อาถรรพ์คืนวันลอยกระทง
เขียนโดย Almond_Prince
วันที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558 เวลา 10.36 น.
แก้ไขเมื่อ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2558 08.22 น. โดย เจ้าของเรื่องสั้น
2) “แวว”
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
“แวว”
...วันเพ็ญเดือนสิบสอง น้ำนองเต็มตลิ่ง...
...เราทั้งหลายชายหญิง...
...สนุกกันจริง วันลอยกระทง...
...ลอย ลอยกระทง ลอย ลอยกระทง...
...ลอยกระทงกันแล้ว...
...ขอเชิญน้องแก้วออกมารำวง...
...รำวงวันลอยกระทง รำวงวันลอยกระทง...
...บุญจะส่งให้เราสุขใจ บุญจะส่งให้เราสุขใจ...
แสงจันทร์เต็มดวงสาดส่องลงมากระทบกับผืนน้ำเป็นประกายระยิบระยับน่าหลงใหล กระทงหลายใบหลากสีสันไหลไปตามสายธาร เทียมที่ปักอยู่ส่องแสงสว่างจ้าไปทั่วทั้งบริเวณ...ดูแล้วช่างตระการตาเสียจริง
เพลงลอยกระทงถูกเปิดคลอในงานเทศกาลเบาๆ ลักษณะงานคล้ายคึงกับงานวัด มีชิงช้าสวรรค์ที่ตกแต่งด้วยหลอดไฟฟลูออกเรสเซนต์หลากสีสัน รอบๆงานมีร้านขายขนมโบราณนานาชนิดอยู่ทั่วบริเวณ ผู้คนอัดแน่นกันเต็มถนน และที่สำคัญที่ขาดไม่ได้ในงานเทศกาลแบบนี้คือ...ร้านขายกระทง
‘แวว’ หญิงสาวในชุดนักศึกษาเดินเบียดเสียดผู้คนไปตามท้องถนนเพื่อไปหาซื้อกระทงที่จะนำไปลอย ผิวที่ซีดจัดราวกับหิมะของเธอนั้นทำให้หญิงสาวดูโดดเด่นขึ้นมายามที่แสงไฟสีต่างๆจากหลอดฟลูออเรสเซนต์มากระทบ
“กระทงใบละยี่สิบจ้ะ ยายทำเองเลยนะ” แววหูผึ่งทันทีที่ได้ยินเสียงของหญิงชราตนหนึ่ง...ใบละยี่สิบบาทไม่ใช่จะหากันง่ายๆสมัยนี้! โชคดีจริงๆ
เป็นเรื่องปกติของสาวๆที่เมื่อเวลาเห็นของถูกหูตาก็จะแวววาวเป็นพิเศษ หญิงสาวรีบเดินแหวกผู้คนเข้าไปข้างทางทันที โต๊ะอลูมิเนียมเล็กๆแบบพับเก็บได้ตั้งตระหง่าอยู่ระหว่างร้านขายขนมทั้งสองข้าง
‘ป้าแดง’ หญิงชราสวมเสื้อลายกล้วยไม้สีม่วงกับโจงกระเบนสีฟ้าที่กำลังนั่งพัดตนเองด้วยพัดสานอยู่บนเก้าอี้พลาสติกรีบเอ่ยทักหญิงสาวทันทีที่เห็นเธอเดินใกล้เข้ามา “แม่หนูสนใจกระทงยายมั้ย ยี่สิบบาทเอง”
ทำไมจะไม่สน เป็นใคร...ใครก็สน!
กระทงใบตองสิบกว่าใบเรียงรายกันอยู่บมโต๊ะอลูมิเนียมเล็กๆ ทั้งหมดมีลักษณะเหมือนกัน รอบตัวกระทงพับใบตองเป็นแบบกลีบผกา ภายในตกแต่งด้วยดอกบานไม่รู้โรยและดอกดาวเรือง มีธูปปักอยู่สามดอกและเทียนอีกหนึ่งเล่ม
“เอาใบนึงค่ะยาย” หญิงสาวเอ่ยพลางหยิบกระเป๋าสตางค์ออกมาจากเป้สะพายหลังแล้วควักแบงค์ยี่สิบออกมาส่งให้ป้าแดง ไม่รู้แววรู้สึกไปเองรึเปล่า แต่เหมือนว่ากระทงเหล่านั้นกำลังเรียกเธออยู่..เลือกฉันสิ..เลือกฉัน
ป้าแดงจ้องหน้าแววด้วยสายตาแปลกๆจนหญิงสาวทำตัวไม่ถูก เธอจึงรีบเลือกกระทงที่ดูเรียบร้อยที่สุดแล้วกำลังจะเดินจากไปแต่แล้วเธอก็หยุดชะงักเมื่อได้ยินคำพูดของหญิงชรา
“นี่หนู ระวังตัวด้วยนะ” หญิงสาวหันมาส่งยิ้มเจื่อนๆให้ พยักหน้าเป็นเชิงรับรู้ แต่พอหันกลับมาเธอก็ชักสีหน้าไม่พอใจ...อีแก่นี่ท่าจะเพี้ยน อยู่ดีๆมาบอกให้ระวังตัว
เมื่อเห็นว่าหญิงสาวเดินลับสายตาไปแล้ว ป้าแดงก็ขยับพัดสานที่อยู่ในมือไปมาเพื่อระบายความร้อน เธอแอบแสยะยิ้มเล็กๆ...ขอให้โชคดีนะสาวน้อย
แววเดินถือกระทงมาถึงริมแม่น้ำในที่สุด ระหว่างที่เธอเดินถือกระทงมานั้น เธอรู้สึกได้ถึงความเย็นยะเยือกที่ผิดปกติของอากาศรอบตัว แถมยังรู้สึกเหมือนมีคนเดินตามหลังมาอีก แต่หญิงสาวก็พยายามสลัดความคิดพวกนั้นออกไป...สวยก็ไม่สวย ของมีค่าก็ไม่มี จะมาปล้นก็ไม่ได้อะไรกลับไปหรอกย่ะ!
แววจัดการจุดธูปเทียนด้วยไฟแช็กที่พกมาแล้วค่อยๆหย่อนกระทงใบเล็กลงไปในแม่น้ำใหญ่ใจกลางเมืองกรุง
เธอระวังตัวเป็นพิเศษตอนหย่อนกระทงลงแม่น้ำ เพราะงานลอยกระทงปีที่แล้ว มีข่าวหญิงสาวคนหนึ่งตกน้ำตอนที่กำลังหย่อนกระทง เมื่อผู้คนเห็นดังนั้นก็รีบถอยห่าง ไม่มีใครลงไปช่วยหญิงสาวคนสักคน...เห็นแก่ตัว!
แววเห็นข่าวแล้วก็อดสงสารหญิงสาวคนนั้นไม่ได้ ไม่มีใครหาศพของเธอเจอ เธอคงจะตายตาไม่หลับและคงไม่ได้ไปผุดไปเกิดเพราะยังไม่ถึงฆาต ไม่เข้าใจว่าทำไมคนสมัยนี้เห็นแก่ตัวกันจัง ถ้าเป็นเธอ..เธอจะรีบลงไปช่วยเลย
แววเฝ้าดูกระทงของตัวเองพร้อมตั้งจิตอธิฐานให้ตัวเอง...ขอให้ข้าพเจ้ามีแต่ความสุขตลอดปี การเรียนดี เจอเนื้อคู่ในเร็ววัน และขอให้ดวงวิญญาณทุกตนที่สิงสถิตที่นี่ได้ไปผุดไปเกิดในเร็ววันด้วยเถิด...สาธุ!
การที่เราให้ชีวิตใหม่นั้น ถือว่าเป็นอันสูงส่ง หวังว่าดวงวิญญาณที่ยังไม่ถึงฆาตเหล่านั้นได้ไปผุดไปเกิดตามคำอธิฐานของเธอ
แววเฝ้าดูกระทงของเธอแหวกว่ายไปตามสายธาร รอยยิ้มผุดขึ้นบนใบหน้า...รู้สึกเหมือนได้เกิดใหม่เลย
แต่แล้วสิ่งที่แววเห็นตรงหน้าทำให้เธอถึงกับหน้าถอดสีเนื่องจากอุณหภูมิในร่างกายที่ลดลง เหมือนว่าพระเจ้าจะไม่รับฟังคำอธิฐานของแวว...กระทงเธอคว่ำ!
หญิงสาวใจหายวาบ โบราณกล่าวว่ามันเป็นลางไม่ดีถ้ากระทงคว่ำ แต่แววก็พยายามไม่คิดอะไร เธอถอนหายใจเข้าออกช้าๆเพื่อสงบสติอารมณ์แล้วคิดว่ามันไม่มีอะไร...เดี๋ยวนี้ไม่มีใครเชื่อเรื่องโบราณกันแล้ว
ในขณะที่เธอกำลังจะกลับนั้น ไม่รู้มีอะไรดลบันดาลให้สายตาของแววก็ไปสดุดกับหญิงสาวใส่ชุดไทยศิวาลัยตนหนึ่งที่นั่งยองๆอยู่ที่ริมขอบแม่น้ำ เธอนั่งกอดเข้าโยกเยกไปมาราวกับคนบ้า
เธอเดินเข้าไปทักหญิงสาวตนนั้นด้วยความเป็นห่วง ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าจะเข้าไปทักคนบ้าทำไม รู้สึกเหมือนมีอะไรดึงดูดให้เธอเดินเข้าหาโดยปริยาย “นี่คุณ มานั่งทำอะไรตรงนี้คะ เดี๋ยวก็ตกลงไปหรอก”
ด้วยน้ำเสียงเอ่ยทักของแววทำเอาหญิงสาวหลุดจากภวังค์ทันที เธอค่อยๆหันมาสบตาแววแล้วตอบ
“เป็นห่วงฉันด้วยหรอ...”
“ก็ต้องเป็นห่วงสิคะ ไปนั่งที่อื่นเถอะค่ะ อย่ามานั่งแถวนี้เลย”
อีกฝ่ายจ้องหน้าเขม็ง ใบหน้านิ่งเฉยราวกับว่าไม่ได้รับรู้อะไรทั้งนั้น เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายไม่พูดอะไรด้วย แววก็ค่อยๆละสายตาจากหญิงสาวตรงหน้า กระชับกระเป๋าสะภายหลังให้แน่นก่อนที่เดินออกไป แต่เธอก็หยุดชงักเมื่อได้ยินน้ำเสียงของอีกฝ่ายเอ่ยขึ้นอย่างไม่ทันตั้งตัว
“แม่น้ำสวยดีนะ” หญิงสาวในชุดไทยศิวาลัยเอ่ยพลางทอดสายตามองไปยังแม่น้ำเบื้องหน้าที่บัดนี้ส่องสว่างไปด้วยแสงเทียนจากกระทงนับพัน...และสวยขึ้นไปอีกเมื่อกระทบกับแสงจันทร์เต็มดวง
“อะ..อ่อค่ะ สวยดี” แววมองตามออกไปเช่นกัน
“อยากไปอยู่มั้ย” หญิงสาวในชุดไทยศิวาลัยเอ่ยขึ้นลอยๆในขณะที่สายตายังจับจ้องไปบนผืนน้ำ
“ไม่หรอกค่ะ อยู่แบบนี้แหละดีแล้ว” แววหัวเราะแห้งๆ...ถามแปลกจริง ให้ไปอยู่ในน้ำเนี่ยนะ ยัยนี่ท่าจะบ้าจริงๆ ไม่น่าเสียเวลามาคุยด้วยตั้งแต่แรก
“งั้นหรอ...”
ตู้ม!
ทันทีที่สิ้นสุดเสียงของหญิงสาวในชุดไทย ร่างของเธอก็เอนตกลงแม่น้ำไป ส่งผลให้น้ำสาดกระเซ็นไปทั่วบริเวณ แววตาเบิกโพลงก้วยความตกใจ แล้วรีบร้องขอความช่วยเหลือ
“ช่วยด้วย! ใครก็ได้ช่วยที มีคนตกน้ำค่ะ!” แววตะโกนสุดเสียงแต่ทว่าคนแถวนั้นกลับถอยห่าง ไม่มีใครกล้าเข้าใกล้เธอเลยแม้แต่คนเดียว...เห็นแก่ตัวกันทั้งนั้น!
แววไม่มีทางเลือก เธอถอดกระเป๋าสะภายหลังออกแล้วรีบกระโดดน้ำตามลงไป
ใต้ผืนน้ำต่างจากพื้นผิวลี้ลับ ทั้งหนาว ทั้งมืด ไม่มีแสงไฟส่องทะลุเข้ามา แววพยายามลืมตาในน้ำแล้วกวาดสายตามองไปรอบๆ...ไม่มี! ไม่มีร่างของหญิงสาวตนนั้นเลย
แต่แล้วจู่ๆก็มีบางอย่างมาสัมผัสข้อเท้าของเธอ มันเย็นเฉียบ! แววรีบก้มลงไปดูก็พบกับหญิงสาวในชุดไทยศิวาลัยในสภาพที่บวมอึด ชุดไทยที่สวมใส่อยู่แทบจะปริขาด พร้อมกับรอยยิ้มที่แสยะให้อย่างน่ารังเกียจ
แววตะเกียกตะกาย อากาศที่เหลืออยู่ในร่างกายน้อยเต็มที พยายามจะสลัดขาให้หลุดจากพันธนาการ แต่มันก็ไม่เป็นผล มิหน่ำซ้ำมืออันเน่าเปื่อยของผีสาวยังรัดแน่นขึ้นด้วย!
ช่วยด้วย ใครก็ได้ช่วยที!
“กูรอเวลานี้มานานแล้ว มาเป็นตัวตายตัวแทนกูเถอะ!” สิ้นสุดเสียง ผีสาวก็ลากร่างของแววลงไปสู่เบื้องล่าง...ดวงตาของแววเบิกโพลงขึ้นก่อนที่ทุกอย่างจะมืดสนิท ไม่มีแม้แต่เสียงกรีดร้องเล็ดรอดออกมาจากริมฝีปากอันขาวซีดของเธอ...
ไม่นะ...ยังไม่อยากตายเลย
...
“นี่ๆ เธอ มีข่าวคนตกน้ำในวันลอยกระทงอีกแล้วอะแก ไม่มีการรักษาความปลอดภัย เห็นอย่างงี้ไม่อยากไปลอยกระทงเลย” ‘น้ำ’ หญิงสาวร่างเล็กเอ่ยก่อนที่ตักข้าวผัดกระเพราข้าวปากแล้วเคี้ยวตุ้ยๆ
“เห็นว่ากันว่ามันไม่ใช่อุบัติเหตุหรอกแก” เพื่อนสาวที่มีนามว่า ‘ฟ้า’ ตอบก่อนจะรวบช้อนซ่อมในจานตรงหน้า
“เอ๋ งั้นมันเป็นฆาตกรรมหรอ” หญิงสาวร่างเล็กเลิกคิ้วสูง
“ไม่ใช่ๆ เห็นเขาบอกกันมานะว่างานวันลอยกระทงของทุกๆปีน่ะ จะมีญิงชราตนนึงมาขายกระทง ซึ่งในกระทงเหล่านั้นจะมีพวกวิญญาณเร่ร่อนที่ยังไม่ถึงฆาตสิงสถิตอยู่ ถ้าใครซื้อไปก็ต้องไปเป็นตัวตายแทนของพวกมัน” ฟ้าเล่าอย่างออกรสออกชาติ ทำเอาคนฟังถึงกับหวาดผวา
“พูดอะไรบ้าๆน่ะ”
“ไม่ได้บ้า หญิงชราตนนั้นน่ะเห็นว่าเป็นหมอผีเก่าย่านๆนั้นแหละ นางจะช่วยเหลือพวกวิญญาณเร่ร่อนให้ได้ไปผุดไปเกิดโดยการหาตัวตายตัวแทนให้ พวกคนแถวนั้นเลยบอกต่อๆกันว่า ถ้ามีคนตกน้ำอย่าลงไปช่วย เพราะไม่งั้นอาจจะได้กลายไปเป็นตัวตายตัวแทนแทนผู้ถือกระทง”
“แล้วทำไมผีไม่ไปหาตัวตายตัวแทนเองล่ะ ทำไมต้องมาสิงอยู่ในกระทงเหล่านั้น”
“ก็คนปกติจจะไม่สามารถสื่อสารกับพวกวิญญาณ นอกจากพวกที่สามารถรับรู้คลื่นความถี่ได้มากกว่าคนปกติทั่วไป ก็เลยจำเป็นต้องมีสื่อกลางในการติดต่อสื่อสารกันน่ะสิ มันจะได้ง่ายขึ้น”
“โหย ขนลุกอะ แล้วอย่างงี้หญิงแก่คนนั้นจะได้บุญหรือบาปล่ะ” ฟ้ายกขวดน้ำขึ้นมากระดกก่อนจะพูดต่อ
“ไม่รู้สิ ช่วยเหลือคนให้ได้ไปผุดไปเกิดก็ดีเหมือนกันนะ แต่ถ้าต้องแลกด้วยชีวิตคนอื่นฉันก็ไม่เอาด้วยหรอก”
“งั้นหรอ...” น้ำตักข้าวอีกคำเข้าปากก่อนจะขมวดคิ้วครุ่นคิดอะไรบางอย่าง
“จะว่าไปฉันก็เมื่อวานฉันก็ไปซื้อกระทงจากหญิงชรามาเหมือนกันนะ ไม่รู้จะใช่คนเดียวกันกับที่เธอเล่ารึเปล่า” แล้วจู่ๆดวงตาของฟ้าก็เบิกโพลงขึ้นราวกับว่ามีคนกำลังดึงให้ลูกตาเธอหลุดออกมา หัวใจหล่นไปอยู่ที่ตาตุ่ม...ร่างเล็กของหญิงสาวตรงหน้าบวมอืดจนชุดนักศึกษาแทบจะปริขาดออกจากกัน ริมฝีปากบวมเขียว และภายในลูกตาก็มีหนอนสีขาวตัวอ้วนๆยั้วเยี้ยเต็มไปหมด...เธอตายแล้ว!
“เป็นอะไรไป ทำหน้าอย่างกับเห็นผีอย่างงั้นแหละ” น้ำเอียงคอบวมๆของเธอถาม เพื่อนสาวไม่ตอบอะไร ตัวเธอสั่นระริกไม่หยุด ฟ้าสติแตกไปแล้ว!
“อิ่มละ ไปเก็บจานดีกว่า” น้ำหยิบจานลุกออกจากโต๊ะไปอย่างไม่รู้สึกรู้สาอะไร...ที่สำคัญ เธอยังไม่รู้ตัวว่าเธอตาย!
ฟ้าปากสั่นราวกับคนจับไข้ ดวงตากลอกกลิ้งไปมาราวกับคนเสียสติ...ไม่แน่ เธออาจจะกลายเป็นตัวตายตัวแทนของของใครบางคนในอนาคต...
“ผะ..ผี! กรี้ดดดดด!!!”
วัฏจักรเวียนว่ายตายเกิดไม่จบสิ้น!
...
จบไปกันแล้วนะครับ กับเรื่องสั้นวันลอยกระทงแนวสยองขวัญ
หวังว่าทุกคนคงจะชอบกันนะครับ อ่านจบแล้ว ฝากติชมกันด้วยนะ เพื่อเป็นกำลังใจให้นักเขียนตัวน้อยๆคนนี้
แล้วอย่าลืมรอติดตามผลงานของปริ๊นซ์เรื่องต่อๆไปนะครับ
ความเชื่อใจเป็นบ่อเกิดแห่งความตาย!
Almond_Prince
.
.
.
...มหกรรมความตายในวันลอยกระทงยังไม่จบบริบูรณ์ ติดตาม Hidden scene เร็วๆนี้...
“ป้าแดง”
คำยืนยันของเจ้าของเรื่องสั้น
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ