[ชีวิตจริง] ผีเข้า องค์ลง? (ขีดเขียนเป็นตัวละคร)

8.8

เขียนโดย LazyGirl

วันที่ 20 เมษายน พ.ศ. 2558 เวลา 00.51 น.

  3 ตอน
  31 วิจารณ์
  13.07K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 30 เมษายน พ.ศ. 2558 22.25 น. โดย เจ้าของเรื่องสั้น

แชร์เรื่องสั้น Share Share Share

 

3) จบแล้วเเจ้

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

               เปิดเทอมได้ไม่นาน

                วันพุธ 11.30

                ที่ห้องเอก

                ห้องเอกคือห้องของสาขา เราจะต้องขึ้นห้องเอกทุกวันพุธเวลา 11 โมง

                เพื่ออะไร? =_=

                “เอ้าน้องๆสวัสดีพี่ปี5หน่อย”

                “สวัสดีค่ะพี่เพลง(Beat jumper)” หลังจากที่พี่แต๋ม(acertam)พูดจบ น้องๆที่น่ารักทั้งหลายก็กล่าวสวัสดีพี่เพลงอย่างพร้อมเพรียง จริงๆสาขานี้เรียนแค่4ปีก็จบแล้ว เพราะฉะนั้นพี่ปี5ไม่มีแน่นอน ที่แต๋มพูดนั่นเป็นมุกต่างหาก

                “ปี5อะไรล่ะ ฉันจบแล้วนะ” สาวน้อยหน้าตาจิ้มลิ้มชื่อเพลงรีบแก้ข่าวทันที เธอกลัวน้องๆจะเข้าใจผิดว่าตนยังเรียนไม่จบ สาวน้อยคนนี้เป็นคนที่อารมณ์ดี ขี้เล่น เป็นมิตรกับคนอื่น เธอมักจะมาดูน้องๆรับน้องบ่อยๆจนเด็กปี1จำชื่อเธอได้ครบทุกคน

                “ขอโทษค่ะพี่เพลง เชิญเลยค่ะ แหะๆ” แต๋มหลีกทางให้เพลงเดินไปหน้ากระดาน

                เมื่อเพลงไปถึง น้องทุกคนก็เงียบลง...

                “วันนี้พี่มีข่าวร้าย…” เธอเว้นช่วงให้ความเงียบครอบงำ นักศึกษาปี1ตรงหน้าตั้งหน้าตั้งตาฟังอย่างตั้งใจ

                “รุ่นพี่ของพวกเธอประสบอุบัติเหตุรถชนเสียชีวิต… เขาเป็นคนดี ขยัน…และเป็นเพื่อนของพี่เอง…” รอยยิ้มบนใบหน้าของคนขี้เล่นอย่างพี่เพลงเริ่มจางลง

                “พี่เขาชื่อฟิวส์ กำลังจะรับปริญญาในอีก 3 เดือนที่จะถึงนี้ เขาเป็นคนขยันมาก ทำงานเก่งและเรียนดี” เสียงของเพลงเริ่มสั่น เธอพยายามบังคับไม่ให้น้ำตาไหลออกมา

                “ช่วงหยุดยาว เขาไปทำงานต่างหวัด…หลังจากที่ฟิวส์ไปส่งลูกค้าและกำลังจะกลับบ้านเกิดเพื่อมารับปริญญา คนที่ขับรถให้ฟิวส์เขารีบหรือง่วงก็ไม่แน่ใจ เขาขับรถรถชนเสาไฟฟ้าเหล็กแทงทะลุอก ฟิวส์ตาย แต่คนขับรอด…ฟิวส์ไม่มีโอกาสได้กลับมารับปริญญาแล้ว…เขาเป็นคนดีมากเลยนะ ยังมีอนาคตที่ดี หลายวันก่อนเรายังโทร.คุยกันอยู่เลย แล้ววันนี้….” เพลงยกมือขึ้นปาดน้ำตาออก เธอพยายามกลั้นมันเอาไว้อย่างสุดความสมารถ…

                “พี่ฟิวส์เขารักน้องๆมากเลยนะ ตอนที่ยังรับน้องอยู่ ฟิวส์มันก็มาดู ยังมานั่งหัวเราะด้วยกันอยู่เลย”

                “ใครวะ ทำไมกูไม่เคยเห็น” คุณจุ๊บหันไปถามเพื่อนที่นั่งข้างๆ และคำตอบก็คือ ‘ไม่รู้’ สงสัยพี่คนนี้ไม่ค่อยปรากฏให้เห็นบ่อยๆ ที่เห็นบ่อยสุดก็คงจะเป็นพี่เพลง เพราะพี่เขามาช่วยงานตลอดเลย

                “ทำไมพวกเธอจะไม่เคยเห็น คนที่สูงๆ ผมยาวๆ ผิวแทนๆหน่อยน่ะ” เพลงอธิบายรูปร่างลักษณะของเพื่อนอย่างตั้งใจ เธอมั่นใจว่าน้องต้องเห็นและจำได้

                บางคนก็บอกว่าเคยเห็น บางคนก็เคยเข้าไปทัก แต่ก็มีหลายคนที่นึกหน้าพี่เขาไม่ออกเลย

                “พี่ก็ไม่มีอะไรจะพูดแล้ว…แต่พี่ขอให้น้องๆทุกคนลุกขึ้น แล้วยืนไว้อาลัยให้พี่ฟิวส์เป็นเวลา 1 นาทีอยากให้พี่เขาได้รู้ว่าน้องยังจำได้ ยังรักและคิดถึง ถึงแม้ว่าวันนี้จะไม่ได้อยู่ด้วยกันก็ตาม” เมื่อพูดจบ น้องปี1ก็ลุกขึ้น พี่ๆปี 2 และ 3 ที่อยู่ข้างนอกก็ยืนขึ้นเช่นกัน ทุกคนก้มหน้าแล้วหลับตาลง ภาวนาให้พี่ฟิวส์ที่จากไป ไปสู่ในภพที่ดี

                ลมร้อนพัดผ่านเข้ามาทางประตูห้อง ทั้งที่อากาศร้อนแต่กลับรู้สึกเย็นแปลกๆ…

                ทั้งห้องเงียบสงบ เงียบ…จนน่าขนลุก…

                “ลืมตาได้…พี่เชื่อว่าฟิวส์อยู่ในห้องนี้และได้รับความรู้สึกที่น้องๆส่งให้เขาแล้ว…” เพลงพูดขึ้นแล้วมองไปรอบๆ

                “เอ้า ปี2มีอะไรจะพูดกับน้องก็พูดซะ” หลังจากนั้นเพลงก็เรียกปี2ให้มาชี้แจงรายละเอียด ถามสารทุกข์สุกดิบกับน้องๆ

                11.40

                “บอม มึงมีเรียนต่อปะ?” พอออกจากห้องเอกปุ๊บ คุณจุ๊บก็เปิดปากคุยทันที ก็อยู่ในห้องเอกมันพูดไม่ได้นี่

                “มี แล้วมึงล่ะ?”

                “ไม่มี กูว่าจะกลับบ้านแล้ว ขี้เกียจอยู่นาน” คุณจุ๊บบิดขี้เกียจหลังจากเนื่องจากเมื่อยเพราะนั่งนานก่อนจะเดินตรงไปที่บันได

                แล้วเธอก็เหลือบไปเห็นเพื่อนผู้หญิง 3-4 คน กำลังล้อมวงมุงดูอะไรบางอย่าง…

                “ออกไปก่อน เดี๋ยวบิวหายใจไม่ออก” รากิ(Raki_blueguy) สาวน้อยดาวเรืองร่างบางกันคนให้ออกห่างจากเพื่อนรักของเธอที่ชื่อ บิว(kanaki)

                “อะไรวะ…บิวมันเป็นลมอีกแล้วเหรอ?” คุณจุ๊บพูดขึ้นมาเบาๆแล้วมองไปยังกลุ่มคนที่ค่อยๆออกห่างจากตัวบิวตามคำสั่งของรากิ

                บิวเป็นคนบอบบาง ตัวเล็กและอ่อนแอ เธอเป็นทั้งโรคหัวใจ ภูมิแพ้ หืดหอบและไมเกรน ไม่แปลกที่คนสุขภาพร่างกายไม่ค่อยแข็งแรงอย่างเธอจะเป็นลมง่าย

                เมื่อคุณจุ๊บเห็นดังนั้นก็ไม่สนใจอะไร อีกเดี่ยวก็หายเอง ที่เป็นแบบนี้เพราะบิวไม่ทานยาจากบ้านมาหรือเปล่า?

                “เดี๋ยว พากูไปหาบิวหน่อย” บอมที่เห็นคุณจุ๊บกำลังเดินลงบันไดก็รีบคว้ามือแล้วลากมาทันที ‘จะไปดูมันทำไมวะ กูอยากกลับบ้านจะตายอยู่แล้ว!’

                “บิว...มึงไหวไหมเนี่ย” รากิทั้งพัดทั้งยื่นยาดมให้ดม แต่อาการของบิวไม่ดีขึ้นเลย เธอหายใจติดขัดแล้วน้ำตาก็ไหลออกมาไม่หยุด …เป็นหืดหอบแค่นี้ถึงกับน้ำตาไหลเลยเหรอ?

                “รากิ บิวเป็นอะไรวะ?”

                “ไม่รู้ น่าจะเป็นลม อยู่ดีๆก็ล้มลงไปเลยอ่ะ” รากิตอบคำถามคุณจุ๊บพลางโบกพัดในมือไปด้วย

                ปึก!

                บิวที่นั่งอยู่ตรงหน้าทุบอกตัวเองพร้อมกับน้ำตาที่ไหลออกมาอย่างไม่ขาดสาย ขนตาที่งอนยาวเปียกชุ่มไปหมด สีหน้าของเธอแสดงถึงความเจ็บปวด…

                “บิว…หายใจไม่ออกเหรอ ยาอยู่ไหน? เอายามาหรือเปล่า?” รากิถามสาวน้อยที่นั่งอยู่ตรงหน้า แต่เธอไม่ตอบ…เธอเอาแต่ก้มหน้างุดแล้วร้องไห้ออกมา

                “บอม บิวมันเป็นอะไรวะ?” คุณจุ๊บถามบอมด้วยความสงสัย คนอื่นๆก็เริ่มมามุงดูบิวมากขึ้นเรื่อยๆ ไม่เคยเห็นคนเป็นลมหรือไง?!

                “หึ…” บอมส่งยิ้มแทนคำตอบ ทำเอาคุณจุ๊บขมวดคิ้วงุนงงกับคำตอบที่ได้

                หญิงร่างบางตรงหน้าร้องไห้หนักมากขึ้นเรื่อยๆจนรากิต้องไล่ให้คนที่ยืนมุงออกไปพ้นๆ เพื่อนสาวดาวเรืองพยายามค้นหายาประจำตัวของบิวในกระเป๋าแต่ก็หาไม่เจอ ทำไมเธอไม่พกยาติดตัวมาด้วยเนี่ย!

                “เจ็บ…” เสียงครางด้วยความเจ็บปวดเล็ดลอดออกมาจากลำคอ มือข้างหนึ่งขยำคอเสื้อของตัวเอง ส่วนอีกข้างก็กำมือไว้แน่น

                “บิว…ที่เป็นอยู่ตอนนี้ ไม่ใช่ตัวบิวใช่ไหม?” บอมเดินเข้าไปถามอย่างใจเย็น บิวที่นั่งก้มหน้าก็ค่อยๆเงยขึ้นมองบอมแล้วพนักหน้าตอบอย่างช้าๆ ดวงตาของเธอแดงก่ำ ผมเผ้ารกรุงรังไม่เป็นทรง และน้ำตาก็เลอะใบหน้าไปหมด

                “เจ็บ…” เธอร้องออกพร้อมกับทุบอกตัวเองอีกครั้ง

                “เฮ้ย! มึงเลิกทุบตัวเองได้แล้ว!” รากิคว้ามือของบิวไว้ไม่ให้ทำร้ายตัวเองอีก เธอเป็นห่วงเพื่อนมาก ตอนนี้เพื่อนของเธอเป็นอะไรกันแน่

                “ไม่ต้องฝืน…ปล่อยตัวตามสบายเลยบิว…” บอมพูดอีกครั้ง เมื่อสิ้นเสียงพูดของบอม…

                ฮึก…

                บิวร้องไห้หนักยิ่งกว่าเดิมและรุนแรงมากขึ้น เธอยกมือทั้งสองข้างขึ้นกุมอกตัวเองแล้วลงไปนอนขดตัวอยู่กับพื้น เธอพูดแค่คำว่า ‘เจ็บ’ วนไปมาหลายครั้ง คนที่อยู่รอบๆเข้าไปประคองเธอให้ลุกขึ้น แต่แปลกที่ร่างเล็กๆอย่างเธอกลับมีน้ำหนักมากจนคนคนเดียวอุ้มไม่ไหว เหมือนกับว่านั่นไม่ใช่น้ำหนักของเธอแค่คนเดียว

                “น้องครับ พี่ขอทางหน่อย …เกิดอะไรขึ้น? น้องบิวเป็นอะไร?” ชายร่างสูงแทรกตัวเข้ามาดูอาการของสาวน้อยที่นอนอยู่กับพื้น

                “พี่โรบิ้นคะ คือว่า…” บอมพยายามจะอธิบายเรื่องที่เกิดแต่ก็ไม่กล้าพูด เธอมองบิวอย่างเป็นห่วงแต่ไม่สามารถทำอะไรได้ คงต้องรอให้หายเอง…

                “ไม่ไหวแล้ว….” เสียงครวญครางที่ขาดหายเป็นห้วงๆออกมาจากปากน้อยๆของเธอ เรียกความสนใจจากชายที่พุ่งตัวเข้ามาเมื่อกี้ได้เป็นอย่างดี

                “พี่ไม่รู้หรอกนะว่าสิ่งที่พี่คิดจะเหมือนกับสิ่งที่น้องบอมคิดหรือเปล่า แต่ตอนนี้ถ้าปล่อยให้น้องบิวเป็นแบบนี้ต่อไปมันไม่ดีแน่ น้องเขาไม่สบายด้วยไม่ใช่เหรอ รีบพาไปห้องพยาบาลก่อนเถอะ” โรบิ้นเข้ามาประคองร่างของบิวให้อยู่ในอ้อมแขนโดยไม่ลังเล

                “พี่คะ อยู่ดีๆตัวของบิวก็หนักมาก หนูยังอุ้มไม่ไหวเลยค่ะ” บัตตี้ที่ทดลองอุ้มบิวเป็นคนแรกเอ่ยขึ้น แปลกมาก…ตัวเล็กๆอย่างเธอไม่น่าจะมีน้ำหนักที่มหาศาลขนาดนี้

                “ไม่เป็นไรฮึบ!!” โรบิ้นออกแรงช้อนตัวบิวให้ขึ้นมาอยู่ในอ้อมแขนก่อนจะวิ่งผ่านผู้คนมากมายลงบันไดไปห้องพยาบาลอย่างรวดเร็ว

                “เฮ้ย! ไอ้บิ้น มึงจะทำอะไร นั่นน้องผู้หญิงนะเว้ย!” แต๋มที่ออกมาจากห้องเอกแล้วแล้วเห็นโรบิ้นพอดี เธอตะโกนเรียกแต่ไม่ทันเสียแล้ว

                “น้องบอม…เมื่อกี้พี่เขามาเหรอ?” แอน(Ankicis)เดินมาถามบอมอย่างสงสัย เธออยากทำให้ตัวเองมั่นใจว่าสิ่งที่ตนคิด มันเป็นจริงหรือไม่

                “ค่ะ พี่เขามาตั้งแต่ยืนไว้อาลัยแล้ว”

                “อ๋อ อื้ม…” แอนตอบแล้วมองไปทางบันไดที่โรบิ้นวิ่งลงไปเมื่อกี้นี้ เป็นไปตามที่คิด…พี่ฟิวส์มาจริงๆ…เพราะตอนที่ยืนไว้อาลัย จู่ๆขนก็ลุกอย่างไม่มีสาเหตุ ปกติขนของเธอจะลุกก็ต่อเมื่อปวดถ่ายหนักเท่านั้น

                ทุกคนที่อยู่รอบบริเวณก็เริ่มสลายตัวออกไปพร้อมกับเสียงพูดคุย และประเด็นที่พูดก็หนีไม่พ้นเรื่องพี่ฟิวส์…กับบิว

                แต่ก็ยังมีคนที่นอกประเด็นอยู่นะ

                “เฮ้ยแก…เมื่อกี้นี้มึงเห็นป่ะ ที่พี่โรบิ้นช้อนตัวอีบิวขึ้นไปอุ้มน่ะ อย่างกับพระเอกแน่ะ!” คุกกี้(คุกกี้คามุอิ)สาวน้อยดาวเรืองที่ไม่เคยกล่าวถึง เธอหัวเราะคิกคักแล้วตบไหล่มอนม่อน(amonchawin)อย่างเขินๆ ทำเหมือนตัวเองเป็นคนถูกอุ้มอย่างนั้นแหละ

                มอนม่อนก็คือสาวดาวเรืองที่ไม่เคยเอ่ยถึงเช่นกัน(ทั้งสองคนนี้มาเป็นตัวประกอบคนละ 20 บาท)เธอเป็นสาวร่างเล็กผิวขาวหน้าตาจิ้มลิ้ม ถ้าลองกระเทยคนนี้แล้วจะติดใจ

                “2คนนั้นเขากิ๊กกั๊กกันอยู่ไม่ใชเหรอ?” มอนม่อนแสดงความคิดแล้วเสยผม1ที วันนี้เธอมั่นใจในทรงผมของตัวเองมาก เด้งยิ่งกว่าลูกเด้งเสียอีก

                “จริงเหรอ? ข่าวมึงมั่วเปล่า?” คุกกี้ขมวดคิ้วไม่เชื่อ ก็สิ่งที่มอนม่อนพูดมันเชื่อถือได้ที่ไหนล่ะ นางเป็นกระเทยที่ชอบเพ้อเจ้อ คุยกับนางก็เหมือนคุยกับคนบ้า

                และบทตัวประกอบก็จบลงเท่านี้

                มาดูตัวเอกของเรากันดีกว่า

                “เชี่ย…ขนลุกเลยว่ะ มึงรู้ตั้งแต่เมื่อไหร่วะ?” คุณจุ๊บถามบอมขณะเดินลงบันไดเพื่อไปเอารถ คุณจุ๊บเตรียมจะกลับบ้านแล้ว ไม่อยากอยู่ที่นี่นาน อากาศมันร้อน!

                “พี่เขาน่าจะมากับพี่เพลง พอยืนไว้อาลัยปุ๊บ ห้องแม่งก็เย็นทันที ตอนแรกพี่เขาจะเข้าแมว(khanom_thai)คนที่เป็นร่างทรง แต่แมวไม่ให้เข้า ก็เลยมาหากูแทน กูก็ฝืน ก็ไม่ให้เข้า สุดท้ายก็ไปลงที่บิว”

                “ทำไมถึงเข้าบิวได้วะ มันไม่ได้เป็นเข้าทรงนี่ หรือมันก็มีองค์?” คุณจุ๊บขมวดคิ้วจนผูกกันเป็นเงื่อน มันยังไงกันแน่?

                “บิวมันไม่สบาย เป็นโรคหลายโรค อ่อนแอ แล้วก็ขวัญอ่อนเหมือนกู…” บอมอธิบายช้าๆจนลงมาถึงชั้นล่างสุด

                “เออ…แล้วมึงจะไปไหนต่อปะ?” คุณจุ๊บถามบอมเมื่อมาถึงชั้นล่างสุดพลางล้วงกระเป๋าของตัวเองเพื่อหากุญแจรถ

                “เดี๋ยวก่อน มึงอย่าเพิ่งกลับ ไปส่งกูดูบิวหน่อย กูเป็นห่วงมันว่ะ” คุณจุ๊บเห็นเพื่อนสีหน้าไม่ค่อยดีและดูเหมือนเธอจะเป็นห่วงบิวมากจริงๆ จุ๊บจึงตัดสินใจเก็บกุญแจรถไว้ที่เดิมแล้วพอบอมมายังห้องพยาบาล ใจหนึ่งเธอก็อยากกลับบ้าน แต่อีกใจก็อยากรู้ว่าพี่ฟิวส์เป็นยังไงบ้าง (สนผีมากกว่าเพื่อน)

               

                ห้องพยาบาล

                “เป็นไงบ้างคะ?” บอมถามโรบิ้นที่เพิ่งเดินออกจากห้องมา

                “ยังร้องไห้อยู่นะ เพื่อนของน้องบิวก็เข้าไปดูอาการอยู่ น้องบอมลองเข้าไปดูสิ พี่ไม่รู้เรื่องพวกนี้” โรบิ้นยิ้มให้เล็กน้อยแล้วก้มลงใส่รองเท้า

                “แต่ตัวบิวหนักมากจริงๆนะ แหะๆ” เขาทิ้งท้ายไว้แค่นั้นแล้วเดินจากไป

                คุณจุ๊บและบอมก้าวมาในห้องและสำรวจดูรอบๆ ภายในห้องเย็นเฉียบเพราะเครื่องปรับอากาศทำได้ดีเกินคาด เข้ามาได้ไม่กี่วินาทีก็รู้สึกหนาวแล้ว

                “เป็นไงบ้าง” บอมขึ้นไปนั่งบนเตียงคนไข้ข้างๆบิวที่นั่งสั่งงันงก

                “…” เธอไม่ตอบ มีแค่เสียงสะอื่นเท่าที่ผ่านลำคอของเธอออกมา

                เธอยังร้องไห้ไม่หยุดโดยมีบอมนี่งจับมือเธอเป็นเพื่อนอยู่ข้างๆ พยาบาลคิดว่าเธอน่าจะไม่สบายหนักถึงได้ร้องไห้ออกมาแบบนี้ นี่ไม่ใช่เด็กแล้วนะที่จะมาร้องไห้เพราะไม่สบายแบบนี้

                พยาบาลสอบถามข้อมูลพื้นฐานของเธอกับเพื่อน เพื่อนำไปเขียนในใบอะไรสักอย่าง ถามเกี่ยวกับยาที่ใช้และโรคประจำตัว อาการแบบนี้ควรเรียกผู้ปกครองมารับกลับบ้านนะ…

                “เป็นแบบนี้นานๆจะเป็นอะไรไหมวะ?” คุณจุ๊บถามบอมอย่างเป็นห่วง มาก็มาเฉยๆ ไม่ได้ช่วยให้อะไรมันดีขึ้นเลย

                “เป็นสิ ขนาดองค์กูลงกูยังเพลียเลย แล้วยิ่งมาเป็นบิวอีก…” บอมมองหน้าบิวอย่างเป็นห่วงก่อนจะถอดสร้อยพระของเธออกมา

                “เอ้า ใส่นี่ไปก่อนนะ มันอาจช่วยได้บ้าง” เธอนำสร้อยของเธอคล้องคอบิวที่นั่งปาดน้ำตาอย่างช้าๆ กลัวว่าร่างกายเธอจะไม่ไหว ยิ่งเป้นคนอ่อนแอนอยู่…

                “ถอดออกแบบนั้นแล้วมึงจะไม่เป็นอะไรเหรอ?”

                “ให้บิวใส่ก่อนเถอะ” ตอนนี้บอมไม่ห่วงตัวเองแล้ว เธอห่วงเพื่อนเธอมากกว่า

                ไม่นานบิวก็สงบ…

                “เป็นไงบ้าง?”

                “มันจุกที่อก เหมือนกับมีอะไรแข็งๆมาแทงจนหายใจไม่ออก…” บิวอธิบายความรู้สึกที่เกิดขึ้นกับตัวเอง เธอก็ไม่เข้าใจว่ามันเกิดขึ้นได้ยังไง

                “กลับบ้านก็เอาพระติดตัวมาด้วยนะ ครั้งแล้วครั้งนึงก็เหมือนเป็นการเปิดทาง เดี๋ยวก็มีครั้งต่อไปอีก”

                “อืม…” บิวตอบอย่างว่าง่าย เธอกลัวว่าสิ่งเหล่านี้จะเกิดขึ้นกับตัวเธออีก มันทรมานและเจ็บปวดมาก

                “นอนก่อนนะ เดี๋ยวบอมต้องไปแล้ว”

                “อย่าเพิ่ง…” บิวรั้งแขนบอมเอาไว้ “อยู่เป็นเพื่อนกันก่อน…”

                บอมที่เห็นบิวกลัวจนตัวสั่นจึงพยักหน้ากลับแล้วนั่งเป็นเพื่อนจนกว่าร่างบางจะนอนหลับไป

                …อ…ออ!!

                จู่ๆบิวที่นอนนิ่งอยู่ก็ลุกขึ้นแล้วทำท่าเหมือนจะอ้วก เธอพยายามเอาสิ่งที่อยู่ในท้องเธอออกมา

                “เดี๋ยวๆอย่าเพิ่งอ้วก กระโถนอยู่ไหนวะ!” คุณจุ๊บกลัวว่ามันเลอะพื้นแล้วมองหากระโถนที่น่าจะซ่อนอยู่ใต้เตียง แต่ไม่มี

                “มึงๆ ไม่ต้องหาหรอก มันไม่อ้วกหรอก” บอมที่นั่งลูบหลังให้บิวโบกมือห้ามเป็นสัญลักษณ์ว่าไม่ต้อง เอ้า! ก็เห็นอยู่ว่ามันจะอ้วก ดูลิ้นมันจะหลุดออกมาจากปากแล้วยังไม่ให้หากระโถนอีก?

                “ทำตามที่บอมบอกเถอะแจง กูก็ว่าบิวมันไม่อ้วกหรอก” รากิที่ยืนเฝ้าเพื่อนเห็นด้วยกับความคิดบอม มันยังไงกันแน่?

                “หมายความว่าไง?”

                “ดูไปเถอะ”           

                เสียงขับของเลวที่อยู่ในตัวทั้งติดต่อกันนานหลายนาที แต่ก็ไม่มีท่าทีว่าจะมีของเหลวออกมาจากปากของบิวเลยสักนิด เธอร้องไห้หนักมากกว่าเดิมแล้วดิ้นสุดแรงจนบอมต้องถอยห่าง เธอเอามือทุบอกตัวเองแล้วร้องไห้เสียงดังจนพยาบาลกลัว แล้วก็มีคำๆหนึ่งหลุดออกมาจากปากของเธอ

                “เสาไฟฟ้า…” เธอพูดออกมาด้วยเสียงยานคาง และท่าทางของเธอก็สงบลงกว่าเดิมแล้วด้วย

                ‘เสาไฟฟ้า’

                เขาขับรถรถชนเสาไฟฟ้าเหล็กแทงทะลุอก

                ที่บอกว่าเจ็บ จุกอก เหมือนมีของแข็งมากระแทกอย่างแรงคงหมายถึงเหล็กที่แทงอกในอุบัติเหตุ หมายความว่าสิ่งที่บิวสัมผัสได้ในตอนนี้คือ เป็นความรู้สึกเของพี่ฟิวส์ก่อนก่อนตาย…

                “อืม…รู้แล้ว เสาไฟฟ้า…” บอมเข้าไปนั่งข้างๆบิวอีกครั้งแล้วลูบหลังไปมาเหมือนกำลังปลอบอีกคนที่อยู่ในตัวของเธอ

                “..ม…แม่…” สิ้นประโยคนั้นเธอก็ร้องหนักกว่าเดิม รู้สึกสงสาร…สงสารคนที่อยู่ในตัวของบิว

                “อืม…แม่…คิดถึงแม่เหรอ?”

                บอมปลอบบิวที่นั่งร้องไห้อยู่นาน เธอทำท่าเหมือนจะอ้วกอยู่หลายครั้งแต่ก็ไม่มีอะไรออกมา เธอร้องไห้หนักและมากขึ้นเรื่อยๆ เป็นแบบนี้นานๆมันจะดีต่อคนที่มีร่างกายอ่อนแออย่างบิวเหรอ?

                “เฮ้ย…กูสงสารบิวว่ะ” คุณจุ๊บโพล่งขึ้น และรากิที่ยืนอยู่ข้างๆคุณจุ๊บก็คิดเช่นเดียวกัน เธอไม่อยากเห็นเพื่อนต้องทรมานแบบนี้อีกแล้ว

                “โอ๋ๆ พี่ออกจากตัวน้องก่อนนะ ออกก่อน น้องเขาไม่ไหวแล้ว…” บอมยกมือขึ้นทำอะไรสักอย่างกับศีรษะของบิวคล้ายกับการนวดพร้อมกับพูดบอกให้พี่เขาออกจากตัวบิว

                ฮึก…

                เสียงสะอื้นยังดังอยู่ แต่เธอกลับมาเป็นปกติแล้ว

                “หายแล้วใช่ไหม?” บอมถาม

                “อืม…หายแล้ว”

                “แล้วเมื่อกี้จะอ้วกล่ะ หมายความว่าไง?” คุณจุ๊บถามด้วยความสงสัย เธอไม่เข้าใจว่าทำไมถึงำม่มีอะไรออกมาเลย

                “ความจริงไม่ได้อยากอ้วก แต่เหมือนมันมีอะไรติดคอ…มันจุกไปหมดทั้งอก เหมือนมีอะไรบางเสียบเข้ามา…มันเจ็บ และทรมาน…จนอยากอ้วก มันเหมือนกับ…กระอักเลือด”

                 เธออธิบายให้ฟังก่อนจะนอนหลับไป…

                 บิวที่ที่มีร่างกายอ่อนแอ ถูกพี่เขายืมใช้ร่างนานก็มีอ่อนเพลียบ้างเป็นธรรมดา ใครจะรู้ว่าคนขี้โรคจะถูกสิงง่ายขนาดนี้…

 

                 เมื่อวันบูมให้พี่บัณฑิตที่ศึกษาจบมาถึง 

                 พี่เขาก็อุ้มรูปของพี่ฟิวส์เข้ามาในซุ้มด้วย...

                นำเข้ามาให้น้องๆบูม เพื่อเป็นของขวัญให้

                และให้รู้ว่าตัวเองเรียนจบแล้ว...

 

 

 

ปล.มีคำผิดขออภัยเด้อ เขียนเเล้วลงเลย ไม่ได้อ่านทบทวน

ไว้ตื่นเเล้วจะมาเเก้ให้ =_=

บัยยยยยยยย

 

 

-End-

 

คำยืนยันของเจ้าของเรื่องสั้น

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8.7 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8.8 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา