คำบอกลา
เขียนโดย ผอมสุด
วันที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2558 เวลา 20.20 น.
แก้ไขเมื่อ 9 เมษายน พ.ศ. 2558 00.15 น. โดย เจ้าของเรื่องสั้น
4) เซ้นส์ห่วยๆ
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ...หนึ่งเดือนจากโทรศัพท์สายแรกจนไปถึงการตกลงคบหาเป็นแฟนกัน ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่าเราทั้งคู่ไม่ได้เห็นหน้าคาดตากันเลย เนื่องจากที่พักของน้องเหมียวกับผมอยู่ค่อนข้างไกลกัน และเธอก็อยู่ในช่วงฝึกงานเป็นพยาบาล จะว่าไปแล้วนับตั้งแต่ช่วงที่ผมไปบวชที่ใต้นั่นแหล่ะ เราทั้งคู่สัมผัสความรู้สึกแห่งความรักและความห่วงใยกัน ผ่านคำพูดพร้อมเสียงลมหายใจเท่านั้นเอง...
...เช้าวันถัดมาผมไม่รอช้าที่จะแจ้งข่าวให้เพื่อนรักของผมทราบ ว่าสิ่งที่เขาแนะนำให้ผมนั้นเป็นสิ่งที่วิเศษที่สุด ตอนนี้น้องเหมียวรับรักผม ผมกับน้องเหมียวได้คบหากันเป็นแฟนแบบจริงๆจังๆแล้ว ผมไม่ทำพลาดแบบเดียวกับที่เพื่อนผมเคยพลาด เพราะคำแนะนำจากเพื่อนรักคนนี้...
...แต่ไม่เพียงเท่านั้น เพื่อนซี้ของผมผู้เป็นเจ้าแห่งแผนการ หลังจากได้รับคำขอบคุณแล้วก็ได้ให้คำแนะนำต่อไปว่า เราควรจะจัดมีตติ้งกัน เพื่อเปิดตัวคู่รักคู่ใหม่ อีกทั้งเป้าหมายรองก็คือเราจะได้ดริ้งค์กับพี่ๆ น้องๆ เพื่อนร่วมงานซึ่งหายหน้ากันไปนาน ว้าว! ผมว่ามันเป็นไอเดียที่เข้าท่าเลยทีเดียว ทั้งได้เลี้ยงฉลองและได้เจอกับน้องเหมียว วันที่รอคอยคงใกล้เข้ามาแล้วสินะ!...
...ผมแจ้งข่าวการจัดมีตติ้งกับน้องเหมียวในคืนนั้นเอง แน่นอนที่สุดน้องเหมียวตอบรับที่จะมางานนี้ ผมบอกกับตัวผมเองว่า”เกมส์นี้ผมคุม!” แค่เลือกวันให้ตรงกับวันที่เธอสะดวก จำได้ว่าน่าจะเป็นคืนวันเสาร์ถัดมา แผนก็คือเราจะดื่มกันข้ามคืน และวันอาทิตย์จะเป็นวันที่ทุกคนได้กลับไปพักผ่อน ผมและเพื่อนซี้เลือกสถานที่จัดงานคือห้องของน้องหนุ่ย น้องสาวอดีตสายงานของผมเอง ซึ่งเราสนิทกันมาก...
...ยิ่งใกล้วันเท่าไหร่ผมก็ยิ่งตื่นเต้น เราจะรู้ได้ยังไงกันนะว่าหลังจากเจอหน้าเราแล้วเธอจะคิดยังไง ความรู้สึกจะเหมือนเดิมไหม? ผมมีความกังวลเรื่องใบหน้าที่หมองคล้ำ มีความกังวลเรื่องเสื้อผ้า และค่อนข้างวิตกกับทรงผมเห่ยๆของตัวเอง แต่ความรู้สึกพวกนี้จะถูกแพร่งพรายออกไปไม่ได้เป็นอันขาด มันจะทำให้เสียมาร์ท เรื่องนี้แม้แต่กับเพื่อนสนิทผมก็ยังต้องเก็บไว้เป็นความลับ...
...ผมคุยกับน้องเหมียวทุกวันในอาทิตย์นั้น พูดถึงเรื่องที่เราจะได้เจอกันแทบไม่ว่างปาก น้องเหมียวเองก็ดูยิ้มๆแต่ผมไม่แน่ใจว่าเธอจะตื่นเต้น หรือกังวลใจเหมือนผมบ้างรึป่าว...
และแล้ววันนั้นก็มาถึง...
...เวลานัดพบคือ 6โมงเย็นที่ห้องน้องหนุ่ย น้องเหมียวบอกกับผมว่าเธอเองอาจจะมาถึงประมาณ2ทุ่ม และจะมากับเพื่อนผู้หญิงหนึ่งคน ในตอนนั้นน้องเหมียวขออนุญาตทางบ้านโดยให้เหตุผลว่าเธอมานอนค้างห้องเพื่อนคนสนิท มันจำเป็นอย่างที่สุดที่จะต้องมีเสียงของเพื่อนสาวคนนี้ในกรณีที่ทางบ้านของเธอโทรมา...
...วันนั้นผมกับเพื่อนและคนอื่นๆมาถึงกันครบหน้าประมาณ 1ทุ่มตรง เราเริ่มดื่มกันทันที บรรยากาศเป็นไปอย่างครื้นเครงเราเฮฮาเล่าเรื่องตลกและความหลังขำๆระหว่างที่เรายังอยู่ที่บริษัทขายตรง บางครั้งเราก็พูดถึงปัญหาเก่าๆ ที่เราร่วมฝ่าฟันมาด้วยกัน มันเหมือนว่าเราได้ย้อนเวลากลับไป เข้าไปสู่ความทรงจำเดิมๆ ผมมีความสุขเสมอเมื่อนึกถึงเพื่อนที่เคยร่วมฝันมาด้วยกัน แม้ทุกวันนี้ผมก็ไม่เคยลืมที่จะนึกถึงเรื่องราวความสุขเก่าๆ โดยเฉพาะช่วงที่เหงาๆ คุณจะรู้ได้เลยว่ามันเป็นเหมือนพลังใจที่สำคัญ ถ้าวันไหนคุณรู้สึกหดหู่ท้อแท้ ผมขอแนะนำให้คุณใช้วิธีเดียวกัน คือนึกถึงความสุขในอดีต คุณต้องเสพความสุขเพื่อเพิ่มพลังงาน...
เวลาเกือบ 3ทุ่มน้องเหมียวโทรมา...
“พี่ตั้มเหมียวมาถึงแล้ว มารับหน่อยดิไปไม่ถูก..” --น้องเหมียวพูดผ่านโทรศัพท์ เสียงรถค่อนข้างดังทำให้รู้ทันทีว่าเธอกำลังคอยอยู่ข้างทาง ให้ผมไปรับให้เร็วที่สุด ไม่งั้นเจ้าหล่อนอาจจะโมโหจนบ้านแตก
“จ้า เหมียวอยู่ไหน? รอแป๊บนะกำลังออกละ” –ผมรีบพูดคำที่จะทำให้เธอสบายใจทันที
“อยู่บางกะปิอ่ะ หน้าเดอะมอลล์” –น้องเหมียวบอกพิกัดพร้อมกับเสียงอ้อนน่ารักๆ ผมอดอมยิ้มไม่ได้ ทั้งดีใจที่จะได้เจอเธอและ มีความสุขที่ได้ยินเสียงน่ารักๆของเธอ
...ผมออกไปกับเพื่อนซี้เพื่อไปรับเธอกับเพื่อนสาวของเธอ แม้หน้าผมเริ่มชาๆจากฤทธิ์แอลกอฮอล์ และผมพยายามทำตัวให้ตื่นเต้นน้อยที่สุด แต่มันก็ไม่เป็นผลสมองผมครุ้นคิดตลอดเวลา พะวงว่าตัวเองจะเตรียมตัวมาไม่ดีพอ...
...ผมเจอน้องเหมียวยืนรออยู่กับเพื่อน ทันทีที่เธอหันมา ผมเผลอยิ้มไม่หุบเลย ผมมองเธอไม่คาดสายตา หากเธอเพียงหันมาสบตาผมบ้างเธอจะรู้ได้ทันทีว่า ชายที่อยู่ตรงหน้าของเธอนี้มีความรู้สึกดีๆให้กับเธออย่างเปี่ยมล้น วันนี้มาถึงแล้วจริงๆ นี่แหล่ะวันของเราผมเชื่อมั่นเมื่อได้เจอเธอ...
...แต่ความรู้สึกบางอย่างกับเกิดขึ้น ไม่รู้สิเซ้นส์ผมอาจจะห่วย! เหมือนเธอไม่ค่อยสบตาผมเท่าที่คนรักกันอยากจะทำ เหมือนกับว่าเธอปิดบังอะไรบางอย่าง หรือว่าเธอไม่อยากแสดงออกต่อหน้าเพื่อนเพราะความเขินอาย หรือเพราะความประหม่าเนื่องจากเพิ่งเจอกัน ไม่ก็เป็นเพราะเธอเพิ่งเหนื่อยมาจากการเดินทาง โอ้ย! เราคงคิดมากไป...
“รอนานป่าว? พี่รีบเต็มที่เลยนะเนี่ย” –ผมหาเรื่องคุย
“นานสิเริ่มเมื่อยแล้วเนี่ย” –น้องเหมียวบ่นนิดๆ แต่เธอไม่ได้บ่นจริงจังหรอก เพื่อนของเธอกล้ายจะทำหน้าไม่ค่อยถูกคงจะเขินๆเกร็งๆไปกับคู่ของเราด้วย
“ไปเหอะเพื่อนๆรออยู่” –ผมชวนทั้งคู่เดินทางทันที เพื่อนซี้ผมก็ตามประกบคอยดูแลเพื่อนของน้องเหมียวไม่ห่าง ผมแน่ใจว่าเพื่อนผมไม่ได้คิดจะจีบน้องคนนี้แน่ เพราะหน้าตาน้องก็ไม่ค่อยจะดึงดูดอะไร
...ระหว่างทางผมกับน้องเหมียวได้คุยกันแบบเป็นส่วนตัว ผมถามน้องว่าเหนื่อยไหม ผมบอกว่าผมคิดถึง และไม่พลาดที่จะบอกว่า วันนี้เป็นวันที่พี่รอคอย เธอรับรู้คำพูดของผม แต่การแสดงออกของเธอก็ไม่ค่อยซาบซึ้งอะไรเท่าไหร่ นั่นก็คงเป็นเพราะยังเกร็งๆอยู่ล่ะมั้ง ผมเริ่มรำคาญเซ้นส์ห่วยๆของตัวเอง ผมเสียเวลาตอบข้อโต้แย้งในหัวตัวเองมากเกินไปแล้ว...
...คืนนั้นหลังจากน้องเหมียวมาห้อง มีเพื่อนบางคนขอกลับไปก่อน แต่ก็ยังมีอีกหลายคนที่ยังอยู่สังสรรค์กัน เวลาเริ่มดึก ผมไม่แน่ใจนะแต่ถ้าจำไม่ผิดน่าจะประมาณตี2-3 ได้ น้องเหมียวกับเพื่อนเริ่มง่วงเช่นเดียวกับสาวๆอีกหลายคน แต่ล่ะคนเริ่มจะนอนกันกระจายอยู่แต่ล่ะมุมแต่ผมยังคงดื่มอยู่ ในตอนนั้นผมนั่งอยู่ปลายเตียงและข้างกายผม คือน้องเหมียว...
...เธอนอนเหมือนลูกแมวตัวน้อยๆที่เหนื่อยอ่อน ช่างดูน่าเอ็นดูเป็นที่สุด ผมดื่ม พูดคุยกับเพื่อนๆโดยที่มือข้างหนึ่งของผมจับมือของน้องเหมียวไว้อย่างอ่อนโยน ผมอดไม่ได้ที่จะขยับมือเบาๆเพื่อให้น้องเหมียวรับรู้ถึงสัมผัสที่อ่อนนุ่ม เพื่อให้เธอรู้ว่าผมยังอยู่ข้างๆเธอไม่ห่าง ผมจะดูและเธอ มือน้องเหมียวนุ่มและบอบบางดูเหมือนจะมีเหงื่อซึมออกมาเล็กน้อย ผมสัมผัสไออุ่นของเธอผ่านการจับมือ ไม่รู้ว่าเธอจะหลับไปจริงๆหรือยังรับรู้ถึงสัมผัสของผมบ้าง หากผมไม่แคร์สายตาคนอื่นผมคงจะกอดเธอและหลับไปด้วยกัน คืนนั้นผมจับมือเธอจนรุ่งสาง ผมมีความสุขมากแม้มันจะเป็นแค่การจับมือก็ตาม...
...เวลาน่าจะประมาณตี 5 เพื่อนทุกคนขอตัวกลับบ้าน น้องเหมียวกับเพื่อนก็เช่นเดียวกัน จะว่าไปเราไม่ค่อยได้คุยกันส่วนตัวเท่าไหร่ ผมอยากให้มันเป็นส่วนตัวมากกว่านี้ แต่ก็ช่างเถอะโอกาสหน้ายังมี ครั้งนี้ถือเป็นการเริ่มต้นที่ดี ผมไปส่งน้องเหมียวขึ้นแท็กซี่ และกลับมานอนพักที่ห้องน้องหนุ่ยกับเพื่อนซี้ของผม...
...ช่วงบ่ายน้องเหมียวโทรมาหาผม เราพูดคุยกันอย่างปกติ คำพูดที่หวานหู อ่อนโยน ถ่ายทอดต่อกันไม่ต่างจากทุกวัน สายโทรศัพท์จากเธอทำให้ผมคลายอาการกังวลทั้งหมด เย็นวันนั้นผมนึกแล้วอดยิ้มเยาะตัวเองไม่ได้เรื่อง “เซ้นส์ห่วยๆ”
คำยืนยันของเจ้าของเรื่องสั้น
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ