Talking Nonsense เรื่องที่ฉันอยากเล่า
เขียนโดย นางแกงพเนจร
วันที่ 13 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559 เวลา 23.25 น.
แก้ไขเมื่อ 25 ธันวาคม พ.ศ. 2559 22.46 น. โดย เจ้าของเรื่องสั้น
8) ข้างหลังฉาก... BEHIND THE SCENES
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ"ดูหน้าของหล่อนสมัยก่อนสิ อี๋ รับไม่ได้" เสียงของกะเทยวัยกลางคน
"แหม~ เจ๊ ทุกวันนี้หนูก็สวยแล้วไง" สาวเสียงแหลมพูด
"แน่นอนย่ะ ฉันต้องแบกใบหน้าของหล่อนไปถึงเกาหลี กว่าจะออกมาได้ขนาดนี้หมดเป็นแสน"
"แล้วตอนนี้เป็นไง กำไรหลักล้านไหมคะเจ๊ ฉันเคยทำให้เจ๊ผิดหวังด้วยเหรอ?"
"จ้า แม่ลูกรัก แม่อู่ข้าวอู่น้ำ นี่ถ้ายัยเมแกนคิดได้สักครึ่งหนึ่งของแกก็ดีสิ ฉันน่ะอยากจะให้มันเป็นดารา จะพาไปดูดไขมันออกมันก็ไม่เอา"
"เมแกนเขาอยากทำเบื้องหลังน่ะ เจ๊ก็ไม่ต้องซีหลอก นางฉลาดจะตาย"
"ฉันรู้ว่าลูกฉันเก่ง แต่ก็แหม ฉันปั้นแกจนเป็นดาวบนฟ้าได้ ลูกฉัน ฉันก็ต้องปั้นได้สิ"
...สวัสดีจ้า ลูกสาว ลูกเจี๊ยบ ทั้งหลาย เจ๊ชื่อมอลลี่ เป็นแมวมอง นักปั้น ทำงานอยู่วงการนี้มาก็เกือบ 30 ปีละ เรียกได้ว่าเจ๊เป็นนักปั้นมือวางอันดับต้นๆเลยนะคะ เด็กของเจ๊แต่ละรุ่นก็ปั้นจนโด่งดังกลายไปเป็นดาวค้างฟ้ามาหลายคนแล้วนะ จนมาถึงคนปัจจุบันนี่ล่ะคะ ยัยหน้าคม ผิวแทน หุ่นเซี้ย สูง 170 น้ำหนัก 53 อก 35 เอว 26 นางมีชื่อว่า ใจเอ๋ย แต่ก่อนนางก็ไม่ได้สวยอะไรหรอกนะ เจ๊เห็นแววว่าปั้นแล้วต้องรุ่ง ก็เลยหยิบนางมาขัดๆๆๆๆ พาไปทัวร์ศัลกรรม กลับมาเติมแต่งที่ไทยนิดหน่อย ทุกวันนี้นางก็ได้เป็นทั้งนักแสดง ไหนจะแบรนด์แอมบาสเดอร์โฆษณาอีกหลายตัว เรียกได้ว่าที่ทำไปไม่เสียแรงเลยนะจ๊ะ คุ้มเสียยิ่งกว่าคุ้มอีกค่าาา อ่อ นั่นไง ลูกสาวคนเก่งของเจ๊เดินแฟชั่นโชว์เสร็จละ ขอตัวไปรับนางก่อนนะคะ เดี๋ยวจะมาเม้าท์มอยใหม่...
"ใจเอ๋ยลูกรัก เดินสวยมาก โพสปิดเมื่อกี้คือตายหมด ไม่ผิดหวังๆ"
"บ้าเหรอ เจ๊ก็ชมฉันเยอะไปแล้วนะ"
"ไปๆ รีบไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเร็ว เธอมีนัดดินเนอร์กับคุณเมฆผู้จัดละครอีกนะ"
"อ่าว ไม่อยู่รอให้สัมภาษณ์กับนักข่าวก็เหรอจ๊ะ?" เสียงของนางแบบคนหนึ่ง
"ว้าย สัมภาษณ์ไม่ทันหลอกค่ะลูกสาว พอดีน้องใจเอ๋ยเขาต้องไปทำงานต่ออ่าจ่ะ"
"อย่างงี้นี่เอง ฉันก็นึกว่าเธอหลบหน้านักข่าวซะอีก ใจเอ๋ย แค่เป็นห่วงอ่าจ่ะ"
"....ขอบคุณสำหรับความเป็นห่วงนะจ๊ะลูกสาว พอดีว่าใจเอ๋ยเขางานค่อนข้างเยอะอะนะ อาทิตย์นึงทำงานทุกวัน พวกหนูคงจะว่างน่าดูเนอะ รับงานเป็นรายเดือน เดือนละไม่ถึง 3 วัน"
"อ่าวป้า! พูดแบบนี้หมายความว่าไง"
"เจ๊ มอลลี่ หนูเสร็จแล้ว เราไปกันเถอะค่ะ" ใจเอ๋ยเปิดม่านแต่งตัวออกมา
"ถ้าความตอแหลดัดจริตมันแบ่งขายได้จริงๆ ป่านนี้ป้ากับใจเอ๋ยก็คงเป็นมหาเศรษฐีไปแล้วล่ะค่ะ"
"เอ๊ะ อินี่ จะไม่จบใช่ไหมหล่อน ไม่อยากอยู่ในวงการต่อแล้วใช่ไหม ถึงฉันจะไม่ตอแหลฉันก็รวยย่ะ...."
"เจ๊ๆ พอแล้ว ไปกันเถอะ" ใจเเอ๋ยเบรกไว้
...สวัสดีจ้า ลูกสาว ลูกเจี๊ยบ ทั้งหลาย เจ๊มอลลี่อีกแล้วนะจ๊ะ ไม่ต้องตกใจนะลูก เรื่องเมื่อวันก่อนมันธรรมดามากๆ เบื้องหลังวงการนี้ก็แบบนี้ล่ะจ่ะ พอเราได้ดิบได้ดีก็จะมีทั้งคนรัก คนเกลียด คนเกลียดก็จะคอยจ้องแต่จะสกัดขาเรา ใครที่สนใจวงการทางด้านนี้ต้องรู้จักอดทนนะคะลูก ตอนนี้เจ๊อยู่ที่กองถ่ายละคร มาเฝ้าใจเอ๋ย ดู๊ดูสิ นี่แค่เพิ่งเปิดกล้องนะ นางตีบทซะแตกเลย เด็กเจ๊เองนะคะ...
"พี่เมฆ พี่ต๊อบ พี่ๆทีมงานสวัสดีค่ะ" สาวหน้าคม ตัวเล็ก ตัดผมหน้าม้าเดินเข้ามาทักทายผู้กำกับและทีมงาน
"อ่าวสวัสดีนิกกี้" ผู้กำกับหันไปทักทาย
"หนูขอนั่งได้ไหมคะ?"
"นั่งเลยๆ" นิกกี้ดาราสาวที่เข้าวงการก่อนใจเอ๋ย เธอเต็มไปด้วยความสามารถ
"ที่แสดงกับภูมิอยู่นั่นใครอ่าคะ?" เธอกำลังนั่งดูการแสดงของใจเอ๋ยในบทนางร้ายกับพระเอกของเรื่อง
"ก็น้องใจเอ๋ยไง เคยเจอกันวันบวงสรวงแล้วไม่ใช่เหรอ?" พี่ผู้จัดหันไปพูด
"นางเล่นอะไรของนางอะ เด็กดันก็เงี้ย ฝีมือไม่ถึงเลย"
"เอาน่าให้โอกาสน้องเขาหน่อย"
"พี่นิกกี้เชิญที่ห้องแต่งตัวได้แล้วค่ะ" ทีมงานเดินมาเรียกดาราสาว
...ลูกสาว ลูกเจี๊ยบ ทั้งหลาย ตอนนี้เขากำลังพักกองกัน ใจเอ๋ยเขาเข้าไปเปลี่ยนชุดทำผมใหม่เพื่อเล่นฉากที่เข้ากับนิกกี้ น้องจะตื่นเต้นไหมน้า นิกกี้นางก็ถือว่ามีความเป็นมืออาชีพสูงอยู่นะ...
"โอ๊ยยยยยยยยยยย!" เสียงของนิกกี้
"มีอะไรหรือเปล่าคะ น้องนิกกี้?"
"นิกกี้เข้าใจนะคะว่านิกกี้เป็นคนไม่มีคิ้ว แต่ทำไมพี่ต้องเขียนเป็นงิ้วขนาดนี้คะ"
"ก็กองเราเป็นละครพีเรียดนะคะน้อง มันก็ต้องเขียมให้คมสิคะ"
"ไม่รู้ล่ะ มันไม่สวยนิกกี้ไม่ชอบ พี่ต้องแก้ให้นิกกี้เดี๋ยวนี้!" ใจเอ๋ยกำลังนั่งมองนิกกี้แผลงฤทธิ์
...ด้วยความเกร็ง ทำให้ใจเอ๋ยเข้าบทกับนิกกี้ไม่ได้เลย จนผู้กำกับต้องสั่งเบรกกอง นี่คนเขียนเองนะจ๊ะ ไม่ใช่เจ๊มอลลี่ นางก็คงเครียดไม่ต่างกัน...
"ถ้าเล่นไม่ได้ ที่หลังก็อย่าเสนอตัวกับพี่เมฆ อย่าคิดว่าฉันไม่รู้นะว่าเธอกับเจ๊มอลลี่ทำอะไรไว้บ้าง เปลี่ยนตัวแสดงตอนนี้ยังทันนะ แค่เดินไปบอกพี่เมฆซะ ถ้าเธอไม่พร้อมก็อย่ามาทำให้คนอื่นเขาเสียเวลา อย่าโชว์โง่!" นิกกี้พูดกับใจเอ๋ยขณะที่อยู่กันสองต่อสอง
"พี่นิกกี้"
"อะไรเรียกชื่อฉันทำไม?"
"แล้วพี่รู้ได้ไงว่าฉันโง่ ฉันอาจจะโง่...เหมือนพี่ก็ได้นะ อิควายยยย" ใจเอ๋ยแผลงฤทธิ์กลับด้วยการกระซิบเบาๆที่ข้างหู
"อินี่!!" นิกกี้เผลอหลุดแต่เธอก็ดึงตัวเองกลับมาได้แล้วตั้งสติ
...นี่ใจเอ๋ยเองนะคะ ฉันน่ะเคยฝันว่าอยากจะเป็นนักแสดง อยากเป็นดารา ในจอทีวี ถ้าได้เล่นละคร เล่นหนัง ทุกคนจะต้องดูฉัน ฉันจะรวย จะโด่งดัง แต่พอได้มาทำจริงๆแล้ว มันไม่ใช่แบบที่คิดเลย มันไม่สนุก แต่เจ๊มอลลี่ตั้งความหวังไว้กับฉันมาก นางเปลี่ยนแปลงฉันทุกอย่าง ฉันเลยเลิกอาชีพนี้ไม่ได้ ฉันอยากจะตอบแทนให้เจ๊... นี่ก็เกือบ 2 เดือนละ ที่เขาไม่ตอบไลน์ฉันเลย โทรไปก็ไม่รับ หลังเป็นข่าวเราทั้งคู่ก็เริ่มห่างกัน ฉันอยากเคลียร์ แต่เจ๊สั่งห้ามไม่ให้ฉันเจอกับเอก นางกลัวมีใครเห็น ฉันไม่รู้จะทำยังไงดี...
"โอ๊ยยยย เจ๊!! ลากฉันมาสนามเด็กเล่นทำไมเนี่ย" ใจเอ๋ยพูด
"ก็มาซ้อมบทน่ะสิ ฉันจะต่อบทกับแกเอง จะให้เสียหน้าแบบคราวที่แล้วไม่ได้เด็ดขาด"
"แล้วทำไมไม่ซ้อมบทที่บ้าน?"
"ออกมาละดีแล้ว มาสูดอากาศข้างนอกบ้างมัวแต่อุดอู้อยู่แต่ในห้อง ฉันสิเหนื่อยต้องวิ่งหางานให้แก"
"ก็ได้ๆๆๆ ฉันเริ่มเลยละกันนะ [ฉันไม่ให้ พิทักษ์ต้องเป็นของฉัน นังผู้หญิงชั้นต่ำอย่างแกไม่มีสิทธิ์แม้แต่ปลายเส้นผมของเขา ถ้าอยากได้ฉันจะจ้างคนสวนให้แกได้เสพสมแทน ดีไหม นังร่าน]"
"โอ๊ยยยยย นี่แสดงหรือท่องอาขยานเนี่ย ทำไมมันแข็งขนาดนี้ ฟิลลี่งหายไปไหนหมด สีหน้าท่าทางน้ำเสียงต้องออกมาด้วยสิ เอาใหม่ จำไว้นะการแสดงคือการไม่แสดง เธอต้องรู้สึกจริง 1 2 เริ่ม!"
"ฉันไม่ให้ พิทักษ์ต้องเป็นของฉัน นังผู้หญิงชั้นต่ำอย่างแกไม่มีสิทธิ์แม้แต่ปลายเส้นผมของเขา ถ้าอยากได้ฉันจะจ้างคนสวนให้แกได้เสพสมแทน ดีไหม นังร่าน!"
"เอ้อ! มันต้องอย่างนี้สิ เดี๋ยวลองใหม่อีกทีนะ คราวนี้เล่นให้ช้าลง สายตาเย็นชาไม่ต้องถลึง น้ำเสียงแข็งแรงนะ แล้วเดี๋ยวฉันจะต่อบทให้เอง"
"คุณป้าคะ คุณน้าคะ ไปเล่นตรงนู้นได้ไหมคะ พวกหนูจะวิ่งไล่จับกัน" เสียงเด็กแถวนั้นพูดแทรกขึ้น
"ไอ้เด็กนี่ รอบหมู่บ้านก็มี พวกแกก็วิ่งไปสิ" เจ๊มอลลี่ปรี๊ดแตก
...เอาละค่ะ ลูกสาว ลูกเจี๊ยบ ทั้งหลาย วันนี้เป็นวันแก้ตัวของใจเอ๋ย หวังว่านางจะมีสมาธิกับการแสดงนะ มาเอาใจช่วยลูกสาวของเจ๊ด้วยนะคะ...
"วันนี้เธอดูสวยดีนะ" ในห้องแต่งตัวนิกกี้หันมาพูดกับใจเอ๋ย
"พูดกับฉันเหรอ?" ใจเอ๋ยแปลกใจเล็กน้อย
"รูปหน้าเธอก็เรียวเข้ารูปดี ทรงเดียวกับเท้าฉันเลยจ่ะ" ทิ้งระเบิดไว้ท่วงท้าย แล้วก็เชิดเดินออกจากห้องแต่งตัวไป
...วันนี้ใจเอ๋ยมีพัฒนาการ เธอแสดงได้ดีจนผู้จัดกับผู้กำกับต้องถึงกับอึ้ง ในช่วงพักกอง ใจเอ๋ยเดินมาดื่มน้ำของเธอ...
"ฉันว่าฟลุ๊ก" เสียงของนิกกี้ที่เดินมาจิกกัด
"ฉันว่าเธอฟลุ๊ก ครั้งนี้เธออาจจะโชคดี แต่ถ้าจะมาเทียบรัศมีผู้ครบเครื่องของฉันคงจะอีกนานนะ"
"ฉันไม่เทียบหรอกค่ะ พี่นิกกี้ครบเครื่องซะขนาดนี้ มีทุกอย่างยกเว้นประโยชน์!" ใจเอ๋ยตอกกลับแล้วก็เดินออกไป
"น้องใจเอ๋ย น้องนิกกี้คะ ขอสัมภาษณ์หน่อยค่ะ" สื่อมวลชนรุมขอสัมภาษณ์สาวๆทั้งสองคนที่กองละคร พวกเธอยิ้มแย้มแจ่มใส หันมาหัวเราะให้กันและกัน
"ละครเรื่อง นางชิงเรือน พวกเราจะได้ดูเมื่อไหร่คะ?"
"ก็น่าจะประมาณต้นปีหน้าอ่าค่ะ เท่าที่ทราบมา" ใจเอ๋ยตอบ
"แล้วเป็นยังไงบ้างคะ กับการแสดงของน้องใจเอ๋ย อยากให้รุ่นพี่อย่างนิกกี้ติชมหน่อย"
"ไม่มีอะไรให้ติเลยคะ น้องก็เป็นคนตั้งใจ เล่นดีมาก พวกเราเข้าจังหวะกันได้ดีมากคะ รับส่งไม่มีปัญหา รับรองว่าละครออนแอร์เมื่อไหร่ ดุเดือดเผ็ดมันส์แน่นอน"
"แล้วพี่นิกกี้ล่ะคะ เป็นยังไงบ้างน้องใจเอ๋ย"
"พี่เขาน่ารักมากค่ะ คอยสอนทุกอย่าง ตรงไหนที่ไม่ได้พี่เขาก็จะช่วยต่อบทให้ ทีแรกก็เขินค่ะ เพราะพี่นิกกี้สวยมาก แต่พอเริ่มได้เล่นด้วยกันไปเรื่อยๆก็ไม่มีปัญหาอะไรแล้วค่ะ"
"ได้ข่าวว่า อากาศไม่ค่อยเป็นใจ เดี๋ยวฝนตก เดี๋ยวแดดออก ทำให้ต้องยกกองบ่อยๆจริงเหรอคะ?"
"อากาศประเทศไทยแปรปรวณตลอดเวลา ไม่น่าเบื่อดีค่ะ"
"แหมๆๆๆๆ ติดตลกขนาดนี้ อยากจะให้ฝากละครหน่อยค่ะ น้องใจเอ๋ย"
"ก็ขอฝากละครเรื่อง นางชิงเรือน ที่จะออนแอร์เร็วๆนี้ด้วยนะคะ พวกเราทุกคนก็ตั้งใจทำงานกันมาก นักแสดงพี่ๆทุกคนทุ่มเทมาก ฝากติดตามกันด้วยนะคะ"
13 พฤษภาคม 2014
คำยืนยันของเจ้าของเรื่องสั้น
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ