ซะขนาดนี้หรือจะลืมลง
9.9
เขียนโดย มังกุมภ์
วันที่ 8 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557 เวลา 15.05 น.
48 ตอน
40 วิจารณ์
52.65K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 10 เมษายน พ.ศ. 2558 16.39 น. โดย เจ้าของเรื่องสั้น
4) พี่อำผู้น่าสงสาร
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ ช่วงเหตุการณ์ ป.2
ในวัยเด็ก บ้านที่ผมอยู่ เป็นอู่ทำท่อไอเสียและรับชุบโครเมียม ด้วยเหตุนี้ทำให้มีคนงานหลายคน ทั้งวัยรุ่นและวัยโรย ในจำนวนนั้น มีคนคนหนึ่งที่ผมลืมไม่ลง คือ พี่อำ
พี่อำเป็นเด็กเข้าสู่วัยรุ่น คือเริ่มจะโต เริ่มรู้จักจีบสาว เก๊กหน้าม่อ ถึงแม้จะเข้าสู่วัยรุ่นซึ่งเป็นวัยกำลังโต แต่พี่อำกลับไม่โต อาจจะเพราะในวัยเด็กพี่อำขาดสารอาหาร ทำให้ตัวของแกตัวเท่าๆกับผมซึ่งอยู่แค่ชั้น ป.2
ถึงตัวจะเล็กเหมือนเผ่าปิ๊กมี่แต่หัวใจนั้นเป็นหนุ่มวัยพร้อมผสมพันธุ์ จึงทำให้พี่แกพยายามสรรหาวิธีต่างๆมาพยามอวดสาวๆแถวบ้าน ซึ่งในยุคนั้น สำหรับวัยรุ่นแล้ว ไม่มีอะไรจะเท่ห์ไปกว่านักแข่งBMX กับ นักแข่งรถวิบาก หรือโมโตครอส ซึ่งไอดอลของพี่อำ ก็ไม่ใช่ใครที่ไหนไกล สำหรับ BMX เป็นพี่ที่อยู่บ้านติดกับอู่ซึ่งมีดีกรีเป็นนักแข่งอันดันต้นๆ ส่วนรถวิบากนั้นไอดอลของพี่อำ ก็คืออาของผมนั่นเอง
อาน้อยเป็นนักแข่งแมงกะไซด์วิบากที่ล่าถ้วยรางวัลมาโชว์ไว้เต็มตู้ อาน้อยเป็นหนุ่มตัวเล็ก ผอมบาง แต่แกร่ง จึงได้ฉายาในสนามแข่งว่า น้อยสังกะสี ด้วยลักษณะนี้เองทำให้อาน้อยเป็นไอดอลของพี่อำ ในยุคนั้นมักจะมีการจัดแข่งขัน BMX กันอยู่บ่อยครั้ง
วันหนึ่งพี่อำก็มาขออนุญาตอาน้อยซึ่งเป็นลูกพี่ ไปแข่ง BMX ซึ่งช่วงที่พี่อำเดินไปขอนั้น อาน้อยกำลังนั่งแต่งแมงกะไซด์ของแกอยู่ เพราะแกก็เตรียมตัวจะไปแข่งเหมือนกัน ผมซึ่งนั่งเล่นอยู่บริเวณนั้นไม่สามารถจับใจความอะไรได้ แต่ได้ยินพี่อำพูดว่า “กลัว-ไม่กลัว” เพียงเท่านี้ อาน้อยก็พาพี่อำซ้อนรถวิบากขี่ข้ามถนนไปฝั่งตรงข้ามอู่ ซึ่งสมัยนั้นเป็นทุ่งโล่งๆ มีเนินอยู่สองสามเนินซึ่งอาน้อยทำไว้สำหรับซ้อมโดดเนิน
เวลานั้นเป็นเวลาเลิกงานแล้ว คนงานวัยรุ่นก็พากันข้ามถนนตามไปดูสิ่งที่จะเกิดขึ้น ซึ่งแน่นอนว่าผมก็ตามไปด้วย อาน้อยเรียกได้ว่าเป็นคนโลดโผน เวลาว่างๆแกมักจะเอาลูกๆหลานๆซ้อนแมงกะไซด์วิบากขี่ยกล้อเล่นหน้าอู่ประจำ เสียงเครื่องดังสนั่นพร้อมกับเสียงด่าของย่าผมที่เห็นพฤติกรรมของลูกชายแล้วอดใจเสียไม่ได้ ลำพังหลานชาย ก็แย่แล้ว บางทีอาน้อยเอาหลานสาวซึ่งมีศักดิ์เป็นพี่สาวผมขึ้นนั่งแล้วยกล้อ เสียงพี่สาวร้องวี๊ดว๊ายอย่างสนุกสนาน ตรงกันข้ามกับย่าที่วี๊ดว๊ายแบบหัวใจจะวายเพราะกลัวหลานสาวสุดที่รักตกมาคอหักตาย
ตัดกลับมาที่พี่อำ ซึ่งยังไม่รู้ชะตากรรมของตัวเองว่าจะเจออะไร เมื่อไปถึงผมได้ยินอาน้อยพูดว่า
“เดี๋ยวหายกลัว”
ในความคิดผมตอนนั้นคืออาน้อยคงจะพาพี่อำซ้อนแมงกะไซด์โดดเนินตรงหน้าแหงๆ ความคิดของผมถูกแค่ครึ่งเดียวครับ คือพาโดดเนิน แต่แทนที่จะซ้อนท้าย กลับเป็น... อาน้อยจับพี่อำขึ้นไปนั่งบนบังโคลนหน้ามอไซด์ซึ่งใหญ่มาก เอาเข็มขัดกับเชือกมัดพี่อำไว้กับโช๊คหน้ารถ เสียงพี่อำร้องโวยวายแบบไม่ยอม แต่ไม่สามารถดิ้นหลุดได้เพราะพี่ๆที่อู่ช่วยกันล๊อคตัวไว้อย่างสนุกสนาน เมื่อจับพี่อำผูกแน่นดีแล้วอาน้อยก็สตาร์ทเครื่องเบิ้ลแป๊นๆๆๆ เป็นการขู่ขวัญก่อนจะออกตัวยกล้อพร้อมกับเสียงแหกปากร้องของพี่อำ ซึ่งผมไม่สามารถเขียนเป็นตัวหนังสือได้ว่าพี่เขาร้องว่ายังไง
หลังจากตั้งหลักได้อาน้อยก็ขี่รถมาแบบเนิบๆสบายๆก่อนถึงเนินเล็กน้อยก็อัดเต็มแรงรถเทคตัวขึ้นสูงพร้อมกับเสียงวี๊ดของพี่อำซึ่งตอนนี้คงลืมไปแล้วว่าตัวเองเป็นเพศอะไร นี่อาจจะเป็นครั้งแรกที่ผมเข้าใจคำว่า “แต๋วแตก” ว่าเป็นอย่างไร ครั้งแรกผ่านไปด้วยดี อาน้อยขี่ผ่านหน้าพวกเราด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม ตรงข้ามกับพี่อำซึ่งตอนนี้น้ำตาเริ่มไหล วนกลับมาอีกรอบคราวนี้อาน้อยหัวเราะร่า ส่วนพี่อำเพิ่มขี้มูกไหลไหลมาพร้อมน้ำตาด้วย บรรดาเด็กอู่ที่ตามไปดูต่างก็หัวเราะกันอย่างสนุกสนานเพราะไม่ได้โดนกับตัวเอง ส่วนผมนั้นไม่กล้าหัวเราะเพราะกลัวจะโดนตามไปด้วย
สรุปวันนั้นพี่อำโดนอาน้อยพาโดดเนินไม่ต่ำกว่าสิบครั้ง นอกจากน้ำตาแตกแล้วเยี่ยวยังแตกด้วย เมื่อจอดรถปลดพันธนาการออก เพื่อนๆในอู่ก็ต้องช่วยกันแบกพี่อำกลับบ้านพักเพราะเจ้าตัวเข่าอ่อนหมดแรงเดิน ซึ่งอาน้อยก็ตบไหล่ให้กำลังใจว่า
“ผ่านด่านนี้ไปก็ไปแข่งจักรยานได้แล้วไม่ต้องกลัว”
ในใจผมคิด แหงละแข่งBMX อย่างพี่อำโดดเนินสูงจะถึงคืบหรือป่าวไม่รู้แต่อาน้อยเล่นโดดสูงเท่าหลังคาบ้าน หลังจากผ่านด่านโหด พี่อำก็คุยกับสาวๆแถวบ้านถึงเรื่องตัวเองจะไปแข่งbmx จนไม่เป็นอันทำงานพร้อมกับชวนสาวให้ไปช่วยเชียร์ในวันแข่งด้วย
และแล้วก็มาถึงวันแข่ง พี่อำซึ่งเตรียมตัวมาอย่างดีฟิตเต็มร้อย ก็ยืนคุยกับสาวที่จีบอยู่พร้อมกับโอ่ว่าจะชนะการแข่งอย่างแน่นอน เพราะอาน้อยเป็นคนเซ็ทปรับแต่งจักรยานให้เองกับมือ พอถึงรอบของพี่อำ พวกเราก็ตั้งหน้าตั้งตาเชียร์กันอย่างเต็มที่
พอปล่อยตัวพี่อำก็ออกตัวพร้อมกับนักแข่งคนอื่นๆอย่างสูสี แต่ก่อนจะถึงเนินโดดแรก พี่อำก็ถูกทิ้งห่างเป็นช่วงตัวด้วยอาการแปลกๆ พอถึงเนินโดด พี่อำก็ดึงหน้ารถสุดตัวผลก็คือ แฮนด์จักรยานหลุดออกมาพร้อมคอ เมื่อตัวรถกับแฮนด์แยกจากกันการแลนดิ้งก็เหมือนนกปีกหัก พี่อำตกลงมากลิ้งคลุกฝุ่นหลายตลบ ก่อนจะลุกนั่งด้วยอาการ งงๆ กองเชียร์ก็โห่ร้องอย่างสนุกสนานบนความทุกข์ของคนอื่น
ผลของการกลิ้งครั้งนี้พี่อำเลยได้แผลถลอกปอกเปิดมาแถบนึง แถมอายสาวเจ้าที่อุตส่าห์มาเชียร์จนแทบไม่กล้าไปเจอหน้า พี่อำเข็นจักรยานซึ่งคอโยกเยกเข้ามาโวยวายกับอาน้อยด้วยความโมโหจนลืมไปว่าเป็นเจ้านายของตัวเอง ก่อนจะร้องไห้เดินกลับบ้านด้วยความน้อยใจ+โมโห หนึ่งในนั้นหันมาถามอาน้อยว่า พี่น้อยทำอะไรกะรถมันอ่ะ อาน้อยนั่งยิ้มๆตอบว่า
“มันจะได้เลิกบ้าแล้วมาทำงานทำการซะที” .
ในวัยเด็ก บ้านที่ผมอยู่ เป็นอู่ทำท่อไอเสียและรับชุบโครเมียม ด้วยเหตุนี้ทำให้มีคนงานหลายคน ทั้งวัยรุ่นและวัยโรย ในจำนวนนั้น มีคนคนหนึ่งที่ผมลืมไม่ลง คือ พี่อำ
พี่อำเป็นเด็กเข้าสู่วัยรุ่น คือเริ่มจะโต เริ่มรู้จักจีบสาว เก๊กหน้าม่อ ถึงแม้จะเข้าสู่วัยรุ่นซึ่งเป็นวัยกำลังโต แต่พี่อำกลับไม่โต อาจจะเพราะในวัยเด็กพี่อำขาดสารอาหาร ทำให้ตัวของแกตัวเท่าๆกับผมซึ่งอยู่แค่ชั้น ป.2
ถึงตัวจะเล็กเหมือนเผ่าปิ๊กมี่แต่หัวใจนั้นเป็นหนุ่มวัยพร้อมผสมพันธุ์ จึงทำให้พี่แกพยายามสรรหาวิธีต่างๆมาพยามอวดสาวๆแถวบ้าน ซึ่งในยุคนั้น สำหรับวัยรุ่นแล้ว ไม่มีอะไรจะเท่ห์ไปกว่านักแข่งBMX กับ นักแข่งรถวิบาก หรือโมโตครอส ซึ่งไอดอลของพี่อำ ก็ไม่ใช่ใครที่ไหนไกล สำหรับ BMX เป็นพี่ที่อยู่บ้านติดกับอู่ซึ่งมีดีกรีเป็นนักแข่งอันดันต้นๆ ส่วนรถวิบากนั้นไอดอลของพี่อำ ก็คืออาของผมนั่นเอง
อาน้อยเป็นนักแข่งแมงกะไซด์วิบากที่ล่าถ้วยรางวัลมาโชว์ไว้เต็มตู้ อาน้อยเป็นหนุ่มตัวเล็ก ผอมบาง แต่แกร่ง จึงได้ฉายาในสนามแข่งว่า น้อยสังกะสี ด้วยลักษณะนี้เองทำให้อาน้อยเป็นไอดอลของพี่อำ ในยุคนั้นมักจะมีการจัดแข่งขัน BMX กันอยู่บ่อยครั้ง
วันหนึ่งพี่อำก็มาขออนุญาตอาน้อยซึ่งเป็นลูกพี่ ไปแข่ง BMX ซึ่งช่วงที่พี่อำเดินไปขอนั้น อาน้อยกำลังนั่งแต่งแมงกะไซด์ของแกอยู่ เพราะแกก็เตรียมตัวจะไปแข่งเหมือนกัน ผมซึ่งนั่งเล่นอยู่บริเวณนั้นไม่สามารถจับใจความอะไรได้ แต่ได้ยินพี่อำพูดว่า “กลัว-ไม่กลัว” เพียงเท่านี้ อาน้อยก็พาพี่อำซ้อนรถวิบากขี่ข้ามถนนไปฝั่งตรงข้ามอู่ ซึ่งสมัยนั้นเป็นทุ่งโล่งๆ มีเนินอยู่สองสามเนินซึ่งอาน้อยทำไว้สำหรับซ้อมโดดเนิน
เวลานั้นเป็นเวลาเลิกงานแล้ว คนงานวัยรุ่นก็พากันข้ามถนนตามไปดูสิ่งที่จะเกิดขึ้น ซึ่งแน่นอนว่าผมก็ตามไปด้วย อาน้อยเรียกได้ว่าเป็นคนโลดโผน เวลาว่างๆแกมักจะเอาลูกๆหลานๆซ้อนแมงกะไซด์วิบากขี่ยกล้อเล่นหน้าอู่ประจำ เสียงเครื่องดังสนั่นพร้อมกับเสียงด่าของย่าผมที่เห็นพฤติกรรมของลูกชายแล้วอดใจเสียไม่ได้ ลำพังหลานชาย ก็แย่แล้ว บางทีอาน้อยเอาหลานสาวซึ่งมีศักดิ์เป็นพี่สาวผมขึ้นนั่งแล้วยกล้อ เสียงพี่สาวร้องวี๊ดว๊ายอย่างสนุกสนาน ตรงกันข้ามกับย่าที่วี๊ดว๊ายแบบหัวใจจะวายเพราะกลัวหลานสาวสุดที่รักตกมาคอหักตาย
ตัดกลับมาที่พี่อำ ซึ่งยังไม่รู้ชะตากรรมของตัวเองว่าจะเจออะไร เมื่อไปถึงผมได้ยินอาน้อยพูดว่า
“เดี๋ยวหายกลัว”
ในความคิดผมตอนนั้นคืออาน้อยคงจะพาพี่อำซ้อนแมงกะไซด์โดดเนินตรงหน้าแหงๆ ความคิดของผมถูกแค่ครึ่งเดียวครับ คือพาโดดเนิน แต่แทนที่จะซ้อนท้าย กลับเป็น... อาน้อยจับพี่อำขึ้นไปนั่งบนบังโคลนหน้ามอไซด์ซึ่งใหญ่มาก เอาเข็มขัดกับเชือกมัดพี่อำไว้กับโช๊คหน้ารถ เสียงพี่อำร้องโวยวายแบบไม่ยอม แต่ไม่สามารถดิ้นหลุดได้เพราะพี่ๆที่อู่ช่วยกันล๊อคตัวไว้อย่างสนุกสนาน เมื่อจับพี่อำผูกแน่นดีแล้วอาน้อยก็สตาร์ทเครื่องเบิ้ลแป๊นๆๆๆ เป็นการขู่ขวัญก่อนจะออกตัวยกล้อพร้อมกับเสียงแหกปากร้องของพี่อำ ซึ่งผมไม่สามารถเขียนเป็นตัวหนังสือได้ว่าพี่เขาร้องว่ายังไง
หลังจากตั้งหลักได้อาน้อยก็ขี่รถมาแบบเนิบๆสบายๆก่อนถึงเนินเล็กน้อยก็อัดเต็มแรงรถเทคตัวขึ้นสูงพร้อมกับเสียงวี๊ดของพี่อำซึ่งตอนนี้คงลืมไปแล้วว่าตัวเองเป็นเพศอะไร นี่อาจจะเป็นครั้งแรกที่ผมเข้าใจคำว่า “แต๋วแตก” ว่าเป็นอย่างไร ครั้งแรกผ่านไปด้วยดี อาน้อยขี่ผ่านหน้าพวกเราด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม ตรงข้ามกับพี่อำซึ่งตอนนี้น้ำตาเริ่มไหล วนกลับมาอีกรอบคราวนี้อาน้อยหัวเราะร่า ส่วนพี่อำเพิ่มขี้มูกไหลไหลมาพร้อมน้ำตาด้วย บรรดาเด็กอู่ที่ตามไปดูต่างก็หัวเราะกันอย่างสนุกสนานเพราะไม่ได้โดนกับตัวเอง ส่วนผมนั้นไม่กล้าหัวเราะเพราะกลัวจะโดนตามไปด้วย
สรุปวันนั้นพี่อำโดนอาน้อยพาโดดเนินไม่ต่ำกว่าสิบครั้ง นอกจากน้ำตาแตกแล้วเยี่ยวยังแตกด้วย เมื่อจอดรถปลดพันธนาการออก เพื่อนๆในอู่ก็ต้องช่วยกันแบกพี่อำกลับบ้านพักเพราะเจ้าตัวเข่าอ่อนหมดแรงเดิน ซึ่งอาน้อยก็ตบไหล่ให้กำลังใจว่า
“ผ่านด่านนี้ไปก็ไปแข่งจักรยานได้แล้วไม่ต้องกลัว”
ในใจผมคิด แหงละแข่งBMX อย่างพี่อำโดดเนินสูงจะถึงคืบหรือป่าวไม่รู้แต่อาน้อยเล่นโดดสูงเท่าหลังคาบ้าน หลังจากผ่านด่านโหด พี่อำก็คุยกับสาวๆแถวบ้านถึงเรื่องตัวเองจะไปแข่งbmx จนไม่เป็นอันทำงานพร้อมกับชวนสาวให้ไปช่วยเชียร์ในวันแข่งด้วย
และแล้วก็มาถึงวันแข่ง พี่อำซึ่งเตรียมตัวมาอย่างดีฟิตเต็มร้อย ก็ยืนคุยกับสาวที่จีบอยู่พร้อมกับโอ่ว่าจะชนะการแข่งอย่างแน่นอน เพราะอาน้อยเป็นคนเซ็ทปรับแต่งจักรยานให้เองกับมือ พอถึงรอบของพี่อำ พวกเราก็ตั้งหน้าตั้งตาเชียร์กันอย่างเต็มที่
พอปล่อยตัวพี่อำก็ออกตัวพร้อมกับนักแข่งคนอื่นๆอย่างสูสี แต่ก่อนจะถึงเนินโดดแรก พี่อำก็ถูกทิ้งห่างเป็นช่วงตัวด้วยอาการแปลกๆ พอถึงเนินโดด พี่อำก็ดึงหน้ารถสุดตัวผลก็คือ แฮนด์จักรยานหลุดออกมาพร้อมคอ เมื่อตัวรถกับแฮนด์แยกจากกันการแลนดิ้งก็เหมือนนกปีกหัก พี่อำตกลงมากลิ้งคลุกฝุ่นหลายตลบ ก่อนจะลุกนั่งด้วยอาการ งงๆ กองเชียร์ก็โห่ร้องอย่างสนุกสนานบนความทุกข์ของคนอื่น
ผลของการกลิ้งครั้งนี้พี่อำเลยได้แผลถลอกปอกเปิดมาแถบนึง แถมอายสาวเจ้าที่อุตส่าห์มาเชียร์จนแทบไม่กล้าไปเจอหน้า พี่อำเข็นจักรยานซึ่งคอโยกเยกเข้ามาโวยวายกับอาน้อยด้วยความโมโหจนลืมไปว่าเป็นเจ้านายของตัวเอง ก่อนจะร้องไห้เดินกลับบ้านด้วยความน้อยใจ+โมโห หนึ่งในนั้นหันมาถามอาน้อยว่า พี่น้อยทำอะไรกะรถมันอ่ะ อาน้อยนั่งยิ้มๆตอบว่า
“มันจะได้เลิกบ้าแล้วมาทำงานทำการซะที” .
คำยืนยันของเจ้าของเรื่องสั้น
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
10 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9.8 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ