[ชีวิตจริง] ผีเข้า องค์ลง? (ขีดเขียนเป็นตัวละคร)
8.8
เขียนโดย LazyGirl
วันที่ 20 เมษายน พ.ศ. 2558 เวลา 00.51 น.
3 ตอน
31 วิจารณ์
12.92K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 30 เมษายน พ.ศ. 2558 22.25 น. โดย เจ้าของเรื่องสั้น
3) จบแล้วเเจ้
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ เปิดเทอมได้ไม่นาน
วันพุธ 11.30
ที่ห้องเอก
ห้องเอกคือห้องของสาขา เราจะต้องขึ้นห้องเอกทุกวันพุธเวลา 11 โมง
เพื่ออะไร? =_=
“เอ้าน้องๆสวัสดีพี่ปี5หน่อย”
“สวัสดีค่ะพี่เพลง(Beat jumper)” หลังจากที่พี่แต๋ม(acertam)พูดจบ น้องๆที่น่ารักทั้งหลายก็กล่าวสวัสดีพี่เพลงอย่างพร้อมเพรียง จริงๆสาขานี้เรียนแค่4ปีก็จบแล้ว เพราะฉะนั้นพี่ปี5ไม่มีแน่นอน ที่แต๋มพูดนั่นเป็นมุกต่างหาก
“ปี5อะไรล่ะ ฉันจบแล้วนะ” สาวน้อยหน้าตาจิ้มลิ้มชื่อเพลงรีบแก้ข่าวทันที เธอกลัวน้องๆจะเข้าใจผิดว่าตนยังเรียนไม่จบ สาวน้อยคนนี้เป็นคนที่อารมณ์ดี ขี้เล่น เป็นมิตรกับคนอื่น เธอมักจะมาดูน้องๆรับน้องบ่อยๆจนเด็กปี1จำชื่อเธอได้ครบทุกคน
“ขอโทษค่ะพี่เพลง เชิญเลยค่ะ แหะๆ” แต๋มหลีกทางให้เพลงเดินไปหน้ากระดาน
เมื่อเพลงไปถึง น้องทุกคนก็เงียบลง...
“วันนี้พี่มีข่าวร้าย…” เธอเว้นช่วงให้ความเงียบครอบงำ นักศึกษาปี1ตรงหน้าตั้งหน้าตั้งตาฟังอย่างตั้งใจ
“รุ่นพี่ของพวกเธอประสบอุบัติเหตุรถชนเสียชีวิต… เขาเป็นคนดี ขยัน…และเป็นเพื่อนของพี่เอง…” รอยยิ้มบนใบหน้าของคนขี้เล่นอย่างพี่เพลงเริ่มจางลง
“พี่เขาชื่อฟิวส์ กำลังจะรับปริญญาในอีก 3 เดือนที่จะถึงนี้ เขาเป็นคนขยันมาก ทำงานเก่งและเรียนดี” เสียงของเพลงเริ่มสั่น เธอพยายามบังคับไม่ให้น้ำตาไหลออกมา
“ช่วงหยุดยาว เขาไปทำงานต่างหวัด…หลังจากที่ฟิวส์ไปส่งลูกค้าและกำลังจะกลับบ้านเกิดเพื่อมารับปริญญา คนที่ขับรถให้ฟิวส์เขารีบหรือง่วงก็ไม่แน่ใจ เขาขับรถรถชนเสาไฟฟ้าเหล็กแทงทะลุอก ฟิวส์ตาย แต่คนขับรอด…ฟิวส์ไม่มีโอกาสได้กลับมารับปริญญาแล้ว…เขาเป็นคนดีมากเลยนะ ยังมีอนาคตที่ดี หลายวันก่อนเรายังโทร.คุยกันอยู่เลย แล้ววันนี้….” เพลงยกมือขึ้นปาดน้ำตาออก เธอพยายามกลั้นมันเอาไว้อย่างสุดความสมารถ…
“พี่ฟิวส์เขารักน้องๆมากเลยนะ ตอนที่ยังรับน้องอยู่ ฟิวส์มันก็มาดู ยังมานั่งหัวเราะด้วยกันอยู่เลย”
“ใครวะ ทำไมกูไม่เคยเห็น” คุณจุ๊บหันไปถามเพื่อนที่นั่งข้างๆ และคำตอบก็คือ ‘ไม่รู้’ สงสัยพี่คนนี้ไม่ค่อยปรากฏให้เห็นบ่อยๆ ที่เห็นบ่อยสุดก็คงจะเป็นพี่เพลง เพราะพี่เขามาช่วยงานตลอดเลย
“ทำไมพวกเธอจะไม่เคยเห็น คนที่สูงๆ ผมยาวๆ ผิวแทนๆหน่อยน่ะ” เพลงอธิบายรูปร่างลักษณะของเพื่อนอย่างตั้งใจ เธอมั่นใจว่าน้องต้องเห็นและจำได้
บางคนก็บอกว่าเคยเห็น บางคนก็เคยเข้าไปทัก แต่ก็มีหลายคนที่นึกหน้าพี่เขาไม่ออกเลย
“พี่ก็ไม่มีอะไรจะพูดแล้ว…แต่พี่ขอให้น้องๆทุกคนลุกขึ้น แล้วยืนไว้อาลัยให้พี่ฟิวส์เป็นเวลา 1 นาทีอยากให้พี่เขาได้รู้ว่าน้องยังจำได้ ยังรักและคิดถึง ถึงแม้ว่าวันนี้จะไม่ได้อยู่ด้วยกันก็ตาม” เมื่อพูดจบ น้องปี1ก็ลุกขึ้น พี่ๆปี 2 และ 3 ที่อยู่ข้างนอกก็ยืนขึ้นเช่นกัน ทุกคนก้มหน้าแล้วหลับตาลง ภาวนาให้พี่ฟิวส์ที่จากไป ไปสู่ในภพที่ดี
ลมร้อนพัดผ่านเข้ามาทางประตูห้อง ทั้งที่อากาศร้อนแต่กลับรู้สึกเย็นแปลกๆ…
ทั้งห้องเงียบสงบ เงียบ…จนน่าขนลุก…
“ลืมตาได้…พี่เชื่อว่าฟิวส์อยู่ในห้องนี้และได้รับความรู้สึกที่น้องๆส่งให้เขาแล้ว…” เพลงพูดขึ้นแล้วมองไปรอบๆ
“เอ้า ปี2มีอะไรจะพูดกับน้องก็พูดซะ” หลังจากนั้นเพลงก็เรียกปี2ให้มาชี้แจงรายละเอียด ถามสารทุกข์สุกดิบกับน้องๆ
11.40
“บอม มึงมีเรียนต่อปะ?” พอออกจากห้องเอกปุ๊บ คุณจุ๊บก็เปิดปากคุยทันที ก็อยู่ในห้องเอกมันพูดไม่ได้นี่
“มี แล้วมึงล่ะ?”
“ไม่มี กูว่าจะกลับบ้านแล้ว ขี้เกียจอยู่นาน” คุณจุ๊บบิดขี้เกียจหลังจากเนื่องจากเมื่อยเพราะนั่งนานก่อนจะเดินตรงไปที่บันได
แล้วเธอก็เหลือบไปเห็นเพื่อนผู้หญิง 3-4 คน กำลังล้อมวงมุงดูอะไรบางอย่าง…
“ออกไปก่อน เดี๋ยวบิวหายใจไม่ออก” รากิ(Raki_blueguy) สาวน้อยดาวเรืองร่างบางกันคนให้ออกห่างจากเพื่อนรักของเธอที่ชื่อ บิว(kanaki)
“อะไรวะ…บิวมันเป็นลมอีกแล้วเหรอ?” คุณจุ๊บพูดขึ้นมาเบาๆแล้วมองไปยังกลุ่มคนที่ค่อยๆออกห่างจากตัวบิวตามคำสั่งของรากิ
บิวเป็นคนบอบบาง ตัวเล็กและอ่อนแอ เธอเป็นทั้งโรคหัวใจ ภูมิแพ้ หืดหอบและไมเกรน ไม่แปลกที่คนสุขภาพร่างกายไม่ค่อยแข็งแรงอย่างเธอจะเป็นลมง่าย
เมื่อคุณจุ๊บเห็นดังนั้นก็ไม่สนใจอะไร อีกเดี่ยวก็หายเอง ที่เป็นแบบนี้เพราะบิวไม่ทานยาจากบ้านมาหรือเปล่า?
“เดี๋ยว พากูไปหาบิวหน่อย” บอมที่เห็นคุณจุ๊บกำลังเดินลงบันไดก็รีบคว้ามือแล้วลากมาทันที ‘จะไปดูมันทำไมวะ กูอยากกลับบ้านจะตายอยู่แล้ว!’
“บิว...มึงไหวไหมเนี่ย” รากิทั้งพัดทั้งยื่นยาดมให้ดม แต่อาการของบิวไม่ดีขึ้นเลย เธอหายใจติดขัดแล้วน้ำตาก็ไหลออกมาไม่หยุด …เป็นหืดหอบแค่นี้ถึงกับน้ำตาไหลเลยเหรอ?
“รากิ บิวเป็นอะไรวะ?”
“ไม่รู้ น่าจะเป็นลม อยู่ดีๆก็ล้มลงไปเลยอ่ะ” รากิตอบคำถามคุณจุ๊บพลางโบกพัดในมือไปด้วย
ปึก!
บิวที่นั่งอยู่ตรงหน้าทุบอกตัวเองพร้อมกับน้ำตาที่ไหลออกมาอย่างไม่ขาดสาย ขนตาที่งอนยาวเปียกชุ่มไปหมด สีหน้าของเธอแสดงถึงความเจ็บปวด…
“บิว…หายใจไม่ออกเหรอ ยาอยู่ไหน? เอายามาหรือเปล่า?” รากิถามสาวน้อยที่นั่งอยู่ตรงหน้า แต่เธอไม่ตอบ…เธอเอาแต่ก้มหน้างุดแล้วร้องไห้ออกมา
“บอม บิวมันเป็นอะไรวะ?” คุณจุ๊บถามบอมด้วยความสงสัย คนอื่นๆก็เริ่มมามุงดูบิวมากขึ้นเรื่อยๆ ไม่เคยเห็นคนเป็นลมหรือไง?!
“หึ…” บอมส่งยิ้มแทนคำตอบ ทำเอาคุณจุ๊บขมวดคิ้วงุนงงกับคำตอบที่ได้
หญิงร่างบางตรงหน้าร้องไห้หนักมากขึ้นเรื่อยๆจนรากิต้องไล่ให้คนที่ยืนมุงออกไปพ้นๆ เพื่อนสาวดาวเรืองพยายามค้นหายาประจำตัวของบิวในกระเป๋าแต่ก็หาไม่เจอ ทำไมเธอไม่พกยาติดตัวมาด้วยเนี่ย!
“เจ็บ…” เสียงครางด้วยความเจ็บปวดเล็ดลอดออกมาจากลำคอ มือข้างหนึ่งขยำคอเสื้อของตัวเอง ส่วนอีกข้างก็กำมือไว้แน่น
“บิว…ที่เป็นอยู่ตอนนี้ ไม่ใช่ตัวบิวใช่ไหม?” บอมเดินเข้าไปถามอย่างใจเย็น บิวที่นั่งก้มหน้าก็ค่อยๆเงยขึ้นมองบอมแล้วพนักหน้าตอบอย่างช้าๆ ดวงตาของเธอแดงก่ำ ผมเผ้ารกรุงรังไม่เป็นทรง และน้ำตาก็เลอะใบหน้าไปหมด
“เจ็บ…” เธอร้องออกพร้อมกับทุบอกตัวเองอีกครั้ง
“เฮ้ย! มึงเลิกทุบตัวเองได้แล้ว!” รากิคว้ามือของบิวไว้ไม่ให้ทำร้ายตัวเองอีก เธอเป็นห่วงเพื่อนมาก ตอนนี้เพื่อนของเธอเป็นอะไรกันแน่
“ไม่ต้องฝืน…ปล่อยตัวตามสบายเลยบิว…” บอมพูดอีกครั้ง เมื่อสิ้นเสียงพูดของบอม…
ฮึก…
บิวร้องไห้หนักยิ่งกว่าเดิมและรุนแรงมากขึ้น เธอยกมือทั้งสองข้างขึ้นกุมอกตัวเองแล้วลงไปนอนขดตัวอยู่กับพื้น เธอพูดแค่คำว่า ‘เจ็บ’ วนไปมาหลายครั้ง คนที่อยู่รอบๆเข้าไปประคองเธอให้ลุกขึ้น แต่แปลกที่ร่างเล็กๆอย่างเธอกลับมีน้ำหนักมากจนคนคนเดียวอุ้มไม่ไหว เหมือนกับว่านั่นไม่ใช่น้ำหนักของเธอแค่คนเดียว
“น้องครับ พี่ขอทางหน่อย …เกิดอะไรขึ้น? น้องบิวเป็นอะไร?” ชายร่างสูงแทรกตัวเข้ามาดูอาการของสาวน้อยที่นอนอยู่กับพื้น
“พี่โรบิ้นคะ คือว่า…” บอมพยายามจะอธิบายเรื่องที่เกิดแต่ก็ไม่กล้าพูด เธอมองบิวอย่างเป็นห่วงแต่ไม่สามารถทำอะไรได้ คงต้องรอให้หายเอง…
“ไม่ไหวแล้ว….” เสียงครวญครางที่ขาดหายเป็นห้วงๆออกมาจากปากน้อยๆของเธอ เรียกความสนใจจากชายที่พุ่งตัวเข้ามาเมื่อกี้ได้เป็นอย่างดี
“พี่ไม่รู้หรอกนะว่าสิ่งที่พี่คิดจะเหมือนกับสิ่งที่น้องบอมคิดหรือเปล่า แต่ตอนนี้ถ้าปล่อยให้น้องบิวเป็นแบบนี้ต่อไปมันไม่ดีแน่ น้องเขาไม่สบายด้วยไม่ใช่เหรอ รีบพาไปห้องพยาบาลก่อนเถอะ” โรบิ้นเข้ามาประคองร่างของบิวให้อยู่ในอ้อมแขนโดยไม่ลังเล
“พี่คะ อยู่ดีๆตัวของบิวก็หนักมาก หนูยังอุ้มไม่ไหวเลยค่ะ” บัตตี้ที่ทดลองอุ้มบิวเป็นคนแรกเอ่ยขึ้น แปลกมาก…ตัวเล็กๆอย่างเธอไม่น่าจะมีน้ำหนักที่มหาศาลขนาดนี้
“ไม่เป็นไรฮึบ!!” โรบิ้นออกแรงช้อนตัวบิวให้ขึ้นมาอยู่ในอ้อมแขนก่อนจะวิ่งผ่านผู้คนมากมายลงบันไดไปห้องพยาบาลอย่างรวดเร็ว
“เฮ้ย! ไอ้บิ้น มึงจะทำอะไร นั่นน้องผู้หญิงนะเว้ย!” แต๋มที่ออกมาจากห้องเอกแล้วแล้วเห็นโรบิ้นพอดี เธอตะโกนเรียกแต่ไม่ทันเสียแล้ว
“น้องบอม…เมื่อกี้พี่เขามาเหรอ?” แอน(Ankicis)เดินมาถามบอมอย่างสงสัย เธออยากทำให้ตัวเองมั่นใจว่าสิ่งที่ตนคิด มันเป็นจริงหรือไม่
“ค่ะ พี่เขามาตั้งแต่ยืนไว้อาลัยแล้ว”
“อ๋อ อื้ม…” แอนตอบแล้วมองไปทางบันไดที่โรบิ้นวิ่งลงไปเมื่อกี้นี้ เป็นไปตามที่คิด…พี่ฟิวส์มาจริงๆ…เพราะตอนที่ยืนไว้อาลัย จู่ๆขนก็ลุกอย่างไม่มีสาเหตุ ปกติขนของเธอจะลุกก็ต่อเมื่อปวดถ่ายหนักเท่านั้น
ทุกคนที่อยู่รอบบริเวณก็เริ่มสลายตัวออกไปพร้อมกับเสียงพูดคุย และประเด็นที่พูดก็หนีไม่พ้นเรื่องพี่ฟิวส์…กับบิว
แต่ก็ยังมีคนที่นอกประเด็นอยู่นะ
“เฮ้ยแก…เมื่อกี้นี้มึงเห็นป่ะ ที่พี่โรบิ้นช้อนตัวอีบิวขึ้นไปอุ้มน่ะ อย่างกับพระเอกแน่ะ!” คุกกี้(คุกกี้คามุอิ)สาวน้อยดาวเรืองที่ไม่เคยกล่าวถึง เธอหัวเราะคิกคักแล้วตบไหล่มอนม่อน(amonchawin)อย่างเขินๆ ทำเหมือนตัวเองเป็นคนถูกอุ้มอย่างนั้นแหละ
มอนม่อนก็คือสาวดาวเรืองที่ไม่เคยเอ่ยถึงเช่นกัน(ทั้งสองคนนี้มาเป็นตัวประกอบคนละ 20 บาท)เธอเป็นสาวร่างเล็กผิวขาวหน้าตาจิ้มลิ้ม ถ้าลองกระเทยคนนี้แล้วจะติดใจ
“2คนนั้นเขากิ๊กกั๊กกันอยู่ไม่ใชเหรอ?” มอนม่อนแสดงความคิดแล้วเสยผม1ที วันนี้เธอมั่นใจในทรงผมของตัวเองมาก เด้งยิ่งกว่าลูกเด้งเสียอีก
“จริงเหรอ? ข่าวมึงมั่วเปล่า?” คุกกี้ขมวดคิ้วไม่เชื่อ ก็สิ่งที่มอนม่อนพูดมันเชื่อถือได้ที่ไหนล่ะ นางเป็นกระเทยที่ชอบเพ้อเจ้อ คุยกับนางก็เหมือนคุยกับคนบ้า
และบทตัวประกอบก็จบลงเท่านี้
มาดูตัวเอกของเรากันดีกว่า
“เชี่ย…ขนลุกเลยว่ะ มึงรู้ตั้งแต่เมื่อไหร่วะ?” คุณจุ๊บถามบอมขณะเดินลงบันไดเพื่อไปเอารถ คุณจุ๊บเตรียมจะกลับบ้านแล้ว ไม่อยากอยู่ที่นี่นาน อากาศมันร้อน!
“พี่เขาน่าจะมากับพี่เพลง พอยืนไว้อาลัยปุ๊บ ห้องแม่งก็เย็นทันที ตอนแรกพี่เขาจะเข้าแมว(khanom_thai)คนที่เป็นร่างทรง แต่แมวไม่ให้เข้า ก็เลยมาหากูแทน กูก็ฝืน ก็ไม่ให้เข้า สุดท้ายก็ไปลงที่บิว”
“ทำไมถึงเข้าบิวได้วะ มันไม่ได้เป็นเข้าทรงนี่ หรือมันก็มีองค์?” คุณจุ๊บขมวดคิ้วจนผูกกันเป็นเงื่อน มันยังไงกันแน่?
“บิวมันไม่สบาย เป็นโรคหลายโรค อ่อนแอ แล้วก็ขวัญอ่อนเหมือนกู…” บอมอธิบายช้าๆจนลงมาถึงชั้นล่างสุด
“เออ…แล้วมึงจะไปไหนต่อปะ?” คุณจุ๊บถามบอมเมื่อมาถึงชั้นล่างสุดพลางล้วงกระเป๋าของตัวเองเพื่อหากุญแจรถ
“เดี๋ยวก่อน มึงอย่าเพิ่งกลับ ไปส่งกูดูบิวหน่อย กูเป็นห่วงมันว่ะ” คุณจุ๊บเห็นเพื่อนสีหน้าไม่ค่อยดีและดูเหมือนเธอจะเป็นห่วงบิวมากจริงๆ จุ๊บจึงตัดสินใจเก็บกุญแจรถไว้ที่เดิมแล้วพอบอมมายังห้องพยาบาล ใจหนึ่งเธอก็อยากกลับบ้าน แต่อีกใจก็อยากรู้ว่าพี่ฟิวส์เป็นยังไงบ้าง (สนผีมากกว่าเพื่อน)
ห้องพยาบาล
“เป็นไงบ้างคะ?” บอมถามโรบิ้นที่เพิ่งเดินออกจากห้องมา
“ยังร้องไห้อยู่นะ เพื่อนของน้องบิวก็เข้าไปดูอาการอยู่ น้องบอมลองเข้าไปดูสิ พี่ไม่รู้เรื่องพวกนี้” โรบิ้นยิ้มให้เล็กน้อยแล้วก้มลงใส่รองเท้า
“แต่ตัวบิวหนักมากจริงๆนะ แหะๆ” เขาทิ้งท้ายไว้แค่นั้นแล้วเดินจากไป
คุณจุ๊บและบอมก้าวมาในห้องและสำรวจดูรอบๆ ภายในห้องเย็นเฉียบเพราะเครื่องปรับอากาศทำได้ดีเกินคาด เข้ามาได้ไม่กี่วินาทีก็รู้สึกหนาวแล้ว
“เป็นไงบ้าง” บอมขึ้นไปนั่งบนเตียงคนไข้ข้างๆบิวที่นั่งสั่งงันงก
“…” เธอไม่ตอบ มีแค่เสียงสะอื่นเท่าที่ผ่านลำคอของเธอออกมา
เธอยังร้องไห้ไม่หยุดโดยมีบอมนี่งจับมือเธอเป็นเพื่อนอยู่ข้างๆ พยาบาลคิดว่าเธอน่าจะไม่สบายหนักถึงได้ร้องไห้ออกมาแบบนี้ นี่ไม่ใช่เด็กแล้วนะที่จะมาร้องไห้เพราะไม่สบายแบบนี้
พยาบาลสอบถามข้อมูลพื้นฐานของเธอกับเพื่อน เพื่อนำไปเขียนในใบอะไรสักอย่าง ถามเกี่ยวกับยาที่ใช้และโรคประจำตัว อาการแบบนี้ควรเรียกผู้ปกครองมารับกลับบ้านนะ…
“เป็นแบบนี้นานๆจะเป็นอะไรไหมวะ?” คุณจุ๊บถามบอมอย่างเป็นห่วง มาก็มาเฉยๆ ไม่ได้ช่วยให้อะไรมันดีขึ้นเลย
“เป็นสิ ขนาดองค์กูลงกูยังเพลียเลย แล้วยิ่งมาเป็นบิวอีก…” บอมมองหน้าบิวอย่างเป็นห่วงก่อนจะถอดสร้อยพระของเธออกมา
“เอ้า ใส่นี่ไปก่อนนะ มันอาจช่วยได้บ้าง” เธอนำสร้อยของเธอคล้องคอบิวที่นั่งปาดน้ำตาอย่างช้าๆ กลัวว่าร่างกายเธอจะไม่ไหว ยิ่งเป้นคนอ่อนแอนอยู่…
“ถอดออกแบบนั้นแล้วมึงจะไม่เป็นอะไรเหรอ?”
“ให้บิวใส่ก่อนเถอะ” ตอนนี้บอมไม่ห่วงตัวเองแล้ว เธอห่วงเพื่อนเธอมากกว่า
ไม่นานบิวก็สงบ…
“เป็นไงบ้าง?”
“มันจุกที่อก เหมือนกับมีอะไรแข็งๆมาแทงจนหายใจไม่ออก…” บิวอธิบายความรู้สึกที่เกิดขึ้นกับตัวเอง เธอก็ไม่เข้าใจว่ามันเกิดขึ้นได้ยังไง
“กลับบ้านก็เอาพระติดตัวมาด้วยนะ ครั้งแล้วครั้งนึงก็เหมือนเป็นการเปิดทาง เดี๋ยวก็มีครั้งต่อไปอีก”
“อืม…” บิวตอบอย่างว่าง่าย เธอกลัวว่าสิ่งเหล่านี้จะเกิดขึ้นกับตัวเธออีก มันทรมานและเจ็บปวดมาก
“นอนก่อนนะ เดี๋ยวบอมต้องไปแล้ว”
“อย่าเพิ่ง…” บิวรั้งแขนบอมเอาไว้ “อยู่เป็นเพื่อนกันก่อน…”
บอมที่เห็นบิวกลัวจนตัวสั่นจึงพยักหน้ากลับแล้วนั่งเป็นเพื่อนจนกว่าร่างบางจะนอนหลับไป
…อ…ออ!!
จู่ๆบิวที่นอนนิ่งอยู่ก็ลุกขึ้นแล้วทำท่าเหมือนจะอ้วก เธอพยายามเอาสิ่งที่อยู่ในท้องเธอออกมา
“เดี๋ยวๆอย่าเพิ่งอ้วก กระโถนอยู่ไหนวะ!” คุณจุ๊บกลัวว่ามันเลอะพื้นแล้วมองหากระโถนที่น่าจะซ่อนอยู่ใต้เตียง แต่ไม่มี
“มึงๆ ไม่ต้องหาหรอก มันไม่อ้วกหรอก” บอมที่นั่งลูบหลังให้บิวโบกมือห้ามเป็นสัญลักษณ์ว่าไม่ต้อง เอ้า! ก็เห็นอยู่ว่ามันจะอ้วก ดูลิ้นมันจะหลุดออกมาจากปากแล้วยังไม่ให้หากระโถนอีก?
“ทำตามที่บอมบอกเถอะแจง กูก็ว่าบิวมันไม่อ้วกหรอก” รากิที่ยืนเฝ้าเพื่อนเห็นด้วยกับความคิดบอม มันยังไงกันแน่?
“หมายความว่าไง?”
“ดูไปเถอะ”
เสียงขับของเลวที่อยู่ในตัวทั้งติดต่อกันนานหลายนาที แต่ก็ไม่มีท่าทีว่าจะมีของเหลวออกมาจากปากของบิวเลยสักนิด เธอร้องไห้หนักมากกว่าเดิมแล้วดิ้นสุดแรงจนบอมต้องถอยห่าง เธอเอามือทุบอกตัวเองแล้วร้องไห้เสียงดังจนพยาบาลกลัว แล้วก็มีคำๆหนึ่งหลุดออกมาจากปากของเธอ
“เสาไฟฟ้า…” เธอพูดออกมาด้วยเสียงยานคาง และท่าทางของเธอก็สงบลงกว่าเดิมแล้วด้วย
‘เสาไฟฟ้า’
เขาขับรถรถชนเสาไฟฟ้าเหล็กแทงทะลุอก
ที่บอกว่าเจ็บ จุกอก เหมือนมีของแข็งมากระแทกอย่างแรงคงหมายถึงเหล็กที่แทงอกในอุบัติเหตุ หมายความว่าสิ่งที่บิวสัมผัสได้ในตอนนี้คือ เป็นความรู้สึกเของพี่ฟิวส์ก่อนก่อนตาย…
“อืม…รู้แล้ว เสาไฟฟ้า…” บอมเข้าไปนั่งข้างๆบิวอีกครั้งแล้วลูบหลังไปมาเหมือนกำลังปลอบอีกคนที่อยู่ในตัวของเธอ
“..ม…แม่…” สิ้นประโยคนั้นเธอก็ร้องหนักกว่าเดิม รู้สึกสงสาร…สงสารคนที่อยู่ในตัวของบิว
“อืม…แม่…คิดถึงแม่เหรอ?”
บอมปลอบบิวที่นั่งร้องไห้อยู่นาน เธอทำท่าเหมือนจะอ้วกอยู่หลายครั้งแต่ก็ไม่มีอะไรออกมา เธอร้องไห้หนักและมากขึ้นเรื่อยๆ เป็นแบบนี้นานๆมันจะดีต่อคนที่มีร่างกายอ่อนแออย่างบิวเหรอ?
“เฮ้ย…กูสงสารบิวว่ะ” คุณจุ๊บโพล่งขึ้น และรากิที่ยืนอยู่ข้างๆคุณจุ๊บก็คิดเช่นเดียวกัน เธอไม่อยากเห็นเพื่อนต้องทรมานแบบนี้อีกแล้ว
“โอ๋ๆ พี่ออกจากตัวน้องก่อนนะ ออกก่อน น้องเขาไม่ไหวแล้ว…” บอมยกมือขึ้นทำอะไรสักอย่างกับศีรษะของบิวคล้ายกับการนวดพร้อมกับพูดบอกให้พี่เขาออกจากตัวบิว
ฮึก…
เสียงสะอื้นยังดังอยู่ แต่เธอกลับมาเป็นปกติแล้ว
“หายแล้วใช่ไหม?” บอมถาม
“อืม…หายแล้ว”
“แล้วเมื่อกี้จะอ้วกล่ะ หมายความว่าไง?” คุณจุ๊บถามด้วยความสงสัย เธอไม่เข้าใจว่าทำไมถึงำม่มีอะไรออกมาเลย
“ความจริงไม่ได้อยากอ้วก แต่เหมือนมันมีอะไรติดคอ…มันจุกไปหมดทั้งอก เหมือนมีอะไรบางเสียบเข้ามา…มันเจ็บ และทรมาน…จนอยากอ้วก มันเหมือนกับ…กระอักเลือด”
เธออธิบายให้ฟังก่อนจะนอนหลับไป…
บิวที่ที่มีร่างกายอ่อนแอ ถูกพี่เขายืมใช้ร่างนานก็มีอ่อนเพลียบ้างเป็นธรรมดา ใครจะรู้ว่าคนขี้โรคจะถูกสิงง่ายขนาดนี้…
เมื่อวันบูมให้พี่บัณฑิตที่ศึกษาจบมาถึง
พี่เขาก็อุ้มรูปของพี่ฟิวส์เข้ามาในซุ้มด้วย...
นำเข้ามาให้น้องๆบูม เพื่อเป็นของขวัญให้
และให้รู้ว่าตัวเองเรียนจบแล้ว...
ปล.มีคำผิดขออภัยเด้อ เขียนเเล้วลงเลย ไม่ได้อ่านทบทวน
ไว้ตื่นเเล้วจะมาเเก้ให้ =_=
บัยยยยยยยย
-End-
วันพุธ 11.30
ที่ห้องเอก
ห้องเอกคือห้องของสาขา เราจะต้องขึ้นห้องเอกทุกวันพุธเวลา 11 โมง
เพื่ออะไร? =_=
“เอ้าน้องๆสวัสดีพี่ปี5หน่อย”
“สวัสดีค่ะพี่เพลง(Beat jumper)” หลังจากที่พี่แต๋ม(acertam)พูดจบ น้องๆที่น่ารักทั้งหลายก็กล่าวสวัสดีพี่เพลงอย่างพร้อมเพรียง จริงๆสาขานี้เรียนแค่4ปีก็จบแล้ว เพราะฉะนั้นพี่ปี5ไม่มีแน่นอน ที่แต๋มพูดนั่นเป็นมุกต่างหาก
“ปี5อะไรล่ะ ฉันจบแล้วนะ” สาวน้อยหน้าตาจิ้มลิ้มชื่อเพลงรีบแก้ข่าวทันที เธอกลัวน้องๆจะเข้าใจผิดว่าตนยังเรียนไม่จบ สาวน้อยคนนี้เป็นคนที่อารมณ์ดี ขี้เล่น เป็นมิตรกับคนอื่น เธอมักจะมาดูน้องๆรับน้องบ่อยๆจนเด็กปี1จำชื่อเธอได้ครบทุกคน
“ขอโทษค่ะพี่เพลง เชิญเลยค่ะ แหะๆ” แต๋มหลีกทางให้เพลงเดินไปหน้ากระดาน
เมื่อเพลงไปถึง น้องทุกคนก็เงียบลง...
“วันนี้พี่มีข่าวร้าย…” เธอเว้นช่วงให้ความเงียบครอบงำ นักศึกษาปี1ตรงหน้าตั้งหน้าตั้งตาฟังอย่างตั้งใจ
“รุ่นพี่ของพวกเธอประสบอุบัติเหตุรถชนเสียชีวิต… เขาเป็นคนดี ขยัน…และเป็นเพื่อนของพี่เอง…” รอยยิ้มบนใบหน้าของคนขี้เล่นอย่างพี่เพลงเริ่มจางลง
“พี่เขาชื่อฟิวส์ กำลังจะรับปริญญาในอีก 3 เดือนที่จะถึงนี้ เขาเป็นคนขยันมาก ทำงานเก่งและเรียนดี” เสียงของเพลงเริ่มสั่น เธอพยายามบังคับไม่ให้น้ำตาไหลออกมา
“ช่วงหยุดยาว เขาไปทำงานต่างหวัด…หลังจากที่ฟิวส์ไปส่งลูกค้าและกำลังจะกลับบ้านเกิดเพื่อมารับปริญญา คนที่ขับรถให้ฟิวส์เขารีบหรือง่วงก็ไม่แน่ใจ เขาขับรถรถชนเสาไฟฟ้าเหล็กแทงทะลุอก ฟิวส์ตาย แต่คนขับรอด…ฟิวส์ไม่มีโอกาสได้กลับมารับปริญญาแล้ว…เขาเป็นคนดีมากเลยนะ ยังมีอนาคตที่ดี หลายวันก่อนเรายังโทร.คุยกันอยู่เลย แล้ววันนี้….” เพลงยกมือขึ้นปาดน้ำตาออก เธอพยายามกลั้นมันเอาไว้อย่างสุดความสมารถ…
“พี่ฟิวส์เขารักน้องๆมากเลยนะ ตอนที่ยังรับน้องอยู่ ฟิวส์มันก็มาดู ยังมานั่งหัวเราะด้วยกันอยู่เลย”
“ใครวะ ทำไมกูไม่เคยเห็น” คุณจุ๊บหันไปถามเพื่อนที่นั่งข้างๆ และคำตอบก็คือ ‘ไม่รู้’ สงสัยพี่คนนี้ไม่ค่อยปรากฏให้เห็นบ่อยๆ ที่เห็นบ่อยสุดก็คงจะเป็นพี่เพลง เพราะพี่เขามาช่วยงานตลอดเลย
“ทำไมพวกเธอจะไม่เคยเห็น คนที่สูงๆ ผมยาวๆ ผิวแทนๆหน่อยน่ะ” เพลงอธิบายรูปร่างลักษณะของเพื่อนอย่างตั้งใจ เธอมั่นใจว่าน้องต้องเห็นและจำได้
บางคนก็บอกว่าเคยเห็น บางคนก็เคยเข้าไปทัก แต่ก็มีหลายคนที่นึกหน้าพี่เขาไม่ออกเลย
“พี่ก็ไม่มีอะไรจะพูดแล้ว…แต่พี่ขอให้น้องๆทุกคนลุกขึ้น แล้วยืนไว้อาลัยให้พี่ฟิวส์เป็นเวลา 1 นาทีอยากให้พี่เขาได้รู้ว่าน้องยังจำได้ ยังรักและคิดถึง ถึงแม้ว่าวันนี้จะไม่ได้อยู่ด้วยกันก็ตาม” เมื่อพูดจบ น้องปี1ก็ลุกขึ้น พี่ๆปี 2 และ 3 ที่อยู่ข้างนอกก็ยืนขึ้นเช่นกัน ทุกคนก้มหน้าแล้วหลับตาลง ภาวนาให้พี่ฟิวส์ที่จากไป ไปสู่ในภพที่ดี
ลมร้อนพัดผ่านเข้ามาทางประตูห้อง ทั้งที่อากาศร้อนแต่กลับรู้สึกเย็นแปลกๆ…
ทั้งห้องเงียบสงบ เงียบ…จนน่าขนลุก…
“ลืมตาได้…พี่เชื่อว่าฟิวส์อยู่ในห้องนี้และได้รับความรู้สึกที่น้องๆส่งให้เขาแล้ว…” เพลงพูดขึ้นแล้วมองไปรอบๆ
“เอ้า ปี2มีอะไรจะพูดกับน้องก็พูดซะ” หลังจากนั้นเพลงก็เรียกปี2ให้มาชี้แจงรายละเอียด ถามสารทุกข์สุกดิบกับน้องๆ
11.40
“บอม มึงมีเรียนต่อปะ?” พอออกจากห้องเอกปุ๊บ คุณจุ๊บก็เปิดปากคุยทันที ก็อยู่ในห้องเอกมันพูดไม่ได้นี่
“มี แล้วมึงล่ะ?”
“ไม่มี กูว่าจะกลับบ้านแล้ว ขี้เกียจอยู่นาน” คุณจุ๊บบิดขี้เกียจหลังจากเนื่องจากเมื่อยเพราะนั่งนานก่อนจะเดินตรงไปที่บันได
แล้วเธอก็เหลือบไปเห็นเพื่อนผู้หญิง 3-4 คน กำลังล้อมวงมุงดูอะไรบางอย่าง…
“ออกไปก่อน เดี๋ยวบิวหายใจไม่ออก” รากิ(Raki_blueguy) สาวน้อยดาวเรืองร่างบางกันคนให้ออกห่างจากเพื่อนรักของเธอที่ชื่อ บิว(kanaki)
“อะไรวะ…บิวมันเป็นลมอีกแล้วเหรอ?” คุณจุ๊บพูดขึ้นมาเบาๆแล้วมองไปยังกลุ่มคนที่ค่อยๆออกห่างจากตัวบิวตามคำสั่งของรากิ
บิวเป็นคนบอบบาง ตัวเล็กและอ่อนแอ เธอเป็นทั้งโรคหัวใจ ภูมิแพ้ หืดหอบและไมเกรน ไม่แปลกที่คนสุขภาพร่างกายไม่ค่อยแข็งแรงอย่างเธอจะเป็นลมง่าย
เมื่อคุณจุ๊บเห็นดังนั้นก็ไม่สนใจอะไร อีกเดี่ยวก็หายเอง ที่เป็นแบบนี้เพราะบิวไม่ทานยาจากบ้านมาหรือเปล่า?
“เดี๋ยว พากูไปหาบิวหน่อย” บอมที่เห็นคุณจุ๊บกำลังเดินลงบันไดก็รีบคว้ามือแล้วลากมาทันที ‘จะไปดูมันทำไมวะ กูอยากกลับบ้านจะตายอยู่แล้ว!’
“บิว...มึงไหวไหมเนี่ย” รากิทั้งพัดทั้งยื่นยาดมให้ดม แต่อาการของบิวไม่ดีขึ้นเลย เธอหายใจติดขัดแล้วน้ำตาก็ไหลออกมาไม่หยุด …เป็นหืดหอบแค่นี้ถึงกับน้ำตาไหลเลยเหรอ?
“รากิ บิวเป็นอะไรวะ?”
“ไม่รู้ น่าจะเป็นลม อยู่ดีๆก็ล้มลงไปเลยอ่ะ” รากิตอบคำถามคุณจุ๊บพลางโบกพัดในมือไปด้วย
ปึก!
บิวที่นั่งอยู่ตรงหน้าทุบอกตัวเองพร้อมกับน้ำตาที่ไหลออกมาอย่างไม่ขาดสาย ขนตาที่งอนยาวเปียกชุ่มไปหมด สีหน้าของเธอแสดงถึงความเจ็บปวด…
“บิว…หายใจไม่ออกเหรอ ยาอยู่ไหน? เอายามาหรือเปล่า?” รากิถามสาวน้อยที่นั่งอยู่ตรงหน้า แต่เธอไม่ตอบ…เธอเอาแต่ก้มหน้างุดแล้วร้องไห้ออกมา
“บอม บิวมันเป็นอะไรวะ?” คุณจุ๊บถามบอมด้วยความสงสัย คนอื่นๆก็เริ่มมามุงดูบิวมากขึ้นเรื่อยๆ ไม่เคยเห็นคนเป็นลมหรือไง?!
“หึ…” บอมส่งยิ้มแทนคำตอบ ทำเอาคุณจุ๊บขมวดคิ้วงุนงงกับคำตอบที่ได้
หญิงร่างบางตรงหน้าร้องไห้หนักมากขึ้นเรื่อยๆจนรากิต้องไล่ให้คนที่ยืนมุงออกไปพ้นๆ เพื่อนสาวดาวเรืองพยายามค้นหายาประจำตัวของบิวในกระเป๋าแต่ก็หาไม่เจอ ทำไมเธอไม่พกยาติดตัวมาด้วยเนี่ย!
“เจ็บ…” เสียงครางด้วยความเจ็บปวดเล็ดลอดออกมาจากลำคอ มือข้างหนึ่งขยำคอเสื้อของตัวเอง ส่วนอีกข้างก็กำมือไว้แน่น
“บิว…ที่เป็นอยู่ตอนนี้ ไม่ใช่ตัวบิวใช่ไหม?” บอมเดินเข้าไปถามอย่างใจเย็น บิวที่นั่งก้มหน้าก็ค่อยๆเงยขึ้นมองบอมแล้วพนักหน้าตอบอย่างช้าๆ ดวงตาของเธอแดงก่ำ ผมเผ้ารกรุงรังไม่เป็นทรง และน้ำตาก็เลอะใบหน้าไปหมด
“เจ็บ…” เธอร้องออกพร้อมกับทุบอกตัวเองอีกครั้ง
“เฮ้ย! มึงเลิกทุบตัวเองได้แล้ว!” รากิคว้ามือของบิวไว้ไม่ให้ทำร้ายตัวเองอีก เธอเป็นห่วงเพื่อนมาก ตอนนี้เพื่อนของเธอเป็นอะไรกันแน่
“ไม่ต้องฝืน…ปล่อยตัวตามสบายเลยบิว…” บอมพูดอีกครั้ง เมื่อสิ้นเสียงพูดของบอม…
ฮึก…
บิวร้องไห้หนักยิ่งกว่าเดิมและรุนแรงมากขึ้น เธอยกมือทั้งสองข้างขึ้นกุมอกตัวเองแล้วลงไปนอนขดตัวอยู่กับพื้น เธอพูดแค่คำว่า ‘เจ็บ’ วนไปมาหลายครั้ง คนที่อยู่รอบๆเข้าไปประคองเธอให้ลุกขึ้น แต่แปลกที่ร่างเล็กๆอย่างเธอกลับมีน้ำหนักมากจนคนคนเดียวอุ้มไม่ไหว เหมือนกับว่านั่นไม่ใช่น้ำหนักของเธอแค่คนเดียว
“น้องครับ พี่ขอทางหน่อย …เกิดอะไรขึ้น? น้องบิวเป็นอะไร?” ชายร่างสูงแทรกตัวเข้ามาดูอาการของสาวน้อยที่นอนอยู่กับพื้น
“พี่โรบิ้นคะ คือว่า…” บอมพยายามจะอธิบายเรื่องที่เกิดแต่ก็ไม่กล้าพูด เธอมองบิวอย่างเป็นห่วงแต่ไม่สามารถทำอะไรได้ คงต้องรอให้หายเอง…
“ไม่ไหวแล้ว….” เสียงครวญครางที่ขาดหายเป็นห้วงๆออกมาจากปากน้อยๆของเธอ เรียกความสนใจจากชายที่พุ่งตัวเข้ามาเมื่อกี้ได้เป็นอย่างดี
“พี่ไม่รู้หรอกนะว่าสิ่งที่พี่คิดจะเหมือนกับสิ่งที่น้องบอมคิดหรือเปล่า แต่ตอนนี้ถ้าปล่อยให้น้องบิวเป็นแบบนี้ต่อไปมันไม่ดีแน่ น้องเขาไม่สบายด้วยไม่ใช่เหรอ รีบพาไปห้องพยาบาลก่อนเถอะ” โรบิ้นเข้ามาประคองร่างของบิวให้อยู่ในอ้อมแขนโดยไม่ลังเล
“พี่คะ อยู่ดีๆตัวของบิวก็หนักมาก หนูยังอุ้มไม่ไหวเลยค่ะ” บัตตี้ที่ทดลองอุ้มบิวเป็นคนแรกเอ่ยขึ้น แปลกมาก…ตัวเล็กๆอย่างเธอไม่น่าจะมีน้ำหนักที่มหาศาลขนาดนี้
“ไม่เป็นไรฮึบ!!” โรบิ้นออกแรงช้อนตัวบิวให้ขึ้นมาอยู่ในอ้อมแขนก่อนจะวิ่งผ่านผู้คนมากมายลงบันไดไปห้องพยาบาลอย่างรวดเร็ว
“เฮ้ย! ไอ้บิ้น มึงจะทำอะไร นั่นน้องผู้หญิงนะเว้ย!” แต๋มที่ออกมาจากห้องเอกแล้วแล้วเห็นโรบิ้นพอดี เธอตะโกนเรียกแต่ไม่ทันเสียแล้ว
“น้องบอม…เมื่อกี้พี่เขามาเหรอ?” แอน(Ankicis)เดินมาถามบอมอย่างสงสัย เธออยากทำให้ตัวเองมั่นใจว่าสิ่งที่ตนคิด มันเป็นจริงหรือไม่
“ค่ะ พี่เขามาตั้งแต่ยืนไว้อาลัยแล้ว”
“อ๋อ อื้ม…” แอนตอบแล้วมองไปทางบันไดที่โรบิ้นวิ่งลงไปเมื่อกี้นี้ เป็นไปตามที่คิด…พี่ฟิวส์มาจริงๆ…เพราะตอนที่ยืนไว้อาลัย จู่ๆขนก็ลุกอย่างไม่มีสาเหตุ ปกติขนของเธอจะลุกก็ต่อเมื่อปวดถ่ายหนักเท่านั้น
ทุกคนที่อยู่รอบบริเวณก็เริ่มสลายตัวออกไปพร้อมกับเสียงพูดคุย และประเด็นที่พูดก็หนีไม่พ้นเรื่องพี่ฟิวส์…กับบิว
แต่ก็ยังมีคนที่นอกประเด็นอยู่นะ
“เฮ้ยแก…เมื่อกี้นี้มึงเห็นป่ะ ที่พี่โรบิ้นช้อนตัวอีบิวขึ้นไปอุ้มน่ะ อย่างกับพระเอกแน่ะ!” คุกกี้(คุกกี้คามุอิ)สาวน้อยดาวเรืองที่ไม่เคยกล่าวถึง เธอหัวเราะคิกคักแล้วตบไหล่มอนม่อน(amonchawin)อย่างเขินๆ ทำเหมือนตัวเองเป็นคนถูกอุ้มอย่างนั้นแหละ
มอนม่อนก็คือสาวดาวเรืองที่ไม่เคยเอ่ยถึงเช่นกัน(ทั้งสองคนนี้มาเป็นตัวประกอบคนละ 20 บาท)เธอเป็นสาวร่างเล็กผิวขาวหน้าตาจิ้มลิ้ม ถ้าลองกระเทยคนนี้แล้วจะติดใจ
“2คนนั้นเขากิ๊กกั๊กกันอยู่ไม่ใชเหรอ?” มอนม่อนแสดงความคิดแล้วเสยผม1ที วันนี้เธอมั่นใจในทรงผมของตัวเองมาก เด้งยิ่งกว่าลูกเด้งเสียอีก
“จริงเหรอ? ข่าวมึงมั่วเปล่า?” คุกกี้ขมวดคิ้วไม่เชื่อ ก็สิ่งที่มอนม่อนพูดมันเชื่อถือได้ที่ไหนล่ะ นางเป็นกระเทยที่ชอบเพ้อเจ้อ คุยกับนางก็เหมือนคุยกับคนบ้า
และบทตัวประกอบก็จบลงเท่านี้
มาดูตัวเอกของเรากันดีกว่า
“เชี่ย…ขนลุกเลยว่ะ มึงรู้ตั้งแต่เมื่อไหร่วะ?” คุณจุ๊บถามบอมขณะเดินลงบันไดเพื่อไปเอารถ คุณจุ๊บเตรียมจะกลับบ้านแล้ว ไม่อยากอยู่ที่นี่นาน อากาศมันร้อน!
“พี่เขาน่าจะมากับพี่เพลง พอยืนไว้อาลัยปุ๊บ ห้องแม่งก็เย็นทันที ตอนแรกพี่เขาจะเข้าแมว(khanom_thai)คนที่เป็นร่างทรง แต่แมวไม่ให้เข้า ก็เลยมาหากูแทน กูก็ฝืน ก็ไม่ให้เข้า สุดท้ายก็ไปลงที่บิว”
“ทำไมถึงเข้าบิวได้วะ มันไม่ได้เป็นเข้าทรงนี่ หรือมันก็มีองค์?” คุณจุ๊บขมวดคิ้วจนผูกกันเป็นเงื่อน มันยังไงกันแน่?
“บิวมันไม่สบาย เป็นโรคหลายโรค อ่อนแอ แล้วก็ขวัญอ่อนเหมือนกู…” บอมอธิบายช้าๆจนลงมาถึงชั้นล่างสุด
“เออ…แล้วมึงจะไปไหนต่อปะ?” คุณจุ๊บถามบอมเมื่อมาถึงชั้นล่างสุดพลางล้วงกระเป๋าของตัวเองเพื่อหากุญแจรถ
“เดี๋ยวก่อน มึงอย่าเพิ่งกลับ ไปส่งกูดูบิวหน่อย กูเป็นห่วงมันว่ะ” คุณจุ๊บเห็นเพื่อนสีหน้าไม่ค่อยดีและดูเหมือนเธอจะเป็นห่วงบิวมากจริงๆ จุ๊บจึงตัดสินใจเก็บกุญแจรถไว้ที่เดิมแล้วพอบอมมายังห้องพยาบาล ใจหนึ่งเธอก็อยากกลับบ้าน แต่อีกใจก็อยากรู้ว่าพี่ฟิวส์เป็นยังไงบ้าง (สนผีมากกว่าเพื่อน)
ห้องพยาบาล
“เป็นไงบ้างคะ?” บอมถามโรบิ้นที่เพิ่งเดินออกจากห้องมา
“ยังร้องไห้อยู่นะ เพื่อนของน้องบิวก็เข้าไปดูอาการอยู่ น้องบอมลองเข้าไปดูสิ พี่ไม่รู้เรื่องพวกนี้” โรบิ้นยิ้มให้เล็กน้อยแล้วก้มลงใส่รองเท้า
“แต่ตัวบิวหนักมากจริงๆนะ แหะๆ” เขาทิ้งท้ายไว้แค่นั้นแล้วเดินจากไป
คุณจุ๊บและบอมก้าวมาในห้องและสำรวจดูรอบๆ ภายในห้องเย็นเฉียบเพราะเครื่องปรับอากาศทำได้ดีเกินคาด เข้ามาได้ไม่กี่วินาทีก็รู้สึกหนาวแล้ว
“เป็นไงบ้าง” บอมขึ้นไปนั่งบนเตียงคนไข้ข้างๆบิวที่นั่งสั่งงันงก
“…” เธอไม่ตอบ มีแค่เสียงสะอื่นเท่าที่ผ่านลำคอของเธอออกมา
เธอยังร้องไห้ไม่หยุดโดยมีบอมนี่งจับมือเธอเป็นเพื่อนอยู่ข้างๆ พยาบาลคิดว่าเธอน่าจะไม่สบายหนักถึงได้ร้องไห้ออกมาแบบนี้ นี่ไม่ใช่เด็กแล้วนะที่จะมาร้องไห้เพราะไม่สบายแบบนี้
พยาบาลสอบถามข้อมูลพื้นฐานของเธอกับเพื่อน เพื่อนำไปเขียนในใบอะไรสักอย่าง ถามเกี่ยวกับยาที่ใช้และโรคประจำตัว อาการแบบนี้ควรเรียกผู้ปกครองมารับกลับบ้านนะ…
“เป็นแบบนี้นานๆจะเป็นอะไรไหมวะ?” คุณจุ๊บถามบอมอย่างเป็นห่วง มาก็มาเฉยๆ ไม่ได้ช่วยให้อะไรมันดีขึ้นเลย
“เป็นสิ ขนาดองค์กูลงกูยังเพลียเลย แล้วยิ่งมาเป็นบิวอีก…” บอมมองหน้าบิวอย่างเป็นห่วงก่อนจะถอดสร้อยพระของเธออกมา
“เอ้า ใส่นี่ไปก่อนนะ มันอาจช่วยได้บ้าง” เธอนำสร้อยของเธอคล้องคอบิวที่นั่งปาดน้ำตาอย่างช้าๆ กลัวว่าร่างกายเธอจะไม่ไหว ยิ่งเป้นคนอ่อนแอนอยู่…
“ถอดออกแบบนั้นแล้วมึงจะไม่เป็นอะไรเหรอ?”
“ให้บิวใส่ก่อนเถอะ” ตอนนี้บอมไม่ห่วงตัวเองแล้ว เธอห่วงเพื่อนเธอมากกว่า
ไม่นานบิวก็สงบ…
“เป็นไงบ้าง?”
“มันจุกที่อก เหมือนกับมีอะไรแข็งๆมาแทงจนหายใจไม่ออก…” บิวอธิบายความรู้สึกที่เกิดขึ้นกับตัวเอง เธอก็ไม่เข้าใจว่ามันเกิดขึ้นได้ยังไง
“กลับบ้านก็เอาพระติดตัวมาด้วยนะ ครั้งแล้วครั้งนึงก็เหมือนเป็นการเปิดทาง เดี๋ยวก็มีครั้งต่อไปอีก”
“อืม…” บิวตอบอย่างว่าง่าย เธอกลัวว่าสิ่งเหล่านี้จะเกิดขึ้นกับตัวเธออีก มันทรมานและเจ็บปวดมาก
“นอนก่อนนะ เดี๋ยวบอมต้องไปแล้ว”
“อย่าเพิ่ง…” บิวรั้งแขนบอมเอาไว้ “อยู่เป็นเพื่อนกันก่อน…”
บอมที่เห็นบิวกลัวจนตัวสั่นจึงพยักหน้ากลับแล้วนั่งเป็นเพื่อนจนกว่าร่างบางจะนอนหลับไป
…อ…ออ!!
จู่ๆบิวที่นอนนิ่งอยู่ก็ลุกขึ้นแล้วทำท่าเหมือนจะอ้วก เธอพยายามเอาสิ่งที่อยู่ในท้องเธอออกมา
“เดี๋ยวๆอย่าเพิ่งอ้วก กระโถนอยู่ไหนวะ!” คุณจุ๊บกลัวว่ามันเลอะพื้นแล้วมองหากระโถนที่น่าจะซ่อนอยู่ใต้เตียง แต่ไม่มี
“มึงๆ ไม่ต้องหาหรอก มันไม่อ้วกหรอก” บอมที่นั่งลูบหลังให้บิวโบกมือห้ามเป็นสัญลักษณ์ว่าไม่ต้อง เอ้า! ก็เห็นอยู่ว่ามันจะอ้วก ดูลิ้นมันจะหลุดออกมาจากปากแล้วยังไม่ให้หากระโถนอีก?
“ทำตามที่บอมบอกเถอะแจง กูก็ว่าบิวมันไม่อ้วกหรอก” รากิที่ยืนเฝ้าเพื่อนเห็นด้วยกับความคิดบอม มันยังไงกันแน่?
“หมายความว่าไง?”
“ดูไปเถอะ”
เสียงขับของเลวที่อยู่ในตัวทั้งติดต่อกันนานหลายนาที แต่ก็ไม่มีท่าทีว่าจะมีของเหลวออกมาจากปากของบิวเลยสักนิด เธอร้องไห้หนักมากกว่าเดิมแล้วดิ้นสุดแรงจนบอมต้องถอยห่าง เธอเอามือทุบอกตัวเองแล้วร้องไห้เสียงดังจนพยาบาลกลัว แล้วก็มีคำๆหนึ่งหลุดออกมาจากปากของเธอ
“เสาไฟฟ้า…” เธอพูดออกมาด้วยเสียงยานคาง และท่าทางของเธอก็สงบลงกว่าเดิมแล้วด้วย
‘เสาไฟฟ้า’
เขาขับรถรถชนเสาไฟฟ้าเหล็กแทงทะลุอก
ที่บอกว่าเจ็บ จุกอก เหมือนมีของแข็งมากระแทกอย่างแรงคงหมายถึงเหล็กที่แทงอกในอุบัติเหตุ หมายความว่าสิ่งที่บิวสัมผัสได้ในตอนนี้คือ เป็นความรู้สึกเของพี่ฟิวส์ก่อนก่อนตาย…
“อืม…รู้แล้ว เสาไฟฟ้า…” บอมเข้าไปนั่งข้างๆบิวอีกครั้งแล้วลูบหลังไปมาเหมือนกำลังปลอบอีกคนที่อยู่ในตัวของเธอ
“..ม…แม่…” สิ้นประโยคนั้นเธอก็ร้องหนักกว่าเดิม รู้สึกสงสาร…สงสารคนที่อยู่ในตัวของบิว
“อืม…แม่…คิดถึงแม่เหรอ?”
บอมปลอบบิวที่นั่งร้องไห้อยู่นาน เธอทำท่าเหมือนจะอ้วกอยู่หลายครั้งแต่ก็ไม่มีอะไรออกมา เธอร้องไห้หนักและมากขึ้นเรื่อยๆ เป็นแบบนี้นานๆมันจะดีต่อคนที่มีร่างกายอ่อนแออย่างบิวเหรอ?
“เฮ้ย…กูสงสารบิวว่ะ” คุณจุ๊บโพล่งขึ้น และรากิที่ยืนอยู่ข้างๆคุณจุ๊บก็คิดเช่นเดียวกัน เธอไม่อยากเห็นเพื่อนต้องทรมานแบบนี้อีกแล้ว
“โอ๋ๆ พี่ออกจากตัวน้องก่อนนะ ออกก่อน น้องเขาไม่ไหวแล้ว…” บอมยกมือขึ้นทำอะไรสักอย่างกับศีรษะของบิวคล้ายกับการนวดพร้อมกับพูดบอกให้พี่เขาออกจากตัวบิว
ฮึก…
เสียงสะอื้นยังดังอยู่ แต่เธอกลับมาเป็นปกติแล้ว
“หายแล้วใช่ไหม?” บอมถาม
“อืม…หายแล้ว”
“แล้วเมื่อกี้จะอ้วกล่ะ หมายความว่าไง?” คุณจุ๊บถามด้วยความสงสัย เธอไม่เข้าใจว่าทำไมถึงำม่มีอะไรออกมาเลย
“ความจริงไม่ได้อยากอ้วก แต่เหมือนมันมีอะไรติดคอ…มันจุกไปหมดทั้งอก เหมือนมีอะไรบางเสียบเข้ามา…มันเจ็บ และทรมาน…จนอยากอ้วก มันเหมือนกับ…กระอักเลือด”
เธออธิบายให้ฟังก่อนจะนอนหลับไป…
บิวที่ที่มีร่างกายอ่อนแอ ถูกพี่เขายืมใช้ร่างนานก็มีอ่อนเพลียบ้างเป็นธรรมดา ใครจะรู้ว่าคนขี้โรคจะถูกสิงง่ายขนาดนี้…
เมื่อวันบูมให้พี่บัณฑิตที่ศึกษาจบมาถึง
พี่เขาก็อุ้มรูปของพี่ฟิวส์เข้ามาในซุ้มด้วย...
นำเข้ามาให้น้องๆบูม เพื่อเป็นของขวัญให้
และให้รู้ว่าตัวเองเรียนจบแล้ว...
ปล.มีคำผิดขออภัยเด้อ เขียนเเล้วลงเลย ไม่ได้อ่านทบทวน
ไว้ตื่นเเล้วจะมาเเก้ให้ =_=
บัยยยยยยยย
-End-
คำยืนยันของเจ้าของเรื่องสั้น
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8.7 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8.8 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ