คุณเจ้าของร้านกับเพื่อนบ้าน...
7.1
เขียนโดย oxygen
วันที่ 9 พฤษภาคม พ.ศ. 2558 เวลา 07.46 น.
10 ตอน
9 วิจารณ์
13.49K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 13 กรกฎาคม พ.ศ. 2558 05.09 น. โดย เจ้าของเรื่องสั้น
1) คานะ
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ “อย่ามาเรียกฉันว่าคะน้านะ”
สาวรุ่นผมสีน้ำตาลแซมดำยาวประบ่า นัยน์ตาสีน้ำเงินเป็นประกายคำรามลั่นพร้อมกับส่งคนที่เรียกเธอว่า ‘คะน้า’ นั้นลอยไปด้านหลังโดยเท้าไม่ติดพื้น และไปลงถังขยะเผาได้ข้างเสาไฟฟ้าริมทาง
นั่นเป็นสิ่งที่ผมมักจะได้ยิน และได้เห็นบ่อย ๆ
เธอชื่อ ‘คานะ’ เธอเป็นนักศึกษาที่สถาบันสอนการวาดเขียนในเขตปกครองพิเศษแห่งนี้ และเธอมีความฝันที่จะเป็นนักเขียนการ์ตูนที่มีชื่อเสียง แน่นอนว่ามันไม่ง่ายนัก เพราะทางบ้านไม่เห็นดีด้วย เธอจึงต้องแสดงความมุ่งมั่นในสิ่งที่เธอรักโดยการออกจากบ้านมาพักอาศัยคนเดียว ซึ่งที่พักของเธอเป็นห้องเช่าเล็ก ๆ ที่อยู่ฝั่งตรงข้ามกับร้านมินิมาร์ทของผมนั่นเอง
“แย่ที่สุด” คานะหน้านิ่วสบถ
เธอเดินเข้ามาภายในร้านมินิมาร์ทของผมทันที และปรี่ตรงมาที่หลังเคาเตอร์ หย่อนก้นลงนั่งที่เก้าอี้ไม้ตัวหนึ่ง ในหลาย ๆ ตัวที่วางเรียงกันไว้
“เค้าแซวเพราะเค้าอยากใกล้ชิดกับคานะนั่นแหละ” ผมพูดออกไปพร้อมกับรินน้ำเปล่าใส่แก้วแบบมีหูส่งให้
“ก็รู้หรอกค่ะคุณเจ้าของร้าน แต่ไม่ชอบก็คือไม่ชอบนั่นแหละ คะน้าเอย คะนอร์เอย เจ้เตี้ยเอย คัพBเอย... ฉันคัพCนะยะ...”
เธอบ่นอุบอิบเรื่องรอบอกเป็นพิเศษ
“แย่ที่สุด” เธอขมวดคิ้วขึ้นเสียงทิ้งท้ายสั้น ๆ
“งานเป็นยังไงบ้าง” ผมเปลี่ยนเรื่อง
“เรียบร้อยดีค่ะ” สาวเจ้าตอบเสียงใส
“ลูกค้าทุกคนโดนเครื่องดื่มราดหัว พาร์เฟ่ต์ราดหน้ากันครบทุกคนสินะ”
เจ้าของนัยน์ตาสีน้ำเงินแก้มป่องขมวดคิ้วทำตาดุใส่ มือยื่นมาจะบิดเนื้อที่เอวผมเข้าให้ แต่ผมรู้ทัน เอี้ยวตัวหลบอย่างง่ายดาย แต่เอาจริง ๆ ผมไม่อยากโดนเธอหยิกเท่าไหร่ เพราะการโดนคานะลงมือใส่ ไม่ใช่เรื่องตลก เพราะเธอเป็นกลุ่มคนที่ถูกเรียกว่า [มนุษย์กลายพันธุ์] ซึ่งคนกลุ่มนี้จะมีอะไรสักอย่างในร่างกายผิดแผกไปจากมนุษย์ปกติ ซึ่งอาจจะเป็นแบบที่เห็นได้ภายนอก หรือหลบซ่อนอยู่ภายในก็มี
ตัวคานะนั้นเป็นแบบภายใน โดยสิ่งที่เธอต่างจากคนปกติทั่วไปคือ ‘พละกำลัง’ ซึ่งถ้าเทียบกันคนปกติแล้ว เธอมีพละกำลังมากกว่าผู้ชายที่สุขภาพแข็งแรงห้าเท่า แต่ก็แค่พลังที่ออกมาจากกลเมเนื้อแขนเท่านั้น หรือก็คือ เธออาจจะงัดข้อชนะผู้ชายได้สบาย ๆ แต่วิ่งแข่งยังไงก็สู้ได้แค่ผู้หญิงด้วยกันเท่านั้นอยู่ดี
ส่วนเรื่องงานที่เธอทำนี่ เพราะเธอไม้องการพึ่งพ่อแม่ เธอจึงไปทำงานพิเศษที่ร้านคาเฟ่ที่อยู่ถัดไปจากร้านผมหกซอยในช่วงวันหยุดที่ไม่มีเรียน
“โทษที แค่อยากแซวเล่นไปงั้นแหละ”
“เห็นว่าเป็นคุณเจ้าของร้านหรอกนะ ไม่งั้นชกจริง ๆ ด้วย”
ผมรู้สึกขนลุกหน่อย ๆ ถึงแม้ว่ายังไงผมก็ไม่ตายอยู่แล้ว แต่เจ็บมันก็คือเจ็บอยู่ดี
“เอานี้ไปเป็นการไถ่โทษละกัน”
ผมจับมือเธอแบใส่ให้ลูกอมไปสี่เม็ด แน่นอนว่าเป็นรสที่เธอชอบ
คานะมองลูกอมที่ผมให้ไปในมือพักหนึ่งแล้วก็พูดบางเรื่องขึ้นมา
“คุณเจ้าของร้านกำลังทำคะแนนกับฉันอยู่เธอคะ”
“พูดอะไรได้ตรงดีนะ” ผมชมเธอ “ทำไมถึงคิดแบบนั้น” ผมถาม
“บางครั้งฉันก็รู้สึกว่าคุณเจ้าของร้านมักจะพูดอะไรที่มันโดนใจฉัน บางทีก็ชอบลูบหัวฉัน หรือทำให้ฉันรู้สึกดีบ่อย ๆ จนบางครั้งก็อดคิดไม่ได้ว่าคุณเจ้าของร้านนี่ร้ายไม่เบาเลย”
ผมคลี่ยิ้มกว้างกับสิ่งที่เธอพูด
“ถ้าผมอายุน้อยกว่านี้ก็คงพูดได้เต็มปากว่าใช่... ผมกำลังแอบทำคะแนนกับคานะอยู่ แต่ก็นะ ตัวผมในตอนนี้ไม่ใช่อายุน้อย ๆ แล้ว ผ่านอะไรมาก็มาก ความรู้สึกตอนนี้มันเป็นความเอ็นดูมากกว่า รู้สึกอยากให้คนที่เด็กกว่ารู้สึกดี มีความสุข แล้วก็สบายใจที่ได้คุย”
ผมพูดแล้วก็ลูบหัวคานะ ซึ่งเธอก็นั่งนิ่งให้ลูบเหมือนปกติ
“ความเอ็นดู” คานะทวนคำที่ผมพูด
“ใช่ ความเอ็นดู” ผมย้ำ
“ขอบคุณค่ะคุณเจ้าของร้าน” คานะเอ่ย ก่อนที่จะลุกขึ้นก้มมองนาฬิกาเรือนเล็กที่ข้อมือ “ใกล้ได้เวลางานแล้วล่ะค่ะ ต้องขอตัวนะคะ”
“จ้า--- แล้วแวะมาอีกนะ”
“ แน่นอนค่ะคุณเจ้าของร้าน”
ผมมองส่งเธอจนลับตา ก่อนที่จะทิ้งตัวลงนั่งหยิบหนังสือขึ้นมาอ่านรอลูกค้าที่จะเข้ามาในร้านต่อไป
สาวรุ่นผมสีน้ำตาลแซมดำยาวประบ่า นัยน์ตาสีน้ำเงินเป็นประกายคำรามลั่นพร้อมกับส่งคนที่เรียกเธอว่า ‘คะน้า’ นั้นลอยไปด้านหลังโดยเท้าไม่ติดพื้น และไปลงถังขยะเผาได้ข้างเสาไฟฟ้าริมทาง
นั่นเป็นสิ่งที่ผมมักจะได้ยิน และได้เห็นบ่อย ๆ
เธอชื่อ ‘คานะ’ เธอเป็นนักศึกษาที่สถาบันสอนการวาดเขียนในเขตปกครองพิเศษแห่งนี้ และเธอมีความฝันที่จะเป็นนักเขียนการ์ตูนที่มีชื่อเสียง แน่นอนว่ามันไม่ง่ายนัก เพราะทางบ้านไม่เห็นดีด้วย เธอจึงต้องแสดงความมุ่งมั่นในสิ่งที่เธอรักโดยการออกจากบ้านมาพักอาศัยคนเดียว ซึ่งที่พักของเธอเป็นห้องเช่าเล็ก ๆ ที่อยู่ฝั่งตรงข้ามกับร้านมินิมาร์ทของผมนั่นเอง
“แย่ที่สุด” คานะหน้านิ่วสบถ
เธอเดินเข้ามาภายในร้านมินิมาร์ทของผมทันที และปรี่ตรงมาที่หลังเคาเตอร์ หย่อนก้นลงนั่งที่เก้าอี้ไม้ตัวหนึ่ง ในหลาย ๆ ตัวที่วางเรียงกันไว้
“เค้าแซวเพราะเค้าอยากใกล้ชิดกับคานะนั่นแหละ” ผมพูดออกไปพร้อมกับรินน้ำเปล่าใส่แก้วแบบมีหูส่งให้
“ก็รู้หรอกค่ะคุณเจ้าของร้าน แต่ไม่ชอบก็คือไม่ชอบนั่นแหละ คะน้าเอย คะนอร์เอย เจ้เตี้ยเอย คัพBเอย... ฉันคัพCนะยะ...”
เธอบ่นอุบอิบเรื่องรอบอกเป็นพิเศษ
“แย่ที่สุด” เธอขมวดคิ้วขึ้นเสียงทิ้งท้ายสั้น ๆ
“งานเป็นยังไงบ้าง” ผมเปลี่ยนเรื่อง
“เรียบร้อยดีค่ะ” สาวเจ้าตอบเสียงใส
“ลูกค้าทุกคนโดนเครื่องดื่มราดหัว พาร์เฟ่ต์ราดหน้ากันครบทุกคนสินะ”
เจ้าของนัยน์ตาสีน้ำเงินแก้มป่องขมวดคิ้วทำตาดุใส่ มือยื่นมาจะบิดเนื้อที่เอวผมเข้าให้ แต่ผมรู้ทัน เอี้ยวตัวหลบอย่างง่ายดาย แต่เอาจริง ๆ ผมไม่อยากโดนเธอหยิกเท่าไหร่ เพราะการโดนคานะลงมือใส่ ไม่ใช่เรื่องตลก เพราะเธอเป็นกลุ่มคนที่ถูกเรียกว่า [มนุษย์กลายพันธุ์] ซึ่งคนกลุ่มนี้จะมีอะไรสักอย่างในร่างกายผิดแผกไปจากมนุษย์ปกติ ซึ่งอาจจะเป็นแบบที่เห็นได้ภายนอก หรือหลบซ่อนอยู่ภายในก็มี
ตัวคานะนั้นเป็นแบบภายใน โดยสิ่งที่เธอต่างจากคนปกติทั่วไปคือ ‘พละกำลัง’ ซึ่งถ้าเทียบกันคนปกติแล้ว เธอมีพละกำลังมากกว่าผู้ชายที่สุขภาพแข็งแรงห้าเท่า แต่ก็แค่พลังที่ออกมาจากกลเมเนื้อแขนเท่านั้น หรือก็คือ เธออาจจะงัดข้อชนะผู้ชายได้สบาย ๆ แต่วิ่งแข่งยังไงก็สู้ได้แค่ผู้หญิงด้วยกันเท่านั้นอยู่ดี
ส่วนเรื่องงานที่เธอทำนี่ เพราะเธอไม้องการพึ่งพ่อแม่ เธอจึงไปทำงานพิเศษที่ร้านคาเฟ่ที่อยู่ถัดไปจากร้านผมหกซอยในช่วงวันหยุดที่ไม่มีเรียน
“โทษที แค่อยากแซวเล่นไปงั้นแหละ”
“เห็นว่าเป็นคุณเจ้าของร้านหรอกนะ ไม่งั้นชกจริง ๆ ด้วย”
ผมรู้สึกขนลุกหน่อย ๆ ถึงแม้ว่ายังไงผมก็ไม่ตายอยู่แล้ว แต่เจ็บมันก็คือเจ็บอยู่ดี
“เอานี้ไปเป็นการไถ่โทษละกัน”
ผมจับมือเธอแบใส่ให้ลูกอมไปสี่เม็ด แน่นอนว่าเป็นรสที่เธอชอบ
คานะมองลูกอมที่ผมให้ไปในมือพักหนึ่งแล้วก็พูดบางเรื่องขึ้นมา
“คุณเจ้าของร้านกำลังทำคะแนนกับฉันอยู่เธอคะ”
“พูดอะไรได้ตรงดีนะ” ผมชมเธอ “ทำไมถึงคิดแบบนั้น” ผมถาม
“บางครั้งฉันก็รู้สึกว่าคุณเจ้าของร้านมักจะพูดอะไรที่มันโดนใจฉัน บางทีก็ชอบลูบหัวฉัน หรือทำให้ฉันรู้สึกดีบ่อย ๆ จนบางครั้งก็อดคิดไม่ได้ว่าคุณเจ้าของร้านนี่ร้ายไม่เบาเลย”
ผมคลี่ยิ้มกว้างกับสิ่งที่เธอพูด
“ถ้าผมอายุน้อยกว่านี้ก็คงพูดได้เต็มปากว่าใช่... ผมกำลังแอบทำคะแนนกับคานะอยู่ แต่ก็นะ ตัวผมในตอนนี้ไม่ใช่อายุน้อย ๆ แล้ว ผ่านอะไรมาก็มาก ความรู้สึกตอนนี้มันเป็นความเอ็นดูมากกว่า รู้สึกอยากให้คนที่เด็กกว่ารู้สึกดี มีความสุข แล้วก็สบายใจที่ได้คุย”
ผมพูดแล้วก็ลูบหัวคานะ ซึ่งเธอก็นั่งนิ่งให้ลูบเหมือนปกติ
“ความเอ็นดู” คานะทวนคำที่ผมพูด
“ใช่ ความเอ็นดู” ผมย้ำ
“ขอบคุณค่ะคุณเจ้าของร้าน” คานะเอ่ย ก่อนที่จะลุกขึ้นก้มมองนาฬิกาเรือนเล็กที่ข้อมือ “ใกล้ได้เวลางานแล้วล่ะค่ะ ต้องขอตัวนะคะ”
“จ้า--- แล้วแวะมาอีกนะ”
“ แน่นอนค่ะคุณเจ้าของร้าน”
ผมมองส่งเธอจนลับตา ก่อนที่จะทิ้งตัวลงนั่งหยิบหนังสือขึ้นมาอ่านรอลูกค้าที่จะเข้ามาในร้านต่อไป
คำยืนยันของเจ้าของเรื่องสั้น
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
7.2 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
6.6 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
7.6 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ