ซะขนาดนี้หรือจะลืมลง

9.9

เขียนโดย มังกุมภ์

วันที่ 8 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557 เวลา 15.05 น.

  48 ตอน
  40 วิจารณ์
  52.11K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 10 เมษายน พ.ศ. 2558 16.39 น. โดย เจ้าของเรื่องสั้น

แชร์เรื่องสั้น Share Share Share

 

39) หนุ่มรวยเพื่อน

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

          อ่านชื่อเรื่องแล้วอาจจะนึกไปถึงขนมชนิดหนึ่ง แต่ในที่นี่ผมหมายถึงเพื่อนรุ่นพี่ท่านหนึ่งครับ อยากรู้ว่าเค้ารวยเพื่อนยังไง มาตามอ่านกันเร้ว
        รุ่นพี่ที่ว่านี้ ก็ชื่อตามชื่อเรื่องเลยครับ "พี่หนุ่ม" เป็นเพื่อนรุ่นพี่ผม ผมได้รู้จักกับพี่หนุ่มผ่านโปรแกรมแชทตัวหนึ่ง  ในตอนนั้นเขามาคุยแบบว่าวัยรุ่นหน่อยๆ คุยๆนึกว่าเป็นเด็กรุ่นน้อง จนกระทั่งเขาชวนมาเปิดห้องคุยใหม่โดยชวนเพื่อนๆส่วนหนึ่งมาร่วมวงด้วย
          พวกเราโม้กันอย่างสนุกสนานในโลกออนไลน์ จนกระทั่งวันหนึ่ง พี่หนุ่มก็ตัดสินใจจัดมิตติ้งในห้องขึ้นมา พวกเราก็เตรียมพร้อมที่จะเจอกันอย่างเต็มที่
          จนวันนัดเจอ พี่หนุ่มนัดให้เรามาเจอกันที่ร้านของเพื่อนแกร้านหนึ่ง
เมื่อได้เห็นหน้าของกันและกัน ความฮาก็บังเกิดขึ้น เพราะ พวกเราในห้อง อายุอ่อนสุดคือ 12 ขวบ และแก่สุด คือ เกือบๆ60 ถึงอายุจะคนละวัย แต่ก็คุยกันได้อย่างสนุกสนาน เพราะว่าโม้กันจนสนิทกันแล้ว วันนั้นเรากินกันจนถึงเวลาปิดร้าน พวกเราจึงกระจุกกันอยู่หน้าร้านรอพี่หนุ่มเคลียร์ค่าอาหารที่ร้านกับเพื่อน ระหว่างนั้นเอง พี่หนุ่มก็เดินมาสะกิดผมแล้วกระซิบถามว่า
         "เอส พอมีตังติดตัวมามั่งหรือป่าว ตังพี่ไม่พอค่าเหล้า"
         ผมพยักหน้าพร้อมกับควักตังให้พี่หนุ่ม แกหายเข้าไปในร้านพักนึงก็กลับออกมา พร้อมกับบอกว่า ถ้าใครจะกินต่อให้ตามไปบ้านแกได้เลย
ตกลงกันเรียบร้อย ก็มีเด็กกับคนแก่ที่ขอตัวกลับบ้านก่อน เพราะพ่อแม่ลูกเมียเป็นห่วง เหลือแต่รุ่นๆพวกเราราวๆ หกเจ็ดคนที่ยังอยากไปต่อที่บ้านพี่หนุ่ม
พอถึงที่หมาย พวกเราก็ลงรถมายืน งงๆอยู่ซุ้มประตูแห่งหนึ่ง  
         "เฮ้ย! นี่มันวัดนี่หว่า" เสียงใครคนหนึ่งพูดออกมา  ผมแหงนหน้ามองแล้วก็ต้อง งง เพราะซุ้มประตูที่ว่า มันเหมือนซุ้มประตูวัดจริงๆ  พี่หนุ่มหัวเราะพร้อมกับพาพวกเราเข้าไปในซุ้มประตูนั้น ในตอนแรกที่เปิดประตู ผมก็ยิ่ง งงเข้าไปใหญ่ เพราะนอกจากหมาที่กรูกันเข้ามาเห่า เลีย กระดิกหางใส่พวกเรานั้นรอบบริเวณ มีแต่รูปปั้นพระ เรียงรายเต็มไปหมด  ตอนนั้นผมคิดว่า บ้านพี่หนุ่มคงเป็นสำนักสงฆ์ ไม่ก็ตำหนักเจ้าพ่อสำนักไหนซักแห่งเป็นแน่
         "บ้านพี่เป็นโรงหล่อพระ ไม่ต้อง งง 555" เสียงพี่หนุ่มตอบมาพร้อมกับหัวเราะ ก่อนจะนำเราเข้าไปในตัวบ้านของแก พอเข้าไปในบ้าน ผมนึกว่าเราอยู่ในผับเพราะบรรยากาศการแต่งบ้านแก คือมีไฟสลัวๆ มีโต๊ะไม้สำหรับนั่งกินเหล้า รอบๆผนัง ตกแต่งแนวผับคันทรี ทำให้บรรยากาศน่านั่งยิ่งขึ้นสำหรับผม
         "พี่กับเพื่อนชอบกินเหล้าที่บ้านมากกว่า เลยแต่งบ้านให้เหมือนผับจะได้ไม่เบื่อ" เสียงพี่หนุ่มตอบมาขณะที่พวกผมกำลังมองบริเวณห้องนั้น
ในระหว่างที่ผมกำลังเดินเข้าห้องน้ำ ผมก็สวนกับพี่หนุ่ม แกยื่นเงินที่แกบอกขอผมที่ร้านคืนให้ พร้อมกับบอกว่า ตังแกมี แค่อยากลองใจผมเท่านั้น ผมก็รับคืนมาอย่าง งงๆ
พร้อมกับคิดว่า เจอกันวันแรกก็ลองใจกันซะแล้ว
         เรานั่งดื่ม คุยกันไปเรื่อยๆ จนเพื่อนๆเริ่มขอตัวไปนอนในห้อง ซึ่งพี่หนุ่มเตรียมพร้อมไว้ให้เรียบร้อยแล้ว สำหรับเพื่อนใหม่กลุ่มนี้ เหลือผมกับพี่หนุ่มสองคนนั่งคุยกันอยู่ ผมจึงเริ่มถามด้วยความสงสัยว่าพี่หนุ่มชอบลองใจคนเหรอ แกยิ้มพร้อมกับบอกว่า
         "พี่มีเพื่อนเยอะมากเอส พี่ก็เลยชอบลองใจทุกๆคน เอาไว้แบ่งระดับความสนิท" ผมถามกลับไปว่า ในกลุ่มนี่ พี่ลองใจหมดทุกคนเลยหรือป่าว? แกตอบมาว่า
         "ลองเกือบหมดแล้ว" ผมถามกลับอีกว่า ลองใจเรื่องขอยืมตังนี่ พี่คิดว่ามันเป็นวิธีที่ได้ผลเหรอ แกตอบกลับมาว่า ได้สิ คำตอบของแต่ละคน ทำให้แกพอรู้นิสัยลึกๆของแต่ละคนได้ แกพูดพร้อมกับจุดบุหรี่สูบอัดควันลึกก่อนจะพ่นออกมาพร้อมกับหัวเราะแล้วพูดว่า
         "ในกลุ่มนี้ บอกตรงๆว่า มีคนที่พี่พร้อมจะเลิกคบอยู่ด้วย" เมื่อผมถามว่าใครแกหัวเราะแล้วบอกชื่อมา ซึ่งผมก็ไม่ได้ถามต่อว่าเพราะอะไร เพราะเพื่อนคนที่ถูกเอ่ยถึงนี่ก็ไม่มีท่าทางไม่น่าคบหาแต่อย่างใด
         แพล่มมาพักใหญ่แล้ว ท่านผู้อ่านอาจจะ งง ว่า แล้วรวยเพื่อนนี่ยังไง ก็แค่มีเพื่อนกลุ่มใหม่กลุ่มนึง เหตุการณ์มันหลังจากนี้แหละครับ
         คือหลังจากคืนนั้นเป็นต้นมา พี่หนุ่มก็ชวนผมไปนั่งดื่มแทบจะทุกอาทิตย์ ซึ่งก็มีทั้งบ้านแก และที่บ้านเพื่อนๆแก ตามแต่จะนัดกัน ซึ่งทุกๆครั้งที่นัดเจอกัน ผมก็จะได้เจอเพื่อนหน้าใหม่ที่พี่หนุ่มแนะนำให้รู้จักอยู่เรื่อยๆ ซึ่งก็มีทั้งเพื่อนเก่าและเพื่อนใหม่ของแก
         แทบทุกๆครั้งที่แกชวนผมไปกินบ้านแก พอผมไปถึงที่บ้านแกแล้ว แต่แกไม่อยู่ ถามลูกน้องแก ก็บอก แกออกไปหาซื้อกับข้าวมาทำกับแกล้มให้ผม เพราะในบรรดาเพื่อนๆที่มาดื่มมีแต่ผมคนเดียวเท่านั้น ที่ซัดกับแกล้มเป็นว่าเล่น เรียกว่าแทบจะขอข้าวสวยมากินกันเลยทีเดียว ซึ่ง เมนูที่ผมชอบ ขอให้มีแค่สองอย่างก็พอ คือ เห่าดง กับ ต้มยำ ซึ่งพอผมไปถึงพี่หนุ่มจะจัดการ
ปรุงกันสดๆร้อนๆเดี๋ยวนั้นเลย
         และแล้วผมก็ยิ่งทึ่งมากขึ้นไปอีก เมื่อถึงวันเกิดของพี่หนุ่ม เมื่อไปถึง บริเวณบ้านของแก ได้จัดที่นั่งไว้เป็นซุ้มๆกลุ่มๆ มีตั้งแต่เพื่อนสมัยประถม มัธยม มหาลัย ครู เพื่อนในเน็ต และเพื่อนที่รู้จักกันโดยบังเอิญ ซึ่งผมเห็นแล้วเริ่มคิดแล้วว่า พี่หนุ่มแกมีเพื่อนเยอะจริงๆ และถึงจะแบ่งกลุ่ม แต่ก็อยู่ใกล้ๆกันเฮกันได้ โดยมีพี่หนุ่มเดินถือแก้วไปตามกลุ่มต่างๆ เมื่อแกไปถึงกลุ่มไหน ก็มีเสียงเฮ - หัวเราะที่กลุ่มนั้น  และถึงแม้จะเป็นวันเกิดของแก แต่แกก็ไม่ลืมเมนูโปรดของผมสองรายการ ซึ่งแกก็จัดการไว้ให้เรียบร้อย .. แหม่ นึกแล้วน้ำลายไหล
         ในวันหนึ่ง ขณะที่เราดื่ม กินกันอยู่ พี่หนุ่มก็ถามผมว่าบ้านผมอยู่ระยองใช่ไหม?
         "เดี๋ยวช่วงเอสปิดเทอม พี่ว่าจะไปเที่ยวบ้านเอสซะหน่อย พอดีรุ่นน้องพี่เปิดร้านอาหารอยู่แถวๆบ้านเอสแหละ" พี่แกพูดยิ้มๆ ผมเลยแซวว่า ขอให้พี่ไปจริงๆเท้อ พี่มานอนบ้านผมได้เลย
         "ไปสิ พี่สัญญา" แกพูดยิ้มๆตาแดงๆด้วยความเมานิดๆ
         พอปิดเทอม ผมก็หนีมหาลัยไปปั่นจักรยานคู่ชีพอย่างเมามันส์จนตัวดำปื้ด วันหนึ่งขณะที่กำลังนั่งเหม่อใจลอยเพราะว่าง ก็มีโทรศัพท์เข้ามา พี่หนุ่มนั่นเอง
         "เอสเหรอ พี่เอง เนี่ย พี่อยู่ตรงเนี้ย ใกล้บ้านเอสหรือป่าว?"  ผมฟังแล้วก็หัวเราะ พร้อมกับบอกว่า
         "เดี๋ยวเดินไปหาก็ได้พี่" สักพัก ผมก็ไปถึงร้านเพื่อนของพี่หนุ่ม ซึ่งอยู่ใกล้ๆบ้านผมนี่แหละ เพิ่งรู้เหมือนกันว่าร้านนี้เป็นของเพื่อนแก เมื่อไปถึงก็เจอแกนั่งคุยอยู่กับเพื่อนของแกนั่นแหละ
         หลังจากแนะนำให้รู้จักกันแล้ว เราก็นั่งคุยกันเฮฮากันไปจนกระทั่งถึงเวลา เพราะมึนกันเต็มที พี่หนุ่มขอตัวไปนอนที่ห้องเพื่อนก่อน บอกว่าอีกวันจะไปนอนบ้านผม ผมตกลง พอถึงเวลาบ่ายสองของอีกวัน
พี่หนุ่มก็โทรมาชวนผมไปนั่งกินอีก ผมไปนั่งกินกับแกอีกจนกระทั่งถึงเวลา แกก็มานอนที่บ้านผมตามที่นัดไว้ ในขณะที่นอนคุยกันอยู่บนเตียง พี่หนุ่มก็พูดกับผมว่า
         "เอส พี่มาบ้านเอสตามสัญญาแล้วนะ" แกพูดยิ้มๆ ขณะที่ผมหันหน้ามองแกแบบงงๆ พร้อมกับแซวว่า พี่พูดเหมือนจะลาตายงั้นแหละ แกบอกว่า หลังจากที่กลับไปคราวนี้ แกจะไปเปิดโรงงานที่นครปฐม
โดยชวนเพื่อนสมัยเรียนคนหนึ่ง กับเด็กลูกน้องของแกไปด้วย ช่วงนี้พวกเราคงจะได้กินด้วยกันน้อยหน่อยนะ นานๆอาจจะเจอกันที ผมบอกว่า ก็ดีเหมือนกัน เพราะว่า ผมเองเปิดเทอมคราวนี้ก็ต้องเริ่มเตรียมโปรเจคจบแล้ว
คงจะเที่ยวดื่มแบบเมื่อก่อนไม่ได้เหมือนกัน แต่ว่างๆจะไปหาแกที่โรงงานใหม่ละกัน
         ช่วงหลังผมคุยกับพี่หนุ่มน้อยลง เนื่องจากต้องเตรียมตัวทำโปรเจคจบ มีคุยกันมั่งก็ในเน็ต และได้เจอแกสองสามครั้ง จนกระทั่ง วันหนึ่ง ผมก็ได้ข่าวจากเพื่อนว่า พี่หนุ่มเสียแล้ว!
         ผมซึ่งเพิ่งกลับจากมหาลัยทิ้งตัวลงโซฟา ก็ต้องเด้งกลับขึ้นมาอีกรอบ หลังจากติดต่อเพื่อนแล้ว ผมก็ไปบ้านเพื่อนที่จะไปงานศพในคืนนั้นทันที
         เมื่อถึงในงาน ก็เจอเพื่อนพี่หนุ่มแต่ละกลุ่มมากันเยอะแยะไปหมด ผมมาไม่ทันรดน้ำศพ แต่เพื่อนพี่หนุ่มบอกว่า หน้าพี่หนุ่มยิ้ม แต่ตาไม่หลับ ตอนนั้นผมยังมึนๆ งงๆ เพราะไม่คิดว่าจะเป็นเรื่องจริง
แต่ก็ต้องยอมรับว่าจริง เพราะโลงที่อยู่ตรงหน้าใส่ศพพี่หนุ่มอยู่นั่นเอง
         เพื่อนพี่หนุ่ม ที่ไปทำโรงงานด้วยกัน ให้พวกผมดูรูป เพิงที่สร้างขึ้นด้วยไม้ไผ่และมุงจาก ตกแต่งเหมือนร้านอาหาร บอกว่าพี่หนุ่มสร้างไว้รอพวกผมไปกินกัน อีกรูปนึงเป็นรูปห้องครัวที่หนุ่มบอกเพื่อนว่า สร้างไว้เผื่อผมแวะไปเยี่ยมแก จะได้ทำต้มยำกับเห่าดงให้ผมกิน ผมมองรูปห้องครัวที่พี่หนุ่มสร้างไว้ ก็รู้สึกถึงมิตรภาพที่พี่หนุ่มมีให้ ว่าพี่หนุ่มใส่ใจและนึกถึงผมอยู่เสมอ ตอนนั้นผมจำไม่ได้จริงๆว่าผมน้ำตาไหลหรือป่าว แต่ที่รู้คือ ผมเสียใจมาก ที่เสียเพื่อนไปหนึ่งคน
         และแล้ว วันปลงศพพี่หนุ่มก็มาถึง วันนั้นเอง ทำให้ผมรู้ว่า พี่หนุ่มมีเพื่อนเยอะมากขนาดไหน คนที่มา มีร่วมพัน ทำให้ผมนึกถึงประโยคนึงที่พี่หนุ่มเคยบอกผมว่า
         "เอส ต่อให้พี่ล้มละลาย พี่ก็ไม่อดตายหรอก แค่พี่ขอไปอยู่บ้านเพื่อนที่พี่มี แค่คนละสิบวัน พี่ก็อยู่ได้จนแก่แล้ว" แกพูดพร้อมกับหัวเราะ
         พิธีการก็ดำเนินไปจนถึงเวลาเผาศพ ซึ่งเมื่อถึงเวลาเปิดฝาโลงนั้น ในงานปกติ ส่วนใหญ่คนที่ขึ้นไปบนเมรุ จะเป็นญาติสนิทเท่านั้น แต่ของพี่หนุ่ม แทบจะทุกคนที่ไปร่วมงาน ต่างก็เดินย้อนขึ้นเมรุกันไปอีกรอบ เพื่อร่วมส่งวิญญาณเพื่อน ขอดูหน้าเป็นครั้งสุดท้าย ทำให้เกิดความวุ่นวายเล็กน้อย เพราะคนร่วมพันแห่กันขึ้นเมรุทำให้แน่นขนัดไปหมด
          หลังงานศพ พวกเราย้อนกลับมาบ้านพี่หนุ่มที่เราเคยดื่มกินเฮฮากันมาก่อน พร้อมกับถ่ายรูปหมู่ด้วยกันเป็นครั้งสุดท้าย เพราะต่างก็รู้กันว่า เราคงจะไม่ได้มาที่นี่กันอีกแล้ว
                   -- สู่ สุขคติครับ พี่หนุ่มผู้ร่ำรวยมิตรสหาย --

   

 

คำยืนยันของเจ้าของเรื่องสั้น

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
10 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9.8 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา