ระเบียงรัก

-

เขียนโดย Bush

วันที่ 6 กันยายน พ.ศ. 2559 เวลา 18.06 น.

  8 ตอน
  1 วิจารณ์
  10.89K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 29 กันยายน พ.ศ. 2559 16.21 น. โดย เจ้าของเรื่องสั้น

แชร์เรื่องสั้น Share Share Share

 

8) จุดจบแห่งรักสู่สวรรคยา

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ขนาดตัวอักษร เล็ก กลาง ใหญ่ ใหญ่มาก
คำขวัญอะไรไหนอื่นไม่ปลาบปลื้มกินใจเท่านี้ อันคำอื่นหมื่นแสนในแผ่นภพ หาได้ลบรสฉ่ำคำ แม่จ๋า น่าหัวเราะนานมากแล้ว "ท่านอินทร์ฉันจำได้ตอนนั้นฉันใหญ่แล้วน่ะเอ้อ" ท่านใหญ่นั่งหัวเราะขำความหลังเก่าๆ "เรือนไม้สีเขียวใบไม้อ่อนนี่คนไทยเราเรียกใบตองอ่อนทำไมเร้อน้องละออ" ลออหรือเจ้ารอยอินทร์ไม่ได้พูดจาพาทีตอบท่านใหญ่ว่ากระไรเพียงแต่ส่งสายตาเศร้าเว้าวอนอ่อนหวานเล่าความแต่หนเก่าก่อน"พ่อเจ้ามีเรือนไม้สีเขียวแต่ครั้งรุ่นทวดเทียวเจ้าข้า บัดนั้นให้คนสามัญใช้เรียนหนังสือหนังหาที่พนมเปญเหมือนเทียวลองเทียบดูเอาเองพี่ใหญ่นี่ไงเห็นมะ" เจ้ารอยอินทร์มักจำพระพักตร์เศร้าๆของพ่อท่านได้ติดตาในบ่ายวันนั้นท่านนอนพักผ่อนในบ้านใกล้ๆสวนบางกอกน้อย สักพักเพื่อนสนิทของท่านที่คบหากันนามว่า เสี่ยสม ได้ก้าวเท้าอาดๆเข้าไปแบบไม่ยำเกรงใครมาถึงส่งเสียงเอ็ดลั่นไปทั่วบ้านคนครัวได้วิ่งเข้าไปบอกแม่ของท่านประเดี๋ยวเกิดเรื่องเสียงเปรี้ยงแลกกันคนละนัด ได้ความต่อมาว่า เสี่ยสมหนีแหกคุกออกมาจากคลองเปรมกลางดึกรุ่งสางผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วรีบรุดมาที่นี่แต่มาช้า เพราะจำต้องหลบหลีกกับทางหลวงไทยตำรวจ "โปลิศนั่นเองทำให้แกมาช้าปกติแกสนิทกันกับท่านพ่อแต่ว่าเสียทั้งคู่ตายอหังการ์น่าดูชม" บ้านครึ่งตึกครึ่งไม้กลางที่เรือกสวนในสมัยสามสี่สิบปีที่แล้วมานั้น ปัจจุบันนี้มีสภาพอยู่กลางใจเมืองมีการบูรณะตกแต่งซ่อมแซมจนดูมีสภาพเหมือนใหม่อยู่ไม่สร่างซาว่ากันว่า "พวกยานี่แหล่ะท่านอินทร์ได้สร้างเอาไว้ใช้ซ่องสุมและเป็นคลังยาฝิ่น" สมัยนานมากแล้วด้านบนถ้ามองขึ้นไปตรงๆ จักเห็นเหมือนห้องคล้ายหอคอยพวกท่านเจ้าฟ้ารัสเซียท่านชอบนำนางสนมชาวเทศมาล่ามโซ่ แล้วทำตัวแบบแวมไพร์นอนในโลงแก้วแบบฝรั่งเพราะท่านลูกครึ่งอเมริกันสมัยโรมานอฟถูกสังหารหมู่ มีคนพบเห็นสตรีผู้หนึ่งคางยุบหน้าตาเค้าสวยยังคงมีแต่ถูกทรมานถูกกระทำชำเราตั้งหลายอย่าง "เริ่มแรกท่านว่ายกบ้านทรงยุโรปนี้ให้เจ้าฟ้าหญิงรัสเซียผู้นี้ในฐานะพระญาติที่ลี้ภัยมาจากโซเวียต แต่พอเอาเข้าจริงกลายเป็นแบบนี้ไปฉิบ ท่านเจ้าฟ้าจักรพงศ์ท่านเกลียดฝรั่งไม่รับประทานกระเทียมประณามแบบเจ้าว่าเป็นพวกค้างคาวดูดเลือดคนสยามแต่ท่านเองก้อป่วยลงมือทำร้ายพวกแหม่มงามๆ หลายท่านแบบนี้พอตายก็ลากศพไปทิ้งไปอำพรางแบบเจ้นวลฉวีก็มีมากราย" ปีพุทธศักราชห้าสิบห้ามีตึกสูงแบบคอนโดให้เช่าผุดขึ้นรายรอบบ้านตึกทรงประสมแบบนี้บางห้องแทบจักชิดติดกันกับหน้าต่างหรือไม่ทางระเบียงยาวๆ ทอดไปตามทาง เพื่อขึ้นไปอีกชั้นหนึ่งแบบบันไดหนีไฟที่เจ้าของได้ออกแบบสร้างหลบทางหนีไฟให้มันเลี่ยงๆ ออกมาไม่ให้เกะกะแต่ที่ไหนได้แค่ระหว่างทางที่เดินเพื่อขึ้นลงบันไดแคบๆ แบบหนีไฟกลายเป็นว่าเจอดีทุกคราว แค่ลองเดินเลียบเข้ามาใกล้จักมองเห็นเหตุการณ์ประหลาดเช่นเห็นแหม่มสาวสวยถูกทรมานล่ามมือล่ามเท้าด้วยโซ่เลือดเกรอะกรังผมเผ้ากระเซอะกระเซิง....กลางวันแสกๆ นี่ล่ะครับพี่....นายบพิตรเป็นบุตรชายคนเดียวที่สืบทอดกิจการเพลงและแผ่นเสียงเลปโลเกือบต้องโทษ เพราะค้ายาและฟอกเงินหลายหนจนชราภาพจักแปดสิบปีนี้แล้วไม่กี่เท่าไร เกือบติดคุกนิติจิตเวชเพราะลูกสาวไปบอกทางการว่าพ่อทำผิดแต่ว่ากมรเตงยอดรักไม่โปรดเธอที่คุณพ่อเธอค้ายา "แม้ว่าพระญาติทางเอ้อสมเด็จแม่ท่านจักเกี่ยวดองกับพวกเราแล้วร่วมมือกันมาก่อนค่ะ ยาย่าไม่ยอมให้ท่านจากไปทำไงได้พ่อย่าผิดนี่ค่ะย่าไม่เข้าข้างย่ายุติธรรมพอค่ะพี่นักข่าว" ศาลปราณีชราภาพนัดไต่สวนต่อยังไม่ปักใจจำขังเลยวาระเจ็ดสิบปีบริบูรณ์นับรอบปีนักษัตรทำไม่ได้แล้วตามกฏหมายหมาตงตงตัวแรกทำเอาอากงท่านนี้แสลงหัวอกยอกใจอยู่มิใช่น้อย "หมายถึงอากงอั้วอาจใช่แต่อย่างนี้เลยเหมือนกันอั้วเล่าให้เด็กมันฟังเอง" ตงตงเป็นหมาอาเต๋อเรวัติถูกยายนีวางยาเบื่อในซอยวัดสันติบ้านเก่าแกพักที่นั่น เพราะแกรับราชการเป็นทหารเฝ้าประตูเวรอยู่ที่ราชนาวีสโมสรแล้วแต่หลวงจัด "หมาตายเดี๋ยวก็กูเจ้าของหมา" หลังจากนั้นโดนซัลโวเหตุเพราะ "มันอยากโวยเองแค่ยืมชื่อมาให้ฝรั่งมันใช้เป็นเจ้าของแกรมมี่แบบรางวัลไอ้กันแม่งหน้าโง่เรียนซะเปล่าเพื่อนมันญาติมันเป็นนักร้องในค่ายนี้เองด้วยซ้ำโง่ดีสมน้ำหน้า"ตงตงตัวที่สองร้านขายบะหมี่ตายเพราะทนทรมานบาดแผลที่ถูกตัดตีนสี่ตีน หลังถูกจับวางยาสลบแล้วฟื้นตื่นขึ้นมาอนิจจาเอ๋ยคนใจสัตว์ตามปลิดมือตีนทิ้งหมดบางคนตายก็มีพี่น้องเอ้ยบุญของยาบ้าแบบนี้ไม่ใช่บุญญาบารมีจำไว้นะป้า... เอาอะไรกับหนูแค่เจ็ดขวบ.... เอาอะไรกับฉันเจ็ดสิบแล้วปีนี้... ตลอดเวลาทำงานแบบนกต่อล่อโจรทำร้อนทำเข็ญกับใครๆเค้ากลางสมรภูมิอันร้อนระอุท้าวซีเรงนองปัก ท่านประทับยืนท้าวสะบั้นเอวมองหน้าว่าที่กษัตริย์ปะดุงเมืองแปรอย่างซาบซึ้งบุญคุณ เมื่อคราวที่ท่านเสร็จศึกจากเมืองแปรท่านได้เปรยๆเรื่องกองทัพที่นับวันจักมีคลื่นใต้น้ำคอยยุให้แตกแยก ครั้นเมื่อกลางสนามรบระหว่างฝ่ายเมืองอังวะตองอูและแปรกับโยเดียที่ผูกมิตรกันเข้าโรมรันกันเป็นสามารถ จู่ๆ ทหารตองอูฝ่ายพระเจ้ามังตราเกิดแข็งข้อกระด้างกระเดื่องทำทีจักหนีทัพหลังจากพยายามจักสังหารท่านซีเรงนอง..... แต่ว่าแค่ทำให้ท่านบาดเจ็บและหล่นร่วงลงมาจากหลังอาชา...."คนเราอยู่ที่เลือกนายไม่ใช่นายที่ดีไม่มีทางได้ดีมีสุขนำทางเข้าป่าดง ไม่มีวันได้เจริญอยู่ในเมืองเสียหัวให้ลูกน้องเลวร้ายมากไอ้เรื่องเสียหัวให้ศัตรูเป็นเรื่องปกติ" กรรมมาแล้วกรรมกลับไปย่อมทำได้อยู่ที่ใจทำใจได้มากน้อยแค่ไหน วันเกิดเหตุแต่ละคราวจักต้องมีการวางยาให้หลับบ้าง ให้อาเจียนบ้าง ให้บาดเจ็บท้องไส้ ให้พิการหลังคลอดบ้าง อาการค้ายาปกปิดเป็นเรื่องธรรมดาสามัญ ไม่มีงานมีเงินใช้แต่งตัวดีสวยสภาพจิตต้องดีแจ่มใสมีเงินแต่อาชีพไม่มีแน่ชัดธุรกิจไม่มีแน่ชัดอ้างว่า แค่กุเรื่องว่าแค่ใส่ชื่อคนมั่วไปแค่ตกใจไม่รู้เข้าใจผิดคิดว่าสี่สิบปีเกือบเท่าอายุแค่รู้มั้ยว่าตัวเองไม่มีงานรู้มั้ยว่าตัวเองโกหกรู้มั้ยว่านี่มันยารู้มั้ยว่าเจ้าตัวเค้าเสพ....รู้ทุกอย่างแต่นี่สันดานโจรเหมือนวิสัยผัวเมียอดไม่ได้ของเคยกินของเคยหักหลัง....น่าสงสารนาตยามีกินแบ่งกันแต่คุกไม่ยอมแม้แต่พ่อแม่บังเกิดเกล้าเวรกรรม สองผู้เฒ่านี่เลวร้ายผิดคนแก่ทั่วไปแย่มากไม่มีใครคบแล้วจักมีคนยกมือไหว้ได้ยังไง... เวรกรรมมีจริงไม่รู้ว่าตัวเองไม่มีงานแต่รู้ว่าต้องมีเงินซื้อของใช้ของกินแป้งแต่งหน้าลิปสติกเสื้อผ้าที่ดูดีไม่ซ่อมซ่อ... แล้วรู้อะไรมั่งถ้าคนเรามันมึนเสียแบบนี้...."ใส่ร้ายตนเองเป็นพยาบาลรับกรรมเพราะละโมบด้านรับสมอ้างทุกกรณี แต่ถูกต้มตุ๋นเปื่อยยุ่ยโกรธลงมือทำร้ายทำตัวเป็นนกต่อที่ดีเสมอมาไม่รอลงอาญาดอกประหารชีวิตแล้วจำไว้อย่างนังนี"ชำนิอัตถากรพ่อแท้ๆ ของวานิตย์ประกาศลั่นความเป็นจริงนายชำนิเคยแกล้งปล่อยให้นายอรรถอัตถากรลงตายขาดยาตาย แต่นายวานิตย์ผู้นี้หุ่นท้วมไม่ได้ติดยาจักมากล่าวหาว่าเด็กติดยาขาดยาลงแดงหมิ่นประมาทใครๆ กันทั้งบ้านก็ตามที แต่อาจจักคิดว่ากะล่อนไว้ก่อนพ่อสอนไว้ที่ไหนได้ความจริงเป็นสิ่งไม่เคยตายจากหรือหายไปจากโลกใบนี้เดี๋ยวจักบอกให้น้ำอัญชัณที่ฝากไปให้เค้าลองดื่มลิ้มรสสตออันขมขื่นนั่นแล่ว...ทำเองไม่ยอมรับผู้ร้ายปากแข็งทำกินไม่ได้ ตำรวจตามผู้ต้องคดีทำธุรกิจสร้างหลักฐานเท็จผู้ค้ายาฟอกเงินเอาชื่อผู้อื่นมาใส่แทนรับคุกแทนได้แถมกินใช้ได้ด้วยไม่ใช่พ่อไม่ใช่แม่"กรณ์มึ้งไม่ต้องเอามาให้แม่ๆกินไม่ลงคุกของมึ้งแม่กูกับพี่ชายกูพูดเสมอๆจำไว้แมว" อลงกตเพื่อนร่วมชั้นที่แจงร้อนเคยเล่าให้ฟัง "เจ้นิคของมึ้งมีลูกสาวพิการโดนยาขับพี่กูตากรณ์นี่ละมันใส่ให้พอมันบ่นบ้ามากๆเข้ามันเอาหลานพิการของกูทำเมียแล้วใส่ยาแม่มันรู้เห็นเป็นใจ เพราะอายชาวบ้านแต่อดไม่ได้ยายนีเองแกอาจเป็นยังงี้อย่างตาวิชัยตาแจ้ญาติแก ไม่งั้นแกจักกล้าพูดกล้าแนะนำพ่อมึ้งแบบนั้น เหมือนประชดชีวิตส่วนกมรเตงของอีบ้านาตยาตากรณ์นั่นล่ะ มันแอบไปกันหมดทั้งโคตรนังตุ๊กตาอะไรนั่นแม่ไอ้ธนาคารหลานมึงอ่ะไปด้วยบ่อยตอนมีลูกแล้วก็ไปนะพ่อมึ้งด้วย เพ้อเจ้อกูหลังๆเจอพ่อมึ้งไม่ยกมือไหว้แกเสียดีกว่าไม่ไหวกูบอกไม่บอกได้ไงศัลยกรรมทั้งน้าน ไม่เข้าใจทำไมแกล้งโง่ซัดทอดหรืออะไรเอาตังค์มาบำเรอที่บ้านเป็นเสาหลักเลยเร้อไม่มีนะเจ้กาญไม่มีโรงงานี่ไม่มี เคยเห็นกันที่ไหนตาหนูภาคินัยพ่อแกแค่นั้นเองทำไมไม่ถามเค้าเล่าแปลกๆ ว่ะ"เรือนไม้สีเขียวอ่อนดูสวยละมุนตาเรือนนี้ตั้งอยู่ที่โรงเรียนนฤมลทิน ถนนจรัญฯนะพี่น้อง ลองไปแวะชมดูบอกเจ้าของสถานที่เค้าก่อนก็ได้ค่ะ รู้สึกว่ามีรูปที่พนมเปญเรือนแปลนและสีเดียวกันฝากไว้ที่ครูใหญ่นานแล้วเข้าไปให้พี่เค้าเองจักได้ขอแวะชมดูด้วยตา... เป็นบุญตาด้วยค่ะพี่.... นี่เป็นโครงเรื่องเถ้ากุหลาบของป้าแมวโรสลาเรนนานมากแล้วล่ะค่ะไปหาอ่านเอาแล้วกัน....ตาก้อนตีนมือหายหมดท้อแท้หมดอาลัยตายอยากในชีวิต แถมโดนวางยาซ้ำหวิดตายเสียใจโดดตึกลงมาพื้นยุบพังราบทีมกรรมการตรวจรับงานหนีตามระเบียบ และพ่วงคดีโปะล่มลวงโลกขนยากลางดึกขึ้นฝั่งป้อมพระอาทิตย์แล้ววางไว้ซุกไว้ในอาคารพิพิธบางลำภูฆ่านายวานิตย์ อัตถากรตายยิงด้วยกระสุนปืนเงียบรุ่นล่าสุดสัญชาติญี่ปุ่นได้ทราบเค้าเงื่อนว่า ยายนีวางยานอนหลับในน้ำอัญชันที่เอาไปถวายพระคราวงานแต่งงานแต่เด็กอาจไม่รู้รึเปล่าดื่มเข้าไปแล้วหายไปตอนดึก ที่บ้านคิดว่าไปพักบ้านเพื่อนเท่านั้นยังไม่พอโกหกสร้างเรื่องเท็จไปดูพันธบัตรธนาคารของการไฟฟ้า เอาใบขับขี่ใบเดิมที่ครูปุ้ยแจ้งหายไว้เมื่อปีพ.ศ 2539ไปให้โจรขนยาทิ้งไว้ที่ห้องที่พบศพเด็ก เหมือนโจรที่มีคุณธรรมมันสงสาร บอกความไว้เป็นนัยๆ ว่านี่นะเฟ้ยยายนีเอามาเพราะนั่งรถขโมยที่ชนจ่าศาลตาย แต่ให้นาย ชำนิ ขับมาแทนแล้วมาฟุ้งว่าจักขายเลยลองเครื่องรถดูก่อน เจ้ต่องให้ไว้เป็นรางวัลที่ทำงานให้มานานเอาบัญชีเงินกู้อะไรไม่ทราบ โกหกว่าปรารถนาทำงานที่ชนากานต์ ทำให้เป็นเหตุถูกเพิกถอนประกันตัวแต่บอกว่าทำงานจริงไม่ได้โกหกทั้งๆ ที่เรื่องมันแดงแล้วเจ้าตัวถูกสั่งจำคุกแล้วด้วยซ้ำสองสามวันแล้วยังไม่รู้ตัว เสมือนประตูผีนำทางสู่ลานทิ้งซากอสุภะหน้าวัดสระเกศ วัดพระเจดีย์บรมบรรพต คราห่าลงครั้งใหญ่ๆ ผู้คนล้มตายกันมากๆ ในซอยประตูผีนั่นเองเคยมีบ่อนใหญ่และแหล่งรับแทงหวยเถื่อนกินรวบของ ขุนบาน เบิกบุรีรัตน์ (ต้นนามสกุลเบิกเมืองแก้ว) หรือคลังหลวงที่สองยี่กอฮงคนจีนเรียกแบบนี้ เพราะเป็นเงินฝรั่งที่เป็นนายทุนมาจากค่าค้ายาฝิ่นส่งข้ามแดนกันไปมา "ไปไหนมาสามวาสองศอกอ้อ บ่อนยี่กอฮง แทงถั่วโปหรือไฮโล หรือหวยกินรวบว่ะ" เหลือแต่กระบวยไว้ล้างหน้ากันหมด...แต่คนเราเหมือนลูกครูหลานครูน้องๆ ครูเคยบอกมันแบบอากงคักแกเว้าหน่ำ "คนเราเหมือนสอยดาวจากต้นกัลปพฤกษ์ตรงบ้านนั้นบ้านแวมไพร์เค้าเลยเรียกกันว่าถนนกัลปพฤกษ์ตัดใหม่เดิมเรียกว่าซอยวัดราชคฤหรือวัดคฤหัสแปลว่าผู้มีเงิน"ออกแบบโดยช่างสยามชื่อดังเทียวกรมพระนราธิปประพันธ์พงศ์แล้วอยู่ๆ ท่านก็มาสิ้นพระชนม์ที่นี่แล้วมีพวกแบบงานช่างกองสถาปัตย์ของหลวงมาบูรณะอยู่พักใหญ่ๆ หลังจากกาลเวลาล่วงเลยมาครบสองร้อยปีรัตนโกสินทร์ปีสองห้าสองห้า.... มีคนเห็นผู้ชายนุ่งผ้าม่วงสวมเสื้อราชปะแตนกระดุมทองเรียงกันห้าเม็ดน่าจักเป็นดวงวิญญาณท่านผู้นี้เสียล่ะมากกว่าจักเป็นท่านอื่น "ปกติเจ้าฟ้านี่กงเคยเห็นมันตอนหง่อมมากกงสักสิบห้าไม่ถึงสิบหกหย่อนอยู่เลยมันแต่งตัวเดิ้นสากลนิยมไม่ใคร่สวมภูษาภูษีแบบไทยแท้"
ฉันอยากให้ ณที่แห่งนี้ เป็นดั่งสรวงสวรรค์ฉันอยากให้ ณที่แห่งนี้ เป็นที่สิงสถิตย์แห่งดวงวิญญาณอันศักดิ์สิทธิ์เป็นนิจนิรันดร์ฉันอยากให้ ณที่แห่งนี้ มีชนนับหมื่นล้านล้านพันคนเป็นผู้มีห้วงหัวใจแห่งคีตกวีฉันอยากให้ ณที่แห่งนี้ เป็นดินแดนแห่งสรวงสวรรค์อันถูกขนานนามว่าอาเซียนเอยฯ
เมื่อชาวจีนโพ้นทะเล ได้เดินทางเข้ามาสู่สยามเป็นจำนวนมาก เหมือนกับชาวอินเดีย และฝรั่งจากชาติตะวันตก ที่เดินทางเข้ามาประกอบธุรกิจการค้า ทำให้สยามประเทศได้รุ่งเรืองนับแต่อดีตมาสำหรับชาวตะวันตกแล้ว ตึกเก่าแก่ของห้างร้าน-โรงแรม ในแบบสถาปัตยกรรมยุโรป ที่ยังคงทิ้งไว้ให้เห็นเป็นหลักฐาน ถึงความรุ่งเรืองทางการค้าของเมืองบางกอกแต่สำหรับชาวจีนโพ้นทะเล (Overseas Chinese) กลับตั้งรกรากถิ่นฐาน สืบทอดลูกหลานพันธุ์มังกร อยู่ในประเทศไทยต่อมา จนผสมกลมกลืน กลายเป็นคนไทยเชื้อสายจีนอยู่ทั่วประเทศ...ในวันที่ลูกหมีแพนด้า ลืมตาดูเชียงใหม่ ใกล้วันที่นายกฯอภิสิทธิ์ของประเทศไทย จะไปเยือนประเทศจีนอย่างเป็นทางการ มหาอำนาจอันดับสองของโลก มังกรเศรษฐกิจแห่งเอเชีย ประเทศคู่ค้าที่สำคัญของไทยกระแสของเมืองจีน ถูกนำเสนอข่าวอยู่ทุกวัน จนทำให้ผมรู้สึก In trend ไปตามกระแส เพราะเร่งงานหามรุ่งหามค่ำ จนขอบตาดำเป็นหมีแพนด้าทันตาเห็น ไม่ต้องถ่ายทอดสดรอลุ้น เหมือนกับลูกแพนด้าน้อยของหลินฮุ่ยอาคารเก่าทรงคุณค่าแห่งนี้ สร้างในปี พ.ศ. ๒๔๔๖ เคยเป็นห้างสรรพสินค้า บอมเบย์ ของพ่อค้าชาวอังกฤษ ที่โก้หรูของสังคมบางกอก ก่อนที่กลุ่มมหาเศรษฐีชาวจีน ได้ซื้ออาคารหลังนี้เป็นที่ตั้งสำนักงานใหญ่ของสภาหอการค้าไทย-จีน เมื่อปี พ.ศ. ๒๔๗๑ในระหว่างสงครามโลกครั้งที่ ๒ อาคารแห่งนี้ ได้ถูกยึดเป็นกองบัญชาการกองทัพญี่ปุ่น เมื่อสงครามยุติลง จึงได้กลับมาเป็นสำนักงานของหอการค้าไทย-จีน อีกครั้งในปี พ.ศ. ๒๕๓๘ หอการค้าไทย-จีน ได้รื้อถอนอาคารเก่าบางส่วนออกไป เพื่อสร้างตึกสูงใหญ่ Thai CC Tower เป็นที่ทำการในปัจจุบันอาคารที่มีอายุกว่า ๑๐๐ ปี เต็มไปด้วยร่องรอยแห่งประวัติศาสตร์ ได้ขึ้นทะเบียนอนุรักษ์ไว้ ให้เคียงคู่อยู่ท่ามกลางตึกสูง ท้าทายแรงสั่นสะเทือนของยวดยาน เป็นตำนานของอิทธิพลสถาปัตยกรรมตะวันตก ที่หลั่งไหลเข้ามาในยุคล่าอาณานิคม ที่น่าสนใจเที่ยวชมอีกแห่งหนึ่งของกรุงเทพฯ อาคารทรงยุโรป ๓ ชั้น พร้อมห้องใต้หลังคา ตัวผนังก่ออิฐถือปูน พื้นและฝ้าเพดานเป็นไม้สัก ลักษณะทางสถาปัตยกรรมเป็นแบบ เรอเนสซองส์ (Renaissance) หรืออาคารแบบโคโลเนียล (Colonial Style) ผสมศิลปะจีนแบบ ชิโน-โปรตุกีส (Chino-Portuguese)โดดเด่นที่มุขหน้าสูงเป็นหอคอย ส่วนบนสุดเป็นแผงรูปโค้งทรงระฆัง หน้าต่างโค้งตกแต่งด้วยคิ้วบัว ลวดลายปูนปั้นแบบนูนต่ำ มีกันสาดยื่นคลุมหน้าต่างที่ชั้นสองและชั้นสาม (ซึ่งเป็นส่วนที่ถูกต่อเติมในภายหลัง) ประดับเชิงชายด้วยลายฉลุไม้ที่อ่อนช้อยสวยงาม และตามส่วนโค้งของประตูหน้าต่าง ระเบียงทางเดิน และฝ้าเพดาน ก่อนหน้าอาคารหลังนี้เป็นห้องอาหาร "ไทยจีน" ปัจจุบันได้ถูกซ่อมแซมทาสีใหม่ ปรุงแต่งเป็นภัตตาคารสุดหรู ที่ชื่อ Blue Elephant (ช้างสีน้ำเงิน) ที่ลูกช้างตัวดำๆอย่างผม คง(ไม่)มีโอกาสได้เข้าไปชื่นชมภายใน...ถึงเวลานัดหมายที่จะต้องขึ้นตึกสูง บุกถิ่นเหล่าเจ้าสัว บนหอการค้าไทย-จีน ที่นี่ให้รู้สึกเหมือนตัวเอง (และทีมงาน) เป็นคนไทยที่มาเจรจาธุรกิจในเมืองจีนโดยไม่มีล่าม...เจ้าสัวใหญ่ ดูน่าเกรงขามตามแบบฉบับของนักธุรกิจชาวจีน แต่ความเมตตาเอ็นดูต่อผู้น้อย ยังคงสายใยของความเป็นชนชาติไทย-จีนงานมังกร ถูกติติงในรายละเอียดอย่างถี่ยิบ สัมผัสได้ถึงความรอบคอบของนักธุรกิจผู้ประสบความสำเร็จ งานที่นำเสนอในเบื้องต้น ยังเข้าไม่ถึงความเป็นองค์กรของคนไทยเชื้อสายจีน ที่เป็นกลไกสำคัญและมีอิทธิพลสูงต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศไทยก่อนกลับ เจ้าสัว หยิบหนังสือเล่มหนาปึกส่งมาให้...“ลื้ออาวไปอ่างดู จะได้รู้จักองค์กองเรามากขึ้ง แล้วกลับปายแก้ไขงาง มานำซาเนอใหม่” "สมาคมพาณิชย์จีนแห่งกรุงสยาม" เริ่มก่อตั้งขึ้นในปีพ.ศ. ๒๔๕๓ ซึ่งตรงกับช่วงปลายสมัยราชวงศ์ชิงของประเทศจีน โดยกลุ่มพ่อค้าชาวจีนรุ่นบุกเบิก ที่เดินทางเข้ามาประกอบธุรกิจการค้าอยู่ในสยามประเทศขณะนั้น เพื่อช่วยเหลือเกื้อกูล และสร้างสัมพันธ์สามัคคี ในหมู่ชาวจีนโพ้นทะเลด้วยกันสมัยแรกนั้นหอการค้าไทย-จีน ตั้งอยู่ที่ถนนจักรวัตร เมื่อพ.ศ. ๒๔๗๓ ได้ย้ายมาอยู่บนถนนสาทร โดยพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๗ พร้อมสมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี พระบรมราชินี เสด็จพระราชดำเนินทรงเปิดป้ายที่ทำการแห่งใหม่ และทรงรับเป็นองค์อุปถัมภ์กิตติมศักดิ์ของหอการค้าไทย-จีนในพ.ศ. ๒๔๘๙ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล รัชกาลที่ ๘ เสด็จพระราชดำเนินที่หอการค้าไทย-จีน เสวยพระกระยาหาร พร้อมพระอนุชา (พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๙)หลังจากราชอาณาจักรไทย และสาธารณรัฐประชาชนจีน ได้สถาปนาสัมพันธ์การทูต หอการค้าไทย-จีน ได้มีบทบาทที่สำคัญ ในการส่งเสริมมิตรภาพไทย-จีน ผลักดันให้เกิดความร่วมมือทางธุรกิจ ส่งเสริมการแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรม จึงได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลของทั้งสองประเทศในปีพ.ศ. ๒๕๓๘ หอการค้าไทย-จีน ได้ย้ายที่ทำการมาอยู่ที่ตึกใหม่ อาคารไทยซีซี ซึ่งตั้งเด่นสง่าอยู่หลังบ้านหอการค้าไทย-จีน หลังเก่า นับเป็นหอการค้าที่เก่าแก่ และใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ที่มีประวัติยาวนานมาถึง ๙๙ ปีแล้ว...มองจากตึกสูงของหอการค้าไทย-จีน บนถนนสาทร เห็นขอบฟ้ากรุงเทพฯไกลลิบไปถึงปากอ่าวไทย ปากแม่น้ำล่องเรือสำเภาของพ่อค้าชาวจีน เรือกลไฟจากพ่อค้าชาวตะวันตก ผ่านลำน้ำเจ้าพระยา เข้ามาตั้งกิจการค้าขายอยู่ในบางกอก...ตึกสูงระฟ้าในย่านธุรกิจการค้า ๙๐ เปอร์เซ็นต์ เป็นของนักธุรกิจชาวไทยเชื้อสายจีน ที่เคยเป็นตำนาน “เสื่อผืนหมอนใบ” อพยพข้ามน้ำข้ามทะเล เข้ามาสู่สยามประเทศมานานกว่าศตวรรษ...หากมองจากแผนที่ปากอ่าวไทยนั้น ยังมีชาวจีนโพ้นทะเลกลุ่มหนึ่ง ได้ล่องเรือสำเภาต่อไปไกลถึงหัวเมืองปักษ์ใต้...หากเป็นไปได้ ผมคงถาม “อาก๋ง” ว่า ทำไมเลือกไปเป็นชาวประมงที่สงขลา แทนที่จะเป็นพ่อค้าวาณิชจนทำให้ลูกหลานพันธุ์มังกรอย่างพ่อ ต้องเป็นจับกัง ลอยเรือมาพบกับแม่ชาวนา ที่พัทลุง ?ชาวประมงกับชาวนา...หาเช้ากินค่ำ จึงไม่มีโอกาสลืมตาอ้าปาก อย่างอาชีพพ่อค้า...ทำมาค้าขายถึงแม้จะไม่ได้เป็นลูกเจ้าสัว แต่ผมก็ภูมิใจที่ได้เป็นลูกชาวนาลูกชาวนาของพ่อ จึงเป็นได้แค่ เกร็ดมังกร ที่กลายพันธุ์ !!!
ก่อนจบสุดท้ายขอให้วิญญาณของแม่นุชของพวกกระผมไปสู่สุขคติภพหน้าเจอกันใหม่สมยศเอ้ยแก้ว แสงชูโตจักไม่ดื้อกับแม่แมวอย่างนี้อีกแล้วครับ ผมสัญญาครับแม่....
แก้ว แสงชูโต(ลั้วะ)
 

 

คำยืนยันของเจ้าของเรื่องสั้น

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

อ่านเรื่องสั้นเรื่องอื่น

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา