คุณแม่วัยใส

-

เขียนโดย Penkwan

วันที่ 18 เมษายน พ.ศ. 2559 เวลา 12.17 น.

  3 บท
  5 วิจารณ์
  7,015 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 18 เมษายน พ.ศ. 2559 12.24 น. โดย เจ้าของเรื่องสั้น

แชร์เรื่องสั้น Share Share Share

 

3) ชีวิตกลางคืน

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

ชีวิตกลางคืน

__แสงแดดยามเช้าสาดกระทบใบหน้าขาวอมชมพูราวกับกำลังพยายามปลุกหญิงสาวขี้เซาให้ตื่นจากความฝัน ใบหน้าสาวเจ้าบิดเบี้ยวอย่างงัวเงีย
__กุ๊กไก่ดันตัวเองลุกจากเตียงนุ่มนิ่มอย่างเสียดาย เธอสะบัดหัวไล่ความขี้เกียจทิ้งไปแล้วเดินเข้าห้องน้ำตามความเคยชิน
__ตอนเช้าเนี่ยเป็นอะไรที่ทรมานนะ จะนอนก็ไม่ได้นอนแถมทำอะไรยังเพลียอีกด้วย น่าเบื่อจริง..
__หลังจากจัดการกับตัวเองเรียบร้อย ทีนี้ก็ถึงคราวเตรียมอาหารเช้าให้เจ้าตัวน้อย กุ๊กไก่เลือกทำเมนูขาวผัดบล็อกโคลี่กับไข่ดาวที่ง่ายๆ อาหารเช้าเป็นมื้อที่สำคัญที่สุดสำหรับเด็ก เพราะเด็กจะได้รับการเติมเต็มพลังงานที่สมบูรณ์ในช่วงเช้า อาหารเช้าจำเป็นที่จะต้องมีรสชาติอ่อน ทานง่าย และย่อยง่าย ระบบลำไส้การขับถ่ายช่วงเช้าเป็นอะไรที่ละเอียดอ่อน หลังจากทานอาหารเช้า เด็กจำเป็นต้องขับถ่ายทันทีหลังจากจัดการเมื้อเช้าสัก สิบหรือยี่สิบนาทีตามอาหารที่ทานไป
__กุ๊กไก่เรียนรู้เรื่องพวกนี้จากการอ่านหนังสือคุณแม่และปรึกษากับแพทย์ เธอไม่อายที่จะเดินโทงๆเข้าพบแพทย์เด็กทั้งที่ยังสาว แต่เธอจะอายมากกว่าที่เธอต้องหามลูกเข้าโรงพยาบาลเพราะดูแลเขาไม่ได้
__วันนี้เป็นวันหยุด ถือว่าเป็นวันดีที่จะได้พักผ่อน ตลอดอาทิตย์กุ๊กไก่ใช้ร่างกายตัวเองหนักเกินไป ทั้งเรียนในช่วงเช้า ดูแลลูกช่วงเย็น อีกทั้งต้องปลีกเวลาถึงเที่ยงคืนเพื่อทำงาน หากไม่มีวันพักร่างคงจะพังก่อนแน่นอน
__พักใหญ่ๆร่างเล็กของลูกสาวตัวนุ่งก็โผล่ออกมาจากห้องนอน ..ในสภาพที่ไม่ต่างจากแม่เท่าไหร่(?)
__"ล้างหน้าแล้วมากินข้าวด้วยนะลูก เช้านี้แม่ทำข้าวผัด" กุ๊กไก่บอก
__เด็กน้อยรู้หน้าที่ตัวเอง เธอเข้าไปล้างหน้าพร้อมออกมาจัดการกับอาหารมื้อเช้าอย่างสดชื่น ต่างจากแม่ที่ยังคงงัวเงียไม่หาย อายเด็กจัง แต่ก็เป็นเรื่องธรรมชาติของคนวัยนี้แล้วล่ะ นอนน้อยแต่ตื่นเช้า
__กุ๊กไก่คลายห่วงกับลูกสาวแล้วหันมาสนใจตัวเอง ตอนนี้เธอเรียนมหา'ลัยปีสุดท้ายแล้ว ทุกปีเกรดของเธอไม่ต่ำกว่าสามหรือสี่ ดังนั้นเทอมนี้ก็ต้องเป็นอย่างนั้นด้วย
__หญิงสาวเตรียมจัดการกับการบ้านทันทีที่นึกได้ เธอเรียนคณะบริหารฯตามความต้องการของพ่อ ซึ่งการเรียนบริหารฯแม้ใครบอกว่ามันค่อนข้างง่าย แต่อันที่จริงมันยากพอสมควร เนื่องจากสายการเรียนของเธอเน้นไปในทางการบริหารฯเกี่ยวกับการจัดการระหว่างประเทศ ดังนั้นทุกบรรทัดทุกตัวอักษรจะเป็นภาษาอังกฤษทั้งหมด ...(เธอโง่ภาษา)
__"แม่ทำงานเหรอคะ?" เด็กสาวถามขณะมองแม่กำลังวุ่นกับการเตรียมการบ้าน
__"การบ้านค่ะ" เธอตอบ "อ่า..อยู่นี่เอง" กุ๊กไก่คว้าเอาบทเริ่มขึ้นมาจากกองกระดาษ "ลูกมีการบ้านมั้ยคะ"
__"มีค่ะ แต่หนูทำเสร็จแล้วเมื่อวาน" ลูกสาวตอบ
__"เก่งมากค่ะ อย่าคั่งค้างงานไว้นะ เดี๋ยวพอถึงเวลาจะลนลานไม่ทันส่ง" กุ๊กไก่สอน
__"ค่ะ" ลูกสาวตอบยิ้มๆ
__เด็กคนนี้คือความภาคภูมิใจของเธอเลยถอดแบบมาเหมือนกันเปะ ถึงกิริยาอาการลูกสาวจะดีกว่าเธอในช่วงวัยรั้นหน่อยแต่ยิสัยยังไงลูกไม้ก็หล่นไม่ไกลต้น
__วันหยุดที่แสนยุ่งเหยิงนี้ จะเป็นวันหยุดที่ดีรึเปล่านะ? หรือจะเป็นวันวุ่นวายของคุณแม่วัยใสกันล่ะ?

__ถอยห่างจากในเมืองออกมา ณ เขตสามของกรุงเทพฯ คฤหาสน์หลังหนึ่งตั้งอยู่บนเนื้อที่พอประมาณย่านวัชรพล คฤหาสน์ที่ดูโอ่อ่าโอ้โถง กลับมีเพียงไม่กี่ชีวิตอาศัยอยู่ภายในสิ่งปลูกสร้างนี้เท่านั้น
__หากจะกล่าวถึงบริษัทที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับการเงินแล้ว คงจะหนีไม่พ้นบริษัท pinto group ซึ่งเป็นบริษัทประกันหลักทรัพย์และทำธุรกิจเกี่ยวกับการเงินมากว่าเก้าทศวรรษ บริษัทนี้เดิมทีเป็นเพียงโรงรับจำนำเก่าๆแห่งนึงที่เปิดให้เซ้งแล้วเท่านั้น แต่หลังจากที่เจ้าของธุรกิจรุ่นแรกย้ายจากประเทศจีนเข้ามาลงทุนที่นี่ โรงรับจำนำเก่าจึงแปรสภาพเป็นร้านโชว์ห่วยจนกลายมาเป็นสถานที่ปล่อยเงินกู้ ก่อนห้าสิบปีต่อมาจะสร้างเนื้อสร้างตัวมาเป็น pinto group
__ว่ากันว่าที่นี่เป็นสวรรค์ของเหล่าพนักงาน เพราะการรับพนักงานที่เคร่งครัดและกฎระเบียบอันหฤโหด พนักงานที่นี่จะมีประสิทธิภาพและเงินเดือนมากกว่าที่อื่น แต่ก็ไม่ใช่เสมอไป
__บริษัทใหญ่ย่อมกังวลเรื่องคู่แข่งและมาตรรายรับอยู่เสมอ ถึงจะเป็นอันดับต้นๆแต่ก็หนีไม่พ้นเรื่องอริ บริษัทเดียวกันเน้นบีบให้ pinto group ดรอปจากอันดับโดยการสร้าง products ใหม่ๆขึ้นมาเสมอ ทั้งอีเวนท์และการโฆษณา แต่เนื่อด้วยจำนวนเม็ดเงินของทั้งไทยและจีนรวมกัน pinto group กลับไม่มีใครสามารถโค่นล้มอำนาจการครองตลาดบัญชีนี้ไปได้
__ชายหนุ่มวัยสามสิบปีส่ายหัวไล่ความเพลียและความเหนื่อยล้าออกไป เขาดันตัวเองลุกขึ้นอย่างยากลำบาก สมองของเขาตื้อและอึงอื้อไปหมด เมื่อคืนท่าทางจะดื่มหนักไปหน่อยวันนี้ถึงได้เพลียขนาดนี้
__เขาพยายามจะลุกขึ้นแต่แรงอันน้อยนิดก็ทำให้เขาทิ้งตัวลงกลับบนโซฟานุ่มหรูอีกครั้ง
__"ว่าที่เจ้าของปินท์กรุ๊ปคนใหม่...ดูเหมือนจะไม่ไหวแฮะวันนี้" เสียงหญิงสาวพูดขึ้นมาจากด้านหลัง
__เธอเดินออกมาพร้อมถ้วยน้ำชาในมือ ผู้หญิงคนนี่เป็นสาวทรงเสน่ห์ ใบหน้าหวาดหยดย้อยพร้อมจะทำให้ชายหนุ่มยอมสยบแย้มรอยยิ้ม "ดูเหมือนเราจะมาผิดเวลานะฮง"
__สิ้นคำชายหนุ่มอีกคนก็โผล่เข้ามา ฮง หรือ ฮงซิ่น หุ้นส่วนหนุ่มผู้บริหาร pinto group เขาเป็นทั้งสมาชิกผู้บริหารอาวุโสและเจ้าของโรงแรมใหญ่ทางภาคตะวันตกของจีน เป็นคนที่มีบทบาทมากในช่วงวิฤติแผ่นดินไหว เนื่องจากในนามของ pinto group ที่เขาใช้ในการช่วยเหลือผู้อพยพ ทำให้เขาได้ตำแหน่งผู้อาวุโสฝ่ายบริหารนี่ไป
__"ทรงเพื่อนเราเมื่อคืนนี่ไม่ต่างจากหมาข้างถนนเลยนะ" ฮงเอ่ยจิกกัด
__"อยากตายเหรอ.." คำตอบเนิบๆถูกส่งกลับมา
__"ฮะๆ สภาพนายตอนนี้แค่นิ้วเดียวก็ล้มแล้ว"
__"เฮอะ.." ชายหนุ่มเค้นเสียง รู้สึกปวดหัวจัง
__หญิงสาวประคองตัวเขาให้นั่งแล้วยื่นถ้วยน้ำชาให้ "เมื่อคืนนายไปทำอะไรให้พวกจิ๊กโก๋มันโกรธล่ะ รุมนายซะเละเลย"
__"เธอว่าอะไรนะพริม? ..ไม่มีทางหรอก..อา ปวดหัว" เขาเอ่ย เนื้อตัวสภาพในตอนนี้เหมือนกับที่ฮงซิ่นบอก ไม่ต่างอะไรจากหมาข้างถนน เนื้อตัวแขนขาช้ำไปหมด
__"คนเมามักจำอะไรไม่ได้หรอก เมื่อคืนนายทำให้พวกเราต้องถ่อไปถึงผับทั้งๆที่งานยังไม่เสร็จ กว่าจะทำให้นายสงบลงได้ตั้งนาน ไม่น่าเชื่อว่าคนเก็บกดอย่างนายจะพูดมากเวลาเมา" ฮงซิ่นสำทับ
__เขาพยายามรื้อความทรงจำเมื่อคืนขึ้นมา เขาจำได้แค่ว่า เมื่อคืนเขาไปที่ผับแห่งหนึ่งมาเพื่อที่จะไปเจอกับใครบางคน แต่ในระหว่างที่รอเขาดันไปมีเรื่องกับกลุ่มลูกค้ากลุ่มนึงเข้าทำให้เกิดการปะทะกันขึ้น จำได้แค่นั้นส่วนที่เหลือก็วูบไป และตื่นมาอีกทีในตอนเช้า. ..อย่างที่เห็น เขาต้องพลาดส่วนอะไรที่สำคัญไปแน่ๆ รู้สึกเหมือนว่าเคยเจอใครสักคนที่เคยรู้จักเมื่อนานมาแล้วในผับๆนั้น... อา ปวดหัว
__"เอาล่ะอยู่กับปัจจุบันกันก่อน" สาวสวยคนเดียวตบมือดึงสติ "วันนี้ที่บริษัทมีประชุมสรุปยอดผู้ใช้บริการของเรานะ รู้สึกว่ามันค่อนข้างจะดรอปต่ำลงกว่าที่เคย ต่อให้เมาเละนอนแอ้งแม้งเป็นผักแค่ไหนยังไงนายก็มาทันประชุมเที่ยงนี้นะคุณว่าที่เจ้าของบริษัท?" พริมพูดแกมประชด
__อืม.. ชายหนุ่มตอบในใจ
__ประชุมมันทุกวันเลยบริษัทนี้ ..รายรับรายจ่ายมันขึ้นอยู่กับฝ่ายบัญชีและฝ่ายจัดการการเงิน คนพวกนี้ดูท่าทางจะจ้างมาไม่คุ้มค่าจริงๆเลย. ต้องคอยให้ตามแก้ตามเช็คข้อผิดพลาดอยู่เสมอ ผู้จัดการฝ่ายบุคคลคิดยังไงกันจึงเอาคนโหลยโท่ยแบบนี้มาทำงาน
__pinto group ไม่เคยมีประวัติเสียมานาน ตอนนี้ก็ด้วย อา..จะเรื่องอะไรก็ช่างเหอะ ตอนนี้ถ้าไม่รีบทำให้สร่างเมาละก็ ประชุมคงจะเซย์กู๊ดบายกันล่ะ

__ดวงตาสวยคมกริบปรือหลุ่บต่ำลงคล้ายกำลังจะเข้าสู้ช่วงจำศีล กุ๊กไก่หยิกแก้มตัวเองไปหลายครั้งมากเพื่อเตือนตัวเองไม่ให้เผลอหลับไประหว่างเคลียร์งาน แต่ตาเจ้ากรรมมันก็ดื้อซะเหลือเกิน มันเอาแต่จะหันหาที่นอนซะหลายครั้ง
__เสียงเจ้าตัวเล็กเบาลงไปแล้ว ประตูเปิดออกพร้อมหญิงสาววัยเดียวกันจะเดินออกมา เฌอเอมในขุดสบายๆยังดูสวยเลอค่าเหมือนทุกครั้ง เพราะเครื่องประดับหรูหรารึเปล่านะที่ทำให้คนสวยอย่างนางดูล้ำขึ้นไปอีก
__วันนี้กุ๊กไก่ไม่สามารถพาลูกสาวไปเที่ยววันหยุดได้ จึงอ้อนให้เฌอเอมมาอยู่เป็นเพื่อน และความใจบุญห่วงเพื่อนพ้องของนางมีอำนาจแรงกล้าต่อคำร้องขอมาก เฌอเอมมาตั้งแต่เที่ยงกว่าตอนนี้ใกล้จะสองทุ่มแล้วนางก็ยังคึกแรงไม่ตกสักที
__"หมดฤทธิ์แล้วลูกเธอ" หญิงสาวว่า แล้วก็ทิ้งตัวลงบนโซฟาข้างโต๊ะทำงาน "..ฉันก็ไม่ต่างกัน"
__"ว่าไปนั่น ..วันนี้เธอก็แก่ขึ้นอีกปีแล้วสินะคุณเฌอเอม" กุ๊กไก่แซว
__"แหมๆแม่เด็กน้อย เธอเองห่างจากฉันปีสองปีก็ไม่ต่างอะไรจากฉันหรอกย่ะ"
__กุ๊กไก่หัวเราะ
__"การบ้านนี่เธอไม่ต้องรีบทำให้เสร็จก็ได้ พรุ่งนี้หยุดอีกวันค่อยลุยต่อ" เฌอเอมแนะ กุ๊กไก่ส่ายหน้าปฏิเสธ
__"ไม่ล่ะฉันต้องการทำมันให้เสร็จคืนนี้เลย พรุ่งนี้ฉันสัญญาจะพาเหวินเหวินไปเที่ยว ..นี่แค่ไม่กี่หน้าเสร็จแล้วจะได้ไปทำงานต่อเลย"
__"จริงดิ!?" เฌอเอมเสียงแหลม "งานนี้ขนาดฉันยังใช้เวลาสองวันจัดการมันยังไม่เสร็จเลยแต่เธอใช้แค่วันเดียว?.."
__กุ๊กไก่พนักหน้ารับ "เจ๋งชะ.."
__"มิราเคิลของเซกชั่นจริงๆ ฉันไม่แปลกใจเลยที่เลี้ยงลูกมาตัวคนเดียวแบบนี้ได้สบาย แถมยังมีเงินเหลือส่งให้พ่อแม่ใช้อีก"
__"ก็ว่าไป.. ฉันเองก็คนธรรมดาแค่ทำมากว่าคนอื่นสองสามเท่าเอง" หญิงสาวตอบ
__ใช่แล้ว สองสามเท่าเอง..หรืออาจจะมากกว่านั้น จากคนที่ทำอะไรไม่เป็นเลยสักอย่างต้องมาดูแลจัดการทั้งตัวเองและอีกหนึ่งชีวิตน้อยๆแบบนี้..เธอก็คิดเหมือนกันว่าตัวเองมาอยู่จุดนี้ได้ยังไง จุดที่ทุกอย่างบนโลกเธอสามารถแบกรับเอาไว้ด้วยบ่าของตัวเอง จุดที่ไม่เคยห่วงตัวเองมากกว่าลูก
__ความรักของแม่มันยิ่งใหญ่แบบนี้นี่เอง ตอนเด็กๆเธอไม่เคยเข้าใจเลยว่าทำไมพ่อแม่ต้องทำงานหนักด้วยทั้งที่ถ้าพักก็จะสบายแท้ๆ แต่มาวันนี้เธอรู้แล้ว.. คำว่า พ่อแม่ นั้น..ต่อให้ตัวเองเหนื่อยจนๆม่มีแม้แต่แรงหายใจ หากได้เห็นความสำเร็จของลูกแล้ว ให้ต้องเสียเลือดเฉือนเนื้อก็มีความสุข แค่ให้ลูกไปยังฝันที่ตั้งเป้าไว้ได้
__"อา.. เสร็จสักที การบ้านอันยาวนาน" กุ๊กไก่พ่นลมหายใจออกจากปาก เฌอเอมมองเพื่อนรักอย่างทึ่งในความสามารถ
__กุ๊กไก่พักครู่เดียวก็ขอตัวจัดการตัวเอง เตรียมตัวไปทำงานตามปกติ คืนนี้เพื่อนๆตั้งใจที่จะไปจัดงานวันเกิดในบาร์ที่สาวเจ้าทำงานอยู่ ถึงจะประหยัดค่าเดินทางแต่มันก็ทะแม่งๆที่คนรู้จักไปเพ่นพ่านในที่ทำงาน ตารูทให้วันหยุดพิเศษเธอหนึ่งวันเพื่อสังสรรค์กับเพื่อนฝูง..ก็ดีนะ ถือว่าปล่อยแก่..:-

__แก้วเบียร์กระทบกันเสียงดังกังวานไปทั่วบริเวณ โซนวีวีไอพีของบาร์เบียร์ดังย่านอโศกถูกเปิดใช้งานโดยลูกค้าสาวสวยและเทยเตี้ยอีกหนึ่ง(ฮาแปป)
__เสียงเพลงจากนักร้องอคูสติเบาๆขับกล่อมเหล่าลูกค้าด้วยเพลงป๊อปผสมกลิ่นอายของอาร์แอนด์บี บริเวณชั้นหนึ่งเปิดกว้างแทบจะเป็นลานเบียร์ของสายเมา ขณะที่ชั้นสองเริ่มอัพเกรดขึ้นมาเป็นระดับวีไอพี ไม่แปลกเลยที่ชั้นสามซึ่งใกล้กับห้องทำงานของผู้บริหารจะเป็นซุปเปอร์หรือวีวีไอพี ..ห้องแพงหูฉี่แต่เจ้าแม่อย่างเฌอเอมก็แสดงสปีริตโยนเศษเงินทิ้งเพื่อเมามายกับน้องนุ่ง
__'ต้องการอะไรเรียกใช้ได้ตลอดเลยนะครับ' มิสเตอร์รูทออกปากด้วยตัวเองก่อนจะจากไป น้ำเสียงทุ้มกับใบหน้าทรงเสน่ห์ทำให้สาวๆและหนึ่งเทยใจละลายอ้อนวอนให้อยู่ต่อเลยได้มั้ย:- แต่ก็รั้งออร่าเปล่งปลั่งเจ้าตัวไม่ได้สุดท้ายเลยปล่อยไปด้วยความเสียดาย
__กุ๊กไก่ไม่ชินเท่าไหร่ที่เหล่าพนักงานในร้านคอยมาเอาอกเอาใจเธอในฐานะลูกค้าแทนที่จะคุยกันเฮฮาเหมือนตอนทำงาน อันนี้น่าจะเป็นเพราะมิสเตอร์รูทที่กำชับเอาไว้ว่าทำปฏิบัติตามกฎของร้าน ..เฟอร์เฟกต์ เพราะอย่างนี้รึเปล่าจึงยกวันนี้ให้เป็นวันหยุดพิเศษ
__การฉลองวันเกิดเดินทางมาถึงจุดสำคัญอย่างไวเหมือนโกหก กุ๊กไก่แอบมองนาฬิกาเป็นพักๆ นี่ก็เกือบจะเที่ยงคืนแล้วเหวินเหวินน่าจะหลับสนิทไม่น่ามีปัญหาอะไร ขณะเดียวกันแอลกอฮอล์ที่ดืมไปทำให้หัวของเธอเคว้งนิดๆ
__ไม่นานนักโซนวีวีไอพี่ก็กลายมาเป็นร้านคาราโอเกะเล็กๆเมื่อเทยหัวโปกคนหนึ่งเมาได้ที่ออกมาโชว์พลังเสียงกลุ่มวง เสียงที่ค่อนข้างเพราะตอนมีสติกลับหายวับเมื่อความเมาเข้าครอบคลุม ติงลี่หญิงสาวผู้เรียบร้อยคนเดียวในกลุ่มหลุดไปเรียบร้อย นางแหกแข้งแหกขาเต้นสเต็ปเท้าไฟจนลืมคิดไปว่าตัวเองใส่กระโปรง ..ส่วนเจ้าของวันเกิด นางลงไปอ่อยเหยื่อรุ่นน้องตั้งแต่เป่าเค้กได้สิบนาทีแล้ว มีแค่เธอที่ยังคงมึนหัวเหมือนจะอ้วกอยู่คนเดียว
__..ดื่มหนักเกินไปแล้ว..
__กุ๊กไก่เตือนตัวเอง เธอลุกออกจากวงเพื่อหาที่สงบถอนฤทธิ์แอลกอฮอล์คนเดียว
__กี่ปีมาแล้วที่ไม่ได้ใช้ชีวิตสุดโต่งแบบนี้ นานๆทีปีละครั้งที่จะได้หลุดโลกทิ้งทุกอย่างไว้ข้างหลัง สถานที่อโคจรทำให้เราได้พบกับคนในหลายแบบหลายบุคลิก ทั้งดีต่อหน้าและลับหลัง ทั้งแอบร้ายเผ็ดแสบ หรือแม้กระทั้งเจ้าเล่ห์เพทุบาย ใครว่าการเที่ยวกลางคืนเป็นสิ่งที่ทำให้คนมองเราไม่ดีเธอขอเถียง การที่คนเราจะแข็งแกร่งขึ้นนั้นย่อมมาจากการที่เราพบเจอกับสภาพแวดล้อมต่างๆและผจญกับเหตุการณ์ต่างๆมาด้วยตัวเองต่างหาก
__ทักษะความรู้โรงเรียนเป็นผู้มอบให้ แต่ทักษะชีวิตนั้น ตัวเองต่างหากที่เป็นคนไขว่คว้าเอาเอง นกแม้มันไม่เคยบินมาก่อน ผู้เป็นแม่ทำได้แค่สอนแสดงตัวอย่างให้ดูเท่านั้น แต่มันจะบินได้ก็ต่อเมื่อมันลงมือทำได้ด้วยตัวเอง ความสำเร็จที่มาจากตัวเองนั้นสำหรับเธอคือความสำเร็จที่แท้จริง
__กุ๊กไก่มายังชั้นดาดฟ้าของผับ ชั้นนี้เป็นเขตต้องห้ามสำหรับลูกค้าเพราะเป็นที่ของผู้บริหาร แต่ยังไงเธอก็เป็นพนักงานที่นี่เหมือนกัน คงไม่มีปัญหาอะไร
__ดาดฟ้าคืนนี้ดูสวยงามเป็นพิเศษ ดอกไม้แจกันวางเรียงรายอย่างประณีต ต้นไม้และไม้เลื้อยพันเข้ากับขอบกั้นอย่างสวยงาม กลิ่นดอกไม้ไทยและต่างชาติลอยมาตามแรงลมที่พัดมาพอดิบพอดี
__ท้องฟ้าสวยงามเหมือนทุกคืน ในป่าคอนกรีตนี้ดวงดาวถูกบดบังไปด้วยคาร์บอนฯและฝุ่นควัน ต่างจากต่างจังหวัดที่มีแต่อากาศบริสุทธิ์ ...แต่ท้องฟ้ายังไงก็ยังเป็นท้องฟ้า มันยังดูสวยงามอยู่เสมอ
__กุ๊กไก่ยืนนิ่งเหม่อมองทิวทัศน์ยามค่ำคืนราวกับปูนปั้นแห่งรุสโซ่ เธอไม่รู้ว่าร่างบอบบางได้กลายเป็นอาหารตาของชายหนุ่มคนหนึ่งไปโดยไม่รู้ตัว ชุดกระโปรงจีบระบายเปิดแผ่นหลังเล็กน้อยรับอากาศหนาวสั่นระริกเบาๆ บนนี้อากาศเย็นดีแฮะ
__"รู้รึเปล่าว่า ท้องฟ้าที่เรามองมันอยู่ทุกๆคืนน่ะ ห่างออกไปที่เป็นเป็นแสงสีขาวนับไม่ถ้วนนั้นคือทางช้างเผือกนะ.." เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นมาจากด้านหลัง กุ๊กไก่สะดุ้งเล็กน้อยเมื่อแผงอกกว้างรุกล้ำเข้ามาใกล้มากเกินไป
__สาวเจ้ามองปะทะใบหน้าคมแบบตะวันตกที่ปิดความทะเล้นไว้ไม่มิด มิสเตอร์รูท คารอน ผู้บริหารคนหนึ่งของผับคลี่ยิ้ม "มัวแต่มองไม่ลองหน่อยเหรอยู"
__"คิดนานมั้ยคำนี้.." กุ๊กตอบยิ้มๆ เธอดันเขาออกห่างพอควร "มาเงียบๆเหมือนพวกโจรโรคจิตเลยนะ"
__"อืม..ถ้าผมเป็นโจรโรคจิตคุณก็ผู้บุกรุกล่ะนะ" เขาย้อน
__"เหรอ"
__กุ๊กไก่ไม่สนใจ ตารูทนี่มาทำไมเอาตอนนี้นะ อาการปวดหัวตึ๊บๆกลับมาอีกแล้ว มันออกฤทธิ์แล้วสินะ แอลกอฮอล์เนี่ย..ห่างมานานคออ่อนขึ้นเยอะเลย
__"ทำไมมาอยู่นี่ล่ะ ข้างล่างไม่สนุกเหรอ?" ชายหนุ่มถาม
__"เปล่า..ปวดหัวนิดหน่อยนะ มีอะไรให้คิดเยอะ"
__"เมาว่างั้น?" ตรงดี:-
__กุ๊กไก่พยักหน้ารับ ไม่อยากบอกเลยว่าโลกหมุนเร็วเกินไปแล้ว มึนหัวไม่หายสักที..
__"รู้ว่าเมาแต่กินไปซะเยอะเลยนะ"
__"นานๆทีเที่ยวกับเพื่อนน่ะ ..แต่ก่อนถ้าคุณรู้จักฉันแล้วคุณจะหนาว"
__"ฮะๆ ตอนนี้รู้จักก็ยังหนาวเลย"
__"นั่นมันลมป๊ะ"
__"ก็อย่างเดียวกันนั่นแหล่ะ" มิสเตอร์รูทเอ่ย "รอผมแปปนะ"
__เขาขอตัวสักครู่หนึ่ง ชายหนุ่มเดินลงไปข้างล่างพักใหญ่ก่อนจะเดินขึ้นมาพร้อมแก้วอะไรบางอย่างในมือ
__"ลองดูสิ" ว่าแล้วก็ยื่นแก้วให้ ในนั้นมีของเหลวบางอย่างสีเขียวขี้ม้าเข้ม มันมีกลิ่นค่อนข้างฉุน แต่พอสูดเข้าจมูกแล้วกลับรู้สึกอุ่นขึ้น "ตอนเมาน่ะใช้ไอ้นี่ดีที่สุดแล้ว"
__กุ๊กไก่รับแก้วมาก่อนจะลองใช้ลิ้นแตะๆดู ..หมาไม่แดกค่ะ
__"โคตรขมคอเลย" สาวเจ้าอุทาน กลิ่นว่าแย่แล้วรสชาติมันโคตรแย่เข้าไปใหญ่ ทั้งขมทั้งฝาด ขนาดโดนแค่ลิ้นนะนั่น ถ้ากลืนเข้าไปจริงๆนี่จะขนาดไหน
__"ไม่เคยได้ยินเหรอว่าหวานเป็นลมขมเป็นยา" มิสเตอร์รูทคลี่ยิ้ม
__"สำบัดสำนวนนะเรา ..ไอ้นี่มันอะไรเหรอ ไม่น่าจะใช้เครื่องดื่ม หรือเป็นยา หรืออะไรยังไงฮึ?"
__"จะว่ายาก็ใช่นะ มันใช้แก้อาการเมาค้างได้ดีเลย ส่วนใหญ่เอาไว้กินก่อนจะดื่มเบียร์เพิ่มความถึกของคอ แต่มันก็ช่วยถอนฤทธิ์เมาได้หลังดื่มด้วยเหมือนกัน" เขาตอบ "ลองดู ขมหน่อยแต่มันก็ไม่ได้แย่ไปกว่านี้หรอก"
__คำยืนยันของรูทเธอเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง นิสัยขี้แกล้งแบบนี้น้อยมากที่จะมีความจริงออกจากปากเขา
__กุ๊กไก่กลั้นใจกระเดือกของเหลวนั้นลงคอไปอย่างลำบาก ทันทีที่มันโดนลิ้นทำเอาแสบคอไปหมด ของเหลวนั้นมันร้อนมากพอเจอกับแอลกอฮอล์
__หญิงสาวเกือบจะอาเจียนออกมาหลายครั้ง ทุกครั้งมิสเตอร์รูทจะปิดปากเธอไว้ 'กลืนมันลงไป' เจอแต่คำนี้ เซ็ง:-
__พอได้ที่สักพักก็เริ่มรู้สึกหวาน จากนั้นไม่นานอาการต่างๆก็หายไปพร้อมกับความเมา ชะงัดดีจังเครื่องดื่มนี้
__"เป็นไงบ้าง?"ชายหนุ่มถาม
__"ดีขึ้นมาแล้ว ..ขมแต่ ..มันบอกไม่ถูก กลืนไปแล้วก็หวานดี นั่นมันอะไรเหรอ?"
__มิสเตอร์รูทเงียบไป เขาไม่ตอบเลือกที่จะพาดแขนลงบนไหล่ของเธอแทน
__กุ๊กไก่ไม่ได้ปฏิเสธอะไร เธอรู้นิสัยของเจ้านายคนนี้ดี เขาเป็นคนกวนๆในบางเวลา และจริงจังกับเรื่องที่ควรทำ ความเพอร์เฟคนี่ถึงมันจะดีแต่มันก็ทำเอาคนรอบข้างลำบากใจมาก ทุกคืนรูทจะมีสาวๆมารุมตอม ส่วนเธอนอกจากเป็นผู้ช่วยเขาจิปาถะแล้วยังต้องมาคอยไล่สาวๆที่มาติดแจเขาเหมือนเป็นไม้กันหมา งานง่ายนะ แต่เสียงนินทาตามหลังมานี่สิที่รับยาก
__เพราะทุกคืนต้องอยู่ใกล้ชิดกับเจ้านายหนุ่มตลอดทำให้เหล่าบรรดาพนักงาน หรือแม้กระทั้งผู้บริหารคนอื่นหันมาสนใจเธอในฐานะผู้หญิงของเขา ทำใจให้ยอมรับน่ะมันยาก คนที่ไม่มีใครเห็นหัวต้องมารับไหว้จากพนักงานทั้งเด็กกว่าและแก่กว่า ที่แย่กว่านั้นคือเจ้าตัวเองก็รู้เรื่องนี้แต่กลับไม่ออกปากแก้อะไรเลยเหมือนจงใจจะให้มันเป็นอย่างนั้น
__ความใกล้ชิดในทุกๆวันถ้าถามว่าเคยรู้สึกเกินเลยกับเจ้านายบ้างไหม ก็มีนะ ..หล่อดูดีขนาดนี้ใครมันจะไปอดใจไหว แต่คนสนิทอย่างเธอก็ทำได้แค่คอยช่วยเหลืออยู่ห่างๆใน 'สถานะ' ที่พอทำได้ดีกว่า กลับกัน ถ้าถามว่ามิสเตอร์รูทคนนี้คิดอะไรบ้างไหมน่ะเหรอ? นอกจากเจ้านายกับลูกน้องแล้วคงจะไม่ล่ะ คนระดับนั้นแค่ให้เธอเป็นคนสนิทก็ถือเวรี่ดีแล้ว หากเกินเลยกว่านั้นอาจจะกลายเป็นการปีนเกลียวหวังรวยกระมัง
__กุ๊กไก่จ้องมองใบหน้าคมเข้มนั่นสลับกับมองท้องฟ้า "ขอบคุณสำหรับวันหยุดค่ะคุณรูท"
__เขาไม่ตอบอะไร สายตาของเขามองไปทั่ว กุ๊กไก่จับกระแสความวิตกกังวลในสายตาของเขา "คุณมีปัญหาอะไรถ้าระบายได้ก็อย่างเก็บมันไว้เลยค่ะ"
__"อืม" เขาตอบสั้นๆ "คุณคิดว่าที่นี่เป็นยังไง? มันทำเงินได้มหาศาลมากไหม?"
__"มากอยู่นะค่ะถ้าเฉลี่ยต่อคืน" กุ๊กไก่ตอบ
__"เหรอ.. ผมคิดว่าจะลองเปิดสาขาใหม่เป็นของตัวเองดู"
__"จริงเหรอคะ? ดีจัง..แต่เรื่องหลักที่คุณต้องมองหาคือทำเลและบุคลากร ฉันคิดว่าถ้าคุณจะสร้างผับของตัวเองขึ้นมาเหล่าพวกผู้บริหารรายอื่นอาจจะทำตามคุณ"
__"ก๊อปปี้น่ะเหรอ?" มิสเตอร์รูททวน "ผมไม่กลัวหรอก.. ที่ดินน่ะผมมี เงินผมก็มี เพื่อนๆผมก็มาก แถมบุคลกรผมยังน่ารักน่าเอ็นดู" สิ้นคำเขาก็เบือนหน้ามา "ถ้าเปิดสาขาเป็นของตัวเองเมื่อไหร่รับรองว่าคุณจะเป็นคยแรกที่ผมจะเรียกใช้เลย"
__"ถ้าอย่างนั้นฉันคงลาออกด่วนจี๋เลยค่ะ เพราะคุณไม่มีที่ดินสักแปลงในกรุงเทพฯ" หญิงสาวตัดบท
__"ใจร้ายจัง" เขาบ่น
__เวลากลางคืนคือเวลาของการหลับใหล คนเรานั้นเมื่อมีพบก็ย่อมมีการจากลาเป็นธรรมดา 01.40 เวลาล่วงเลยผ่านมานานพอสมควร หลังจากที่อยู่คุยต่อกับตารูทสักพักสาวเจ้าก็ลงมาหาเพื่อน บรรดาเกลอของเธอในตอนนี้ช่างไม่ต่างอะไรไปจากแย้เปื่อยๆตัวนึงเลย ทุกคนต่างนอนกองระเนระนาดกันหมด เหลื่อแค่ติงลี่ที่ยังพอสลึมสลือบ้าง
__สุดท้ายแล้วก็ต้องหวังพึ่งตารูทอีกจนได้

คติของคุณแม่ : ถ้าอาจารย์เป็นผู้ให้ความรู้เรื่องวิชาการ จงให้เราเป็นผู้ให้ความรู้เรื่องการดำเนินชีวิต (เครดิต : คุณแม่)

 

 

คำยืนยันของเจ้าของเรื่องสั้น

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา