สัญญาดอกไม้
-
เขียนโดย jantya
วันที่ 19 ตุลาคม พ.ศ. 2558 เวลา 18.35 น.
3 ตอน
1 วิจารณ์
5,824 อ่าน
แก้ไขเมื่อ 23 ตุลาคม พ.ศ. 2558 23.32 น. โดย เจ้าของเรื่องสั้น
1) นี่เเหละชีวิตฉัน
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความกริ๊งงงงงงงงงงงงงงง
แอ๊ดๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
ตื๊ดๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
เสียงนาฬิกาปลุก3 เรือนของฉันในตอนเช้าที่ได้ทำหน้าที่ปลุกของมันได้เริ่มขึ้นแล้ว แต่ฉันไม่ยอมมันง่ายๆหรอกพวกนาฬิกาปลุกบ้าเอ้ยยย แบร่ๆ ฉันนอนหลับตาอมยิ้มอย่างภาคภูมิใจที่เสียงของพวกมันไม่สามารถปลุกฉันไปอาบน้ำได้ นี่คือความคิดของฉันที่อีกไม่กี่วินาทีมันจะกลายเป็นความฝัน…..
“ส้มเช้งงงงงงงง ตื่นลูกกกกก”
เสียงที่มีอำนาจมากกว่าสิ่งใดทั้งปวง แม้แต่นาฬิกาอันทรงพลังของฉันยังไม่สามารถต้านทานได้ คือแม่ของฉันเอง ฉันเคยสงสัยนะว่ายายคงจะคอลดแม่ตอนระฆังวัดกำลังดังหรืออย่างไร เสียงแม่ถึงได้กังวานแบบนี้
แต่ในความเป็นจริงคือแม่มาอยู่ข้างหูฉันแล้ว………………
“ตื่นลูกเอ้ยยยยยยยยยยยยยยยย”
ยิ่งกว่าโดนพลังเสียง 220 เฮิร์ต ถล่มเข้าหู ฉันสามารถลุกแล้ววิ่งเข้าไปในห้องน้ำอย่าง อัตโนมัติ โดยมีแม่เป็นผู้ควบคุม
อ่อฉันลืมแนะนำตัว ฉันชื่อ ส้มเช้ง อันที่จริงก็คือชื่อ ส้มนั่นแหละ แต่ฉันคิดว่ามันธรรมดาเกินไปสำหรับคนสวยๆใสๆเก๋ๆแบบฉันฉันเลยเติมเช้งเข้าไป กลายเป็นส้มเช้ง เหมือนเพลงเกาหลี เช้ง เช้ง เช้ง ชาลาก้า ของ 2XX1 ฉันคิดว่าหลายคนคงไม่รู้จัก แต่ฉันว่ามันออกจะดังไปทั่วโลกนะ ช่างเหอะฉันคงมีโลกส่วนตัวสูงเกินไป ฮ่าๆๆๆ จนตอนนี้ใครๆก็เรียกฉันว่าเช้งๆกันทั้งนั้นแหละ แต่ฉันไม่ค่อยรู้จักใครหรอก ฉันย้ายมาอยู่ที่นี่ได้ไม่นานหลังจากที่ แม่กับพ่อฉันหย่ากัน แต่ฉันไม่ได้เป็นเด็กมีปัญหานะ ฉันเป็นเด็กมีปัญญา ปัญหามันก็เลยชอบตามฉันเพื่อที่จะให้ใช้ปัญญาแก้ไขมัน ก็ช่วยไม่ได้นี่เกิดมาฉลาด ฉันอาศัยอยู่กับแม่ 2 คน แล้วบ้านที่เราย้ายมาอยู่ก็เป็นบ้านของคุณยายที่ให้แม่ไว้ตอนที่ท่านยังไม่เสียชีวิต แม่เลี้ยงดูฉันคนเดียวตั้งแต่ฉันยังเด็ก ส่วนพ่อ คงไปดาวอังคารแล้วล่ะมั้ง แม่ฉันเก่งมากนะขอบอกถึงแกจะขี้บ่นนิดหน่อย รักษาความสะอาดเกินไปหน่อย ชีวจิตมากเกินไปนิดหน่อย แต่แกก็น่ารักมากนะ คืออย่างน้อยฉันก็ได้ค่าขนมจากแกไปโรงเรียนทุกวัน พูดถึงโรงเรียนก็คิดได้ว่าฉันน่าจะกินข้าวแล้วไปโรงเรียนได้แล้วนะ
“ไปแล้วนะแม่”
“เออไปดีมาดีนะ ตั้งใจเรียนละ อย่าไปเกเรที่ไหนนะ เรียนเสร็จแล้วก็รีบกลับบ้าน ไม่ใช่ไปนั่งทำเอ็มวีอยู่ที่สวนอีกละ”
“จ้าแม่จ๋า รักแม่น้า ขอซัก 50 บาท ชีวิตคงจะดี๊ดี”
ฉันกอดแม่พร้อมกับหยอดคำหวานอ้อนแม่ และในที่สุดฉันก็ได้ 50 บาทมาครอง
“นี่ๆดูพี่ญ่าดิแก ฉันสวยกว่าเยอะอะแก”
“เออจริงด้วยวะแก ไม่เหมาะกับพี่สมยศเลยแก”
เสียงปรี๊ดแสบแก้วหูนี่คือเสียงของผู้หญิงซึ่งเป็นนักเรียนห้องเดียวกับฉันเองละ จะเรียกว่าเพื่อนก็ได้นะ แต่พวกเขาคงไม่นับฉันเป็นเพื่อนหรอก
“เห้ยยาหยี เด็กใหม่มันมาแล้วเว้ย เห้ยๆพวกเราสวัสดีหน่อยย”
“สาหวาดดดดี”
“กิ้วๆๆ น่ารักจังค๊าบบบบ”
ฉันรู้สึกอยากจะอ้วกกับการกระทำของคนพวกนี้มากแต่จะทำอะไรได้ละ แอคติ้งฉันดีเลิศ ถ้าฉันได้เป็นนักแสดงนะ อั้ม พัชราภา คงไม่ได้เกิดขอบอกไว้เลยย่ะ
“จ๊ะ สวัสดีนะทุกคน”
เซเลปเรียกฉันว่าพี่ หน้าเหวอกันไปเลยทีเดียว นี่คือวิถีของพวกเขาเวลาเจอฉันในตอนเช้าของทุกๆวัน
“หวัดดี ส้มเช้ง”
“หวัดดี ชะม้อย”
แต่ความโชคร้ายก็มักจะเจอความโชคดี ชะม้อยเพื่อนที่ฉันคิดว่าปกติที่สุดตั้งแต่ย้ายเข้ามาเรียนที่นี่ และก็น่าจะเป็นคนเดียวที่ฉันจะเรียกว่าเพื่อนได้ จนจบ ม.6
ฉันย้ายเข้ามาเรียนที่โรงเรียนนี่ได้ประมาณสามเดือนแล้ว ตอนแรกก็คิดว่าน่าจะสนุกเพราะเป็นโรงเรียนชื่อก็ดังพอควรแล้วก็ยังเด่นด้านวิชาการ และ ด้านอื่นๆ แต่เมื่อได้มาประสบพบเจอ ฉันนี่อยากจะต่อเพิ่มประโยคที่เขาพูดต่อๆกันว่า วิชาการดี กีฬาเด่น เน้นสามัคคี ‘เหรอ’ ฉันอยากทำความรู้จักกับทุกคน แต่เขามองว่าฉันเป็นเด็กใหม่ บ้านไม่รวย ก็เลยไม่คบ แต่คนอย่างฉันก็ไม่มีปัญหา บอกแล้วว่าฉันน่ะมีปัญญา มีชะม้อยและ คุณครูที่น่ารัก ฉันก็โอเคแล้วล่ะ
“ส้มเช้งกินข้าวเที่ยงกัน”
“หมดคาบแล้วเหรอ ฮ้าววววว”
ฉันบิดขี้เกียจ ฉันไม่ได้เผลอหลับในคาบนะ แต่ฉันตั้งใจหลับเลยล่ะ ก็ฉันไม่ชอบเรียนวิชาพฤกษศาสตร์นี่น่า ฉันคิดว่าวิชานี้ไม่ใช่วิชาที่จะมาสอนแต่ในตำรามันควรเป็นวิชาที่ว่าด้วยการสำรวจ สัมผัส แล้วก็ได้อยู่กับพืชพรรณไม้ธรรมชาติด้วยตัวเองถ้าเรียนแบบนี้ฉันคงได้วิชานี้100คะแนนเต็มแน่ๆ ส้มเช้งฟันธง
“ชะม้อยเธอกินแกงส้มได้แล้วเหรอ”
“ก็กินได้แล้วนะแต่ก็ยังเผ็ดอยู่ฉันพยายามหาตำแหน่งลิ้นที่กินแล้วทำให้รู้สึกเผ็ดน้อยที่สุดอยู่”
“เอ่อ…ฉันเอาใจช่วยนะ”
บางทีฉันก็คิดว่าเธอคงจะได้ทำงานในกรมการทดลองวิจัยด้านอาหารแน่ๆดูจากความ
พยายาม และ น้ำหนักของเธอที่มากขึ้นทุกวัน ก็สนุกไปอีกแบบ
อ๊อด อ๊อด
เสียงสวรรค์ของฉัน คาบสุดท้ายก็เสร็จไปอย่างสมบูรณ์ ฉันรู้สึกอารมณ์ดีมาก เมื่อหมดคาบ ก็บอกแล้วว่าเป็นเด็กขยันเรียน
“ฉันกลับบ้านก่อนนะ ส้มเช้ง”
“จ้า โชคดีนะ”
ชะม้อยบอกลาฉันแล้วก็เดินออกจากห้องไป ฉันเก็บของใส่กระเป๋าเสร็จกำลังจะเดินออกไปแต่ก็ต้องหยุดเพราะตอนนี้มีพวกนางร้ายในละครน้ำเน่าเข้ามายืนทำตาขวางเหมือนสุนัขเป็นโรคกลัวน้ำอยู่หน้าฉัน........
แอ๊ดๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
ตื๊ดๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
เสียงนาฬิกาปลุก3 เรือนของฉันในตอนเช้าที่ได้ทำหน้าที่ปลุกของมันได้เริ่มขึ้นแล้ว แต่ฉันไม่ยอมมันง่ายๆหรอกพวกนาฬิกาปลุกบ้าเอ้ยยย แบร่ๆ ฉันนอนหลับตาอมยิ้มอย่างภาคภูมิใจที่เสียงของพวกมันไม่สามารถปลุกฉันไปอาบน้ำได้ นี่คือความคิดของฉันที่อีกไม่กี่วินาทีมันจะกลายเป็นความฝัน…..
“ส้มเช้งงงงงงงง ตื่นลูกกกกก”
เสียงที่มีอำนาจมากกว่าสิ่งใดทั้งปวง แม้แต่นาฬิกาอันทรงพลังของฉันยังไม่สามารถต้านทานได้ คือแม่ของฉันเอง ฉันเคยสงสัยนะว่ายายคงจะคอลดแม่ตอนระฆังวัดกำลังดังหรืออย่างไร เสียงแม่ถึงได้กังวานแบบนี้
แต่ในความเป็นจริงคือแม่มาอยู่ข้างหูฉันแล้ว………………
“ตื่นลูกเอ้ยยยยยยยยยยยยยยยย”
ยิ่งกว่าโดนพลังเสียง 220 เฮิร์ต ถล่มเข้าหู ฉันสามารถลุกแล้ววิ่งเข้าไปในห้องน้ำอย่าง อัตโนมัติ โดยมีแม่เป็นผู้ควบคุม
อ่อฉันลืมแนะนำตัว ฉันชื่อ ส้มเช้ง อันที่จริงก็คือชื่อ ส้มนั่นแหละ แต่ฉันคิดว่ามันธรรมดาเกินไปสำหรับคนสวยๆใสๆเก๋ๆแบบฉันฉันเลยเติมเช้งเข้าไป กลายเป็นส้มเช้ง เหมือนเพลงเกาหลี เช้ง เช้ง เช้ง ชาลาก้า ของ 2XX1 ฉันคิดว่าหลายคนคงไม่รู้จัก แต่ฉันว่ามันออกจะดังไปทั่วโลกนะ ช่างเหอะฉันคงมีโลกส่วนตัวสูงเกินไป ฮ่าๆๆๆ จนตอนนี้ใครๆก็เรียกฉันว่าเช้งๆกันทั้งนั้นแหละ แต่ฉันไม่ค่อยรู้จักใครหรอก ฉันย้ายมาอยู่ที่นี่ได้ไม่นานหลังจากที่ แม่กับพ่อฉันหย่ากัน แต่ฉันไม่ได้เป็นเด็กมีปัญหานะ ฉันเป็นเด็กมีปัญญา ปัญหามันก็เลยชอบตามฉันเพื่อที่จะให้ใช้ปัญญาแก้ไขมัน ก็ช่วยไม่ได้นี่เกิดมาฉลาด ฉันอาศัยอยู่กับแม่ 2 คน แล้วบ้านที่เราย้ายมาอยู่ก็เป็นบ้านของคุณยายที่ให้แม่ไว้ตอนที่ท่านยังไม่เสียชีวิต แม่เลี้ยงดูฉันคนเดียวตั้งแต่ฉันยังเด็ก ส่วนพ่อ คงไปดาวอังคารแล้วล่ะมั้ง แม่ฉันเก่งมากนะขอบอกถึงแกจะขี้บ่นนิดหน่อย รักษาความสะอาดเกินไปหน่อย ชีวจิตมากเกินไปนิดหน่อย แต่แกก็น่ารักมากนะ คืออย่างน้อยฉันก็ได้ค่าขนมจากแกไปโรงเรียนทุกวัน พูดถึงโรงเรียนก็คิดได้ว่าฉันน่าจะกินข้าวแล้วไปโรงเรียนได้แล้วนะ
“ไปแล้วนะแม่”
“เออไปดีมาดีนะ ตั้งใจเรียนละ อย่าไปเกเรที่ไหนนะ เรียนเสร็จแล้วก็รีบกลับบ้าน ไม่ใช่ไปนั่งทำเอ็มวีอยู่ที่สวนอีกละ”
“จ้าแม่จ๋า รักแม่น้า ขอซัก 50 บาท ชีวิตคงจะดี๊ดี”
ฉันกอดแม่พร้อมกับหยอดคำหวานอ้อนแม่ และในที่สุดฉันก็ได้ 50 บาทมาครอง
“นี่ๆดูพี่ญ่าดิแก ฉันสวยกว่าเยอะอะแก”
“เออจริงด้วยวะแก ไม่เหมาะกับพี่สมยศเลยแก”
เสียงปรี๊ดแสบแก้วหูนี่คือเสียงของผู้หญิงซึ่งเป็นนักเรียนห้องเดียวกับฉันเองละ จะเรียกว่าเพื่อนก็ได้นะ แต่พวกเขาคงไม่นับฉันเป็นเพื่อนหรอก
“เห้ยยาหยี เด็กใหม่มันมาแล้วเว้ย เห้ยๆพวกเราสวัสดีหน่อยย”
“สาหวาดดดดี”
“กิ้วๆๆ น่ารักจังค๊าบบบบ”
ฉันรู้สึกอยากจะอ้วกกับการกระทำของคนพวกนี้มากแต่จะทำอะไรได้ละ แอคติ้งฉันดีเลิศ ถ้าฉันได้เป็นนักแสดงนะ อั้ม พัชราภา คงไม่ได้เกิดขอบอกไว้เลยย่ะ
“จ๊ะ สวัสดีนะทุกคน”
เซเลปเรียกฉันว่าพี่ หน้าเหวอกันไปเลยทีเดียว นี่คือวิถีของพวกเขาเวลาเจอฉันในตอนเช้าของทุกๆวัน
“หวัดดี ส้มเช้ง”
“หวัดดี ชะม้อย”
แต่ความโชคร้ายก็มักจะเจอความโชคดี ชะม้อยเพื่อนที่ฉันคิดว่าปกติที่สุดตั้งแต่ย้ายเข้ามาเรียนที่นี่ และก็น่าจะเป็นคนเดียวที่ฉันจะเรียกว่าเพื่อนได้ จนจบ ม.6
ฉันย้ายเข้ามาเรียนที่โรงเรียนนี่ได้ประมาณสามเดือนแล้ว ตอนแรกก็คิดว่าน่าจะสนุกเพราะเป็นโรงเรียนชื่อก็ดังพอควรแล้วก็ยังเด่นด้านวิชาการ และ ด้านอื่นๆ แต่เมื่อได้มาประสบพบเจอ ฉันนี่อยากจะต่อเพิ่มประโยคที่เขาพูดต่อๆกันว่า วิชาการดี กีฬาเด่น เน้นสามัคคี ‘เหรอ’ ฉันอยากทำความรู้จักกับทุกคน แต่เขามองว่าฉันเป็นเด็กใหม่ บ้านไม่รวย ก็เลยไม่คบ แต่คนอย่างฉันก็ไม่มีปัญหา บอกแล้วว่าฉันน่ะมีปัญญา มีชะม้อยและ คุณครูที่น่ารัก ฉันก็โอเคแล้วล่ะ
“ส้มเช้งกินข้าวเที่ยงกัน”
“หมดคาบแล้วเหรอ ฮ้าววววว”
ฉันบิดขี้เกียจ ฉันไม่ได้เผลอหลับในคาบนะ แต่ฉันตั้งใจหลับเลยล่ะ ก็ฉันไม่ชอบเรียนวิชาพฤกษศาสตร์นี่น่า ฉันคิดว่าวิชานี้ไม่ใช่วิชาที่จะมาสอนแต่ในตำรามันควรเป็นวิชาที่ว่าด้วยการสำรวจ สัมผัส แล้วก็ได้อยู่กับพืชพรรณไม้ธรรมชาติด้วยตัวเองถ้าเรียนแบบนี้ฉันคงได้วิชานี้100คะแนนเต็มแน่ๆ ส้มเช้งฟันธง
“ชะม้อยเธอกินแกงส้มได้แล้วเหรอ”
“ก็กินได้แล้วนะแต่ก็ยังเผ็ดอยู่ฉันพยายามหาตำแหน่งลิ้นที่กินแล้วทำให้รู้สึกเผ็ดน้อยที่สุดอยู่”
“เอ่อ…ฉันเอาใจช่วยนะ”
บางทีฉันก็คิดว่าเธอคงจะได้ทำงานในกรมการทดลองวิจัยด้านอาหารแน่ๆดูจากความ
พยายาม และ น้ำหนักของเธอที่มากขึ้นทุกวัน ก็สนุกไปอีกแบบ
อ๊อด อ๊อด
เสียงสวรรค์ของฉัน คาบสุดท้ายก็เสร็จไปอย่างสมบูรณ์ ฉันรู้สึกอารมณ์ดีมาก เมื่อหมดคาบ ก็บอกแล้วว่าเป็นเด็กขยันเรียน
“ฉันกลับบ้านก่อนนะ ส้มเช้ง”
“จ้า โชคดีนะ”
ชะม้อยบอกลาฉันแล้วก็เดินออกจากห้องไป ฉันเก็บของใส่กระเป๋าเสร็จกำลังจะเดินออกไปแต่ก็ต้องหยุดเพราะตอนนี้มีพวกนางร้ายในละครน้ำเน่าเข้ามายืนทำตาขวางเหมือนสุนัขเป็นโรคกลัวน้ำอยู่หน้าฉัน........
คำยืนยันของเจ้าของเรื่องสั้น
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ