เพื่อนผมเป็นหุ่นยนต์
เขียนโดย อชิรญาฯ
วันที่ 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557 เวลา 20.33 น.
แก้ไขเมื่อ 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557 21.39 น. โดย เจ้าของเรื่องสั้น
2) หุ่นยนต์คนนี้ฮอตมาก
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ'เธอชื่ออะไรเหรอ เป็นเพื่อนกับเรานะ'
'น่ารักจัง ขอจีบหน่อยดิ'
'เอ่อ.. ผมอยากรู้จักอ่ะครับ ขอเบอร์หน่อยได้มั้ย -///-'
'เธอเป็นเพื่อนกับเรวินเหรอ หรือว่าเป็นแฟน!? อุ๊ยตาย...เหมาะสมกันมาก'
ตลอดเวลาที่นั่งอยู่ในห้องเรียนเสียงเหล่านี้มักจะลอยมาเข้ากกหูเข้าประสาทเขาตลอด คำถามแต่ลำคำถามต่างเทเข้ามาเหมือนฟ้าผ่า นี่ยังไม่ได้เท่าเสียงแหลมเล็กไพเราะชวนฟัง ของแม่เจ้าที่ตอบกลับได้ไวเป็นต่อยหอยไม่แพ้กัน เรวินที่นั่งอยู่ข้างๆดูเหมือนจะหมดความฮอตไปโดยปริยายเมื่อแม่สาวหน้าแบ๊วนักเรียนใหม่คนนี้มานั่งด้วยข้างๆ
เด็กหนุ่มพยายามปั้นหน้าเงียบเอาไว้ไม่แคร์สื่อใดคล้ายว่าไม่สนใจอะไรมากกับเพื่อนใหม่คนนี้ แต่ดวงตาของเขาแอบเหล่มองเจ้าประคุณเป็นระยะหมายว่าจะให้เข้าใจความหมายของสายตาที่ส่งไป
แต่ถ้าหุ่นยนต์มีความสามารถมากถึงขนาดนั้นก็คงเป็นเรื่องดีอยู่หรอก ทั้งหมดนี้ที่เป็นไปล้วนแล้วแต่เป็นการทำงานของสมองกลและคอมพิวเตอร์อัจฉริยะทั้งสิ้น ไม่มีใครเอะใจเลยสักนิดว่า สิ่งมีชีวิตที่มีหน้าตาเหมือนกับพวกเขา มีความสามารถเช่นเดียวกับพวกเขา และมีอุณหภูมิเหมือนกันกับพวกเขาแท้จริงนั้นเป็นเพียงโครงเหล็กธรรมดาที่ฝังสมองกลเข้าไปแค่นั้นเอง แน่นอน..ทั้งหมดรวมถึงเรวินด้วย
เวลาดำเนินผ่านไปเช่นนี้จนในที่สุดเสียงระฆังก็ดังก้องหมดเวลาการเรียนของวันนี้เข้าให้
เรวินยิ้มดีใจก่อนคว้ากระเป๋านักเรียนที่มีเพียงสมุดสองสามเล่มอยู่ภายในวิ่งออกนอกห้องอย่างลิงโลด ความรู้สึกของการที่ได้ออกจากห้องเรียนตอนโรงเรียนเลิกเป็นคนแรกช่างเป็นความรู้สึกที่เหมือนว่าตัวเองพุ่งออกมาจากลำแสงแห่งพระเจ้า ...มันยอดไปเลยจอร์จ
เด็กหนุ่มวิ่งไปได้สักพักก็หันกลับมามองด้านหลัง เห็นมะลิกำลังถูกรื้อรั้งโดยกลุ่มนักเรียนสาวห้องเดียวกันก็ยิ้มกว้างขึ้นมากกว่าเดิม
...จริงสิถ้าหนีไปโดยที่ยัยนี่ตามไม่ทัน เขาจะกลายเป็นอิสระทันที...
รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ผุดฉายขึ้นบนมมุมปากของเรวิน หลงทางไปซะเถอะ ฮ่าๆๆๆ
เรวินกระโดดลงจากบันไดอย่างรวดเร็ว ไม่นานก็ออกมาจากตึกเรียนได้ เขามุ่งหน้าไปยังห้องชมรมมิคาเอลแก๊งค์เพื่อลงรายชื่อแารทำกิจกรรม ก่อนจะเดินชิวๆไปตามทางเดินออกนอกโรงเรียนอย่างมีความสุข
สภาพของเด็กหนุ่มที่ชุดนักเรียนเปื้อนเหงื่อฉ่ำบางจนเห็นกล้ามหน้าท้องอ่อนๆ ทำให้เหล่านักเรียนสาวๆทั้งเด็ก ทั้งผู้ใหญ่ต่างหน้าแดงแจ๊ม่านม้วนกันเป็นแถว ไอ้ความฮ็อตระดับเทพนี่มันชักจะทวีความรุนแรงขึ้นทุกวันแล้วสินะ ฮ่าๆๆๆ นี่กรูหล่อโคตรเลยสินะเนี่ย!
ทุกๆวันหลังเลิกเรียน เรวินก็จะออกไปเช็คความเรียบร้อยของร้านขนมแถวโรงเรียนตัวเองที่มีถึงสามแห่ง และวันนี้ก็เป็นอีกหนึ่งวันที่เด็กหนุ่มเจ้าของร้านเค้กวัยสิบหกก็มาเยี่ยมบรรดาพนักงานในร้านด้วยรอยยิ้มเช่นเดิม
"พี่ยิ้ม ร้านเป็นอย่างไรบ้างครับ ลูกค้าพอได้มั้ยเอ่ย?"
เรวินเอ่ยถามหญิงสาวผู้จัดการร้านอย่างเป็นกันเอง ยิ้มหันมาหาต้นเสียงก่อนยิ้มให้ดั่งชื่อ
"เหมือนทุกวันนั่นล่ะค่ะวิน ...เดี๋ยวขอพี่เก็บบัญชีก่อนนะ วินไปนั่งรอที่โต๊ะก็ได้ เสร็จแล้วเดี๋ยวให้ลองชิมของดี"
ยิ้มกล่าวจบก็เดินหายเข้าไปหลังร้านพร้อมแฟ้มบัญชีรายรับ-รายจ่ายทั้งหมดของร้านขนม
เรวินยักคิ้วไล่หลังก่อนเดินกลับมานั่งที่โต๊ะรับแขกวีไอพีของร้าน
ร้านขนมแห่งนี้แต่เดิมเคยเป็นทั้งร้านเค้ก ร้านกาแฟ ร้านอาหาร และเบเกอร์รี่ แต่เพราะความนิยมยังมีไม่มากทำได้ของทุกอย่างที่ขายไปได้ราคาน้อย การเริ่มต้นของเรวินมาจากเงินลงทุนเล็กน้อยที่แม่ให้มาหลังสิ้นบุญ แม้จะเป็นจำนวนไม่มาก แต่ทว่าก็สามารถสร้างเนื้อสร้างตัวได้ จนตอนนี้เขามีกินในที่ว่าไม่อดเลย
อนึ่งไม่ได้เป็นเพราะเขาคนเดียวเท่านั้น แต่ครึ่งหนึ่งของความสำเร็จก็มาจากพี่ยิ้ม สุทธิดา คนนี้ หากไม่ใช่เพราะป้ายประกาศรับสมัครพนักงานที่มีใครแอบเอามาติดไว้ ป่านนี้ร้านขนมของเขาคงเป็นได้เพียงแค่ความฝัน
ด้วยวัยเพียง 21 ปีของยิ้ม บวกกับความสามารถในการบริหารจัดการร้าน และวางแผนกลยุทธุ์การตลาด ทำให้ร้านขนมจากที่เละเป็นขี้ สามารถดำรงตำแหน่งคุกกี้ในกรุงเทพฯได้อย่างง่ายได้
นอกจากสมองที่เป็นเลิศของยิ้มจะมีดีแล้ว หน้าตาที่สวยไม่แพ้นางงามที่ไหนของนางยังเป็นจุดเรียกลูกค้าหนุ่มๆเข้ามาในร้านไม่ขาดสายทุกซีซั่นอีกด้วย ถึงสถานะตอนนี้ของนางจะยังโสด แต่อนาคตอีกต่อไปก็ไม่แน่ว่าอาจจะลงเอ่ยกับเด็กหนุ่มที่ห่างกันถึงห้าปีก็เป็นได้
เรวินกวาดสายตามองภายในร้านอย่างมีความสุข เมื่อต้นปีเพิ่งจะขยายพื้นที่ร้านไปเนื่องจากมีลูกค้าเข้ามาเป็นจำนวนมาก แต่ตอนนี้ร้านสาขาดุสิตคงต้องเปิดเป็นชั้นสองแล้วละมั้ง
ด้วยภายในร้านร้านตกแต่งสไตล์สยามปะกับยุโรปตอนต้น ทำให้เหล่านักลงทุนหรือลูกท่านหลานเธอที่ต้องการความแปลกใหม่ต่างเข้ามาใช้บริการภายในร้านเป็นประจำ
เด็กหนุ่มดูร่างบางน่าทะนุถนอมของหญิงสาวที่สวมผ้ากันเปื้อนไว้ด้วยความรู้สึกดี ผู้หญิงคนนี้ช่างดีกับเขามากเหลือเกิน ความรู้สึกภายในของเขามันสั่นระริกเมื่อสายตาของเธอมองมาทางนี้ ไม่รู้ว่าเขาจะสามารถรั้งความรู้สึกนี้ได้หรือไม่นะ
"ร้านเป็นยังไงบ้างวิน พอได้มั้ย" ยิ้มเดินเข้ามาพร้อมวางของว่างสองสามอย่างกับน้ำผลไม้สองแก้วไว้บนโต๊ะ "พี่ทำเค้กองุ่นมา วินช่วยลองชิมให้พี่หน่อยสิ"
"ไม่ต้องขอหรอกครับ เรื่องกินนี่อย่าให้ถามเลย" ว่าแล้วก็ตักเค้กองุ่นเข้าปากให้มันไปเผชิญน้ำย่อยตามยถากรรม "อร่อยดีจัง ว่าแต่พี่เริ่มขายเจ้าเค้กนี่รึยังครับ?"
"ยังหรอกค่ะ เอาไว้วันพรุ่งนี้พี่จะเริ่มวางในห้องอบ ...นี่วินมาวันนี้กะจะมาเช็คสภาพร้านเหมือนเคยสินะ"
"ครับ อันที่จริงผมกะจะไปให้ครอบทุกร้าน แต่วันนี้คงหยุดแค่นี้ก่อนดีกว่า ...แค่สาขานี้สาขาเดียวผมก็รู้แล้วว่างานยุ่งมาก ถ้าไปสาขาอื่นด้วยคงจะทำตัวกันไม่ถูกแน่เลย ฮะๆๆ"
"จริงสินะ ฮะๆ...ตอนนี้ยังไม่มีใครรู้เลยสิเนาะว่าวินเป็นเจ้าของร้าน เอางี้มั้ย ถ้าพรุ่งนี้พี่ว่างจะลองเข้าไปสาขาอื่นด้วยเลย"
"ไม่ล่ะครับ" เรวินโบกปัด "ให้คนอื่นเค้าคิดว่าพี่ยิ้มเป็นเจ้าของร้านดีกว่า ผมขออยู่เบื้องหลังละกัน ไม่ขอออกสื่อตอนนี้"
"แหมมม...พ่อหนุ่มหล่อ" ยิ้มหัวเราะไปพร้อมๆกับเรวิน
สาวเจ้าใช้นิ้ววนปากแก้วจนเกิดเป็นเสียงเพลงคีย์เดียวเบาๆ แม้จะเบาบางจนแทบไม่ได้ยิน แต่มันก็ไพเราะจับจิตจนคนฟังรู้สึกเคลิบเคลิ้ม
"พี่ยิ้มครับ"
"ค่ะ?"
"วันนี้ผมรู้สึกว่าอะไรๆมันไม่ค่อยได้ดั่งใจไปหน่อย ตั้งแต่ตอนเช้าผมก็รู้สึกว่าตัวเองกำลังโดนจับคู่แบบแปลกๆอยู่ จนมาถึงตอนนี้ผมก็รู้สึกสังหรณ์ใจว่าอีกไม่นาน อะไรๆมันก็อาจจะไม่เป็นเหมือนเดิม"
เรวินพูด สายตาของเขาจ้องมองออกไปภายนอกร้านที่มีผู้คนเดินไขว้ไปมาเหมือนมดอย่างเหม่อลอย ยิ้มเอื้อมมือไปกุมมือเด็กรุ่นน้องก่อนบีบเบาๆให้กำลังใจ
"บางทีหลายอย่างสินอาจคิดไปเองก็ได้ วันรุ่นเวลาจะโตเป็นผู้ใหญ่ก็แบบนี้ล่ะ มันมีอยู่ไม่กี่ทางสำหรับคนท้อแท้ แต่มันจะมีเป็นร้อยล้านทางสำหรับคนต่อสู้ ช่วงนี้น่ะอาจจะเหนื่อยหน่อยนะวิน ลองหาเพื่อนที่รู้ใจเราสักคนมาเคียงข้างสิ ช่วยกันผลัดดัน ช่วยกันให้กำลังใจตัวเอง มันอาจจะดีก็ได้นะ"
เสียงอ่อนนุ่มไพเราะดังเบาข้างหู หัวใจของเด็กหนุ่มที่ผ่านโลกมาได้เพียงไม่กี่ปีพลันต้องวาบหวามใจเต้นถี่แรงจนรู้สึกเร่าร้อนไปทั่วทั้งหน้า
เขาไม่กล้าแม้แต่จะละสายตาจากด้านนอกมาสบตากับหญิงสาวเลนสักนิด เขากลัว...กลัวว่าหัวใจดวงนี้อาจจะตกลงไปในความรักของหญิงสาวตรงหน้าเขาเข้าให้
สุทธิดา หรือยิ้ม ขยับรอยยิ้มบนเรียวปากบางรูปกระจับอวบอิ่มสีชมพู "วินมีอะไรจะพูดกับพี่อีกรึเปล่า?"
"..." เด็กหนุ่มไม่กล้าเอ่ยอะไร ลำพังมือนุ่มนิ่มที่กุมมือเขาไว้ก็ทำให้หัวใจเต้นโครมครามแล้ว หากจะพูดกันจริงกลัวจะต้องสบตากันมากกว่า
"ว่าไงคะวิน ^^"
"ม... ไม่มีแล้วครับ เชิญพี่ยิ้มไปดูแลลูกค้าคนอื่นเถอะ ผมคิดว่าจะกลับแล้ว"
เรวินตะกักเล็กน้อยแต่ก็ไหลไปได้เรื่อยๆ หญิงสาวป้องปากตัวเองแล้วหัวเราะกับสภาพของหนุ่มหล่อที่กำลังเขิญอาย
"ถ้างั้นพี่ขอตัวไปทำตารางบัญชีก่อนนะ เด็กผู้หญิงที่อยู่ข้างหลังวินสวยดีนะ เหมาะสมกับวินมากเลย"
ยิ้มลุกขึ้นยิ้มให้ใครอีกคนข้างหลังเขา ก่อนจะเก็บข้าวของที่เต็มอยู่บนโต๊ะใส่ถาดแล้วจากไป
เรวินหันหลังมองตามยิ้มไปก็เจอเข้ากับเด็กสาวมะลิคนเดิมที่ยิ้มแก้มปริไม่มีเมื่อยอย่างงงๆ
ตั้งแต่ตอนไหนกัน!
"นี่หาฉันเจอได้ยังไงกัน!?" เด็กหนุ่มถามอย่างงงๆ
"เรามีGPSเบอร์ของเจ้านายอยู่ เจ้านายชอบมาที่นี่ตลอดเลยเหรอ?" เด็กสาวถาม รอยยิ้มบนหน้ายังประดับอยู่ไม่ห่าง
ผิวขาวชมพูละเอียดเหมือนยาง ใบหน้าเรียวกลมเล็กน้อยเข้ารูป ขับให้ตาจมูกปากจิ้มลิ้มนั้นดูดีขึ้น ยิ่มพอได้มองใกล้ๆแล้วยิ่งน่ารัก เพียงแค่รูปร่างหน้าตาที่เรียกว่าเย้ายวนให้เหลียวมองซ้ำเท่านั้นยังไม่พอ กลิ่นดอกไม้หอมกลิ่นมะลิอ่อนสมชื่อยังโชยฟุ้งล่อแมลงหนุ่มให้มาติดกลับ
ไม่แปลกที่บรรดาหนุ่มๆในร้านต่างมองเด็กสาวมะลิด้วยอาการเหม่อลอย นางเหมือนนางฟ้าจากสวรรค์ก็ไม่ปาน แต่เมื่อทุกคนได้รู้ว่าจริงแล้วว่าสิ่งที่เห็นเบื้องหน้าพวกเขานั้นเป็นเพียงแค่หุ่นยนต์รับใช้ธรรมดาๆ จะมีสีหน้ายังไงกัน
"เลิกเรียกฉันว่าเจ้านายได้สักที ฟังแล้วไม่สบอารมณ์ เฮ้! ใครอนุญาตให้เธอกินเค้กของฉันวะ!"
เรวินโวยวาย เขาพยายามล้วงเค้กฝีมือพี่ยิ้มออกมาจากปากของมะลิอย่างหวงแหนดุจชีวิตอย่างน่ารัก ส่วนมะลิก็พยายามงับปากไว้อย่างสุดกำลัง คนที่ไม่รู้เรื่องราวภายในร้านเห็นการกระทำของสองคนนี้จึงไม่แปลกที่บางคนถึงกับออกปากชมว่าน่ารักเหมาะสมกันดี
"อ๊ากกกก! เธอกัดนิ้วช้านนนนนนนน!!"
รถซีดานสองที่นั่งเบรกดังเอี๊ยดลั่นบ้านที่ควรจะเรียกว่าคฤหาสน์เสียมากกว่า ภายในลานจอดรถเห็นเด็กหนุ่มวัยสิบหกปี ทายาทคนเดียวของอดีตนักการเมืองซึ่งปัจจุบันได้ผันตัวเองมาเป็นเจ้าสัว ได้กระชากลากถูเด็กนักเรียนสาวรุ่นราวคราวเดียวกันกับตนเข้าไปในบ้านอย่างหงุดหงิด
เสียงเอะอะดังลั่นไปทั่วทั้งบ้าน ไม่เพียงแต่ชายวัยกลางคนเจ้าของบ้านกับภรรยา แต่บรรดาคนใช้ต่างร่วมวงออกมาดูสาเหตุที่มาของเสียงเอะอะนี้ด้วย
"พ่อเอาตัวอะไรมาให้ผมเนี่ย!! เอามันกลับไปส่งบ้านเลยนะ!" เรวินกระชากเสียงใส่บิดาอย่างเดือดสุดขีด
หลังจากลากกลับออกมาจากร้านขนมแล้วเขาจะพายัยมะลิกลับส่งบ้าน แต่นางก็ไม่บอกว่าบ้านตัวเองอยู่ที่ไหน ครั้นจะปล่อยทิ้งกลางทางก็เห็นว่ามืดแล้ว ยิ่งผู้หญิงสวยยิ่งอันตราย แต่เขาก็ไม่คิดว่าการพายัยตัวแสบมะลิติดรถมาด้วย จะทำให้แม่นี่ซนจนทำให้เขาขับรถพลาดไปชนรถคันอื่นแทบจะนับไม่ถ้วน สรุปค่าปรับเสียหายไปหลายแสน
เพราะงั้นต่อให้บ้ายังไงหูก็คงต้องแดงเพราะโทสะอยู่แล้ว
แม่ใหม่รีบวิ่งไปรับมะลิมากอดไว้ มะลิเองก็ไม่มีสีหน้าอะไรนอกจากยิ้มแป้นแล้วหัวเราะ นางทำไปเพราะความเป็นหุ่นยนต์ขี้เล่น ไม่รู้หรอกว่าอะไรจะเกิดขึ้นในภายภาคหน้า
"มันเกิดอะไรขึ้นลูก?" บิดาเอ่ยถาม
"ก็ไอ้คนที่พ่อพามาด้วยนี่ไง มันเป็นตัวซวย มันทำให้ผมและคนอื่นเดือดร้อนไปหมด รีบเอามันไปไกลๆจากบ้านเลย!!"
"หนูมะลิเนี่ยนะทำ? ไม่ใช่หรอกมั้งลูก หนูมะลิเธอออกจะเรียบร้อยจะตายไป คงไม่ทำเรื่องอะไรแบบนั้นหรอก"
ชายวัยกลางคนพยายามเกลี้ยกล่อมลูกชาย เขาเองก็ค่อนข้างที่จะเชื่อลูกชายตัวเองอยู่บ้าง เห็นว่าหุ่นยนต์รับใช้มีหน้าที่ทำตามคำสั่งของเจ้านายอย่างเคร่งครัด เขาเองก็อาจเป็นส่วนผิดที่หาเสื้อผ้าให้หุ่นยนต์ใส่แล้วปลอมแปลงเอกสารส่งเข้าโรงเรียนเดียวกับลูกชาย หมายให้ลูกมีเพื่อนดีๆอยู่ด้วยสักคน แต่เขาก็ไม่คิดว่าด้วยสมองกลของหุ่นยนต์ที่รับประกันความปลอดภัยโดยญี่ปุ่นจะก่อเรื่องไวแบบนี้
"ไม่ทำเหรอ!? แล้วรถของผมที่บี้เป็นไอ้เศษเหล็กอยู่ข้างนอกนั่นล่ะครับ จะบอกว่าไอ้เพื่อนใหม่ของพ่อไม่ผิดงั้นเรอะ! ไม่เอาล่ะครับ ถ้าพ่อไม่พาไอ้ตัวซวยนี่ออกไปจากบ้านละก็ ผมนี่แหล่ะที่จะไล่มันออกไปจากชีวิตผมเอง!"
เด็กหนุ่มกระแทกเสียงหน้าตาบึ้งตึงใส่ก่อนจะเดินปึงปังขึ้นห้องไปตามด้วยเสียงปิดประตูไล่ส่งท้าย
"จะยืนมุงทำหอยอะไรวะ! ไปนอนได้แล้วไป!"
ชายแก่ตะคอกเหล่าคนใช้เสียงดังจนแตกกระเจิง เขาดึงตัวมะลิและภรรยาใหม่ที่กำลังตกใจมากอด
แม้รู้ว่าบางทีอาจไม่ได้ผลแต่เขาก็อยากจะลองทำให้ลูกเป็นผู้เป็นคนกับเขาบ้าง ตั้งแต่แม่จริงๆของเรวินเสียไป บรรยากาศเก่าๆในครอบครัวก็ไม่เคยกลับมาอีกเลย เรวินเปลี่ยนเป็นคนละคน จากเด็กที่สดใสกลายเป็นคนก้าวร้าวในชั่วอึดใจ
สรุปความหวังดีของเขากำลังทำร้ายลูกอยู่ใช่ไหม?
"ล..ลูกไม่ ค เคยเป็นแบบนี้" ภรรยาใหม่พูดอึกอัก แม่นางจะเคยโดนต่อว่าจากเรวินหลายครั้ง แต่ก็ไม่เคยเจอกับเหตุการณ์น่ากลัวแบบนี้ จึงอดไม่ได้ที่ร่างกายนางจะสั่นเทิ้ม
บิดาเอื้อมมือลูบหัวมะลิอย่างเอ็นดูก่อนถอนหายใจพูด "พรุ่งนี้ผมจะเอามะลิไปทำลายทิ้ง"
ชายแก่พูดทำให้ภรรยาใหม่สะดุ้งเฮือกแล้วเกาะแขนสามีไว้แน่น
"ไม่ค่ะ อย่าทำแบบนั้นเลยฉันขอร้อง"
"แต่ลูกไม่ต้องการเด็กคนนี้แล้วนี่ เราแค่ซื้อเธอมาเพื่อให้เป็นเพื่อนกับลูกชายเราเท่านั้น"
"ไม่ค่ะ! ฉันไม่ยอม" ภรรยาสาวค้านเสียงหนักจนเหมือนจะสะอื้น "คุณพี่ก็รู้ว่าตั้งแต่ที่น้องแท้งไปน้องก็ไม่สามารถมีลูกได้อีก เพราะงั้นเด็กคนนี้น้องรักเธอเหมือนลูกสาวแท้ๆของตัวเอง พี่อย่าพาลูกของน้องไปเลย"
ภรรยาสาวเริ่มมีน้ำตาไหลออกมาเล็กน้อย
มะลิได้แต่มองเหล่าเจ้านายของนางอย่างมีความสุข ทุกคนต่างเสียงดังใส่กัน เด็กสาวกำลังพยายามเก็บข้อมูลของบรรดาเจ้านายให้ได้มากที่สุด เจ้านายผู้หญิงกำลังหัวเราะ ยิ้ม แต่มีน้ำไหลออกมาจากตา เหมือนน้ำมันหล่อลื่นแต่ดูเหมือนจะบริสุทธุ์ สิ่งที่เจ้านายผู้หญิงทำคือร้องไห้หรือ?
"เจ้านายผู้หญิงไม่สบายหรือ? เดี๋ยวเราจะพาเจ้านายผู้หญิงไปนอนเองค่ะ"
มะลิยิ้มแป้นพร้องลุกขึ้นพยุงร่างหญิงสาวอย่างแผ่วเบา
หุ่นยนต์อย่างเธอรับน้ำหนักไก้มากสุด ห้าร้อยกิโลกรัมเท่านั้น หากฝืนจะทำให้ซิลิโคนช่วยแขนและแผ่นหลังแตกออก
"ไม่เป็นไรหรอกมะลิ แม่เดินเองได้ คืนนี้แม่ขอนอนกอดมะลินะลูก"
ภรรยาสาวลูบหัวเด็กน้อยอย่างเอ็นดู "แต่มะลิหลับไม่ได้ค่ะ มะลิไม่ได้ถูกตั้งโปรแกรมไว้ให้หลับ แต่มะลิมีเพศสัมพัมธ์ได้นะคะ"
"อุ๊ยตายมะลิ! ทีหลังอย่าพูดคำนั้นนะ มันไม่ดี"
หญิงสาวดุ สองสาวต่างเดินจูงมือขึ้นห้องนอนไปอย่างเป็นธรรมชาติ ดูแล้วไม่ต่างอะไรกับแม่ลูกที่สนิทสนมกัน แต่แท้จริงแล้วทั้งคู่ค่อมนุษย์กับหุ่นยนต์ ไม่สามารถมีสายสัมพันธ์เป็นอื่นได้
ชายวัยกลางคนได้แต่ถอนหายใจ จากนี้ไปวันข้างหน้าจะต้องเจอกับอะไรอีกบ้างยังไม่รู้ ลำพังวันนี้แค่วันเดียวมะลิยังถูกอคติกับเรวิน หากวันข้างหน้าสองคนนี้ยังปรับจูนเข้าหากันไม่ได้ ท้านที่สุดมะลิคงจะต้องหายสาปสูญไปจากโลกนี้จริงๆเสียแล้ว
คำยืนยันของเจ้าของเรื่องสั้น
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ