Just love... แค่รักก็พอ
-
เขียนโดย HanaHana[ฮานาฮานะ]
วันที่ 9 ธันวาคม พ.ศ. 2559 เวลา 11.46 น.
10 ตอน
0 วิจารณ์
12.35K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 20 ธันวาคม พ.ศ. 2559 08.21 น. โดย เจ้าของเรื่องสั้น
2) 2
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ “อาหมิง! แกวิ่งไปไหนมว่ะ? เหงื่อทั่วตัวเลย?”
หลังจากกลับมาที่ห้องเรียนซินเย่ก็ตรงเข้ามาถามไถ่ ผมไม่ได้ตอบอะไรก่อนจะมองไปยังโต๊ะเรียนหลังห้อง หลานสาวของผู้อำนวยการกำลังนอนฟุบหน้าลงกับโต๊ะอยู่ตรงนั้น และผมก็พึ่งนึกขึ้นได้ว่าเธอเป็นเพื่อนร่วมห้อง ผมตรงเข้าไปหาเธอ
...เมิน เธอไม่แม้แต่จะหันกลับมาหรือเงยหน้าขึ้นมาสนใจผมด้วยซ้ำ มันยิ่งทำให้อารมณ์ผมเดือดขึ้นไปอีก ผมทุบโต๊ะเรียนข้างๆเรียกความสนใจจากเธอ แต่มันกลับไม่ได้ผล ดันไปได้ผลกับเพื่อนร่วมห้องคนอื่นๆ ที่กำลังมองมาที่ผมเป็นตาเดียว
“นี่เธอ...”
ผมจับไหล่ทั้งสองข้างดันตัวเธอขึ้นมา เฮ้ย! หน้าเธอซีดเซียว เหงื่อผุดขึ้นเต็มหน้าผาก เธอหรี่ตามองผม ผมสังเกตเห็นว่ามือข้างหนึ่งของเธอกำเสื้อนักเรียนตรงหน้าท้องไว้แน่น ผมคิดว่าเธอคงปวดท้องขั้นรุนแรง ใช่โรคที่ผู้หญิงชอบเป็นเวลามีเลือดไหลออกมารึเปล่านะ?
ผมตัดสินใจอุ้มเธอตรงไปยังห้องพยาบาลโดยมีซินเย่ติดสอยห้อยตามมาด้วย
“แกคิดว่าหลานผอ.จะเป็นอะไรรึเปล่าวะ? ถ้าเป็นอะไรขึ้นมาบอกผอ.ด้วยว่าฉันไม่เกี่ยว”
ไอ้เพื่อนรักหักเหลี่ยมโหดโบกมือบ๊ายบายผม ผมจึงไล่มันให้มันกลับห้องเรียนไปและแจ้งอาจารย์ที่เข้าสอนในคาบต่อไปให้ด้วย เวลาแห่งการโดดเรียนจึงบังเกิด ไม่รู้ว่าควรจะขอบคุณหรือสาปส่งยัยหลานผอ.ดี? หลังจากที่ซินเย่กลับห้องเรียนไปมันก็ส่งข้อความมาบอกผมว่า
ตอนนี้มีข่าวลือว่าแกทำร้ายหลานสาวผอ. ตอนนี้นอนพักรักษาตัวที่ห้องพยาบาล มีประกาศจับ(ตัวผม)แถมให้รางวัลด้วย!
ผมควรจะทำยังไงดี? ทำให้ข่าวลือเป็นจริงเลยดีหมั้ย? ไหนๆยัยหลานผอ.ก็หลับไม่ได้สติอยู่ตรงหน้าแล้ว ถ้าผมลงมือฆ่าบีบคอตอนนี้ก็ยังไม่สาย(สำหรับข่าวลือ)
“นายไม่กล้าหรอก” ยัยหลานผอ.ลืมตาขึ้นมาพร้อมกับท้าทายอำนาจมืดของผม
“ฉันไม่กล้าอะไร?” เธอมองหน้าผมที่ตอนนี้มือทั้งอสองข้างวางอยู่บนบ่าของเธอ เฮ้ย! ร่างกายผมมันรวดเร็วพอๆกับสมองขนาดนี้เลยหรอเนี่ย?
ปัง!
เสียงประตูห้องพยาบาลเปิดออกพร้อมกับคนจำนวนหนึ่งที่เดินเข้ามา พวกเขาเหล่านั้นอยู่ในชุดสูทสีดำหน้าตาเคร่งเครียด มีเพียงชายวัยกลางคนหนึ่งที่ดูมีออร่ายืนอยู่ข้างเตียงของยัยหลานผอ. เขามองเธอด้วยสายตาที่ห่วงใยก่อนจะมองมาทางผม จะโดนเชือดมั้ยเนี่ย?
“เธอคงเป็นคนในข่าวลือที่ทำร้ายเบบี้สินะ”
“เบบี้!?”
“อ้อ! เบบี้เป็นชื่อที่คนในครอบครัวใช้เรียกเสี่ยวซินน่ะ” ชายคนนั้นตอบผมด้วยรอยยิ้มที่อ่อนโยน ถ้าคุณเอารอยยิ้มนั้นไปใช้กับผู้หญิงมันคงได้ผล แต่มาใช้กับผู้ชายทั้งแท่ง แมนๆแบบผม...มันสยิ้ว บรื๋ออออ~
ผมยืนสงบเสงี่ยมเจียมตัวปล่อยให้อาหลานได้พูดคุยกัน เป็นครั้งแรกเลยที่ผมเห็นว่ายัยหลานผอ.พูด(เยอะ)และยิ้ม(ก็เป็น)เหมือนคนอื่นทั่วไป ตั้งแต่ที่เธอย้ายเข้ามาผมแทบจะไม่ได้ยินเสียงของเธอถ้าไม่ถูกอาจารย์ถามไถ่ในห้องเรียน และยิ่งรอยยิ้มไม่ต้องพูดถึง
“เธอเข้าไปกินข้าวกลางวันกับผอ.ประจำ ทำไมโรคกระเพาะถึงกำเริบได้ล่ะ?”
“ไม่ได้กิน”
“เป็นไปไม่ได้!”
“ฉันไม่ชอบกินข้าวกับคนแก่ น่ารำคาญ!”
ผมว่าบ้านเธอต้องมีปัญหาครอบครัวแน่ๆ ซึ่งเป็นปัญหาภายใน มีเบื้องลึกเบื้องหลังสลับซับซ้อนอันมิอาจก้าวล่วงได้ ผอ.ที่ผมรู้จักท่านก็ดูท่าทางใจดี ขนาดผมเคยแตะบอลโดนกระจกข้างรถท่านกระเด็นออกมาเป็นชิ้นส่วนเศษขยะ...ท่านยังไม่เอาเรื่องผมเลย แต่อาจารย์ท่านอื่นหมายหัวผมไว้เรียบร้อย
“ถ้าเธอไม่ได้กินข้าวที่ห้องผอ.แล้วเธอไปกินที่ไหน?”
“ดาดฟ้า”
อ้อ...ที่ดาดฟ้า ยะ...อย่าบอกนะว่าขนมปังอันนั้น O_O
“ใช่ ขนมปังที่นายกินคือข้าวกลางวันของฉัน เพราะฉะนั้นข่าวลือที่นายทำร้ายฉันก็คือเรื่องจริง ถึงแม้ว่านายจะไม่ได้ใช้กำลังก็เถอะ”
ผมรู้สึกผิดเต็มประตู ผมคือคนที่ทำร้ายเธอจริงๆตามที่เธอพูดนั่นล่ะ ถึงแม้ว่าผมจะไม่ได้ใช้กำลังทำร้ายร่างกายเธอแต่ผมก็ได้ไปแย่งอาหารของเธอมาก เอ๊ะ...นี่ผมคิดว่าเธอเป็นหมาอยู่รึเปล่าเนี่ย? ผมได้แต่นั่งนิ่งเงียบอยู่ข้างๆเตียงเธอ
“ในเมื่อนายรู้สึกผิด นับแต่พรุ่งนี้เป็นต้นไป...นายต้องซื้ออาหารกลางวันมาให้ฉันที่ดาดฟ้า”
“ทำไมเธอไม่ไปกินกับผอ.ที่ห้องล่ะ? อาหารน่าจะล้ำเลิศกว่าเยอะ”
“ฉันก็บอกไปแล้วไงว่าไม่ชอบกินข้าวกับคนแก่!”
“แต่เธอป่วยอยู่นะ...” ถึงผมจะไม่ใช่คนดีอะไรมากมาย แต่คนป่วยผมก็ทำร้ายไม่ลง จะให้ผมไปซื้อขนมปังที่โรงอาหารมาให้คนป่วยมันก็ไม่ใช่ป่ะวะ “ทำไมเธอไม่ทำอาหารมาเองเหมือนอย่างเข่ออี้ หรือพวกนักเรียนหญิงคนอื่นๆล่ะ?”
“ฉันไม่ชอบทำอาหาร”
“เธอนี่มันเรื่องมากจริงๆ”
“ตกลงนายจะซื้อมาให้ฉันรึเปล่า? ถ้าไม่ก็ไสหัวออกไปซะ! ไอ้ฆาตกร”
หลังจากกลับมาที่ห้องเรียนซินเย่ก็ตรงเข้ามาถามไถ่ ผมไม่ได้ตอบอะไรก่อนจะมองไปยังโต๊ะเรียนหลังห้อง หลานสาวของผู้อำนวยการกำลังนอนฟุบหน้าลงกับโต๊ะอยู่ตรงนั้น และผมก็พึ่งนึกขึ้นได้ว่าเธอเป็นเพื่อนร่วมห้อง ผมตรงเข้าไปหาเธอ
...เมิน เธอไม่แม้แต่จะหันกลับมาหรือเงยหน้าขึ้นมาสนใจผมด้วยซ้ำ มันยิ่งทำให้อารมณ์ผมเดือดขึ้นไปอีก ผมทุบโต๊ะเรียนข้างๆเรียกความสนใจจากเธอ แต่มันกลับไม่ได้ผล ดันไปได้ผลกับเพื่อนร่วมห้องคนอื่นๆ ที่กำลังมองมาที่ผมเป็นตาเดียว
“นี่เธอ...”
ผมจับไหล่ทั้งสองข้างดันตัวเธอขึ้นมา เฮ้ย! หน้าเธอซีดเซียว เหงื่อผุดขึ้นเต็มหน้าผาก เธอหรี่ตามองผม ผมสังเกตเห็นว่ามือข้างหนึ่งของเธอกำเสื้อนักเรียนตรงหน้าท้องไว้แน่น ผมคิดว่าเธอคงปวดท้องขั้นรุนแรง ใช่โรคที่ผู้หญิงชอบเป็นเวลามีเลือดไหลออกมารึเปล่านะ?
ผมตัดสินใจอุ้มเธอตรงไปยังห้องพยาบาลโดยมีซินเย่ติดสอยห้อยตามมาด้วย
“แกคิดว่าหลานผอ.จะเป็นอะไรรึเปล่าวะ? ถ้าเป็นอะไรขึ้นมาบอกผอ.ด้วยว่าฉันไม่เกี่ยว”
ไอ้เพื่อนรักหักเหลี่ยมโหดโบกมือบ๊ายบายผม ผมจึงไล่มันให้มันกลับห้องเรียนไปและแจ้งอาจารย์ที่เข้าสอนในคาบต่อไปให้ด้วย เวลาแห่งการโดดเรียนจึงบังเกิด ไม่รู้ว่าควรจะขอบคุณหรือสาปส่งยัยหลานผอ.ดี? หลังจากที่ซินเย่กลับห้องเรียนไปมันก็ส่งข้อความมาบอกผมว่า
ตอนนี้มีข่าวลือว่าแกทำร้ายหลานสาวผอ. ตอนนี้นอนพักรักษาตัวที่ห้องพยาบาล มีประกาศจับ(ตัวผม)แถมให้รางวัลด้วย!
ผมควรจะทำยังไงดี? ทำให้ข่าวลือเป็นจริงเลยดีหมั้ย? ไหนๆยัยหลานผอ.ก็หลับไม่ได้สติอยู่ตรงหน้าแล้ว ถ้าผมลงมือฆ่าบีบคอตอนนี้ก็ยังไม่สาย(สำหรับข่าวลือ)
“นายไม่กล้าหรอก” ยัยหลานผอ.ลืมตาขึ้นมาพร้อมกับท้าทายอำนาจมืดของผม
“ฉันไม่กล้าอะไร?” เธอมองหน้าผมที่ตอนนี้มือทั้งอสองข้างวางอยู่บนบ่าของเธอ เฮ้ย! ร่างกายผมมันรวดเร็วพอๆกับสมองขนาดนี้เลยหรอเนี่ย?
ปัง!
เสียงประตูห้องพยาบาลเปิดออกพร้อมกับคนจำนวนหนึ่งที่เดินเข้ามา พวกเขาเหล่านั้นอยู่ในชุดสูทสีดำหน้าตาเคร่งเครียด มีเพียงชายวัยกลางคนหนึ่งที่ดูมีออร่ายืนอยู่ข้างเตียงของยัยหลานผอ. เขามองเธอด้วยสายตาที่ห่วงใยก่อนจะมองมาทางผม จะโดนเชือดมั้ยเนี่ย?
“เธอคงเป็นคนในข่าวลือที่ทำร้ายเบบี้สินะ”
“เบบี้!?”
“อ้อ! เบบี้เป็นชื่อที่คนในครอบครัวใช้เรียกเสี่ยวซินน่ะ” ชายคนนั้นตอบผมด้วยรอยยิ้มที่อ่อนโยน ถ้าคุณเอารอยยิ้มนั้นไปใช้กับผู้หญิงมันคงได้ผล แต่มาใช้กับผู้ชายทั้งแท่ง แมนๆแบบผม...มันสยิ้ว บรื๋ออออ~
ผมยืนสงบเสงี่ยมเจียมตัวปล่อยให้อาหลานได้พูดคุยกัน เป็นครั้งแรกเลยที่ผมเห็นว่ายัยหลานผอ.พูด(เยอะ)และยิ้ม(ก็เป็น)เหมือนคนอื่นทั่วไป ตั้งแต่ที่เธอย้ายเข้ามาผมแทบจะไม่ได้ยินเสียงของเธอถ้าไม่ถูกอาจารย์ถามไถ่ในห้องเรียน และยิ่งรอยยิ้มไม่ต้องพูดถึง
“เธอเข้าไปกินข้าวกลางวันกับผอ.ประจำ ทำไมโรคกระเพาะถึงกำเริบได้ล่ะ?”
“ไม่ได้กิน”
“เป็นไปไม่ได้!”
“ฉันไม่ชอบกินข้าวกับคนแก่ น่ารำคาญ!”
ผมว่าบ้านเธอต้องมีปัญหาครอบครัวแน่ๆ ซึ่งเป็นปัญหาภายใน มีเบื้องลึกเบื้องหลังสลับซับซ้อนอันมิอาจก้าวล่วงได้ ผอ.ที่ผมรู้จักท่านก็ดูท่าทางใจดี ขนาดผมเคยแตะบอลโดนกระจกข้างรถท่านกระเด็นออกมาเป็นชิ้นส่วนเศษขยะ...ท่านยังไม่เอาเรื่องผมเลย แต่อาจารย์ท่านอื่นหมายหัวผมไว้เรียบร้อย
“ถ้าเธอไม่ได้กินข้าวที่ห้องผอ.แล้วเธอไปกินที่ไหน?”
“ดาดฟ้า”
อ้อ...ที่ดาดฟ้า ยะ...อย่าบอกนะว่าขนมปังอันนั้น O_O
“ใช่ ขนมปังที่นายกินคือข้าวกลางวันของฉัน เพราะฉะนั้นข่าวลือที่นายทำร้ายฉันก็คือเรื่องจริง ถึงแม้ว่านายจะไม่ได้ใช้กำลังก็เถอะ”
ผมรู้สึกผิดเต็มประตู ผมคือคนที่ทำร้ายเธอจริงๆตามที่เธอพูดนั่นล่ะ ถึงแม้ว่าผมจะไม่ได้ใช้กำลังทำร้ายร่างกายเธอแต่ผมก็ได้ไปแย่งอาหารของเธอมาก เอ๊ะ...นี่ผมคิดว่าเธอเป็นหมาอยู่รึเปล่าเนี่ย? ผมได้แต่นั่งนิ่งเงียบอยู่ข้างๆเตียงเธอ
“ในเมื่อนายรู้สึกผิด นับแต่พรุ่งนี้เป็นต้นไป...นายต้องซื้ออาหารกลางวันมาให้ฉันที่ดาดฟ้า”
“ทำไมเธอไม่ไปกินกับผอ.ที่ห้องล่ะ? อาหารน่าจะล้ำเลิศกว่าเยอะ”
“ฉันก็บอกไปแล้วไงว่าไม่ชอบกินข้าวกับคนแก่!”
“แต่เธอป่วยอยู่นะ...” ถึงผมจะไม่ใช่คนดีอะไรมากมาย แต่คนป่วยผมก็ทำร้ายไม่ลง จะให้ผมไปซื้อขนมปังที่โรงอาหารมาให้คนป่วยมันก็ไม่ใช่ป่ะวะ “ทำไมเธอไม่ทำอาหารมาเองเหมือนอย่างเข่ออี้ หรือพวกนักเรียนหญิงคนอื่นๆล่ะ?”
“ฉันไม่ชอบทำอาหาร”
“เธอนี่มันเรื่องมากจริงๆ”
“ตกลงนายจะซื้อมาให้ฉันรึเปล่า? ถ้าไม่ก็ไสหัวออกไปซะ! ไอ้ฆาตกร”
คำยืนยันของเจ้าของเรื่องสั้น
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ