ห้วงไฟเก่า

-

เขียนโดย หนุ่มวิเวก

วันที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557 เวลา 08.33 น.

  6 ตอน
  2 วิจารณ์
  9,310 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557 08.38 น. โดย เจ้าของเรื่องสั้น

แชร์เรื่องสั้น Share Share Share

 

6) ใจแตกสลาย

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ขนาดตัวอักษร เล็ก กลาง ใหญ่ ใหญ่มาก
วุฒิดื่มเหล้าจนเมาหนัก วุฒิยังจำถึงอดีตวัยเด็กของเขาได้ดี
 
ทั้งที่ไม่ค่อยได้กลับไปบ้านตั้งแต่เขาเข้ามาเรียนสถาปัตย์ที่กรุงเทพ
 
พอถึงตอนนี้เขานึกออกแล้วว่าสิ่งที่เขาและเพื่อนพากันคิดว่าเป็นผีนั้น
 
อาจจะเป็นผู้คุมประตูโรงหนังที่แอบไปก๊งเหล้ากันข้างวัด
 
แล้วแกล้งปล่อยลมจักรยานของเขาและเพื่อนส่วนเพื่อนผองทั้งสาม
 
ที่ร่วมประสบการณ์ในวันนั้นต่างคนต่างเติบใหญ่มีครอบครัว
 
บางคนก็มาเป็นผู้ใช้แรงงานทำงานก่อสร้างในกรุงเทพ
 
ขณะที่บางคนก็ทำไร่ทำนาที่บ้านเกิดนั้น ตอนนี้ทั้งอดีตวัยเด็กที่น่าจดจำและเรื่องของแวว
 
ที่เขาอยากจะลืมเข้ามาในสมองให้คิดอยู่บ่อยๆ
 
เขารู้สึกสับสนว่าอะไรคือความผูกพันอะไรคือความสุข
 
และที่สำคัญเขายังสงสัยตัวเองว่าเขายังรักแวว วัชราอยู่หรือไม่
 
 
ที่โต๊ะอาหารที่เป็นอาคารหลังเดี่ยวแยกเป็นหลังต่างหาก
 
ตั้งอยู่ในบริเวณด้านนอกร้านอาหาร
 
เป็นเวลาสี่ทุ่มกว่า วุฒินั่งรออยู่นานจนเบียร์หมดไปสองขวด
 
คุณวิทย์ยังไม่มา เขารู้สึกฉุนให้ลูกค้าที่ไม่มาตามนัดบ่อยให้นั่งรออยุ่นาน
 
เขาตัดสินใจได้เวลาควรกลับบ้าน ดีกว่านั่งรอให้เสียเวลา
 
ความรู้สึกเหงาเข้าจับขั้วหัวใจ วุฒิมึงงงกับชีวิตของตัวเอง
 
และต้องงงขึ้นไปอีกเมื่อขณะที่เขาใช้สมองคิดพิจารณาแล้ว
 
พบว่าเขาไม่มีเพื่อนเลยในชีวิต แล้วโทรศัพท์มือถือของเขาก็ดังขึ้น
 
 “ฮาโหล ว่ายังไงครับคุณวิทย์ ผมมารอตั้งแต่หัวค่ำแล้ว
 
ทำไมคุณวิทย์ยังไม่มาล่ะครับ”วุฒิโมโหเล็กน้อยที่ลุกค้าผิดนัด
 
 “อ้อคุณวุฒิ คือผมโทรมาบอกว่าวันนี้ผมคงไปทานข้าวตามนัดไม่ได้นะครับ
 
พอดีมีประชุมยุ่งทั้งวันเพิ่งเลิกกันตอนสองทุ่มนี้เอง ขอโทษด้วยครับ
 
ขอโทษจริงๆ เอาไว้คราวหลังผมจะหาเคลียร์เวลาใหม่นะ”
 
 
เสียงปลายสายบอกด้วยอาการไม่รู้สึกทุกข์ร้อนอะไร
บอกหน้าตาเฉยว่าผิดนัด ทำให้วุฒิยิ่งโมโหหนักขึ้นไปอีก
วุฒิสั่งเบียร์ขวดสีเขียวมาอีกสองขวด เพื่อสงบสติอารมณ์
 
นั่งดื่มคนเดียวในร้านที่ทุกโต๊ะเต็มไปด้วยแขกที่มาทานร้านอาหาร
 
 
เขาขับรถกลับบ้านด้วย ความเมา เมื่อผ่านหน้าทางเข้าหมู่บ้าน
 
เห็นตำรวจตั้งแถวดักจับผู้ที่ทำผิดกฎจราจร
 
ตำรวจโบกให้เขาเอารถจอดเที่ยบข้างทาง
 
เขาขับรถไปแอบข้างๆตู้โทรศัพท์แล้วนายร้อยตำรวจก็เดินมา วุฒิหมุนกระจกรถลง
 
 “คุณดื่มเหล้าแล้วขับรถใช่มั้ย” ร้อยตำรวจเอกสงสัยในตัววุฒิ
 
“เอ่อ หวัดดีคุณตำรวจผมดื่มแค่นิดเดียวเอง ยังไม่เมา”
 
 “ไหนขอดูใบขับขี่หน่อย” ตำรวจถามแล้ววุฒิก็ควักกระเป๋า
 
หยิบแบงค์ขึ้นมาห้าร้อยบาทส่งให้ตำรวจ
 
“นี่ครับ คุณตำรวจผมว่าไม่ควรเสียเวลาให้มากเลยนะครับ
 
จะยึดใบขับขี่ผมเหรอ เอาเงินนี้ไปแทนเป็นค่าปรับได้มั้ยครับ คุณตำรวจ”
 
 
 “เฮ้ยนี่มันเข้าข่ายให้สินบนแก่เจ้าพนักงานนะคุณ
 
ผมรับเงินคุณไม่ได้ จ่าเอาตัวลงมาจากรถค้นตัวให้ทั่ว”
 
นายตำรวจพูดเสียงแข็ง ตำรวจชั้นผู้น้อยนายหนึ่งก็ทำตามคำสั่งหมวด
 
 “มาๆลงมาซะดีดี เมาแล้วขับรถอย่างนี้ต้องสั่งสอน”
 
 “ใจเย็นๆครับ เดี๋ยวผมเดินลงดีดี” แล้วจ่าตำรวจก็ค้นตัววุฒิ
 
ไม่พบสิ่งผิดปกติอะไร จึงให้ไปเป่าปากใส่เครื่องตรวจวัดแอลกอฮอล์ ที่เต้นท์ข้างทาง
 
 “เป็นไงมาไงถึงได้เมาแอ๋ขับรถอย่างนี้เนี่ยคุณ”
 
 “ผมไปฉลองมาครับคุณตำรวจ ฉลองรักที่มันสับสน
 
อาลัยชีวิตแรกรักให้วุฒิคนเดียวดาย”
 
 “ท่าทางจะเมามากนะเนี่ย พูดจาเลอะเลือน
 
งั้นพักสงบสติอารมณ์ก่อนตอนเช้าค่อยกลับ”
 
ทันนั้น รถเก๋งหรูคันหนึ่งก็เล่นมาจอดข้างๆ รถของวุฒิเพราะถูกเรียกจากตำรวจด่านตรวจ
 
กระจกรถถูกเปิดออก วุฒิมองเห็นคนขับและคนที่นั่งมาด้วยชัดเจนปรากฏว่าเป็น
 
คุณวิทย์และแวว วัชรา ดารานางเอกชื่อดังนั่นเอง ทั้งคุณวิทย์
 
และแวว วัชรากลับไม่เฉลียวใจมองมาทางวุฒิ
 
ที่กำลังยืนเกาะลูกกรงเหล็กดัดบนรถหกล้อของสำนักงานตำรวจ
 
เขาทำได้เพียงมองคู่รักที่กำลังหยอกล้อกันหัวเราะด้วยความแค้นหนักในใจ
 
เขารู้แล้วว่าที่คุณวิทย์ว่าจ้างให้เขาและเยาว์ออกแบบบ้านให้
 
ก็เพื่อจะทำเป็นเรือนหอให้แก่ แวว  เขารู้สึกหน้าชาอย่างบอกไม่ถูก
 
เหมือนถูกตบด้วยแรงเหวี่ยงฝ่ามือเข้าฉาดใหญ่
 
ไม่คิดฝันว่าชายคนที่ แวว วัชรา กำลังจะแต่งงานด้วยนั้น
 
กลับเป็นลูกค้ารายใหญ่คนล่าสุดของเขาเอง
 
เมื่อตำรวจตรวจดูใบขับขี่คุณวิทย์แล้วพบว่าไม่มีสิ่งใดผิดปกติ
 
จึงปล่อยให้รถคันนั้นแล่นออกไป
 
ตอนนี้ความคิดของวุฒิเต็มไปด้วยความสับสน
 
เกิดเป็นปมในใจที่ร้อนเร่า ไฟเก่าที่ยังไม่ดับลงย้อนกลับมาปะทุ
 
แผ่รังสีความร้อนปะทุในอารมณ์ คุคะนองทำร้ายใจเขาเหลือเกิน
 
แม้จะรู้ดีว่า แวว วัชรา มีคนที่ดีพร้อม
 
จากความรักที่เคยมีต่อแววตอนนี้กลับกลายเป็นความเจ็บแค้นอยู่ในใจ
 
เขานึกสาปแช่งคู่รักนั้นให้มีอันวิบัติ เขาเริ่มมองดูฉากชีวิตของตัวเอง
 
แล้วก็ลงเอยไม่ต่างจาก อัศดาตัวละครในหนังสือเรื่องสั้นของเยาว์ที่เขาอ่าน
 
แม้จะต่างเวลาต่างบริบทแต่สิ้นสุดก็พบความเลวร้ายเหมือนกัน
 
ชายหนุ่มในวัยสี่สิบก็ต้องพบกับวิกฤติ
 
เสร็จโปรเจ็คบ้านคุณวิทย์ วุฒิถึงขั้นป่วยเป็นโรคเครียดและซึมเศร้า
 
จนไม่มีสมาธิที่จะทำงานต่อไป เขาต้องทนทุกข์อย่างมากกับความเสียใจ
 
เมื่อใดที่คิดถึงเหตุการณ์ในอดีตที่ผ่านเข้ามาในชีวิต
 
พาจะทำให้เขาอารมณ์เสียเหมือนภูเขาไฟปะทุโดยไม่มีกำหนดเวลาใดๆ
 
หัวหน้าครอบครัววัยสี่สิบปี บัดนี้ได้เปลี่ยนเป็นภาระที่อยู่ในความดูแลของภรรยาเสียแล้ว
 
 
“สวัสดีค่ะ คุณหมอ”เยาว์กล่าวสวัสดีจิตแพทย์ที่ให้การรักษา
 
“สวัสดีครับ ตอนนี้อาการคนป่วยเป็นยังไงบ้างครับ”
 
จิตแพทย์ถามเยาว์ที่นั่งเก้ากี้ของญาติคนป่วยที่นั่งซึมอยู่เฉยๆ
 
“เขาคิดมาก อารมณ์เสียบ่อยๆ บางวันเขาก็บ่นว่าอยากอยู่คนเดียว
 
อยากทิ้งทั้งหมดให้เป็นแค่อดีตซึ่งดิฉันก็ไม่เข้าใจ เขาอาจจกลุ้มใจมากเรื่องอะไรก็ไม่ทราบ
จนบางครั้งไม่ทานข้าวเลยค่ะ เขาจะเป็นอะไรมากมั้ยคะหมอ
ตอนนี้ดิฉันไม่สบายใจเพราะเป็นห่วงเขามาก”
 
“งั้นหมอขอเวลาคุยกับคนไข้ส่วนตัว เชิญญาติออกไปรอข้างนอกก่อนครับ”
 
 
“คุณวุฒิครับ ตอนนี้รู้สึกยังไงครับ ยังคิดถึงความหลังอะไรอยู่
ไหนลองเล่าให้หมอฟังได้มั้ยครับ”
 
“เอ่อ คือผมอยากลืมทุกอย่าง ผมอยากมีชีวิตที่ดีกว่านั้น
 
วันวานทำให้ผมติดหล่มและรั้งไม่ให้ชีวิตของผมก้าวไปอย่างมั่นใจ
 
ผมเคยอกหักเพราะถูกปฏิเสธความรักมาก่อน ที่จะพบกับภรรยาคนนี้
 
ผมเห็นเธอคนนั้นทุกวันในข่าวทีวีและผมอยากจะหนีไปให้ไกล
 
ผมลืมเธอไม่ได้เลย ผมรู้สึกเบื่อ ไม่อยากทำอะไรนอกจากการการอยู่เฉยๆ”
 
 
“แล้วมีกิจกรรมที่ทำผ่อนคลายบ้างมั้ยครับ
 
คุณน่าจะหาอะไรทำเพื่อให้ลืมอดีตเหล่านั้น เช่นเล่นกีฬาบ้าง
 
ตอนนี้สมาธิของคุณยังไม่ดีพอที่จะทำงานอะไรให้สำเร็จ 
 
แล้วดูเหมือนว่าทัศนคติของคุณกำลังถูกทำลาย เอาอย่างนี้
 
หมอจะให้ยาคุณไปครับกินต่อเนื่องมันอาจจะไม่เห็นผลในช่วงแรก
 
แต่อย่าหยุดยาทานไปเรื่อยๆจนรู้สึกว่า ความคิดของคุณจะดีขึ้น
 
แล้วกลับมาหาหมออีกเดือนหน้า”
 
แล้วเสียงกดกริ่งเรียกเจ้าหน้าที่พยาบาลหน้าห้องตรวจก็ดัง
 
เยาว์เดินเข้าห้องตรวจมานั่งที่เก้าอี้หน้าโต๊ะของจิตแพทย์ข้างวุฒิเหมือนเดิม
 
 
“หมอให้ยาสามอย่างนี้นะ ให้คนไข้กินก่อนนอนทุกวัน
 
ต้องพยายามอย่าให้เขาหยุดกินยาเอง เขาอาจจะเบื่อการกินยา
 
มีทางเดียวเท่านั้นคือการกินยา และคุณต้องช่วยเป็นกำลังใจให้เขานะ”
 
“ค่ะ ขอบคุณค่ะคุณหมอ ”
 
“ครับ คุณหมอ”
 
         เรื่องการประกวดร้องเพลงของแพรวผู้เป็นลูกสาวนั้น
 
แพรวไม่ได้รางวัลใดๆในการประกวดในครั้งนั้น
 
ส่วนวุฒิฟุ้งซ่านมากถึงขั้นต้องเข้าเยียวยาจิตใจกับจิตแพทย์
 
กว่าจะหายเป็นปกติก็นานเป็นปี
 
เขาตัดสินใจได้ว่าต้องลืมประสบการณ์ในอดีตให้เป็นเพียงวันวาน
 
ที่ผ่านไปเลยไปแล้วเท่านั้น เขารู้ว่าไม่สามารถย้อนกลับไปแก้ไขอะไรมันได้อีกแล้ว
 
เขาอยู่กับปัจจุบันเพื่ออนาคตของครอบครัว ทัศนคติของเขาเปลี่ยนไป
 
มากกว่าก่อนที่จะพบหมอ เขารู้สึกว่าตัวเองมีสมาธิที่จะทำงานมากขึ้นกว่าเมื่อก่อน
 
เขาตัดสินใจย้ายลูกออกจากโรงเรียนนานาชาติ
 
เพื่อให้เข้าเรียนในโรงเรียนรัฐบาลใกล้บ้านแทน
 
ตอนนี้วุฒิเลิกคาดหวังในอนาคตของลูกทั้งสองทุกอย่าง
 
โดยปล่อยให้เด็กทั้งสองได้เป็นผู้เลือกอนาคตของตัวเอง
 
เขาพยายามพาครอบครัวไปเยี่ยมปู่ย่าที่ต่างจังหวัดทุกครั้งที่มีโอกาส
 
เขาคิดว่าเป็นการดีที่จะได้ทำหน้าที่ลูกที่ดีของพ่อแม่ที่แก่เฒ่า
 
 
และบัดนี้เขาเปลี่ยนเป็นพ่อและสามีที่ดีให้แก่ภรรยาและลูกทั้งสองแล้ว

 

คำยืนยันของเจ้าของเรื่องสั้น

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา