเอง อุตส่าเตรียมการไว้แล้วแท้ๆ ลืมซะได้
เมื่อฉันเก็บของเข้าที่พักเสร็จก็ออกมาเดินในย่านถนน'เท็นจิมบาชิ ซูจิ' ซึ่งเป็นถนนช็อปปิ้งที่ยาวที่สุดในญี่ปุ่น อยู่ใกล้สถานีรถไฟใต้ดินเลยมาได้ง่าย และจุดหมายที่แท้จริงของเราคือ...ของกินนนนน
พอตกเย็นสีสันของโอซาก้าก็เพิ่มขึ้นอีกเรื่อยๆ กลายเป็นเมืองที่น่าจดจำแห่งหนึ่งเลย ตอนนี้ฉันมาอยู่ที่'โดทมโบริ' สุดเขตถนนชินไซบาชิทางใต้ แลนด์มาร์กของที่นี่ก็คือ..รูปคนทำท่ากลูลิโกะค่าา ที่นี่ร้านอาหารเยอะมากกก แถมมีหลากหลายชาติด้วย เพราะแบบนี้โอซาก้าจึงถูกขนานนามว่า'เมืองแห่งอาหารการกิน' อยู่ที่นี่ไม่ต้องกลัวอ้วน เพราะว่าต้องอ้วนแน่นอน555 กลับไทยแล้วค่อยลดเนอะ
21:30 น. โรงแรมแคปซูล
อิ่มจังงงง พรุ่งนี้ฉันกะว่าจะไปเที่ยวเมืองเก่าเกียวโตสักหน่อย คงต้องจัดการทั้งฟิล์มกล้องและเมมมือถือสะแล้ว เพราะเกียวโตนะสวยและมีสเนห์มากๆ อยากจะเก็บไว้ทุกช็อตทุกซอกทุกมุม ตอนนี้กู๊ดไนท์นะเพียง(นางบอกตัวเอง555)
8:20 น. บนรถไฟสายโอซาก้า-เกียวโต
หู้ยย ลมเย็นดีสุดๆ ใบไม้สีก็สวย เหมาะกับการชมเมืองเก่า และกะว่าจะไปวัดเก็นริวจิกับป่าไผ่ด้วย อากาศแบบนี้ไม่ค่อยมีคนมาป่าไผ่สักเท่าไหร่ทั้งที่ช่วงนี้มันออกจะสวย คงเพราะมันเย็นและยิ่งป่าไผ่ก็ยิ่งเย็น
วิวข้างนอกตอนนี้ถือว่าสวยมากพอออกมานอกเขตเมือง วิวตอนนี้เป็นชนบทที่มีใบไม้เปลี่ยนสีสวยสด มีทุ่งนา และทุ่งหญ้ากว้าง ภูเขาเขาและทะเลสาบที่ไกลออกไป ชีวิต...ดี๊ดี..
วัดเก็นริวจิ
แชะๆๆๆๆๆ ฉันรัวชัตเตอร์เก็บทุกช็อต วัดทางชินโตที่สถาปัตยกรรมสวยขนาดนี้ไม่ถ่ายถือว่าพลาด...กลิ่น..อะไร? หอม..คุ้นจัง...ช่างมันเถอะ!
ป่าไผ่
อ๊ายยย สวยญี่ปุ่นในชุดกิโมโนน่ารักสุดๆ อยากถ่ายรูปจังเลยย แต่ฉันลืมไปว่าฉันมาคนเดียวแถมลืมไม้เซลฟี่ไว้ที่โรงแรมสะด้วยนี่สิ คงต้องขอให้คนแถวนี้ช่วย ฉันจึงขอให้ผู้ชายตัวสูง ใส่โค้ตหนังสีดำ และแว่นตาดำ ฉันคาดว่าน่าจะเป็นคนจีนไม่ก็แถบอาหรับเพราะเขาตัวสูงมากขนาดมองจากด้านหลัง เอาว่ะเพียง!
"Excuse me..." นี่..
"yes?" ตัน..ใช่ไหม? นี่ตันจริงๆ ใช่ไหม?!
"คนไทยรึเปล่าคะ?" ฉันถามออกไปและคำตอบที่ได้กลับมาคือ..
"ครับผม" รอยยิ้มแบบนั้น..เขาจริงๆ ตัน..
เฮอะๆๆ แต่งด้วยความมึนค่ะ55 นางอาจดูเวอร์หน่อยๆเนอะ แต่คนเวอร์จริงๆก็คนแต่งนี่แหละค่ะ การเล่าเรื่องออกแนวประมาณเขียนไดอารี่เนอะ อาจมึนๆไปบ้าง(เพราะคนเขียนเองก็มึน) ตอนนี้ออกแนวนำเที่ยวค่ะ อมยิ้มเองก็อยากไปญี่ปุ่นค่ะ แต่ก็ไม่เคยไป ที่เขียนมาคือความอยาก+ดูรายการนำเที่ยวมากไปค่ะ555 ช่วยติดตามกันหน่อยนะคะ
.
.
เวลา 9:30 น. ของเช้าวันต่อมา
"ฮัลโหลค่ะแม่ เพียงขอไปเที่ยวญี่ปุ่นสักอาทิตย์นะ" ฉันโทรหาแม่ เพื่อท่านจะได้ไม่เป็นห่วง
"แล้วไปคนเดี๋ยวหรอลูก? ไม่ชวนเพื่อนไปหรอ?" แต่แม่ก็คือแม่นะเนอะ=3= มนุษย์แม่ห่วงทุกเรื่องจริงๆ แหละ นี่ฉัน26จะ27แล้วนะ!
"เพื่อนเพียงแต่งงานมีลูกมีผัวกันหมดแล้ว" ฉันบอกเหตุผลด้วยอารมณ์งอนสุดๆ ใช่ซิ้..
"ไม่เอาน่าลูกแม่555 คนสวยแต่ไม่มีใครเอาก็ถมไป ไม่ได้มีแค่ลูกสักหน่อย" ฉึก---โอ้ย..มันแทงใจดำอ่ะแม่~TT
"แม่อ่าาา"
"จ้าๆ เดินทางปลอดภัยนะ ขาดอะไรเดี๋ยวแม่ให้พัฒไปส่งถึงญี่ปุ่นเลย" พัฒที่ว่านี่น้องชายแท้ๆของฉันเองแหละ มันอายุน้อยกว่าฉัน4ปี แต่เรื่องผู้หญิงนี่เกินบรรยาย
"สาธุค่า ขอบคุณค่ะแม่"
19:45 น. สนามบินสุวรรณภูมิ
ตอนนี้ฉันนั่งรอเครื่องที่จะมุ่งสู่โอซาก้า ประเทศญี่ปุ่น ฉันได้จองโรงแรมแคปซูลเอาไว้2คืน ส่วนอีก3คืนฉันจะไปนอนที่บ้านของซายะ เพื่อนชาวญี่ปุ่นที่สนิทตอนที่มาเรียนต่อ เพราะฉะนั้นเรื่องภาษาและการใช้ชีวิตฉันมั่นใจและมั่นหน้ามาก555
"ผู้โดยสารของสายการบินxxx เครื่องหมายเลขxxx ขอเชิญขึ้นเครื่องได้ที่ประตู21ค่ะ ขอบคุณค่ะ"
สิ้นเสียงประกาศฉันก็รีบแบกเป้เดินไปที่จุดเช็คตั๋วและตรงขึ้นเครื่องทันที ฉันได้ที่นั่งริมหน้าต่างสะด้วย
"Hey you! Can you change your seat with me?(เฮ้คุณ! คุณเปลี่ยนที่นั่งกับฉันได้ไหม?)" โอ้แม่นิโกรอยด์คนงามมม ดิฉันก็อยากมองกรุงเทพตอนกลางคืนเหมือนกันนะย่ะ
"ahhh Sorry.I can't change with you.(เอ่อ ขอโทษด้วยค่ะ ฉันคงสลับที่กับคุณไม่ได้)"
"...okay!" สบัดบ๊อบหันหน้าหนีเฉย..เหอะ!
2:30 น. ตามเวลาที่ญี่ปุ่น
ณ สนามบินคันไซ
ตอนนี้ตี2ครึ่ง ร้านอาหารในสนามบินก็ยังไม่เปิด มีแค่ร้านสะดวกซื้อเท่านั้น ฉันเลยเดินเข้าไปซื้อน้ำมา ฉันกะว่าจะนอนที่สนามบินนี้ก่อน เดี๋ยวพอเช้าแล้วค่อยไปหาอะไรกินก่อนเข้าที่พัก อากาศตอนนี้ถ้าข้างนอกก็คงประมาณ6-9องศา เพราะนี่ก็กลางเดือนพฤศจิกายนแล้ว เป็นช่วงใบไม้เปลี่ยนสี หรือฤดูใบไม้ร่วงนั่นเอง สำหรับฉันแล้วฉันชอบญี่ปุ่นในบรรยากาศแบบนี้ที่สุด ยิ่งสะกว่าช่วงดอกซากุระสะอีก
เวลา 6:20 น. สนามบินคันไซ
หาวววว~~ สดชื่นจริงๆ เอาล่ะ!ลุย!! ก้าวแรกในรอบปีตั้งแต่กลับไปไทยก็ไม่เคยมาญี่ปุ่นอีกเลย หวังว่าภาษาจะยังไม่หายไปจากหัวนะ
"Hallo Japan~" ลั้ลลาสิคะ คิคิ
"ว่าแต่...โรงแรมไปทางไหนนะ?" ฉันบ่นกับตัวเอง อุตส่าเตรียมการไว้แล้วแท้ๆ ลืมซะได้
เมื่อฉันเก็บของเข้าที่พักเสร็จก็ออกมาเดินในย่านถนน'เท็นจิมบาชิ ซูจิ' ซึ่งเป็นถนนช็อปปิ้งที่ยาวที่สุดในญี่ปุ่น อยู่ใกล้สถานีรถไฟใต้ดินเลยมาได้ง่าย และจุดหมายที่แท้จริงของเราคือ...ของกินนนนน
พอตกเย็นสีสันของโอซาก้าก็เพิ่มขึ้นอีกเรื่อยๆ กลายเป็นเมืองที่น่าจดจำแห่งหนึ่งเลย ตอนนี้ฉันมาอยู่ที่'โดทมโบริ' สุดเขตถนนชินไซบาชิทางใต้ แลนด์มาร์กของที่นี่ก็คือ..รูปคนทำท่ากลูลิโกะค่าา ที่นี่ร้านอาหารเยอะมากกก แถมมีหลากหลายชาติด้วย เพราะแบบนี้โอซาก้าจึงถูกขนานนามว่า'เมืองแห่งอาหารการกิน' อยู่ที่นี่ไม่ต้องกลัวอ้วน เพราะว่าต้องอ้วนแน่นอน555 กลับไทยแล้วค่อยลดเนอะ
21:30 น. โรงแรมแคปซูล
อิ่มจังงงง พรุ่งนี้ฉันกะว่าจะไปเที่ยวเมืองเก่าเกียวโตสักหน่อย คงต้องจัดการทั้งฟิล์มกล้องและเมมมือถือสะแล้ว เพราะเกียวโตนะสวยและมีสเนห์มากๆ อยากจะเก็บไว้ทุกช็อตทุกซอกทุกมุม ตอนนี้กู๊ดไนท์นะเพียง(นางบอกตัวเอง555)
8:20 น. บนรถไฟสายโอซาก้า-เกียวโต
หู้ยย ลมเย็นดีสุดๆ ใบไม้สีก็สวย เหมาะกับการชมเมืองเก่า และกะว่าจะไปวัดเก็นริวจิกับป่าไผ่ด้วย อากาศแบบนี้ไม่ค่อยมีคนมาป่าไผ่สักเท่าไหร่ทั้งที่ช่วงนี้มันออกจะสวย คงเพราะมันเย็นและยิ่งป่าไผ่ก็ยิ่งเย็น
วิวข้างนอกตอนนี้ถือว่าสวยมากพอออกมานอกเขตเมือง วิวตอนนี้เป็นชนบทที่มีใบไม้เปลี่ยนสีสวยสด มีทุ่งนา และทุ่งหญ้ากว้าง ภูเขาเขาและทะเลสาบที่ไกลออกไป ชีวิต...ดี๊ดี..
วัดเก็นริวจิ
แชะๆๆๆๆๆ ฉันรัวชัตเตอร์เก็บทุกช็อต วัดทางชินโตที่สถาปัตยกรรมสวยขนาดนี้ไม่ถ่ายถือว่าพลาด...กลิ่น..อะไร? หอม..คุ้นจัง...ช่างมันเถอะ!
ป่าไผ่
อ๊ายยย สวยญี่ปุ่นในชุดกิโมโนน่ารักสุดๆ อยากถ่ายรูปจังเลยย แต่ฉันลืมไปว่าฉันมาคนเดียวแถมลืมไม้เซลฟี่ไว้ที่โรงแรมสะด้วยนี่สิ คงต้องขอให้คนแถวนี้ช่วย ฉันจึงขอให้ผู้ชายตัวสูง ใส่โค้ตหนังสีดำ และแว่นตาดำ ฉันคาดว่าน่าจะเป็นคนจีนไม่ก็แถบอาหรับเพราะเขาตัวสูงมากขนาดมองจากด้านหลัง เอาว่ะเพียง!
"Excuse me..." นี่..
"yes?" ตัน..ใช่ไหม? นี่ตันจริงๆ ใช่ไหม?!
"คนไทยรึเปล่าคะ?" ฉันถามออกไปและคำตอบที่ได้กลับมาคือ..
"ครับผม" รอยยิ้มแบบนั้น..เขาจริงๆ ตัน..
เฮอะๆๆ แต่งด้วยความมึนค่ะ55 นางอาจดูเวอร์หน่อยๆเนอะ แต่คนเวอร์จริงๆก็คนแต่งนี่แหละค่ะ การเล่าเรื่องออกแนวประมาณเขียนไดอารี่เนอะ อาจมึนๆไปบ้าง(เพราะคนเขียนเองก็มึน) ตอนนี้ออกแนวนำเที่ยวค่ะ อมยิ้มเองก็อยากไปญี่ปุ่นค่ะ แต่ก็ไม่เคยไป ที่เขียนมาคือความอยาก+ดูรายการนำเที่ยวมากไปค่ะ555 ช่วยติดตามกันหน่อยนะคะ
คำยืนยันของเจ้าของเรื่องสั้น
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ