อาถรรพ์คืนวันลอยกระทง

8.8

เขียนโดย Almond_Prince

วันที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558 เวลา 10.36 น.

  3 session
  32 วิจารณ์
  7,927 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2558 08.22 น. โดย เจ้าของเรื่องสั้น

แชร์เรื่องสั้น Share Share Share

 

3) “ป้าแดง”

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ขนาดตัวอักษร เล็ก กลาง ใหญ่ ใหญ่มาก
 
“ป้าแดง”
 
               แสงสีส้มของดวงตะวันในยามเย็นใกล้ลับขอบฟ้าไปแล้ว นกนานาชนิดทยอยบินกันกลับรังลังจากที่ไปอาหารกันมาทั้งวัน...ในที่สุดค่ำคืนที่ทุกคนรอคอยก็มาถึง...คืนวันลอยกระทง
 
               ผู้คนต่างเริ่มทยอยกันออกจากบ้านเพื่อไปงานเทศกาลตามสถานที่ต่างๆ บ้างก็ไปกันเป็นครอบครัว บ้างก็ไปกับเพื่อนหรือคนรัก...บ้างก็ไปคนเดียว
 
               แต่แน่นอน เมื่อมีคนที่รอคอย...มันก็ต้องมีคนที่ไม่ต้องการเช่นกัน!
 
               หญิงชรานั่งกอดเข่าอยู่ในมุมมืดของห้อง ตัวเธอสั่นระริกอย่างควบคุมไม่ได้ เหงื่อกาฬไหลรินทั้งๆที่มีลมเย็นพัดผ่านเข้ามาทางบานหน้าต่างที่เปิดทิ้งไว้
 
               “ได้โปรด...ขอร้อง...อย่ามายุ่งกับป้าเลย” ‘ป้าแดง’ ยกมืออันสั่นเทาของเธอขึ้นมาพนมไว้ ดวงตาเธอกลอกกลิ้งไปมามองสิ่งรอบข้างอย่างหวาดระแวง
 
               และแล้วสิ่งที่ปรากฏตรงหน้าก็ทำเอาดวงตาของหญิงชราแทบถลนออกมานอกเบ้า มืออันเหี่ยวย่นยกขึ้นลงราวกับคนสติแตก
 
               ร่างของนางรำนับสิบปรากฏตรงหน้าหญิงชรา ทุกตนมีลักษณะที่คล้ายคลึงกัน...ริมฝีปากที่แดงราวกับสีเลือด เส้นผมสีดำขลับยาวสลวยจนถึงกลางหลังตัดกับผิวพรรณอันขาวซีดของพวกนางเป็นอย่างดี
               “ป้าแดงมึงต้องหาตัวตายตัวแทนให้พวกกู ไม่งั้นมึงตาย!” ผีสาวตนหนึ่งตวาดลั่น เสียงนางชั่งแสบแก้วหูจนผู้รับฟังต้องเอามือมาปิดหูไว้
 
               “ขอร้อง...ไม่เอา อย่ามาบังคับป้าเลย ป้าไม่อยากทำบาป” น้ำใสๆไหลออกจากดวงตา...เธอทำบาปมามากพอแล้ว
 
               “ขอร้องๆ ไม่เอา ไม่อีกแล้ว...”
 
               “หรือมึงอยากตาย!”ป้าแดงสดุ้งโหยงทันทีที่เสียงสุดท้ายของเหล่านางรำดังขึ้นก่อนที่ร่างของพวกนางค่อยๆหายไป
 
               ป้าแดงยังตัวสั่นระริกไม่หยุด เธอไม่รู้จะทำยังไงดี ไม่อยากทำบาปไปมากกว่านี้แล้ว แต่ทั้งหมดนี้ก็ผิดที่เธอเอง...ถ้าครั้งแรกเธอไม่ทำ พวกวิญญาณเร่ร่อนคงไม่มาขอร้องป้าแดงอย่างนี้
 
               “ว้ากกก! ทำไงดี..ทำไงดี!” ป้าแดงแหกปากลั่นพลางใช้มืออันเหี่ยวย่นทุบไปที่พื้นไม้สักอย่างแรง เธอไม่สามารถควบคุมความสับสนที่เกิดขึ้นในจิตใจได้เลย แต่แน่นอนมนุษย์เราไม่ว่ายังไงก็ต้องรักชีวิตตัวเองมากกว่าชีวิตคนอื่นอยู่แล้ว ทำบาปนิดบาปหน่อยจะเป็นไรไป
 
               “ไม่...กูยังไม่อยากตาย ต้องทำ...ต้องทำ” ป้าแดงค่อยๆยันตัวขึ้นจากพื้นไม้สักเพื่อที่จะเดินด้วยท่าทางลุกลี้ลุกลนไปเปิดประตู แต่ยังไม่ทันที่เธอจะได้เปิดประตู ประตูบานนั้นกับเปิดขึ้นเองพร้อมกับร่างของชายหนุ่มวัยกลางคนผู้เป็นบุตรยืนจังก้าอยู่หน้าประตูทำเอาหญิงชราสดุ้งด้วยความตกใจ
 
               “เมื่อกี้แม่เป็นอะไรรึเปล่า เห็นร้องโวยวายอะไร ผมกะจะเข้าไปดูแล้วเนี่ย”
 
               “แม่ไม่ได้เป็นอะไร อย่ามายุ่งกับแม่” ป้าแดงกล่าวก่อนจะผลักร่างของผู้เป็นบุตรไปอีกทาง เธอเดินไปหยิบอะไรบางอย่างในเก๊ะห้องครัวแล้วรีบตรงดิ่งไปยังสวนหลังบ้าน
 
               “แม่! กลับมาคุยกันก่อนสิ” ชายหนุ่มตะโกนเรียกผู้เป็นแม่ แต่ไม่มีทีท่าที่เธอจะหันกลับมาคุยด้วยเลย ชายหนุ่มเลยตัดสินจะเดินตามไปแต่แล้วก็มีอะไรบางอย่างมาเบี่ยงเบียนความสนใจเขาไป
 
               “นั่นใครน่ะ” ชายหนุ่มร่างใหญ่เพ่งมองหญิงสาวในชุดไทยตรงหน้า แต่ไม่มีเสียงตอบจากหญิงสาวคนนั้นเลย
 
               “เข้ามาได้ยังไง ออกไปนะ” ชายหนุ่มขมวดคิ้วเดินเข้าไปจับไหล่หญิงสาวตนนั้นให้หันมาแต่ตัวเธอกับแข็งทื่อไม่ขยับแม้แต่นิดเดียว
 
               “นี่คุณ ไม่งั้นผมจะแจ้งตำรวจนะ” ชายหนุ่มจัดการควักโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋าปางเกงยีนส์แต่ทว่าภาพตรงหน้าทำให้โทรศัพท์มือถือที่อยู่ในมือร่วงหล่นไปเสียก่อน ชายหนุ่มเข่าอ่อนลงไปกองกับพื้นอย่างไม่ทันตั้งตัวล
 
               “อย่ามายุ่งกับกู!” ผีสาวหันมาตวาดลั่น ใบหน้าของเธออาบไปด้วยเลือดสีแดงสดพร้อมรอยยิ้มที่ฉีกถึงใบหู
 
               “ว้ากกกกก! ผี!”
 
...
 
               ป้าแดงเดินลัดเลาะตามสวนไทยเดิมไปยังต้นกล้วยต้นหนึ่ง สภาพมันช่างน่าขลังราวกับว่ามันมีอายุมานาน เธอจ้องมันสักพักก่อนจะใช้กรรไกรตัดหญ้าที่อยู่ในมือตัดใบตองออกมาแทบจะหมดต้น...ต้องรีบแล้ว
 
               ฉึบ...ฉึบ
 
               สิ่งที่เธอต้องทำตอนนี้คือ...กระทง
 
               เมื่อได้จำนวนที่ต้องการ หญิงชราก็รีบหอบใบตองเหล่านั้นด้วยท่าทางทุลักทุเลเข้าไปในห้องของตนก่อนจะนั่งลงแล้วจัดการใช้กรรไกรตัดใบตองออกเป็นช่อๆแล้วพับมันคล้ายกลีบผกา
 
               เหงื่อกาฬแตกพลั่กๆทั้งๆที่หน้าต่างยังคงเปิดไว้เพื่อระบายความร้อน ณ บัดนี้ดวงจันทร์เต็มดวงได้ขึ้นมาแทนที่ดวงอาทิตย์เป็นที่เรียบร้อย...ต้องรีบแล้ว
 
               หลังจากที่ป้าแดงพับมันได้จำนวนที่ต้องการ เธอก็เดินไปหยิบแผ่นโฟมในถุงพลาสติกรูปวงกลมใบใหญ่ที่มุมห้อง เหมือนกับว่ามันเป็นของเหลือจากปีที่แล้วก็ว่าได้
 
               หญิงชราจัดการใช้เข็มหมุดปักกลีบผกาเหล่านั้นรอบๆแผ่นโฟม หลังจากนั้นก็ยัดแผ่นโฟมเหล่านั้นเข้าถุงใบใหญ่ไปอีกครั้งแล้วตรงดิ่งออกไปหน้าบ้าน
 
               ป้าแดงหยิบกุญแจรถออกมาเปิดล็อกรถกระบะบรอนซ์เงิน โยนถุงใบใหญ่เข้าไปหลังรถแล้วเข้าไปนั่งประจำที่คนขับ เธอรู้สึกเหมือนทุกอย่างผ่านไปไวมากจริงๆ...
 
               หญิงชรานั่งถอนหายใจอยู่สักพัก พยายามตั้งสติให้มั่นก่อนจะบิดกุญแจสตาร์ตรถ...เดี๋ยวค่อยไปซื้อดอกไม้ธูปเทียนเอาแถวนั้นก็ได้
 
...
 
               ...วันเพ็ญเดือนสิบสอง น้ำนองเต็มตลิ่ง...
               ...เราทั้งหลายชายหญิง...
               ...สนุกกันจริง วันลอยกระทง...
               ...ลอย ลอยกระทง ลอย ลอยกระทง...
               ...ลอยกระทงกันแล้ว...
               ...ขอเชิญน้องแก้วออกมารำวง...
               ...รำวงวันลอยกระทง รำวงวันลอยกระทง...
               ...บุญจะส่งให้เราสุขใจ บุญจะส่งให้เราสุขใจ...
 
               แสงจันทร์เต็มดวงสาดส่องลงมากระทบกับผืนน้ำเป็นประกายระยิบระยับน่าหลงใหล กระทงหลายใบหลากสีสันไหลไปตามสายธาร เทียมที่ปักอยู่ส่องแสงสว่างจ้าไปทั่วทั้งบริเวณ...ดูแล้วช่างตระการตาเสียจริง
 
               เพลงลอยกระทงถูกเปิดคลอในงานเทศกาลเบาๆ ลักษณะงานคล้ายคึงกับงานวัด มีชิงช้าสวรรค์ที่ตกแต่งด้วยหลอดไฟฟลูออกเรสเซนต์หลากสีสัน รอบๆงานมีร้านขายขนมโบราณนานาชนิดอยู่ทั่วบริเวณ ผู้คนอัดแน่นกันเต็มถนน และที่สำคัญที่ขาดไม่ได้ในงานเทศกาลแบบนี้คือ...ร้านขายกระทง
 
               ป้าแดงเดินหอบโต๊ะอลูมิเนียมแบบพับเก็บได้กับถุงพลาสติกใบใหญ่ไปตามท้องถนนที่อัดแน่นไปด้วยผู้คน การที่จะหาทำเลในการขายของไม่ใช่เรื่องง่ายในงานเทศกาลแบบนี้เพราะต่างคนก็รีบมาหาจองที่กันไปหมดแล้ว
 
               แต่แล้วสายตาของหญิงชราก็เหลือบไปเห็นช่องว่างแคบๆระหว่างร่านขายขนมโบราณเจ้าใหญ่ทั้งสองร้าน...ตรงนั้นแหละ เหมาะที่สุด!
 
               ป้าแดงเดินแหวกผู้คนไปยังจุดหมายอย่างทุลักทุเล หญิงชราจัดการกางโต๊ะอลูมิเนียมออกตั้งแล้ววางถุงพลาสติกใบใหญ่ลงพร้อมกับเสียงถอนหายใจเฮือกใหญ่ของเธอ “เห้อ! เหนื่อย!”
 
               ผู้คนที่กำลังต่อแถวซื้อขนมร้านทั้งสองข้างนั้นหันมามองหญิงชราด้วยสายตาแปลกๆ แต่ป้าแดงก็ไม่สน จู่ๆเธอก็ไปโขมยเก้าอี้พลาสติกของร้านขายขนมมานั่งเฉย
 
               เจ้าของร้านไม่ว่าอะไรเพราะใครๆในย่านนี้ก็รู้ว่า...ป้าแดงจิตไม่ปกติ!
 
               หญิงชราค่อยๆหยิบกระทงที่ประดับไปด้วยดอกไม้และธูปเทียนออกมาเรียงรายบนโต๊ะอลูมิเนียมอย่างไม่เป็นระเบียบมากนัก
 
               ป้าแดงหันซ้ายหันขวาเพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีใครกำลังมองเธออยู่แล้วจัดการควักเอาเศษฟันกราม เส้นผม และผงอะไรบางอย่างในถุงพลาสติกยัดเข้าไปในตัวกระทง หญิงชรายกมือพนมแล้วพึมพำอะไรบางอย่างพร้อมกับรอยแสยะยิ้มที่ผุดขึ้นบนใบหน้าอันเหี่ยวย่น!
 
               “กระทงใบละยี่สิบจ้ะ ยายทำเองเลยนะ” หญิงชราเอ่ยก่อนจะหยิบพัดสานออกมาจากถุงใบใหญ่เพื่อนำมาระบายความร้อน
 
               ทันทีที่สิ้นสุดเสียงของหญิงชรา ตรงหน้าก็ปรากฎร่างของหญิงสาวในชุดนักศึกษาที่กำลังมุ่งตรงเข้ามาตามเสียงของเธอ...เหยื่อรายแรก!
 
               ป้าแดงไม่เสียเวลา เธอรีบเอ่ยทักทันทีเพราะกลัวจะเสียเหยื่อไป “แม่หนูสนใจกระทงยายมั้ย ยี่สิบบาทเอง”
 
               กระทงใบตองสิบกว่าใบเรียงรายกันอยู่บมโต๊ะอลูมิเนียมเล็กๆ ทั้งหมดมีลักษณะเหมือนกัน รอบตัวกระทงพับใบตองเป็นแบบกลีบผกา ภายในตกแต่งด้วยดอกบานไม่รู้โรยและดอกดาวเรือง มีธูปปักอยู่สามดอกและเทียนอีกหนึ่งเล่ม
 
               “เอาใบนึงค่ะยาย” แววหยิบกระเป๋าสตางค์ออกมาจากเป้สะพายหลังก่อนจะควักแบงค์ยี่สิบออกมาส่งให้ป้าแดงแล้วเลือกดูกระทงที่เรียบร้อยที่สุด
 
               ป้าแดงรับไว้ด้วยความยินดีก่อนจะยัดมันลงกระเป๋าเสื้อ แต่เมื่อว่าเห็นว่าแววยังเลือกกระทงไม่ได้สักที หญิงชราก็จ้องเขม็ง...รีบๆเลือกสักทีสิ!
 
               เหมือนแววจะรู้ตัว หญิงสาวเลือกหยิบกระทงมาหนึ่งใบแล้วตั้งท่าจะเดินจากไปแต่ก็ต้องหยุดชงักเมื่อได้ยินเสียงพูดของป้าแดง
 
               “นี่หนู ระวังตัวด้วยนะ” แววหันมาส่งยิ้มเจื่อนๆให้ป้าแดง พยักหน้าเป็นเชิงรับรู้ ก่อนจะรีบเดินจากไป
 
               เมื่อเห็นว่าหญิงสาวเดินลับสายตาไปแล้ว ป้าแดงก็ขยับพัดสานที่อยู่ในมือไปมาเพื่อระบายความร้อน เธอแอบแสยะสิ้มเล็กๆ...เหยื่อรายที่สองมาแล้ว
 
               ป้าแดงส่งยิ้มให้กับหญิงสาวร่างเล็กที่กำลังวุ่นวายกับโทรศัพท์อยู่ตรงหน้าอย่างเป็นมิตร “สนใจมั้ยจ้ะ ยี่สิบบาทเอง”
 
               น้ำหันมาส่งยิ้มให้หญิงชราเจื่อนๆก่อนจะบอกลาปลายสาย “งั้นแค่นี้ก่อนนะแกไว้คุยต่อ” หญิงสาวร่างเล็กเก็บโทรศัพท์เข้ากระเป๋าแล้วเดินเข้าไปหาหญิงชรา
 
               “เอาใบนึงแล้วกันค่ะ”
 
...
 
               เวลาล่วงเลยไปจนค่ำมืด ร้านขายของต่างเริ่มกับกันเก็บข้าวเก็บของเพื่อที่จะกลับบ้าน งานเทศกาลใกล้จะจบลงแล้วแต่หญิงชราก็ยังขายกระทงไม่หมด ป้าแดงขยับพัดสานในมือให้เร็วขึ้นเนื่องจากเหงื่อที่ไหลออกมามาก ใจเธอสั่นรัว กลัวว่าถ้าขายไม่หมด เธอจะเป็นยังไง
 
               เสียงกัดฟันดัง กึก...กึก ไปทั่วบริเวณ ทำไงดี ทำไงดี...ทำไงดี!!! ยังไม่อยากตาย!
 
               “นี่ๆหนู ช่วยซื้อกระทงป้าหน่อยสิ” ป้าแดงหันไปถามหญิงสาวรุ่นลูกเจ้าของร้านขนมที่กำลังเก็บข้าวเก็บของอยู่
 
               “ไม่อะค่ะป้า” หญิงสาวพูดด้วยน้ำเสียงที่เย็นชาแล้วจัดการเก็บข้าวของต่อไป
 
               “ซื้อหน่อยนะ” ป้าแดงเดินเข้าไปกุมมือหญิงสาวเพื่อหวังให้เธอเห็นใจ แต่หญิงสาวสบัดมือของป้าแดงออกจนร่างอันเหี่ยวย่นล้มลงไปกระแทกกับฟุตบาทอย่างแรง หญิงสาวไม่สนใจอะไร เธอเดินสะบัดก้นหนีไปอีกทาง
 
               “อะ...โอย” ป้าแดงลูบสะโพกของตนก่อนจะค่อยๆยันตัวขึ้นด้วยความเจ็บปวด คิดเจ็บใจนัก แต่แล้วจู่ๆหญิงชราก็สัมผัสได้ถึงอะไรบางอย่าง
 
               ร่างของวิญญาณนางรำปรากฎขึ้นด้านลังป้าแดง! หญิงชราไม่จำเป็นต้องหันไปมองก็รับรู้ถึงไอเย็นยะเยือกจากตัวพวกนาง
 
               “เมื่อไหร่กูจะได้ไปเกิด ป้าแดง! มึงมัวทำอะไรอยู่!” หญิงชราตัวสั่นระริกไม่กล้าหันไปมองภาพข้างหลัง เธอได่แต่เพียงพนมมือยกขึ้นยกลงอย่างสติแตกแล้วจู่ๆไอเย็นเหล่านั้นก็หายไป
 
               ต้องรีบแล้ว ต้องรีบแล้ว!
 
               “นี่หนูช่วยซื้อกระทงยายหน่อยนะ” ป้าแดงล้มลุกคุกคลานไปขอร้องเด็กหนุ่มวัยสิบกว่าขวบที่เดินผ่านตรงหน้า เธอลงไปคุกเข่ายกมืออันสั่นระริกขึ้นมาพนมไว้
 
               “ไม่อะยาย ผมจะกลับบ้านแล้ว” เด็กหนุ่มตอบปฏิเสธแล้วทำท่าจะเดินจากไป แต่ป้าแดงคว้าข้อเท้าเขาไว้เสียก่อน
 
               “นะซื้อหน่อยนะ ยายขอร้อง” ป้าแดงก้มลงไปกราบแทบเท้าของเด็กหนุ่ม...ไม่สนแล้วศักดิ์ศรี ต้องรอดให้ได้ ไม่อยากตาย ไม่อยากตาย!
 
               “ก็บอกว่าไม่ซื้อไงยาย!” เด็กหนุ่มเตะเสยหน้าหญิงชราจนเลือดกลบปากกลิ้งไปอีกทาง เมื่อเขาเห็นดังนั้นจึงรีบวิ่งหนีไป
 
               ป้าแดงได้แต่นอนจับแผลของตนเองอยู่กลางถนนที่มีผู้คนแค่น้อยนิด เธอทอดมองขึ้นไปบนท้องฟ้ายามค่ำคืนที่เต็มไปด้วยดวงดาวนับล้านสว่างไสวอยู่ล้อมรอบดวงจันทร์เต็มดวง
 
               ต้องจบแบบนี้จริงหรอ...ไม่อยากให้จบแบบนี้เลย
 
               น้ำตาค่อยๆไหลรินออกมาจากดวงตาของป้าแดง ผู้คนที่เดินผ่านละแวกนั้นต่างไม่กล้าเข้าใกล้หญิงชราตนนี้...ไม่! ให้จบแบบนี้ไม่ได้!
 
               วิญญาณนางรำปรากฎขึ้นตรงหน้าอีกครั้งพร้อมกับรอยแสยะยิ้มที่ฉีไปถึงใบหู
 
               “มึงหาตัวตายแทนให้กูไม่ได้ เพราะฉะนั้น มึงก็ต้องมาเป็นตัวตายตัวแทนให้กู!” ผีสาวถลึงตาดวงเดียวที่เหลืออยู่แทบจะถลนออกมานอกเบ้า มีเพียงเนื้อเยื้อเส้นบางๆเท่านั้นที่คอยรั้งมันไว้
 
               “ไม่! กูไม่เป็นให้มึง!” เมื่อพูดจบ ป้าแดงตั้งท่าจะวิ่งหนีสุดชีวิตแต่แล้วเธอกลับถูกผีสาวคว้าข้อเท้าไว้จนหญิงชราล้มหน้าฟาดพื้น
 
               “กรี้ดดดด!!!” เศษฟันหักปักอยู่กับพื้นซีเมนต์เลือดสีแดงสดไหลทลักออกมาจำนวนมาก ใบหน้าครูดไปกับพื้นจนเป็นแผลเหวอะ
 
               “ไอ้แดง! มึงอย่ามาขึ้นเสียงกับกู ตายซะเถอะ!” ผีสาวจับร่างของหญิงชราหงายขึ้นแล้วบีบคออย่างแรง
 
               “อะ...อ้อก” ป้าแดงตาเหลือกขึ้นไปอัตโนมัติราวกับมีคนกดรีโมตสั่ง หญิงชราตัวหงิกงอเนื่องจากขาดอากาศหายใจ ภาพตรงหน้าค่อยๆพร่าเบลอแล้วดับลงในที่สุด...
 
               วัฏจักรเวียนว่ายตายเกิดไม่จบสิ้น!
 
...
 
จบไปแล้วกับตอน “ป้าแดง” นะครับ เม้นเป็นกำลังใจนักเขียนตัวน้อยๆคนนี้ด้วยนะครับ
อ่านแล้วรู้สึกยังไง คอมเม้นกันมาได้เลยน้า
 
ความเชื่อใจเป็นบ่อเกิดแห่งความตาย!
Almond_Prince
.
.
.
...มหกรรมความตายครั้งนี้ยังไม่จบ ติดตามบทสรุปสุดท้ายของเรื่อง ที่จะมาบอกคุณว่า...
...ความเชื่อใจนั้น เป็นบ่อเกิดแห่งความตาย!...
“ฟ้า”
 

 

คำยืนยันของเจ้าของเรื่องสั้น

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8.5 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8.8 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9.1 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา