อชิรญาฯ
8.8
เขียนโดย อชิรญาฯ
วันที่ 17 ตุลาคม พ.ศ. 2557 เวลา 18.39 น.
5 session
0 วิจารณ์
8,261 อ่าน
แก้ไขเมื่อ 21 ตุลาคม พ.ศ. 2557 20.47 น. โดย เจ้าของเรื่องสั้น
3) ใครไม่กล้าอย่ามาแหย๋มข้านะเว้ย
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความฮิ้วๆๆๆค่ะท่านผู้อ่าน ตอนนี้ก็เป็นตอนที่สามแล้ว หวังว่าจะยังไม่เบื่อซะก่อน
ตั้งแต่ตอนนี้ไปอชิรญาคิดว่าจะเริ่มทำเป็นตอนเดียวจบแล้ว
ไม่งั้นคงได้ยาวยืดจนเป็นนิยายเอาพอดี
เอ๊ะเอาะ ถ้าเป็นหนังนี่คือซีรี่ส์นะเจ้าคะ
ยังไงก็ฝากติดตามอชิรญาฯตัวน้อยด้วยนะจ๊ะ
................................
วันที่ 17 เดือนสี่ เชื่อกันว่าตอนฝนตกมักจะเป็นช่วงเวลาแห่งความยุ่งเหยิงมากที่สุด ในตอนที่ฝนตกนั้น ภาพทุกอย่างก็จะพล่าเลือนลงจนเห็นเพียงแค่ภาพร่างลางๆ หากไม่เข้าใกล้จริงๆก็คงไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรคือคืออะไร แถมเสียงฝนตกนั้นยังสามารถทำให้ปิดบังเสียงที่ไม่พึงประสงค์ได้อีก ...เห้อ เรียกว่าวันที่ฝนตกแล้วเกิดเรื่อง ถือเป็นวันที่ซวยมากๆได้มั้ยน้าาาา...
วันที่อากาศแปรปรวนที่เกียวโต ฝนพายุขนาดมหึมาตามที่กรมอุตุฯบอกได้แผ่คลุมญี่ปุ่นไปทั่วทั้งเมืองหลวง ทำให้ผู้คนต่างวิ่งเข้าหาที่กำบังกันเป็นว่าเล่น ท้องถนนในวันนี้จึงค่อนข้างจะมีสีสันเพราะเหล่าเด็กๆออกมาเดินเล่นฝนกันนอกบ้านไม่ต่ำกว่าร้อยคน
สามในร้อยคนนั้นแทนที่จะเป็นเด็กกลับกลายเป็นผู้ใหญ่วัยยี่สิบและยี่สิบห้าสองคน ใบหน้าของหญิงสาวคนกลางที่เดินฝ่าฝน แม้ม่านน้ำทำให้มองเห็นใบหน้าไม่ค่อยชัด แต่ก็ดูออกได้ง่ายว่าเป็นโฉมสะคราญที่สวยหยาดเยิ้ม ยิ่งบุรุษสองคนเดินขนาบข้างดูออกว่าเป็นยากูซ่าก็ยิ่งน่าสอยลงมาดม
ทุกคนต่างรู้กันดีว่าผู้ใดมีเหล่านักรบบูชิโด้หรือพวกยากูซ่าคอยให้การคุ้มครอบ ผู้นั้นถือว่าเป็นคนที่มีบารมีและอำนาจพอจะทำให้เหล่านักเลงเหล่านั้นยอมสยบแทบเท้า
บุรุษหนุ่มทั้งสองคนมีอารมณ์ไม่ค่อยจะดีสักเท่าไหร่นัก เมื่อชุดสูทตัวเก่งของพวกเขากลายมาเป็นร่มกันฝนให้ประมุขใหม่ของมัน ใบหน้าคมคายหล่อเหลาต่างออกอาการเบื่ออย่างออกนอกหน้า
"แหม ดูนิฮงทำหน้าทำตาเข้าสิ เราไม่ได้สั่งให้เธอไปตายสักหน่อยนะ"
อชิรญาออกปากแซวบอดี้การ์ดขวาพร้อมหัวเราะร่า บอดี้การ์ดขวาหนุ่มนามนิฮงแค่นลมหายใจออกจากจมูกเป็นการประชด บุหรี่ที่สูบถูกคายทิ้งอย่างเบื่อหน่าย
"คุณหนูก็เร่งกลับบ้านสิขอรับ ออกมาเดินเล่นในเขตของคนอื่นนานๆแบบนี้มันไม่ค่อยดีนะครับ ยิ่งตอนฝนตกด้วยแล้ว ถ้าเกิดปัญหาจะลำบากนะขอรับ"
บอดี้การ์ดซ้าย ชินปาจิ กล่าวเตือน แต่นอกจากอชิรญาจะไม่ฟังความแล้ว ยังหันหน้ามาค้อนใส่พวกเขาทั้งสองคนอีกด้วย
"ลำบากลำเบิกอะไรกัน ฉันเป็นถึงประมุขแครี่แลมพ์เชียวนะ อีกอย่าง บอดี้การ์ดสุดหล่อของฉันก็อยู่นี่ทั้งสองคน ไม่มีใครทำอะไรฉันได้หรอก ถึงมี พวกนายก็ไม่ปล่อยให้ฉันเป็นอะไรแน่นอน"
อชิรญาพูดสบายๆ เอาตามจริงตัวเธอก็มีฝีมือพอสมควร การที่เลือกบอดี้การ์ดมาสองคน อชิรญาดูจากความสามารถแล้วว่าทั้งคู่ไม่ธรรมดา แม้ที่มาที่ไปจะเข้าขั้นจนสุดติ่ง แต่เรื่องฝีมือกับการเอาตัวรอด หากเข้ามาอยู่ในการปกครองของทั้งสอง รับรองว่าปลอดภัยหายห่วง
ชิมปาจินอมยิ้ม บอดี้การ์ดซ้ายเป็นคนใจเย็น สุขุมนุ่มลึก แต่ก็มีความเป็นผู้นำอยู่ไม่น้อย แม้จะเกิดมาในตระกูลที่พ่อแม่ตายทั้งหมด แต่ชายหนุ่มก็ไม่เคยนึกเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ถือเป็นคนเข้มแข็งอีกคนหนึ่ง
วำหรับคนที่อารมณ์บ่จอยอยู่ตลอดเวลา สำหรับนิฮง การออกกำลังถือเป็นเรื่องที่ทำให้มันคลายเครียดได้ แม้จะสังหารยากูซ่าและข้าราชการระดับสูงมาแล้วเป็นร้อย แต่ก็ไม่ทำให้หายเซ็งได้เพราะไม่เคยเจอใครที่มีฝีมือพอๆกับมัน
สองหนุ่มหนึ่งสาวเดินไปตามวอล์คเวย์ของเขตสิบเจ็ด ย่านนี้ถือว่าเป็นแหล่งมั่วสุมยาเสพติดของวัยรุ่นเลยก็เป็นได้ อาชญากรต่างๆ ต่างกระจายออกจากเมืองนี้กันเป็นว่าเล่น ด้วยสภาพภูมิประเทศที่เป็นเนิน ทำให้ไม่ค่อยมีใครสนใจที่จะเข้ามาลงทุนทำธุรกิจในเขตนี้มากนัก อีกอย่าง เพราะเขตสิบเจ็ดมีประวัติคดีดังไม่น้อยกว่าสามร้อยคดี จึงยากนักที่จะยั่วให้มีการทำธุรกิจภายในเขต
แต่จะว่าไป ถ้าเป็นธุรกิจมืดอย่างเช่นค้ายา หรืนักฆ่า ยากูซ่ามาเฟีย อะไรเทือกนี้ละก็ ที่นี่คงจะเป็นแหล่งซื้อขายนักเลงฝีมือทุกระดับที่ครบวงจรเลยก็เป็นได้ เห็นยากูซ่าหลากหลายหน้าตาเดินเร่ร่อนอยู่บนถนนทอดมองหนุ่มสาวสามคนตาไม่กระพริบ ...ไม่สิ คนพวกนี้กำลังจ้องจะสอยอชิรญา นายพวกมันมากกว่า
"ใครๆก็ว่าเขตสิบเจ็ดเป็นนรกบนดิน คงจะจริง" อชิรญาโพล่งเสียงเบา
ดวงตาสีอำพันทอดมองเด็กกลุ่มหนึ่งที่กำลังสังหารผู้ใหญ่เพื่อชิงเอาอาหารมาเป็นของตัวเอง
"มันเป็นอย่างนี้มาตั้งนานแล้วคุณหนู ตั้งแต่นายกเขตนี้หายตัวไปอย่างลึกลับ เขตสิบเจ็ดก็ถูกปกครองด้วยยากูซ่าแก๊งค์โทยิโกะ แก๊งค์นี้ค่อนข้างมีอิทธิพลในเขตของเราด้วย เพราะงั้น กระผมว่าเรากลับกันก่อนเถอะขอรับ"
ชินปาจิพยายามเกลี้ยกล่อม แต่คุณหนูของมันโบมือปัด ก่อนจะชี้ไปยังกลุ่มยากูซ่าประมาณสิบคนที่เดินเรียวแถวตรงเข้ามาหาคนทั้งสามด้วยท่าทางจะเอาเรื่อง
"ดูท่าทางจะมีคนออกมาต้อนรับเรานะ" อชิรญายิ้มกว้าง
"เขาเตือนแล้วให้กลับไม่ยอมกลับ" นิฮงบ่นก่อนจะงัดเอาลูกโม่ตัวเองมาเซตกระสุนเตรียมพร้อม เช่นเดียวกับชินปาจิที่กำลังขึ้นลำพร้อมกดไก
กลุ่มยากูซ่าเดินเข้ามาใกล้ก่อนจะกระชากแขนอชิรญาเข้าไปหามัน
ร่างบางเซถลาเข้าหายากูซ่าเถือน แต่ไม่ทันที่จะถึงตัว บอดี้การ์ดขวานิฮงก็รั้งตัวประมุขสาวเอาไว้ หากใครที่ไม่รู้เรื่องเดินผ่านคงจะคิดว่านี่เป็นศึกชิงนางโดยแท้
"เฮ้ย! เอ็งปล่อยอีนังนี่นะเว้ย ไม่งั้นอย่าหาว่าข้าไม่เตือน!"
หัวหน้ายากูซ่า ชิรุดะ ตวาดนิฮงอย่างเดือดดาล
มันเห็นอชิรญามาตั้งแต่ก้าวเข้าเขตสิบเจ็ดแล้ว หญิงสาวสวยหยาดเยิ้มอีกทั้งดวงตาสุกใสทว่าดุดันคนนี้เหมาะแก่การเป็นสตรีข้างกายของมันเป็นอย่างมาก ยิ่งมียากูซ่าคอยคุ้มกันอยู่ถึงสองคนแสดงว่าสตรีนางนี้ย่อมมิใช่เพียงสามัญชนธรรมดา
"คงจะทำอย่างนั้นไม่ได้ ผู้หญิงคนนี้จำเป็นต่อพวกเรา" ชินปาจิที่เป็นดั่งตัวตัดสินใจขอรญาเอ่ยด้วยรอยยิ้ม "ผมว่าพวกคุณคงจะต้องเป็นปล่อยมือจากประมุขของผมมากกว่า"
"ประมุขเหรอ เฮอะ! ไอ้พวกที่เดินตามผู้หญิงก็เป็นได้แค่หมาล่ะวะ ยังไงซะวันนี้อีนี่ก็ต้องมากับข้า!"
ชิรุดะกระชากแขนอชิรญาเข้าหาอย่างแรงจนหลุดจากการยึดของนิฮงมาได้ พวกมันต่างตรงเข้าลวนลามประมุขสาวอย่างหื่นกระหาย แต่สาวเจ้าแทนที่จะเดือดร้อนกลับยืนกอดอกนิ่ง
"ฮ่าๆๆๆ ดูท่าทางประมุขของพวกแกจะยอมเป็นของข้าว่ะ หึหึ เตรียมตัวต้อนรับผัวประมุขแกเอาไว้ให้ดีล่ะ"
ชิรุดะคว้าข้อมืออชิรญาเดินออกนำหน้า แต่พวกมันก็ต้องผิดหวัง
ในเสี้ยววินาทีก่อนที่ข้อมือเล็กบางจะถูกจับกุม หญิงสาวกลับเกร็งข้อมือทำให้ปืนสั้นพกพากระตุกก่อนออกมาจากแขนเสื้ออย่างรวดเร็วดุจสายฟ้าแลบ
ปังๆๆๆๆ...!!
ทูตมรณะขนาดสิบมิลลิเมตรสะบัดจับเปาะเข้ากลางใบหน้าของลูกน้องยากูซ่าเถื่อนราวห้านัด สองชีวิตดับอนาทแน่นิ่งกลางอากาศเป็นเพื่อนกันอย่างไม่เต็มใจ
"เฮ้ย!..."
ชิรุดะอุทานอย่างตกใจ มันคงนึกไม่ถึงนะสิว่าผู้หญิงตัวเล็กๆน่าทะนุถนอมจะร้ายกาจขนาดสังหารลูกน้องมันตายตกไปได้ถึงสองคนในเวลาเพียงไม่กี่วินาที อชริญาหันมายิ้มให้บอดี้การ์ดสองหนุ่มที่เหมือนจะไม่ค่อยเชื่อว่าสาวเจ้าจะมีฝีมือป้องกันตัวได้
สงครามขนาดย่องเปิดฉากเมื่อชิรุดะตวัดปลายปืนลั่นไกเข้าหาหญิงสาว อชิรญาเบี่ยงตัวหลบลูกตะกั่ว ก่อนกระโจนร่างเข้าหาที่กำบังเช่นเดียวกับสองหนุ่ม
"ฆ่าให้หมด ยกเว้นหัวหน้ามัน" อชิรญาออกคำสั่ง นับเป็นคำสั่งเเรกที่สาวเจ้าออกปาก บอดี้การ์ดคือมือเท้าของผู้เป็นนาย เมื่อนายสั่งอะไรมา พวกมันย่อมทำตาม
"รับคำสั่ง!"
สองหนุ่มขานรับก่อนผุดร่างลุกขึ้นเหนี่ยวไกปล่อยทูตมรณะออกไปเป็นสิบสาย
ปังๆๆๆๆๆๆๆ...!
ตะกั่วร้อนจี้วิ่งฉิวออกจากรังเพลิงอย่างรวดเร็ว สายกระสุนสีแดงโร่งวิ่งผ่านตัดกันไปมาราวกับสัตว์ที่กำลังเดินพาเรด ไม่ใช่ว่าฝีมือของยากูซ่าเหล่านั้นอ่อนด้อยจนเกินไป แต่ชายหนุ่มทั้งสองนั้นมีความสามารถในการต่อสู้มากกว่าพวกปลายแถวที่เป็นเพียงยากูซ่าเร่ร่อนมากกว่า แค่สิบนาที ลูกกระสุนก็เข้าไปวิ่งเล่นในหัวพวกมันจนกลวงโบ๋ตายตกตามเพื่อนมันไปจนหมด
กว่าที่ชิรุดะจะมารู้เข้าว่าได้มายุ่งกับศัตรูที่ไม่ควรก็สายเกินไป ครั้นจะหนีก็ถูกเหยื่อสาวของมันเตะตัดกลางลำตัวดัง ปัง จนล้มกระอักเลือดไม่เป็นท่า
ยากูซ่าฝึกหัดที่ต้องเจอกับศัตรูที่ไม่คู่ควร จำต้องสังเวยชีวิตให้กับดาบซามูไรสีขาวบริสุทธิ์ เพื่อเป็นการย้ำเตือนว่าไม่ควรแหยมกับพวกตัวเป้งต่างถิ่นที่ไม่รู้จัก เพราะบางทีฝีมือก็ไม่อาจจะเทียบกันได้เลย
ร่างไร้วิญญาณของยากูซ่ากว่าหกคน นอนเรียงรายบนถนนอย่างสะเปะสะปะ กองเลือดขนาดใหญ่ค่อยๆจางสลายไปเมื่อต้องฝนราวกับโดนชะล้างให้ความชั่วร้ายจากไปจนบริสุทธิ์
ม่านฝนเริ่มซาลง เห็นสองหน่มหนึ่งสาวเดินจากเขตสิบเจ็ดไป ชายหนุ่มทั้งสองแต่งตัวเหมือนยากูซ่า ทว่าก็มีนัยน์ตาเด็ดเดี่ยวเหมือนยอดนักสํ หญิงสาวแม้เป็นเพียงร่างบางที่น่าปกป้อง แต่ภายในก็เข้มแข็งเหมือนดั่งเหล็ก
เวลาที่ฝนตก หลายคนมักจะไม่ค่อยชอบกัน เพราะนอกจากจะออกไปไหนไม่ได้แล้ว ยังได้ยินเสียงฟ้าผ่าที่น่าตกใจจนต้องซุกตัวลงไปในผ้าห่มอีกด้วย ต่อให้จะทำอะไรก็ลำบากลำบน
ยิ่งถ้าไปหาเรื่องคนอื่นเข้าโดยไม่ดูตาม้าตาเรื่อแบบนี้ก็ยิ่งน่ากลัว เสี่ยงต่อการตายโดยไม่รู้อิโหน่อิเหน่เอาน้าาาาา
ตั้งแต่ตอนนี้ไปอชิรญาคิดว่าจะเริ่มทำเป็นตอนเดียวจบแล้ว
ไม่งั้นคงได้ยาวยืดจนเป็นนิยายเอาพอดี
เอ๊ะเอาะ ถ้าเป็นหนังนี่คือซีรี่ส์นะเจ้าคะ
ยังไงก็ฝากติดตามอชิรญาฯตัวน้อยด้วยนะจ๊ะ
................................
วันที่ 17 เดือนสี่ เชื่อกันว่าตอนฝนตกมักจะเป็นช่วงเวลาแห่งความยุ่งเหยิงมากที่สุด ในตอนที่ฝนตกนั้น ภาพทุกอย่างก็จะพล่าเลือนลงจนเห็นเพียงแค่ภาพร่างลางๆ หากไม่เข้าใกล้จริงๆก็คงไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรคือคืออะไร แถมเสียงฝนตกนั้นยังสามารถทำให้ปิดบังเสียงที่ไม่พึงประสงค์ได้อีก ...เห้อ เรียกว่าวันที่ฝนตกแล้วเกิดเรื่อง ถือเป็นวันที่ซวยมากๆได้มั้ยน้าาาา...
วันที่อากาศแปรปรวนที่เกียวโต ฝนพายุขนาดมหึมาตามที่กรมอุตุฯบอกได้แผ่คลุมญี่ปุ่นไปทั่วทั้งเมืองหลวง ทำให้ผู้คนต่างวิ่งเข้าหาที่กำบังกันเป็นว่าเล่น ท้องถนนในวันนี้จึงค่อนข้างจะมีสีสันเพราะเหล่าเด็กๆออกมาเดินเล่นฝนกันนอกบ้านไม่ต่ำกว่าร้อยคน
สามในร้อยคนนั้นแทนที่จะเป็นเด็กกลับกลายเป็นผู้ใหญ่วัยยี่สิบและยี่สิบห้าสองคน ใบหน้าของหญิงสาวคนกลางที่เดินฝ่าฝน แม้ม่านน้ำทำให้มองเห็นใบหน้าไม่ค่อยชัด แต่ก็ดูออกได้ง่ายว่าเป็นโฉมสะคราญที่สวยหยาดเยิ้ม ยิ่งบุรุษสองคนเดินขนาบข้างดูออกว่าเป็นยากูซ่าก็ยิ่งน่าสอยลงมาดม
ทุกคนต่างรู้กันดีว่าผู้ใดมีเหล่านักรบบูชิโด้หรือพวกยากูซ่าคอยให้การคุ้มครอบ ผู้นั้นถือว่าเป็นคนที่มีบารมีและอำนาจพอจะทำให้เหล่านักเลงเหล่านั้นยอมสยบแทบเท้า
บุรุษหนุ่มทั้งสองคนมีอารมณ์ไม่ค่อยจะดีสักเท่าไหร่นัก เมื่อชุดสูทตัวเก่งของพวกเขากลายมาเป็นร่มกันฝนให้ประมุขใหม่ของมัน ใบหน้าคมคายหล่อเหลาต่างออกอาการเบื่ออย่างออกนอกหน้า
"แหม ดูนิฮงทำหน้าทำตาเข้าสิ เราไม่ได้สั่งให้เธอไปตายสักหน่อยนะ"
อชิรญาออกปากแซวบอดี้การ์ดขวาพร้อมหัวเราะร่า บอดี้การ์ดขวาหนุ่มนามนิฮงแค่นลมหายใจออกจากจมูกเป็นการประชด บุหรี่ที่สูบถูกคายทิ้งอย่างเบื่อหน่าย
"คุณหนูก็เร่งกลับบ้านสิขอรับ ออกมาเดินเล่นในเขตของคนอื่นนานๆแบบนี้มันไม่ค่อยดีนะครับ ยิ่งตอนฝนตกด้วยแล้ว ถ้าเกิดปัญหาจะลำบากนะขอรับ"
บอดี้การ์ดซ้าย ชินปาจิ กล่าวเตือน แต่นอกจากอชิรญาจะไม่ฟังความแล้ว ยังหันหน้ามาค้อนใส่พวกเขาทั้งสองคนอีกด้วย
"ลำบากลำเบิกอะไรกัน ฉันเป็นถึงประมุขแครี่แลมพ์เชียวนะ อีกอย่าง บอดี้การ์ดสุดหล่อของฉันก็อยู่นี่ทั้งสองคน ไม่มีใครทำอะไรฉันได้หรอก ถึงมี พวกนายก็ไม่ปล่อยให้ฉันเป็นอะไรแน่นอน"
อชิรญาพูดสบายๆ เอาตามจริงตัวเธอก็มีฝีมือพอสมควร การที่เลือกบอดี้การ์ดมาสองคน อชิรญาดูจากความสามารถแล้วว่าทั้งคู่ไม่ธรรมดา แม้ที่มาที่ไปจะเข้าขั้นจนสุดติ่ง แต่เรื่องฝีมือกับการเอาตัวรอด หากเข้ามาอยู่ในการปกครองของทั้งสอง รับรองว่าปลอดภัยหายห่วง
ชิมปาจินอมยิ้ม บอดี้การ์ดซ้ายเป็นคนใจเย็น สุขุมนุ่มลึก แต่ก็มีความเป็นผู้นำอยู่ไม่น้อย แม้จะเกิดมาในตระกูลที่พ่อแม่ตายทั้งหมด แต่ชายหนุ่มก็ไม่เคยนึกเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ถือเป็นคนเข้มแข็งอีกคนหนึ่ง
วำหรับคนที่อารมณ์บ่จอยอยู่ตลอดเวลา สำหรับนิฮง การออกกำลังถือเป็นเรื่องที่ทำให้มันคลายเครียดได้ แม้จะสังหารยากูซ่าและข้าราชการระดับสูงมาแล้วเป็นร้อย แต่ก็ไม่ทำให้หายเซ็งได้เพราะไม่เคยเจอใครที่มีฝีมือพอๆกับมัน
สองหนุ่มหนึ่งสาวเดินไปตามวอล์คเวย์ของเขตสิบเจ็ด ย่านนี้ถือว่าเป็นแหล่งมั่วสุมยาเสพติดของวัยรุ่นเลยก็เป็นได้ อาชญากรต่างๆ ต่างกระจายออกจากเมืองนี้กันเป็นว่าเล่น ด้วยสภาพภูมิประเทศที่เป็นเนิน ทำให้ไม่ค่อยมีใครสนใจที่จะเข้ามาลงทุนทำธุรกิจในเขตนี้มากนัก อีกอย่าง เพราะเขตสิบเจ็ดมีประวัติคดีดังไม่น้อยกว่าสามร้อยคดี จึงยากนักที่จะยั่วให้มีการทำธุรกิจภายในเขต
แต่จะว่าไป ถ้าเป็นธุรกิจมืดอย่างเช่นค้ายา หรืนักฆ่า ยากูซ่ามาเฟีย อะไรเทือกนี้ละก็ ที่นี่คงจะเป็นแหล่งซื้อขายนักเลงฝีมือทุกระดับที่ครบวงจรเลยก็เป็นได้ เห็นยากูซ่าหลากหลายหน้าตาเดินเร่ร่อนอยู่บนถนนทอดมองหนุ่มสาวสามคนตาไม่กระพริบ ...ไม่สิ คนพวกนี้กำลังจ้องจะสอยอชิรญา นายพวกมันมากกว่า
"ใครๆก็ว่าเขตสิบเจ็ดเป็นนรกบนดิน คงจะจริง" อชิรญาโพล่งเสียงเบา
ดวงตาสีอำพันทอดมองเด็กกลุ่มหนึ่งที่กำลังสังหารผู้ใหญ่เพื่อชิงเอาอาหารมาเป็นของตัวเอง
"มันเป็นอย่างนี้มาตั้งนานแล้วคุณหนู ตั้งแต่นายกเขตนี้หายตัวไปอย่างลึกลับ เขตสิบเจ็ดก็ถูกปกครองด้วยยากูซ่าแก๊งค์โทยิโกะ แก๊งค์นี้ค่อนข้างมีอิทธิพลในเขตของเราด้วย เพราะงั้น กระผมว่าเรากลับกันก่อนเถอะขอรับ"
ชินปาจิพยายามเกลี้ยกล่อม แต่คุณหนูของมันโบมือปัด ก่อนจะชี้ไปยังกลุ่มยากูซ่าประมาณสิบคนที่เดินเรียวแถวตรงเข้ามาหาคนทั้งสามด้วยท่าทางจะเอาเรื่อง
"ดูท่าทางจะมีคนออกมาต้อนรับเรานะ" อชิรญายิ้มกว้าง
"เขาเตือนแล้วให้กลับไม่ยอมกลับ" นิฮงบ่นก่อนจะงัดเอาลูกโม่ตัวเองมาเซตกระสุนเตรียมพร้อม เช่นเดียวกับชินปาจิที่กำลังขึ้นลำพร้อมกดไก
กลุ่มยากูซ่าเดินเข้ามาใกล้ก่อนจะกระชากแขนอชิรญาเข้าไปหามัน
ร่างบางเซถลาเข้าหายากูซ่าเถือน แต่ไม่ทันที่จะถึงตัว บอดี้การ์ดขวานิฮงก็รั้งตัวประมุขสาวเอาไว้ หากใครที่ไม่รู้เรื่องเดินผ่านคงจะคิดว่านี่เป็นศึกชิงนางโดยแท้
"เฮ้ย! เอ็งปล่อยอีนังนี่นะเว้ย ไม่งั้นอย่าหาว่าข้าไม่เตือน!"
หัวหน้ายากูซ่า ชิรุดะ ตวาดนิฮงอย่างเดือดดาล
มันเห็นอชิรญามาตั้งแต่ก้าวเข้าเขตสิบเจ็ดแล้ว หญิงสาวสวยหยาดเยิ้มอีกทั้งดวงตาสุกใสทว่าดุดันคนนี้เหมาะแก่การเป็นสตรีข้างกายของมันเป็นอย่างมาก ยิ่งมียากูซ่าคอยคุ้มกันอยู่ถึงสองคนแสดงว่าสตรีนางนี้ย่อมมิใช่เพียงสามัญชนธรรมดา
"คงจะทำอย่างนั้นไม่ได้ ผู้หญิงคนนี้จำเป็นต่อพวกเรา" ชินปาจิที่เป็นดั่งตัวตัดสินใจขอรญาเอ่ยด้วยรอยยิ้ม "ผมว่าพวกคุณคงจะต้องเป็นปล่อยมือจากประมุขของผมมากกว่า"
"ประมุขเหรอ เฮอะ! ไอ้พวกที่เดินตามผู้หญิงก็เป็นได้แค่หมาล่ะวะ ยังไงซะวันนี้อีนี่ก็ต้องมากับข้า!"
ชิรุดะกระชากแขนอชิรญาเข้าหาอย่างแรงจนหลุดจากการยึดของนิฮงมาได้ พวกมันต่างตรงเข้าลวนลามประมุขสาวอย่างหื่นกระหาย แต่สาวเจ้าแทนที่จะเดือดร้อนกลับยืนกอดอกนิ่ง
"ฮ่าๆๆๆ ดูท่าทางประมุขของพวกแกจะยอมเป็นของข้าว่ะ หึหึ เตรียมตัวต้อนรับผัวประมุขแกเอาไว้ให้ดีล่ะ"
ชิรุดะคว้าข้อมืออชิรญาเดินออกนำหน้า แต่พวกมันก็ต้องผิดหวัง
ในเสี้ยววินาทีก่อนที่ข้อมือเล็กบางจะถูกจับกุม หญิงสาวกลับเกร็งข้อมือทำให้ปืนสั้นพกพากระตุกก่อนออกมาจากแขนเสื้ออย่างรวดเร็วดุจสายฟ้าแลบ
ปังๆๆๆๆ...!!
ทูตมรณะขนาดสิบมิลลิเมตรสะบัดจับเปาะเข้ากลางใบหน้าของลูกน้องยากูซ่าเถื่อนราวห้านัด สองชีวิตดับอนาทแน่นิ่งกลางอากาศเป็นเพื่อนกันอย่างไม่เต็มใจ
"เฮ้ย!..."
ชิรุดะอุทานอย่างตกใจ มันคงนึกไม่ถึงนะสิว่าผู้หญิงตัวเล็กๆน่าทะนุถนอมจะร้ายกาจขนาดสังหารลูกน้องมันตายตกไปได้ถึงสองคนในเวลาเพียงไม่กี่วินาที อชริญาหันมายิ้มให้บอดี้การ์ดสองหนุ่มที่เหมือนจะไม่ค่อยเชื่อว่าสาวเจ้าจะมีฝีมือป้องกันตัวได้
สงครามขนาดย่องเปิดฉากเมื่อชิรุดะตวัดปลายปืนลั่นไกเข้าหาหญิงสาว อชิรญาเบี่ยงตัวหลบลูกตะกั่ว ก่อนกระโจนร่างเข้าหาที่กำบังเช่นเดียวกับสองหนุ่ม
"ฆ่าให้หมด ยกเว้นหัวหน้ามัน" อชิรญาออกคำสั่ง นับเป็นคำสั่งเเรกที่สาวเจ้าออกปาก บอดี้การ์ดคือมือเท้าของผู้เป็นนาย เมื่อนายสั่งอะไรมา พวกมันย่อมทำตาม
"รับคำสั่ง!"
สองหนุ่มขานรับก่อนผุดร่างลุกขึ้นเหนี่ยวไกปล่อยทูตมรณะออกไปเป็นสิบสาย
ปังๆๆๆๆๆๆๆ...!
ตะกั่วร้อนจี้วิ่งฉิวออกจากรังเพลิงอย่างรวดเร็ว สายกระสุนสีแดงโร่งวิ่งผ่านตัดกันไปมาราวกับสัตว์ที่กำลังเดินพาเรด ไม่ใช่ว่าฝีมือของยากูซ่าเหล่านั้นอ่อนด้อยจนเกินไป แต่ชายหนุ่มทั้งสองนั้นมีความสามารถในการต่อสู้มากกว่าพวกปลายแถวที่เป็นเพียงยากูซ่าเร่ร่อนมากกว่า แค่สิบนาที ลูกกระสุนก็เข้าไปวิ่งเล่นในหัวพวกมันจนกลวงโบ๋ตายตกตามเพื่อนมันไปจนหมด
กว่าที่ชิรุดะจะมารู้เข้าว่าได้มายุ่งกับศัตรูที่ไม่ควรก็สายเกินไป ครั้นจะหนีก็ถูกเหยื่อสาวของมันเตะตัดกลางลำตัวดัง ปัง จนล้มกระอักเลือดไม่เป็นท่า
ยากูซ่าฝึกหัดที่ต้องเจอกับศัตรูที่ไม่คู่ควร จำต้องสังเวยชีวิตให้กับดาบซามูไรสีขาวบริสุทธิ์ เพื่อเป็นการย้ำเตือนว่าไม่ควรแหยมกับพวกตัวเป้งต่างถิ่นที่ไม่รู้จัก เพราะบางทีฝีมือก็ไม่อาจจะเทียบกันได้เลย
ร่างไร้วิญญาณของยากูซ่ากว่าหกคน นอนเรียงรายบนถนนอย่างสะเปะสะปะ กองเลือดขนาดใหญ่ค่อยๆจางสลายไปเมื่อต้องฝนราวกับโดนชะล้างให้ความชั่วร้ายจากไปจนบริสุทธิ์
ม่านฝนเริ่มซาลง เห็นสองหน่มหนึ่งสาวเดินจากเขตสิบเจ็ดไป ชายหนุ่มทั้งสองแต่งตัวเหมือนยากูซ่า ทว่าก็มีนัยน์ตาเด็ดเดี่ยวเหมือนยอดนักสํ หญิงสาวแม้เป็นเพียงร่างบางที่น่าปกป้อง แต่ภายในก็เข้มแข็งเหมือนดั่งเหล็ก
เวลาที่ฝนตก หลายคนมักจะไม่ค่อยชอบกัน เพราะนอกจากจะออกไปไหนไม่ได้แล้ว ยังได้ยินเสียงฟ้าผ่าที่น่าตกใจจนต้องซุกตัวลงไปในผ้าห่มอีกด้วย ต่อให้จะทำอะไรก็ลำบากลำบน
ยิ่งถ้าไปหาเรื่องคนอื่นเข้าโดยไม่ดูตาม้าตาเรื่อแบบนี้ก็ยิ่งน่ากลัว เสี่ยงต่อการตายโดยไม่รู้อิโหน่อิเหน่เอาน้าาาาา
คำยืนยันของเจ้าของเรื่องสั้น
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9.5 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ