ผู้ชายที่เกือบเป็นคนธรรมดา

-

เขียนโดย Rhodolite

วันที่ 7 ธันวาคม พ.ศ. 2559 เวลา 17.39 น.

  2 ตอน
  0 วิจารณ์
  4,587 อ่าน
แชร์เรื่องสั้น Share Share Share

 

1) สวัสดีครับ

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ขนาดตัวอักษร เล็ก กลาง ใหญ่ ใหญ่มาก
                    "เหมียว ทำแบบนี้มันมากเกินไปไหม"
                    "มันไม่มากหรอกเสิร์ช ก็ทำไมอะ เหมียวจะทำ"
                    "ถ้ารับไม่ได้ ก็เลิกกันเถอะ"
                    "เหมียว ทำไมอะเหมียว ไหนบอกว่าเรารักกัน มาเลิกกันตอนนี้ไม่ได้นะเหมียว"
                    "ทำไมจะเลิกไม่ได้ เสิร์ชไม่เข้าใจรึไง!! เหมียวมีคนอื่น และเหมียวมีคนใหม่!
                    เหมียวว่าเสิร์ชเป็นคนฉลาดนะ น่าจะรู้ว่าเรื่องของเรามันจบแล้ว!!" 
          มันคือเรื่องราวในวันเก่า ในวันนั้น ผมทำอะไรไม่ได้ ผมพยายามแล้วที่จะรั้งเธอเอาไว้ แต่ยังไงเธอก็ยืนยันที่จะไป ผมคบกับเธอมา 4 ปี มารู้ว่าเธอมีคนอื่นก็ตอนอยู่มหา'ลัย ปี 2 เทอม 2 เธออธิบายให้ผมฟังว่า เธอคุยกับผู้ชายคนอื่นมาตั้งแต่ ปี 1 แล้ว กว่าผมจะรู้ว่าเธอมีคนอื่น ก็ตอนที่เธอกับเขาดำเนินความสัมพันธ์ไปจนมันมากกว่าคำว่าแฟน พูดง่ายๆก็ เธอกับเขามี something นั้นเองแหละคับ ตอนแรกที่ผมรู้ ผมรู้มาจากเพื่อนสนิทผม ไอ่สก็อต มันบอกผมว่า มันตะหงิดใจตั้งแต่ปี 1 เทอม 2 แล้ว ว่าเหมียวทำท่าทีแปลกๆ เวลาอยู่ต่อหน้าผู้ชายคนนั้น หรือเวลาเจอกันโดยบังเอิญกับผู้ชายคนนั้น มันพยายามเตือนผมมาตั้งแต่ปี 1 เทอม 2 แล้วคับ แต่ผมก็ดันนน! ไม่เชื่อมัน แถมยังไปโกรธมันอีกต่างหาก ผมกับมันไม่ยุ่งกันมา จนกระทั้งผมรู้ความจริง มันรู้ว่าผมเลิกกับเหมียวปุ๊บ! มันก็โทรมาหาผมปั๊บ! โทรมาเชิงเยาะเย้ย และสุดท้ายมันก็ชวนผมไปเที่ยว นี้แหละคับ ชีวิตหลังโดนบอกเลิกของผม หลังจากวันนั้น ผมรู้สึกว่า ผมดีขึ้นมาก แต่ก็ยังไม่กล้าให้ใจใครอีก เหมียวเป็นแฟนคนแรกของผม และมันยากที่จะลบแผลใจให้หมดได้ เพราะงั้น ผมเลยอยู่โสดมาตั้งแต่ปี 2 เทอม 2 ยันตอนนี้ ปี 4 แล้วคับ วันเวลาที่ผ่านๆมา ก็มีผู้หญิงเข้ามาคุย เข้ามาชอบผมเยอะ แต่ก็นั้นแหละคับ ผมดำเนินความสัมพันธ์ต่อไม่ได้ เพราะใจผมมันยังไม่กล้าพอ
          ผมชื่อเสิร์ช ปัจจุบันนี้เรียนอยู่มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ คณะวิทยาศาสตร์ สาขาคอมพิวเตอร์ ปี 4 คับ เรื่องราวชีวิตผมมัน ดูภายนอกก็ ดูจะธรรมดา แต่ก็ไม่นะคับ มันไม่ธรรมดาตั้งแต่เรื่องครอบครัวนั้นแหละคับ จริงๆแล้ว ผมมีพ่อที่ดูจะห่วยแตกที่สุด (-_-) พ่อแท้ๆของผม พ่อผมเป็นหนุ่มหล่อหน้าตาดี เป็นหนุ่มอิตาลี หนุ่มหล่อพาวเสน่ห์ มากด้วยเล่ห์ และกล พ่อทิ้งผมไป เรียกง่ายๆคือ หย่ากับแม่ผม แม่ผมทำงานเป็นสาวนั่ง Drink ในร้านเหล้าชื่อดังของกรุงเทพมหานคร แม่กับพ่อเจอกันที่ร้านเหล้าที่แม่ทำงานอยู่ แล้วก็ชอบกันรักกัน เป็นความรักที่อยู่กันเพียง 3 เดือน แม่ก็ท้องป่อง มีผมเกิดมาในท้อง พอพ่อรู้ พ่อก็เลิกกับแม่ และบอกว่า
                    "นั้นไม่ใช่ลูกกู"
          แหม...ถ้าตอนนั้นผมพูดได้ และออกมาจากท้องแม่แล้ว ผมคงบอกพ่อไปว่า
                    "จะไม่ใช่ลูกพ่อได้ไง อสุจิพ่อล้วนๆ"
          ตอนแรกแม่บอกผมว่า จะไม่เก็บผมไว้ กะไปทำแท้ง แต่มีผู้ชายคนหนึ่ง ที่เป็นพี่ชายของพ่อแท้ๆผม เขาชอบแม่มาตั้งแต่ที่ได้พบ เขาเอ่ยปากบอกแม่ว่า
                    "I'll take care of you and your child."
                    แปล : "ผมจะดูแลคุณกับลูกของคุณเอง"
          เขาเป็นผู้ชายที่ดีมากๆ รวยมากๆ และเป็นผู้ชายที่เก่งมากๆ ถึงเขาจะไม่หล่อเท่าน้องชายเขา แต่ใจเขาหล่อมาก ... เขาได้กลายมาเป็นพ่อเลี้ยงผมไปโดยปริยาย เขาชื่อแอนดรูว์ เขาเป็นนักธุรกิจที่เก่งมากในประเทศอิตาลี และแน่นอนว่าเขารวยมาก เมื่อผมเกิดมา แม่ของผมรักผมมาก ถึงผมจะหน้าตาคล้ายกับพ่อแท้ๆผมก็ตาม อาจเป็นเพราะแม่แยกแยะออกระหว่างผมกับเขา เลยไม่ได้รู้สึกเกลียดชั่งผม ผมมีน้องชายคนหนึ่ง ชื่อ แจ็ค เขาเป็นลูกแท้ๆของพ่อและแม่ผม เอาง่ายๆว่า เขาไม่ใช่ลูกที่เกิดจากอสุจิของผู้ชายเหี้ยๆ อย่างผม การมีพี่น้อง มันดีถ้าคนในครอบครัวให้ความรักที่เท่ากัน แต่สิ่งที่พ่อให้ผม มันช่างต่างจากที่เขามอบให้แจ็ค เขาชอบใช้คำพูดที่แข็งกร้าวกับผม แต่ใช้คำพูดที่อ่อนนุ่มกับแจ็ค เขาบอกว่า
                    "You are brother then you're responsible for everything.
                    And you must inherit my business."
                    แปล : "คุณเป็นพี่ชาย ดังนั้น คุณจะต้องรับผิดชอบทุกสิ่งทุกอย่าง
                             และคุณจะต้องสืบทอดธุรกิจของผม"
          ใช่คับ เขาบอกผมแบบนี้ ซึ่งมันสร้างแรงกดดันให้กับผมสุดๆ ผมต้องอยู่ในกรอบของเขา ต้องทำตามที่เขาสั่ง จนวันหนึ่งผมทนไม่ไหว ผมขอย้ายมาเรียนที่ประเทศไทย ตั้งแต่อายุ 15 โดยอ้างนู่นอ้างนี้ไปเรื่อย สุดท้ายเขาก็อนุญาติให้ผมไปเรียนอยู่ประเทศไทย เหตผลที่ผมตัดสินใจไปเรียนประเทศไทยเพราะ ผมมีญาติห่างๆ ที่ค่อนข้างจะสนิทกันพอสมควรอยู่ที่ประเทศไทย แถมเป็นประเทศที่แอนดูรว์ไม่มีบริษัทหรือธุรกิจเปิดที่นี้ จึงทำให้ผมไม่จำเป็นต้องเจอเขาบ่อย
          เมื่อผมย้ายมาเรียนที่ประเทศไทย ช่วงแรกๆ ผมก็พูดไทยไม่เป็นหรอกนะ จนเริ่มเข้าสังคม เริ่มมีเพื่อน เริ่มมีชีวิตใหม่ ผมอยู่ประเทศไทยมาจนถึงปัจจุบันนี้ ผมมีความสุขมาก และมันยิ่งมีความสุขมากไปอีกเมื่อผมได้เจอกับเหมียว ก็อย่างที่บอกไว้แต่แรกแหละครับ ว่าเราคบกัน 4 ปี แล้วก็เลิก 
          จบเรื่องราวในอดีต มาสู่เรื่องราวในปัจจุบันกันดีกว่าคับ ปัจจุบันนี้ผมก็ยังไม่มีใคร ไม่มีเล้ยยยยย! สักคน เอาง่ายๆคือกลัวความรักมาก พอจะสารสัมพันธ์กับใครสักคน ก็ดั้นนน!! เจอคนไม่ดีซะงั้น ผมเลยคิดว่าจะไม่มีใครจนกว่าจะจบเรียน มีงานมีการทำ และสืบทอดธุรกิจของพ่อแอนดรูว์ แล้วค่อยหาเมียดีๆสักคนเอาตอนทำงานนี้แหละคับ
          วันนี้ผมเรียนเสร็จแหละ ผมเลยมานั่งคิดเรื่องเก่าๆคนเดียวที่ร้านเบเกอรี่ มศว ประสานมิตร เป็นร้านประจำผมเลย มันใกล้ไม่ต้องขับรถออกไปข้างนอกมอด้วย นั่งดื่มชิลล์ๆ
                    "ไอ่เหี้ยเสิร์ช!" (-_-) เสียงนี้มีคนเดียวคับ ไอ่สก็อต เพื่อนสนิทที่ผมรักกกก! มากๆ (- -') โคตรเปลี่ยนบรรยากาศ
                    "มึงช่วยติวให้กูหน่อยสิ จะสอบกลางภาคอยู่แหละ กูยัง งงวิชาเหี้ยนี้อยู่เลย"
                    "เออๆ แต่กูยังไม่ได้อ่านเลย ขออ่านกับทำความเข้าใจสัก 2-3 วันก่อน"
                    "ครับบบบ กี่วันก็ได้ครับบบ แต่มึงต้องติวให้กูนะครับบ"
                    "ครับบบบบบ! คุณชายสก็อต"
          นั้นแหละคับ ผมเป็นติวเตอร์ที่มีชื่อเสียงใน มศว. ของคณะวิทยาศาสตร์สาขาคอมพิวเตอร์ จริงๆผมไม่ได้อยากเป็นเท่าไหร่ แต่เมื่อตอนปี 2 ผมเป็นคนติวหนังสือให้เพื่อนที่เกือบจะติด F ให้กลายเป็น D ถึง C ได้ พวกมันเลยยกความดีความชอบนี้ ให้ผม แถมยังเรียกผมว่า "Search Tutor" ผมเก่งพวกวิชาเคมี ฟิสิกส์ พวกนี้ผมถนัด ตั้งแต่ปี 2 เป็นต้นมา ก่อนสอบเกือบทุกๆการสอบ เพื่อนๆหรือรุ่นน้องจะมาขอให้ผมติวให้ ส่วนใหญ่ก็จะเป็นพวกวิชาฟิสิกส์ เคมี อะไรพวกนี้ ผมไม่เคยบอกว่าผมเก่ง หรือเทพ เมพๆ ไรแบบนั้นหรอกคับ แต่ที่ผมสามารถสอนคนอื่นได้ เป็นเพราะผมเข้าใจวิชานั้นๆมันมากที่สุด และสนใจมันมากที่สุด แต่ถ้าให้ผมไปสอนวิชาชีววิทยา ผมก็ไม่ไหว ขอบายเลยแหละคับ เพราะผมไม่ชอบวิชานี้สักเท่าไหร่
                    "เสิร์ช เย็นนี้ไปเจเจกรีนกันไหมเพื่อน" ไอ่สก็อตมันชวนผมเที่ยวอีกแหละ
                    ผมขี้เกียจขับรถสุดๆ (- -)
                    "ไปทำไมวะ กินแถวๆนี้ไม่ได้รึไง กูขี้เกียจขับรถ"
                    "โห มึงแม่งชีวิตโคตรจืดดด.... กินร้านอาหารตามสั่งแม่งทุกวัน
                    น่าเบื่อ เปลี่ยนบรรยากาศบ้าง"
                    "เออๆ ไปก็ไป แต่พรุ่งนี้จนถึงวันสอบไม่ไปไหนแล้วนะเว้ย"
                    "ครับบบ ติวเตอร์เสิร์ช"
 
               ณ JJ Green เวลา 19:00 น.
          ผมมานั่งกิน Mr.Grill คือร้านปิ้งย่าง เป็นหมูย่างสไตล์เกาหลี อร่อยถูกปากผมอยู่เหมือนกันคับ กินเสร็จผมก็เดินเล่นกับไอ่สก็อต พอเดินผ่านร้านสัก ไอ่สก็อตเกิดความอยากสักขึ้นมาเฉย... (-_-) มันเดินเข้าไป และนั่งดูรูปรอยสักต่างๆนาๆ คุยกับเจ้าของร้านสัก เหมือนว่ามันสนิทกับเขามาก หลังจากนั้นเจ้าของร้านก็เดินออกไป ปล่อยให้มันนั่งเลือกลายสัก มันนั่งตัดสินใจอยู่นาน จนช่างสัก สักให้กับลูกค้าคนหนึ่งเสร็จ ก็ออกมานั่งรอไอ่สก็อตเลือกลาย พอมันเลือกลายเสร็จ มันก็บอกช่างสัก ตรงนั้นตรงนี้ลายนั้นลายนี้ ผมก็ไม่รู้ว่ามันสักลายอะไร ผมไม่ได้นั่งดูกับมัน ผมนั่งอ่านนู่นอ่านนี้ที่ร้านวางหนังสือเอาไว้ เหงยหน้ามาอีกที อย่างกับเห็นนางฟ้า ช่างสักสวยมากๆ น่ารักมาก ก็ได้แต่มองเขา ผมไม่กล้าคุยด้วย จากนั้น สก็อตกับช่างสักคนงามก็เดินเข้าห้องสักไปกันสองคน ผมแอบอิจฉาไอ่สก็อตอยู่นิดนึงนะ ผมว่ามันต้องรู้สึกดีแน่ๆเลย
          ผ่านไปเกือบครึ่งชั่วโมง สก็อตก็เดินออกมา พร้อมกับรอยสักที่ยังไม่เสร็จ
                    "อ่าว... ยังไม่เสร็จอ่อ พักเหรอ" ผมถามมันด้วยความที่ไม่รู้อะไรเลย
                    "พักห่าอะไร รอยสักเนี้ยะ มันต้องใช้เวลาสักหลายวันนะเว้ย ยิ่งลายสวย
                    ยิ่งลายใหญ่ๆ ยิ่งต้องใช้เวลา พรุ่งนี้กูกะจะมาอีก มึงมาเป็นเพื่อนกูหน่อยดิ"
                    "เอ้า! เราตกลงกันว่าไง ไอ่สก็อต"
                    "อะไรวะ - -?"
                    "ไอ่เหี้ย! ก็กูบอกแล้วว่า หลังจากวันนี้จะไม่ออกไปไหนแล้ว
                    จนกว่าจะสอบเสร็จ"
                    "เออวะ! ลืมๆ โถ่... เพื่อน ขอหน่อยเหอะ มาเป็นเพื่อนกู 2 - 3 ชั่วโมงเอง
                    ถือว่าคลายเครียดจากการอ่านหนังสือไง"
                    "เฮ้ออ มึงนี้ขี้ลืมจริงๆเลย ไอ่สัสเอ้ย"
                    "คิคิ ฮ่าๆ (^//^)" เสียงหัวเราะนุ่มๆน่ารักของผู้หญิงคนหนึ่ง
                    พอผมหันไปมองต้นเสียง ก็เป็นสาวช่างสักที่น่ารักๆคนนั้น
                    "ขำไรคับ คุณช่างสัก (-.-)" ไอ่สก็อตเอ่ยปากถาม
                    "ก็ขำพวกคุณนั้นแหละ ทำไหมละ มีใครห้ามไม่ให้ขำด้วยเหรอ"
                    "..." ผมกับสก็อตยืนนิ่ง ไม่รู้จะตอบว่าไรดี เพราะผมกับสก็อต
                    ก็ไม่รู้จักเธอมาก่อน
                    "สรุป พรุ่งนี้พวกคุณจะมาใช่ไหม หรือจะไม่มาละ นัดกันให้ดีแล้วมาบอกฉัน"
                    ".... เอาไง ไอ่เสิร์ช (-__-)" สก็อตถามผม
                    "เออ มาก็มา (- -)"
                    "ตามนั้นนะ เวลาเดิม ที่นี้ ok เนอะ (^_^) สักแค่วันพรุ่งนี้อีกวันก็เสร็จ
                    แล้วค่ะ" โอ๊ะ! ยิ้มน่ารักชะมัด ผู้หญิงอะไร น่ารักจัง
                    "ครับ งั้นผมไปก่อนนะ พรุ่งนี้เจอกันใหม่ (^ ^) บาย" สก็อตพูดตอบ
                    แล้วกอดคอผม ลากผมออกมาจากร้าน
                    "กูรู้นะ มึงชอบสาวสักคนนั้น น่ารักใช่ไหมละ ฮ่าๆๆๆ"
                    "เห้ย! เบาๆเลย เดียวเขาได้ยิน"
                    "ครับๆ ติวเตอร์ มึงนี้น่ารักขี้อายจริงๆวะ"
                    "เงียบไปเลย (- -!)"

 

คำยืนยันของเจ้าของเรื่องสั้น

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา