คุณแม่วัยใส
เขียนโดย Penkwan
วันที่ 18 เมษายน พ.ศ. 2559 เวลา 12.17 น.
แก้ไขเมื่อ 18 เมษายน พ.ศ. 2559 12.24 น. โดย เจ้าของเรื่องสั้น
2) วันสบายของคุณแม่วัยใส (2)
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความวันเบาๆของคุณแม่วัยใส(2)
__เสียงออดโรงเรียนอนุบาลดังขึ้นแต่ละครั้งไม่เหมือนกันเพราะแต่ละวันจะมีเสียงที่แตกต่างกันออกไป ทั้งนี้ก็เพื่ออรรถรสและความผ่อนคลายของเด็กๆ
__ไล่ไปตามม้านั่งหินอ่อนไป เห็นร่างบางเล็กของหญิงสาวในชุดนักศึกษานั่งอยู่ เธอเป็นสาวผิวขาวอมชมพูอ่อน ดวงตากลมโตหยียี้มให้เด็กๆที่เดินผ่านกันไปมาอย่างเอ็นดู ริมฝีปากนิดจมูกหน่อยแลดูติดรั้นเชิดขึ้นตามธรรมชาติ มองจากที่ไกลและใกล้ทำเอาหนุ่มๆใจละลายกับความงามประดุจเทพวีนัสสถิต
__หญิงสาวนั่งประจำได้สักพักก็มีเด็กสาวตัวเล็กๆน่ารักวิ่งปรี่เข้ามาหา พร้อมสวมกอดอย่างคิดถึง
__"เรียนวันนี้สนุกมั้ยลูก?" หญิงสาวลูบหัวลูกสาว
__"สนุกค่ะ เพื่อนๆยังคงเหมือนเดิม" เด็กสาวบอก จากนั้นทั้งคู่ก็พากันเดินจูงมืออกจากโรงเรียนไปท่ามกลางความเสียดายของบรรดาครูหนุ่มและพ่อๆของนักเรียนทั้งหลาย
__"วันนี้คุณครูสอนให้หนูปั่นจักรยานด้วยค่ะแม่" เด็กสาวเอ่ย
__"เหรอคะ แล้วสนุกมั้ยล่ะ"
__"สนุกค่ะ หนูบอกครูว่าอยากปั่นอีกครูก็บอกว่าให้หนูขอผู้ปกครองซื้อให้ แต่หนูไม่รู้ว่า 'ผู้ปกครอง'หมายความว่าอะไร" เด็กสาวทำหน้าเศร้ากุ๊กไก่อมยิ้มก่อนตอบ
__"ผู้ปกครองก็คือแม่ไงคะลูก ผู้ปกครองก็เหมือนกับคนดูแลลูก คือแม่ของลูกค่ะ"
__"แบบนี้นี้เอง" ลูกสาวทวน "แล้วผู้ปกครองแม่ล่ะคะเป็นใคร?"
__"ผู้ปกครองแม่ก็คือยายของลูกไงคะ แม่ของแม่คือยาย แต่ตอนนี้แม่โตแล้วแม่สามารถปกครองตัวเองได้แล้วเรียกว่าผู้ใหญ่เต็มตัว"
__"แต่หนูก็โตแล้วเหมือนกันนะคะ งั้นหนูก็เป็นผู้ใหญ่เต็มตัวเหมือนกับแม่สิ"
__เด็กสาวบอก กุ๊กไก่อดหอมแก้มน้อยๆของลูกสาวไม่ได้ ด้วยความที่เป็นเด็กเธอถึงสงสัยไปเรื่อย ถามได้ตลอดแม้คำถามเดิมๆ แต่ถึงจะถามมาสักกี่ครั้งน่าแปลกที่กุ๊กไก่ไม่เคยเบื่อเลยที่จะตอบคำถามของลูกสาว แต่กลับมีความรักและภูมิใจมากกว่าเดิมที่จะเพิ่มเติมความรู้ใหม่ๆให้กับลูก แบบนี้รึเปล่าที่คนเป็น 'แม่' รู้สึกกัน?
__สองสาวเดินผ่านร้านอาหารริมทาง ก่อนท้องเจ้ากรรมของหญิงสาวจะร้องออกมา จริงสิ..ทั้งวันเธอไม่มีอะไรตกถึงท้องเลยนี่น่า
__"ลูกหิวมั้ย?" กุ๊กไก่ถาม ลูกสาวพยักหน้ารับดูท่าแม่ลูกคงจะหิวพอๆกัน "งั้นเราแวะกินข้าวกันก่อนค่อยกลับเนาะ กินตอนนี้เวลานอนจะได้ไม่อืดท้อง" ว่าแล้วก็จูงมือนางฟ้าตัวน้อยเข้าร้านอาหารไป
__ร้านอาหารแห่งนี้เป็นร้านที่ดูเรียบง่าย ตัวร้านแม้ติดกับถนนแต่ก็ใช้ต้นไม้ตกแต่งให้ดูเป็นแนวอเมซอน ภายในร้านตกแต่งอย่างสวยงามด้วยดอกไม้นานาพรรณ แต่ที่ดึงดูดตาดูดใจของกุ๊กไก่มากที่สุดก็คงจะหนีไม่พ้นขาหมูมันเยิ้มที่การันตีว่าเด็ดดวง
__เมื่อก้าวเข้ามาในร้าน บรรดาหนุ่มๆทั้งลูกค้าพนักงานต่างพากันจับจ้องพิกัดมาเป็นตาเดียว สาวผิวขาวอมชมพู ริมฝีปากบางรูปกระจับ ผมสีน้ำตาลอ่อนลอมรอบใบหน้าเรียวลงตัวรูปไข่ นางฟ้ามาเองเลอค่า(พรรณาเวอร์)
__"หนูเอาไข่เจียวนะคะ" ลูกสาวขึ้นออเดอร์ทันทีที่ก้นถึงเก้าอี้
__"รอแม่แปปนึงนะคะคนดี" กุ๊กไก่เอ่ยยิ้มแล้วผละจากลูกสาวตรงไปยังเคาน์เตอร์สั่งอาหารไม่ไกล
__หลังจากจัดการอาหารทุกอย่างเสร็จสรรพ สองสาวแม่ลูกก็พากันเดินพุงกางขึ้นรถกลับบ้านตามภาษาคนยุคใหม่
__บ้านของกุ๊กไก่เป็นห้องในคอนโดกลางตัวเมืองกรุงเทพ เธอซื้อห้องนี้เอาไว้สมัยที่ตัวเองยังเป็นเด็กกระโปกคนนึง คิดว่ามันสวยดีอีกทั้งในช่วงนั้นที่ดินบริเวณนี้ยังไม่มีการคมนาคมสำคัญ แต่เมื่อการเวลาผ่านไปมันทำให้เทคโนโลยีใหม่ๆเข้ามา รถไฟฟ้าตัดผ่านศูนย์การค้าใหญ่ๆอีกหลายที่ รวมเอาแล้วห้องของเธอในตอนนี้ถ้าคิดจะขายก็ไม่น่าจะต่ำกว่าหลักล้านขึ้น
__ดีใช่ไหมล่ะ คนธรรมดาอย่างเธอได้ครอบครองห้องที่บรรดาเจ้าสัว ลูกคุณหนูต่างหมายปอง
__หลายครั้งที่บรรดาคนมีเงินติดต่อขอซื้อห้องของเธอ แต่ถ้าเธอไม่ขายเสียอย่างจะทำอะไรได้ อีกอย่างไม่ใช่เรื่องเงินที่เธอต้องการ แต่ห้องแห่งนี้มันรวบรวมเอาทั้งความทรงจำของเธอกับครอบครัว ชีวิตที่แร้งแค้น และความผิดพลาดอีกร้อยแปดเอาไว้ หากไม่จำเป็นถึงขั้นเฉือนเนื้อตัวเองทิ้งก็ไม่ควรเอาของมีค่าที่สุดในชีวิตมาขาย
__เมื่อกลับมาถึงห้องกุ๊กไก่ก็เตรียมอาบน้ำให้ลูกสาวสุดที่รักเหมือนอย่างเคย ชีวิตในหนึ่งวันของเธอแต่ก่อนมีสีสันมากกว่านี้ กินดื่ม เที่ยวเล่น แต่ละวันต่างมีกิจกรรมที่ไม่เคยซ้ำกันเลยสักวัน ช่วงก่อนนั้นเธออาศัยการเป็นนางแบบวัยรุ่นและเน็ตไอดอลในการขายสินค้า แต่หลังจากมีลูกสาวแล้วเธอก็ไม่คิดที่จะทำงานอะไรพวกนี้อีกเลย เนื่องจากหากเธอตัดสินใจทำ ลูกสาวเธออาจเห็นคัวอย่างไม่ดีในบางมุมของแม่ก็เป็นได้
__พอจัดการทุกอย่างเรียบร้อยฟ้าก็มืดพอดี
__"แม่จะไปทำงานแล้วเหรอคะ?" ลูกสาวตัวน้อยๆเอ่ยถาม
__กุ๊กไก่ทอดสายตามองลูกสาวในชุดนอนสีชมพูอ่อน เป็นไปได้เธออยากบอกลูกเหลือเกินว่า 'แม่อยากนอนกับลูกนะ' แต่มันคงเป็นไปไม่ได้ "ใช่ค่ะคนดี ลูกนอนไปเลยนะแม่ไปไม่นานเดี๋ยวก็กลับ"
__กุ๊กไก่คลี่ยิ้มอ่อนให้ลูกพร้อมจุ๊บหน้าผากให้ทีนึงก่อนจะเดินออกจากห้องไปพร้อมเอาความห่วงใยมาเต็มอก คืนนี้ก็คงไม่ต่างอะไรกับทุกๆคืน ทนอีกคืนนึงจะเป็นไรไป
__แจกันดอกไม้ถูกเหวี่ยงทุ่มลงพื้นอย่างแรงจนเศษกระเบื้องกระจายออกตามความต้องการของผู้กระทำ หญิงวัยว่าหกสิบปีจ้องตาเขม็งมองร่างสูงสมส่วนของลูกชายอย่างโมโหแทบจะลุกเป็นไฟ ขณะที่ใบหน้าเย็นชาของบุตรไม่หยี่ระต่ออารมณ์ของแม่แม้แต่น้อย
__"ต่อให้แกกลับไปคืนดีกับแม่นางแบบคนนั้นอีกสักกี่ครั้งแม่ก็จะคอยตามราวีนังนั่นให้ถึงที่สุดคอยดู!!" หญิงวัยทองตวาดเสียงลั่น บรรดาคนใช้ร่วมสิบกว่าคนพากันออกมาเก็บเศษซากแจกันที่กระจายแตกออก บางส่วนมาช่วยกันประคอง 'คุณหญิง' ของบ้านไม่ให้เป็นลมล้มไปเสียก่อน
__"แม่ห้ามผมไม่ได้หรอก" ลูกชายคลี่ยิ้มก่อนสะบัดตัวเดินออกจากบ้านไป "และต่อให้แม่จับผมแยกแค่ไหนยังไงผมก็จะตามไปเจอเธออยู่ดี"
__คำพูดทิ้งท้ายก่อนรถยนต์คู่ใจจะขับออกไปจากตัวบ้านที่ถูกเรียกว่าคฤหาสน์ทำเอาคนเป็นแม่กรีดร้องละ่นราวกับคนไร้สติ! ใบหน้าเหี่ยวย่นบึ้งตึงต่อทุกอย่างแลดูน่ากลัวยิ่ง "ไอ้ลูกเลว! คิดว่าแกโตมาได้เพราะใครกันฮะ!!"
__กรุงเทพมหานคร นครที่ไม่เคยหลับใหล แม้ในกลางวันยันกลางคืน แถบในเมืองและชานเมืองเมื่ออาทิตย์สุดท้ายลาขอบฟ้าไป ก็มีธุรกิจใหม่โผล่ขึ้นมา ย่านเขตที่พับแถบอโศกก็มีผับเล็กผับน้อยทยอยกันเปิดกิจการ แถบนี้เรียกได้ว่าเป็นย่านเศรษฐกิจ เนื่องจากประชากรในบริเวณนี้ค่อนข้างหนาแน่นอีกทั้งการขยายตัวของชาวต่างชาติที่เน้นคุยงานกันในแถบบริเวณนี้ ไม่เเปลกที่จะเห็นร้านรวงพากันจับจองที่วางขายของกันจนแทบไม่มีทางเท้าให้เดิน
__กุ๊กไก่ก็เป็นอีกคนหนึ่งในวงจรชีวิตค่ำคืน เคยได้ยินกันไหมว่าที่ไหนมีความเจริญและสังคมใหญ่ๆที่นั่นย่อมต้องการบุคลากรดีๆจำนวนมากเหมือนกัน
__บาร์เบียร์แห่งหนึ่งติดกับเขตรามคำแหง บาร์แห่งนี้เป็นสถานที่ค่อนข้างมีชื่อเสียงพอสมควรสำหรับวัยรุ่นหนุ่มสาวที่ต้องการเที่ยวตระเวนราตรี เนื่องด้วยขนาดร้านที่เป็นเป็นสามชั้น ชั้นบนสุดเปิดเป็นเอาท์ดอร์สำหรับลูกค้าท่ีต้องการรับลมยามค่ำคืน อาหารและเครื่องดื่มที่มีราคาไม่แพงกับบริการจากพนักงานที่ดียิ่งทำให้บาร์แห่งนี้เป็นที่น่าจับจ้องมาเที่ยวสักครั้งสำหรับคนกรุงเทพ
__ท่ามกลางแสงสีเสียงที่สาดส่องสะท้อนไปทั่วบริเวณ ภายในบาร์มีหญิงสาววัยยี่สิบสองปีกำลังนั่งหน้านิ่วคิ้วขมวดกับการทำบัญชีเกี่ยวกับยอดงบประมาณรายปี
__ผู้ช่วยผู้จัดการผับในชุดสบายๆแต่ไม่ถึงกับโป๊เปลือยดึงดูดสายตาของนักท่องเที่ยวหนุ่มทั้งไทย เทศให้หลงเข้ามาติดกับ แม้เจ้าตัวจะยังไม่รู้ว่าเธอคืออาหารตาอันแสนโอชะของหนุ่มๆแต่สาวเจ้าก็วางตัวดีทั้งที่อยู่ในที่อโคจร
__เพียงไม่นานที่หญิงสาวนับทบทวนจำนวนตัวเลขเสร็จ ก็มีชายหนุ่มรูปร่างผอมสูงเดินเข้ามาหา ก่อนจะเอ่ยทักทายกับสาวเจ้าอย่างเป็นมิตร
__"คืนนี้ยังอีกยาว คุณไม่จำเป็นต้องรีบทำบัญชีตอนนี้ก็ได้" เสียงทุ้มเอ่ย
__เขาคือมิสเตอร์ รูท คารอน นักธุรกิจนักวางแผนหนุ่มเจ้าของหุ้นกิจการผับแห่งนี้กว่าห้าสิบเปอร์เซ็น และจากที่รู้มาคร่าวๆ เขาน่าจะเป็นว่าที่ผู้บริหารผับแห่งนี้คนต่อไปด้วย
__"เพราะยังอีกยาวไงคะฉันจึงได้รีบทำงานของฉันเสร็จเร็วๆ เผื่อบางทีคนแถวนี้จะได้คุยกับฉันได้เต็มที่" หญิงสาวยิ้มหวานชนิดที่ว่าละลายใจชายหนุ่มให้เร่าร้อนก่อนเธอจะยื่นแฟ้มเอกสารให้ "คุณมาได้เวลาพอดีฉันทำบัญชีตรวจสอบงบประมาณของปีนี้ให้คุณเรียบร้อยแล้วนะ"
__"ฮ่าๆๆ.." นักธุรกิจหนุ่มหัวเราะ เขาคว้าเอกสารวางบนโต๊ะก่อนรวบเอวบางของสาวสวยตรงหน้าเข้ามาราวกับราชสีห์หยอกเหยื่อ "คนเก่งตรงเวลาแบบนี้สมควรจะให้รางวัลสักหน่อย ดีมั้ย"
__"รางวัลแบบนี้เอาเป็นตอนที่ฉันต้องการจะดีกว่าคุณเจ้านาย" หญิงสาวจุ๊ปากชายหนุ่มก่อนจะเดินตรงไปยังบาร์เคาน์เตอร์
__อันตราย แบบนี้อันตรายมาก เธอไม่ควรทำอะไรแบบนี้เลยจริงๆ อาการเมื่อสักครู่ของผู้ชายคนนั้นน่ากลัวมาก เพียงวูบเดียวเธอเกือบลืมสถานะของตัวเองไป
__แววตาดุร้ายคู่นั้นทรงอำนาจกับเพศตรงข้ามอย่างแรง ยิ่งคนอ่อนไหวง่ายอย่างเธอแล้วด้วยคงได้หมดสิทธ์เข้าใกล้เป็นครั้งที่สองแน่
__ไม่ทันเท่าความคิด ชายหนุ่มที่ว่าก็เดินตรงมาหาเธอ เขานั่งลงข้างๆก่อนจะสั่งวันช็อตให้ตามสไตล์เพลย์บอย
__"ถ้าผมไม่ตรวจสอบประวัติคุณผมคงไม่รู้ว่าคุณมีลูกแล้ว.." เขาเอ่ย "น่าเสียดายจริงๆที่ใครคนนั้นเป็นเจ้าของหัวใจของคุณก่อนผม"
__"อย่าพูดถึงเรื่องนั้นเลยค่ะคุณรูท อดีตมันก็คืออดีต แค่ปล่อยมันไหลไปเหมือนน้ำยังไงมันก็ไม่มีทางกลับมาที่เดิมอยู่แล้ว"
__"ฮ่าๆๆ.. จริงของคุณ อดีตก็เหมือนกับน้ำ ในเมื่อมันไหลไปแล้วก็ไม่มีทางกลับมาที่เดิมได้ แต่ใจของคนนะสิ ขึ้นชื่อว่ามนุษย์แล้วย่อมไม่มีใครสลัดกิเลสในใจไปได้หรอก" เขาบอกพลางลูบไล้เรือนผมสีน้ำตาลอ่อนของหญิงสาว "จริงมั้ยคุณกุ๊ก.."
__"ก็คงเหมือนกับคุณที่จ้องจะเคลมฉันตลอดเวลานั่นล่ะค่ะ" เธอตอบกลับพร้อมประจันหน้ากับดวงตาเพชรฆาตนั่น
__รูท คารอน หนุ่มลูกครึ่งตุรกี-เยอรมันที่หลงใหลในความเป็นไทยอย่างมาก เขาเป็นเจ้าของสายการบินต่างๆและเป็นนักธุรกิจ นักคิดนักวางแผนที่ติดอันดับต้นๆของเอเชีย ด้วยวัยเพียงยี่สิบแปดปี เขาสามารถทำเงินต่อได้ได้กว่า สองหมื่นแปดพันเหรียญดอลลาร์สหรัฐฯหรือตกราวๆ สามแสนกว่าบาท นี่เป็นเพียงแค่เงินสำหรับการวางแผนของเขายังไม่รวมค่าหุ้นและกิจการต่างๆที่ทำเงินให้เขาวันนี้เกือบล้าน รูท คารอนนับว่าเป็นหนึ่งในสิบบุคคลทรงอิทธิพลของเอเชียคนหนึ่งเลยก็ว่าได้
__อีกด้านหนึ่งของความสมบูรณ์แบบของเขา เขาเป็นคนชอบคิดบวกและไม่ถือเอาเรื่องส่วนตัวมาปะปนกับชีวิตประจำวัน แม้ว่าจะถึงขั้นวิกฤตแค่ไหน..แต่ขอให้มีวันนั้นทีเถอะ
__"คุณรู้ไหม.. คุณเป็นคนที่หยิ่งยโสมากที่สุดเท่าที่ผมเคยเจอมาเลย"
__"และคุณก็เป็นคนที่คิดเพียงแต่เรื่องใต้สะดือกับฉันมากที่สุดเหมือนกัน" หญิงสาวยิ้มใส่ "อย่างที่คุณบอก คืนนี้ยังอีกไกล ไม่รู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นกับเราบ้างในอนาคต"
__"อย่าไปห่วงเรื่องอนาคตเลยคุณ ปัจจุบันดีที่สุด คิดหลายสเต็ปบางทีมันก็อาจทำให้เราผิดหวังได้ในภายภาคหน้า"
__"แต่มันก็ดีกว่าไม่ใช่เหรอคะหากเรามีความสุขกับสิ่งที่เราฝันถึง แม้ว่ามันอาจจะไม่สามารถเกิดขึ้นจริงแต่มันก็ทำให้จิตใจเราผ่อนคลายได้.."
__"ถ้าเป็นอย่างนั้นจริง.." นักธุรกิจหนุ่มเปรย มือกร้านหน้าเอื้อมโอบไหล่เล็กกลมมน "คุณอยากจะทำอะไรในปัจจุบันก่อนมั้ยล่ะ?"
__กุ๊กไก่คลี่ยิ้มหวาน ใบหน้าหล่อเหลานั้นมีเสน่ห์มากขึ้นไม่มีใครต้านทานไหว แม้แต่เธอที่คิดสลัดเรื่องความรักออกไปจากชีวิตแล้วก็ตาม ความรู้สึกกระอักกระอวนปนความใคร่คละคลุ้งมากเกินกว่าจะลบล้างมันออกไปได้หมด แต่ก่อนทั้งคู่จะได้เข้าด้ายเข้าเข็มกัน เสียงเอะอะโวยวายก็ดังขึ้นมาจากหน้าผับโดยบังเอิญ
__ตรงเวลาดีจัง.. เธอคิด
__รูททำสีหน้าปั้นยากสักครู่เมื่อพนักงานในร้านเดินมารายงาน เขาขมวดคิ้วเล็กน้อยแล้วเดินนำพนักงานออกไปยังที่เกิดเหตุ
__ที่นี่ไม่เคยเกิดเรื่องทะเลาะวิวาทเลยสักครั้ง ในความดูแลของเจ้าของวัยหนุ่ม แม้จะมีตบตีแย่งคนรักกันบ้างแต่ก็ยังไม่รุนแรงจนถึงขั้นทำลายข้าวของ กุ๊กไก่ลุกตามเจ้านายหนุ่มออกไปเพื่อต้องการทราบที่มาในฐานะผู้ช่วยผู้จัดการ
__ออกมาด้านนอกร้านสภาพแถบนี้ไม่ต่างอะไรกับลานประลองเถื่อนทั่วไป กลุ่มคนหลายสิบคนทั้งไทยและต่างชาติพากันมุงดูนักสู้วันรุ่นหนุ่มสองสามคนที่กำลังรุมยำชายคนหนึ่งในสภาพมึนเมา
__เสียงเชียร์ดังกระหึ่มไปจนร้านรวงต่างๆให้ความสนใจเป็นพิเศษ เหล่านักตระเวนราตรีบางคนก็เกาะกลุ่มกันมาดูโชว์น่าตลกนี่กันจนแน่น
__กุ๊กไก่เห็นวัยรุ่นสามคนกระทืบชายอีกคนหนึ่งอย่างเมามันส์ พอบวกกับเสียงเชียร์จากคนดูและความคะนองนั่นยิ่งทำให้พวกมันฮึกเหิม แต่ฝ่ายชายหนุ่มก็ใช่ย่อย แม้จะมีอาการมึนเมาก็มีสติบล็อกจุดสำคัญของร่างกายได้ ...แต่ก็เป็นฝ่ายโดนกระทำอยู่ดี
__"ข่วยดีมั้ยนะ.." รูทเอ่ยทีเล่นที่จริง เขาดูนักเลงพวกนั้นอย่างผิดหวัง น่าจะหนักกว่านี้นะ
__"ไม่อยากเป็นพระเอกรึไงมิสเตอร์รูท?" เสียงหวานปนเซ็กซี่ดังกระซิบขึ้นมาข้างหูชายหนุ่ม กุ๊กไก่ขยับถอยห่างตามแรงดันของหญิงสาวคนนึง เจ้าหล่อนเป็นสาวสูงยาวดูเป็นลูกครึ่งเช่นเดียวกับรูท ใบหน้าหวานคมส่งสายตาเย้ายวนให้แต่กลับไม่ได้รับผลตอบรับเมื่อ 'พระเอก' ไม่คิดจะเล่นด้วยเท่าไหร่
__"มิสฮอยด์ คุณก็ว่าไป ผมใช่ซะที่ไหน..ให้เจ้าของตัวจริงเขามาจัดการซะดีกว่า"
__รูทขยับรอยยิ้ม เขาโอบเอากุ๊กไก่แทรกผ่านมิสฮอยด์เข้ามาใกล้ พร้อมยักคิ้วในมาดหนุ่มกวนให้ทีนึง "ยังไงข้างหน้านี้ก็เขตมิสเตอร์อดัม คุณสองคนสนิทกันหวังว่าน่าจะช่วยๆกันได้"
__"แล้งน้ำใจดีนะ" เสียงหวานของมิสฮอยด์บอก สายตาคมปลาบมองสบตากับกุ๊กไก่วูบเดียวก่อนจะเบิกขึ้นมาจ้องดวงตาดุอีกครั้ง "เลือกได้ไม่เลวนี่มิสเตอร์รูท"
__"ผมมันช่างเลือกอยู่แล้ว สำหรับผมต้องสิ่งที่ดีที่สุดเท่านั้น ฮะๆ" เขาหัวเราะในลำคอ
__กุ๊กไก่ไม่เข้าใจในบทสนทนาของทั้งคู่เท่าไหร่นัก คำพูดของระดับผู้บริหารนี่มันฟังดูวกวนสบสันชอบกล แถมแต่ละคำก็ส่อถึงนัยยะแปลกๆอีกด้วย
__ตอนนี้เธอไม่สามารถปลีกตัวไปไหนได้ เพราะเอวบางถูบรวบไว้ชิดแน่นกับแผงอกหนานุ่มของผู้จัดการหนุ่ม รูท คารอน ครั้นจะดันตัวออกก็โดนรัดแน่นขึ้น แม้พยายามจะทำอาการให้เหมือนว่าไม่พอใจแต่กลับเห็นรอยยิ้มสยองๆของเขาอีก สุดท้ายจึงต้องปล่อยเลยตามเลยดูนักเลงตีกันหน้าร้านตามน้ำ
__สถานการณ์เป็นไปตามปกติ เสียงคนดูประกอบกับเสียงเพลงที่เปิดมาตรงจังหวะเหมือนจงใจเพิ่มสีสีนให้มวยมันส์คู่นี้สนุกขึ้นไปอีก แปลกที่ไม่มีตำรวจสักนายผ่านมาเลย
__ผ่านไปไม่นานก่อนที่เรื่องจะเลยเถิดไปมากกว่านี้ มีกลุ่มชายห้าคนปรากฎตัวขึ้นจากในร้าน ชายสี่คนเเต่งกายในชุดทักซิโดสีดำขณะที่คนกลางกลับใส่เพียงเสื้อกล้ามกางเกงขาสั้นเท่านั้น ถึงจะดูง่ายแต่เครื่องประดับที่สวมอยู่กลับเลอค่าน่าจับตามอง แว่นดำยี่ห้อดังเลิกขึ้นเลิกน้อยอย่างหงุดหงิด เขาเดินตรงมาหารูทและฮอนด์อย่างเบื่อหน่าย
__"เขตนายมีแต่เรื่องทุกคืนเลยนะอดัม" มิสฮอยด์ทัก "หายหัวไปไหนมาตั้งนาน.."
__"คนพวกนี้ไม่เข็ดหลาบเลยจริงๆ ..ไฮมิสเตอร์รูท" มิสเตอร์อดัมพึมพำแล้วทักทายเพื่อนฝูง
__มิสเตอร์อดัม ฮีนเดอเรอ ชายหนุ่มชาวอเมริกันผู้คลั่งใคล้ในการชกมวย เขาเป็นชายหนุ่มที่เกิดมาในตระกูลค่อนข้างจนจากอเมริกา เด็กสลัมคนนึงที่ไม่ได้รับสิทธิ์ให้ศึกษาเนื่องจากไม่มีใครสามารถระบุสัญชาติเจ้าตัวได้ ทำให้เขาต้องผันตัวจากเด็กจนๆมาประกอบอาชีพนักมวยไต้ดิน
__ไหวพริบของอดัมในเวทีประลองนับว่าเป็นเลิศ เข้าสามารถวิเคราะห์ความสามารถและทิศทางของคู่ต่อสู้ได้เป็นอย่างดีเรียกได้ว่าเป็นปีศาจแห่งการชกมวยใต้ดินเลยก็ว่าได้ หากแต่ความรู้ในการบริหารของเขาช่างเล็กน้อยเหมือนสมองมดตัวหนึ่งเสียเหลือเกิน อดัมทุ่มเงินตัวเองครึ่งหนึ่งเพื่อซื้อหุ้นของผับ เจ้ากลายมาเป็นหนึ่งในผู้จัดการร้านฝ่ายรักษาความปลอดภัย กระนั้นแม้จะเป็นถึงผู้จัดการแต่เขาก็ยังคงต้องการคำแนะนำจากลูกน้องตัวเองอยู่เสมอ
__"ดูท่าทางคุณต้องทำอะไรสักอย่างแล้วล่ะมิสเตอร์อดัม" มิสฮอยด์กล่าวเสียงเรียบ นางเห็นหนึ่งในสามของวัยรุ่นงัดเอาอะไรบางอย่างออกมาจากกระเป๋ากางเกง มันคือมีดสั้นปลายแหล่ม
__มิสเตอร์อดัมกระดิกนิ้วเรียกการ์ดทั้งสี่มารับคำสั่งก่อนที่การ์ดจะบุกเข้าชาร์จตัววัยรุ่นสามคนกับชายหนุ่มอีกคนอย่างรวดเร็ว
__เหตุการณ์ผ่านไปเพียงไม่กี่อึดใจ จากความเร้าร้อนกลายมาเป็นน่าเบื่อ เรื่องราวทั้งหมดถูกเคลียร์ให้จบทันทีหลังจากผู้ก่อนเรื่องถูกจับไปตกลงกันในห้องรับแขกของบาร์ ณ จุดๆนี้กุ๊กไก่ถูกปล่อยตัวให้เป็นอิสระจากมิสเตอร์รูท
__เวลาผ่านมาถึงเที่ยงคืนตอนไหนไม่ทราบ หญิงสาวแอบตาลุกวาวเมื่อถึงเวลากลับ สาวเจ้าไม่รีรอที่จะลาเจ้านาย เธอตรงปรี่ไปที่ล็อบบี้ก่อนคว้าเอากระเป๋าเตรียมกลับบ้านไปเจอลูกน้อยทันที
__แสงสียามค่ำคืนนับว่าเป็นสิ่งเร้าสิ่งหนึ่งที่ทำให้สำนักของคนหมดลงไปเพัยงชั่ววูบ ครั้งเดียวที่ตัดสินใจพลาดอาจเป็นครั้งเดียวที่ส่งผลกระทบต่อชีวิต งานที่นี่ทำให้เธอรู้จักการใช้ชีวิตกลางคืน ความไม่ประมาทคือสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับมนุษย์ที่จะใช้มันในการดำรงชีวิตรอดบนโลกแห่งนี้
__คอนกลางวันกับตอนกลางคือมันต่างกานโดยสิ้นเธอ บทบาทของคนก็เปลี่ยนแปลงไปด้วยตามสภาวะเวลา กลางวันเธออาจเป็นทั้งนักศึกษาและคุณแม่ที่ดี เมื่อตกกลางคืนเธอก็ไม่ต่างอะไรกับคนเจ้าเล่ห์คนนึงที่หมายตาเงินทองมากมาย แต่ไม่ส่าจะด้วยบทบาทใดก็ตาม สิ่งที่จาดไม่ได้สำหรับเธอคือความดี มิสเตอร์รูท อาจเป็นเพื่อนและเจ้านายที่ดูง่ายๆไม่ซีเรียสกับใคร แต่ที่จริงนั้นหน้ากากที่ซ่อนอยู่ใต้หน้ากากอีกทีอาจจะเป็นอีกบทบาทหนึ่งที่ใครไม่สามารถเข้าถึงได้
__การทำงานกลางคืนเป็นเหมือนบทเรียนให้เธอได้เรียนรู้นิสัยที่แท้จริงของคน ความพอเพียงและความละโมบ หรือแม้แต่การใช้อารมณ์ที่อยู่เหนือเหตุผล
__ก็ยังเหมือนเดิม คืนนี้..ยังยาวนาน
คติของคุณแม่ :: บทบาทจองคนเราสามารถเปลี่ยนแปลงได้ตามสถานการณ์ ขึ้นอยู่กับว่าจะเปลี่ยนในช่วงเวลาไหนเท่านั้น
(เครดิต : กุ๊กไก่)
คำยืนยันของเจ้าของเรื่องสั้น
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ