คำบอกลา
9.9
เขียนโดย ผอมสุด
วันที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2558 เวลา 20.20 น.
6 บท
5 วิจารณ์
9,360 อ่าน
แก้ไขเมื่อ 9 เมษายน พ.ศ. 2558 00.15 น. โดย เจ้าของเรื่องสั้น
5) คืนลอยกระทง
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ...เสียงพุดังในเวลาค่ำ เนื่องจากเข้าใกล้วันลอยกระทงเข้ามาทุกที และก็เข้าเดือนที่ 3 ที่ผมกับน้องเหมียวคบหากันหลังจากการนัดเจอกันครั้งนั้น ผมยังคงเฝ้ารอโอกาสที่จะได้เจอกันอีก ส่วนน้องเหมียวเองไม่เคยที่จะถามหาโอกาสที่จะได้เจอผมเลย ผมคิดว่านั่นเป็นเพราะเธอกำลังจริงจังกับการทำงาน ที่ต้องเข้ากะ และมีวันหยุดที่ไม่แน่นอน มันเป็นช่วงสำคัญของการเป็นนักเรียนพยาบาล ที่จะต้องทำให้ดีที่สุดเพื่อที่จะผ่านการประเมินงานด้วยคะแนนที่ดี...
“พรุ่งนี้ลอยกระทงไปไหนป่าว?” –น้องเหมียวถาม
“ไม่ได้ไปดิ เหมียวจะไปกับพี่ป่าวล่ะ?” –ผมถามกลับ ใจก็นึกว่าน้องเหมียวอาจจะอยากชวนเราไปเที่ยวที่ไหนสักแห่ง
“ไม่อ่ะ เหมียวไม่ว่างต้องทำงาน แต่อย่าให้รู้นะว่าไปกับใคร?” –เธอตอบพร้อมทั้งพูดขู่ เหมือนเธอจะหยั่งเชิง ซึ่งทำให้ผมกลัวเล็กๆ แต่ก็รู้สึกดีนะมันเหมือนว่าเธอหึงเรา ฮ่าๆๆ
“ไปกับใครล่ะจ๊ะ พี่รักเหมียวคนเดียว...” –ผมหยอดคำหวาน ซึ่งทำให้เราสองคนยิ้มไปพร้อมกัน
...ผมรู้สึกอุ่นใจและไว้วางใจในกันและกัน ความรักที่สงบเย็นไม่เร่าร้อน ความเชื่อใจกันเป็นส่วนหนึ่งของความสุข หากแต่ความเชื่อใจกันอย่างแท้จริงนั้นไม่ได้เกิดขึ้นลอยๆ แต่เกิดขึ้นได้จากการสร้างความเชื่อมั่นโดยผ่านเวลา และสถานะการณ์...
เมื่อวันลอยกระทงมาถึง...
...ในตอนเช้าผมและน้องเหมียวโทรหากัน ผมบอกกับเธอว่าวันนี้ไม่รู้จะไปที่ไหน พอดีแม่นัดกับเพื่อนไว้ที่บ้านสวนริมคลองพระโขนงซึ่งบรรดาเพื่อนของแม่ต่างก็สนิทกันเหมือนญาติพี่น้อง ผมจะไปด้วยดีกว่า อย่างน้อยก็นั่งดื่มดูวิวริมน้ำกับกระทงของชาวบ้านไปก็ยังได้ ส่วนน้องเหมียวก็ทำงานเลิกเย็นและคงกลับบ้านนอน เธอว่าอย่างนั้น...
...เวลาบ่ายสามโมง ผมถามน้องเหมียวว่าเป็นยังไงบ้างเหนื่อยไหม ผมเป็นห่วงเธอที่จะต้องทำงานในวันที่ควรจะเป็นวันหยุด ไม่แน่ใจว่าคนไข้จะเยอะแค่ไหน? และเธอกินข้าวตรงเวลารึป่าว? เธอบอกว่าสบายมาก เธอยังคงยิ้มแย้มแจ่มใสสมกับเป็นแฟนที่น่ารักน้ำเสียงของเธอทำให้ผมทราบในทันที และเธอยังบอกว่า เธอคิดถึงผมเสมอ...
...18.00น. ผมจะออกจากบ้านกับพ่อและแม่ ผมตั้งใจจะโทรไปรายงานเธอ แต่สัญญาณโทรศัพท์คงไม่มีเนื่องจากเข้าโหมดรับฝากข้อความ แต่ไม่เป็นไรเธอคงจะไม่เคืองผมแน่ เพราะอย่างน้อยผมก็มีข้ออ้างว่าพยายามโทรแล้ว...
...ประมาณ 18.40น. ผมมาถึงบ้านสวนริมคลองพระโขนง และผมไม่พลาดที่จะโทรรายงานเธอ แต่โทรยังไงก็โทรไม่ติด “หมายเลขที่ท่านเรียกไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้ กรุณาติดต่อใหม่อีกครั้ง” ผมพยายามโทรไม่ต่ำกว่า 5รอบ ให้ตายสิแบตเธอหมดรึป่าวเนี่ย ชักจะเป็นห่วงแล้วนะ...
...20.00น. เกือบ 200สายที่ผมพยายามโทรหาเธอเรื่อยๆ หวังเพียงว่าจะมีสักสายที่โทรติดแต่ก็ไม่เลย ในใจตอนนี้ผมคิดหลายอย่าง เช่นกลัวจะเกิดเหตุร้ายกับเธอ หรือกลัวว่าโทรศัพท์จะตกเสียหายเนื่องจากความโก๊ะของน้องเหมียว จะยังไงก็ช่างผมต้องพยายามต่อไป โทรไปเรื่อยๆมันมีโอกาสติด เป็นไปได้ที่แบตเธอหมดและถ้าเธอชาร์จเรียบร้อย เธอจะเปิดเครื่องผมปลอบใจตัวเอง...
...ผมนั่งเดียวดาย เงียบและไม่ค่อยพูดจากับใครเนื่องจากความวิตกกังวลมันก่อตัวเกินกว่าจะยิ้มระรื่นอยู่ได้ กลายเป็นคนถามคำตอบคำ ฝืนยิ้มเมื่อคนพูดด้วยทั้งที่ในใจมันวิตก ครุ้นคิด และเริ่มระแวง...
...00.30น. หลังจากเกือบ 500สายที่ติดต่อไม่ได้ เหมือนจะเป็นเวลาที่ดี เมื่อผมลองกดโทรศัพท์อีกครั้งและในครั้งนี้ ผมโทรติด ‘ตื๊ดดดดดด. ตี๊ดดดดดดดด..’ เสียงโทรศัพท์ลากยาวพร้อมใจที่ผ่อนคลายลงบางส่วนตอนนี้ผมมีคำถามเต็มหัวไปหมด ผมอยากให้เธอรับสายและบอกกับผมว่า แบตหมด ที่ชาร์จพัง หรืออะไรสักอย่างที่จะทำให้ผมสบายใจ...
“ฮัลโหล สวัสดีครับ” –ปลายสายเป็นผู้ชายทำเสียงเข้มๆรับสาย เสียงของเขาทำให้ผมชะงักและพยายามรวบรวมสติ
“สวัสดีครับขอสายเหมียวครับ” --ผมตอบกลับไปอย่างใจเย็นและสุขุม มันเป็นการสุขุมที่เสแสร้งที่สุดเท่าที่ผมเคยทำมา
“นี่แฟนเหมียวนะ! นั่นใคร?” –ปลายสายพูดกลับมา
...ถ้าเป็นคุณจะทำยังไง แต่สำหรับผม ...
...ผมอึ้งไม่กี่วินาที แต่ความรู้สึกเหมือนกับว่านานแสนนานในสมองมันว่างเปล่า ผมไม่คิดอะไรต่อ เหมือนกับว่าเราได้ยินเรื่องราวที่เราไม่เคยรู้เรื่อง ผมไม่เข้าใจ! ผมไม่เข้าใจคำพูดของเขาเลย มันคืออะไร? เขาพูดแบบนั้นทำไม? ผมไม่เข้าใจ...
“เพื่อนครับขอคุยกับเหมียวได้ไหมล่ะครับ” –ผมตอบกลับไปพร้อมสมองที่สับสน ใจที่ห่อเหี่ยวถ้านี่เป็นความฝันตอนนี้ผมอยากจะตื่นแล้ว
“เหมียวหลับแล้ว โทรมาทำไมดึกๆดื่นๆ” –ปลายสายต่อว่าเหมือนเขาคิดว่าผมเป็นเด็กรุ่นราวคราวเดียวกับน้องเหมียว
“ถ้างั้นไม่เป็นไรครับ” –นั่นคือคำพูดสุดท้ายของผม ปลายสายพยายามถามชื่อผม แต่ผมหมดแล้ว หมดแรงที่จะพูดอะไรต่อวันนี้ผมเหนื่อยมาทั้งวันแล้ว ตอนนี้ผมต้องการพัก... ผมต้องการพัก...
...ผมวางสายและรู้ตัวเองว่าใจผมสั่นไปหมด สับสนกับเหตุการณ์ แต่ผมเริ่มนึกอะไรได้ละ จำได้ว่าน้องเหมียวเคยเล่าเรื่องของญาติผู้พี่ที่ชอบบอกใครๆว่าเป็นแฟนของเธอ ใช่แน่ๆ ต้องเป็นคนๆนั้นพี่ชายของเธอที่หวงน้องสาว อาจจะเป็นได้ที่น้องเหมียวลืมโทรศัพท์ไว้ แล้วนายคนนี้ก็มาทำตัวเหมือนเคยๆ ได้การล่ะพรุ่งนี้ผมจะโทรไปใหม่ ผมจะถามน้องเหมียวให้รู้เรื่อง...
...เช้าวันต่อมาผมพยายามติดต่อเธอ โทรศัพท์ติดแต่ปราศจากคนรับสาย มันแปลก...และมัน เกินความสามารถของคำแก้ตัวที่ผมคิดเอาไว้ให้เธอเมื่อคืน ที่จะมาตอบข้อโต้แย้งได้ ถ้าเมื่อคืนพี่ชายเธอรับสายก่อนหน้านั้นใครปิดเครื่องตั้งแต่ตอนเย็น แล้วทำไมพี่ชายของเธอต้องเปิดเครื่องตอนเกือบตี1 ทำไมเช้าวันนี้เธอยังไม่รับโทรศัพท์ เธอจะทิ้งโทรศัพท์ไว้ที่คนอื่นทำไม? ทำไมเธอถึงไม่พยายามติดต่อผมทางอื่น ในเมื่อเธอจำเบอร์โทรศัพท์ของผมได้ อย่างเดียวกับผมที่จำเบอร์โทรศัพท์เธอได้เช่นกัน เธอเคยยืมเบอร์เพื่อนโทรมาก็ไม่ทำ เธอเคยใช้เบอร์โรงพยาบาลโทรก็ไม่โทร ผมหัวเสียและรู้สึกว่า น่าจะเป็นไปได้ที่ผมโดนหลอก ผมไม่รู้จะทำยังไงผมโทรหาเพื่อนซี้เพื่อขอนัดเจอ โดยให้เหตุผลว่า ผมมี ”เรื่องตลกจะเล่าให้ฟัง” ...
“พรุ่งนี้ลอยกระทงไปไหนป่าว?” –น้องเหมียวถาม
“ไม่ได้ไปดิ เหมียวจะไปกับพี่ป่าวล่ะ?” –ผมถามกลับ ใจก็นึกว่าน้องเหมียวอาจจะอยากชวนเราไปเที่ยวที่ไหนสักแห่ง
“ไม่อ่ะ เหมียวไม่ว่างต้องทำงาน แต่อย่าให้รู้นะว่าไปกับใคร?” –เธอตอบพร้อมทั้งพูดขู่ เหมือนเธอจะหยั่งเชิง ซึ่งทำให้ผมกลัวเล็กๆ แต่ก็รู้สึกดีนะมันเหมือนว่าเธอหึงเรา ฮ่าๆๆ
“ไปกับใครล่ะจ๊ะ พี่รักเหมียวคนเดียว...” –ผมหยอดคำหวาน ซึ่งทำให้เราสองคนยิ้มไปพร้อมกัน
...ผมรู้สึกอุ่นใจและไว้วางใจในกันและกัน ความรักที่สงบเย็นไม่เร่าร้อน ความเชื่อใจกันเป็นส่วนหนึ่งของความสุข หากแต่ความเชื่อใจกันอย่างแท้จริงนั้นไม่ได้เกิดขึ้นลอยๆ แต่เกิดขึ้นได้จากการสร้างความเชื่อมั่นโดยผ่านเวลา และสถานะการณ์...
เมื่อวันลอยกระทงมาถึง...
...ในตอนเช้าผมและน้องเหมียวโทรหากัน ผมบอกกับเธอว่าวันนี้ไม่รู้จะไปที่ไหน พอดีแม่นัดกับเพื่อนไว้ที่บ้านสวนริมคลองพระโขนงซึ่งบรรดาเพื่อนของแม่ต่างก็สนิทกันเหมือนญาติพี่น้อง ผมจะไปด้วยดีกว่า อย่างน้อยก็นั่งดื่มดูวิวริมน้ำกับกระทงของชาวบ้านไปก็ยังได้ ส่วนน้องเหมียวก็ทำงานเลิกเย็นและคงกลับบ้านนอน เธอว่าอย่างนั้น...
...เวลาบ่ายสามโมง ผมถามน้องเหมียวว่าเป็นยังไงบ้างเหนื่อยไหม ผมเป็นห่วงเธอที่จะต้องทำงานในวันที่ควรจะเป็นวันหยุด ไม่แน่ใจว่าคนไข้จะเยอะแค่ไหน? และเธอกินข้าวตรงเวลารึป่าว? เธอบอกว่าสบายมาก เธอยังคงยิ้มแย้มแจ่มใสสมกับเป็นแฟนที่น่ารักน้ำเสียงของเธอทำให้ผมทราบในทันที และเธอยังบอกว่า เธอคิดถึงผมเสมอ...
...18.00น. ผมจะออกจากบ้านกับพ่อและแม่ ผมตั้งใจจะโทรไปรายงานเธอ แต่สัญญาณโทรศัพท์คงไม่มีเนื่องจากเข้าโหมดรับฝากข้อความ แต่ไม่เป็นไรเธอคงจะไม่เคืองผมแน่ เพราะอย่างน้อยผมก็มีข้ออ้างว่าพยายามโทรแล้ว...
...ประมาณ 18.40น. ผมมาถึงบ้านสวนริมคลองพระโขนง และผมไม่พลาดที่จะโทรรายงานเธอ แต่โทรยังไงก็โทรไม่ติด “หมายเลขที่ท่านเรียกไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้ กรุณาติดต่อใหม่อีกครั้ง” ผมพยายามโทรไม่ต่ำกว่า 5รอบ ให้ตายสิแบตเธอหมดรึป่าวเนี่ย ชักจะเป็นห่วงแล้วนะ...
...20.00น. เกือบ 200สายที่ผมพยายามโทรหาเธอเรื่อยๆ หวังเพียงว่าจะมีสักสายที่โทรติดแต่ก็ไม่เลย ในใจตอนนี้ผมคิดหลายอย่าง เช่นกลัวจะเกิดเหตุร้ายกับเธอ หรือกลัวว่าโทรศัพท์จะตกเสียหายเนื่องจากความโก๊ะของน้องเหมียว จะยังไงก็ช่างผมต้องพยายามต่อไป โทรไปเรื่อยๆมันมีโอกาสติด เป็นไปได้ที่แบตเธอหมดและถ้าเธอชาร์จเรียบร้อย เธอจะเปิดเครื่องผมปลอบใจตัวเอง...
...ผมนั่งเดียวดาย เงียบและไม่ค่อยพูดจากับใครเนื่องจากความวิตกกังวลมันก่อตัวเกินกว่าจะยิ้มระรื่นอยู่ได้ กลายเป็นคนถามคำตอบคำ ฝืนยิ้มเมื่อคนพูดด้วยทั้งที่ในใจมันวิตก ครุ้นคิด และเริ่มระแวง...
...00.30น. หลังจากเกือบ 500สายที่ติดต่อไม่ได้ เหมือนจะเป็นเวลาที่ดี เมื่อผมลองกดโทรศัพท์อีกครั้งและในครั้งนี้ ผมโทรติด ‘ตื๊ดดดดดด. ตี๊ดดดดดดดด..’ เสียงโทรศัพท์ลากยาวพร้อมใจที่ผ่อนคลายลงบางส่วนตอนนี้ผมมีคำถามเต็มหัวไปหมด ผมอยากให้เธอรับสายและบอกกับผมว่า แบตหมด ที่ชาร์จพัง หรืออะไรสักอย่างที่จะทำให้ผมสบายใจ...
“ฮัลโหล สวัสดีครับ” –ปลายสายเป็นผู้ชายทำเสียงเข้มๆรับสาย เสียงของเขาทำให้ผมชะงักและพยายามรวบรวมสติ
“สวัสดีครับขอสายเหมียวครับ” --ผมตอบกลับไปอย่างใจเย็นและสุขุม มันเป็นการสุขุมที่เสแสร้งที่สุดเท่าที่ผมเคยทำมา
“นี่แฟนเหมียวนะ! นั่นใคร?” –ปลายสายพูดกลับมา
...ถ้าเป็นคุณจะทำยังไง แต่สำหรับผม ...
...ผมอึ้งไม่กี่วินาที แต่ความรู้สึกเหมือนกับว่านานแสนนานในสมองมันว่างเปล่า ผมไม่คิดอะไรต่อ เหมือนกับว่าเราได้ยินเรื่องราวที่เราไม่เคยรู้เรื่อง ผมไม่เข้าใจ! ผมไม่เข้าใจคำพูดของเขาเลย มันคืออะไร? เขาพูดแบบนั้นทำไม? ผมไม่เข้าใจ...
“เพื่อนครับขอคุยกับเหมียวได้ไหมล่ะครับ” –ผมตอบกลับไปพร้อมสมองที่สับสน ใจที่ห่อเหี่ยวถ้านี่เป็นความฝันตอนนี้ผมอยากจะตื่นแล้ว
“เหมียวหลับแล้ว โทรมาทำไมดึกๆดื่นๆ” –ปลายสายต่อว่าเหมือนเขาคิดว่าผมเป็นเด็กรุ่นราวคราวเดียวกับน้องเหมียว
“ถ้างั้นไม่เป็นไรครับ” –นั่นคือคำพูดสุดท้ายของผม ปลายสายพยายามถามชื่อผม แต่ผมหมดแล้ว หมดแรงที่จะพูดอะไรต่อวันนี้ผมเหนื่อยมาทั้งวันแล้ว ตอนนี้ผมต้องการพัก... ผมต้องการพัก...
...ผมวางสายและรู้ตัวเองว่าใจผมสั่นไปหมด สับสนกับเหตุการณ์ แต่ผมเริ่มนึกอะไรได้ละ จำได้ว่าน้องเหมียวเคยเล่าเรื่องของญาติผู้พี่ที่ชอบบอกใครๆว่าเป็นแฟนของเธอ ใช่แน่ๆ ต้องเป็นคนๆนั้นพี่ชายของเธอที่หวงน้องสาว อาจจะเป็นได้ที่น้องเหมียวลืมโทรศัพท์ไว้ แล้วนายคนนี้ก็มาทำตัวเหมือนเคยๆ ได้การล่ะพรุ่งนี้ผมจะโทรไปใหม่ ผมจะถามน้องเหมียวให้รู้เรื่อง...
...เช้าวันต่อมาผมพยายามติดต่อเธอ โทรศัพท์ติดแต่ปราศจากคนรับสาย มันแปลก...และมัน เกินความสามารถของคำแก้ตัวที่ผมคิดเอาไว้ให้เธอเมื่อคืน ที่จะมาตอบข้อโต้แย้งได้ ถ้าเมื่อคืนพี่ชายเธอรับสายก่อนหน้านั้นใครปิดเครื่องตั้งแต่ตอนเย็น แล้วทำไมพี่ชายของเธอต้องเปิดเครื่องตอนเกือบตี1 ทำไมเช้าวันนี้เธอยังไม่รับโทรศัพท์ เธอจะทิ้งโทรศัพท์ไว้ที่คนอื่นทำไม? ทำไมเธอถึงไม่พยายามติดต่อผมทางอื่น ในเมื่อเธอจำเบอร์โทรศัพท์ของผมได้ อย่างเดียวกับผมที่จำเบอร์โทรศัพท์เธอได้เช่นกัน เธอเคยยืมเบอร์เพื่อนโทรมาก็ไม่ทำ เธอเคยใช้เบอร์โรงพยาบาลโทรก็ไม่โทร ผมหัวเสียและรู้สึกว่า น่าจะเป็นไปได้ที่ผมโดนหลอก ผมไม่รู้จะทำยังไงผมโทรหาเพื่อนซี้เพื่อขอนัดเจอ โดยให้เหตุผลว่า ผมมี ”เรื่องตลกจะเล่าให้ฟัง” ...
คำยืนยันของเจ้าของเรื่องสั้น
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9.7 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
10 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
10 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ