อารมณ์-มุมมอง-เรื่อยเปื่อย
8.9
3) น้ำ-ค้าง
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความอารมณ์-มุมมอง-เรื่อยเปื่อย
“น้ำ-ค้าง”
เม็ดฝนจากลาไปอย่างละล้าละลัง บางคราจากไปเพียงแค่วันหนึ่ง ก็กลับมาเยี่ยมเยือนกันพอให้หายคิดถึงอีกสักวันหนึ่ง หรือเพียงชั่วครู่ยาม ทิ้งน้ำตกค้างไว้เป็นแอ่งตามคูคลอง น้ำที่ไม่อาจหวนคืนกลับได้โดยเร็วพลันเช่นขามา รอวันระเหยหายทีละเล็กน้อย ค้างเติ่งอยู่ตามแอ่งเล็กๆ
น้ำซึ่งเมื่อแรกมาเยือนเคยใสบัดนี้เป็นสีเหลืองขุ่น ด้วยแปดเปื้อนคลุกเคล้ากับดิน บางแอ่งเกิดเป็นสีสนิมแวววาวบนผิวน้ำดูน่าประหลาดใจ เมื่อเอาบางสิ่งบางอย่างแหย่ลงไปจะมองเห็นน้ำที่ใสกว่า ด้านล่างติดกับผืนดินเป็นตะไคร่ลื่นเมือกสีเหลืองหยุ่นๆ เหมือนวุ้น ไม่รู้ถึงต้นกำเนิด
จิงโจ้น้ำขายาวทำน้ำเป็นวงตามแรงสั่นสะเทือนของการเดิน ผืนน้ำคล้ายเป็นแผ่นพลาสติกบางใสสำหรับสัตว์ชนิดนี้ ปลาตัวน้อยผู้ด้อยประสบการณ์แห่งชีวิต ระรี้ระริกตื่นเต้นกับแอ่งน้ำใหม่ที่ทอดต่อไปจากหนองน้ำใหญ่ไม่สนใจคำทัดทานของปลาผู้ใหญ่ ว่ายรี่หัวเราะร่าสนุกสนานกับสถานที่ใหม่ล้วนน่าสนใจน่าค้นหา เช่นเดียวกับหนุ่มสาววัยแสวงหา แสวงหาโลกใหม่ แสวงหาสังคมใหม่ แสวงหาที่ยืนใหม่ ลอยละลิ่วดั่งว่าวสายขาด ปลิวไปกับแรงลมพัดพา
วันนี้กลับตกค้างอยู่ในแอ่งใหม่เมื่อผืนน้ำขาดการเชื่อมต่อ เพียงแต่ว่ายวนไปมาอยู่ในแอ่งเล็กๆ นั่นที่นับวันจะเหือดแห้งลงทุกขณะ ภายในใจคงวิตกกังวล จะหาหนทางกลับไปยังหนองน้ำอย่างไรได้ กำลังไม่พอให้กระโดด สายน้ำถูกตัดขาดไปแล้ว กระเสือกกระสนไปรังแต่จะหมดกำลังและตายไประหว่างทางเท่านั้นเอง
ฉันมองเห็นมันว่ายกลับไปกลับมา จิงโจ้น้ำไม่อาจช่วยอะไรได้ บางครั้งก็ควรปล่อยให้มันเรียนรู้ความผิดพลาดด้วยตัวเองบ้างกระมัง ฉันอดไม่ได้ที่จะนึกไปถึงประโยคที่คล้ายๆ อย่างนี้ เราไม่อาจทำเรื่องผิดพลาดด้วยตัวเองได้ทั้งหมด เพราะฉะนั้นจงเรียนรู้จากความผิดพลาดของคนอื่นบ้าง ฉันจำประโยคนี้ได้ไม่ทั้งหมด แต่โดยรวมๆ ความหมายมันก็คืออย่างนี้ และนี่คือหนึ่งหนทางแห่งความผิดพลาดที่ฉันได้เรียนรู้จากปลาอ่อนวัยด้วยสินะ
ใบไม้พลัดตกจากลำต้นด้วยแรงลมโหมกระหน่ำเมื่อคราวฝนตกหนัก ส่วนหนึ่งร่วงค้างบนพื้นดิน หากแต่จำนวนไม่น้อยพลัดตกลงไปในแอ่งน้ำอย่างช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ ระหว่างใบที่ร่วงบนพื้นดินกับใบที่ร่วงลงในน้ำ อย่างไหนจะย่อยสลายเร็วกว่ากันหนอ ฉันเคยคิดเสมอว่าใบที่อยู่ในน้ำน่าจะเน่าเปื่อยก่อน แต่เปล่าเลย
กลับกลายเป็นว่าพวกที่อยู่บนพื้นดินจากไปก่อน เหลือไว้เพียงเส้นใยโคร่งร่างของใบที่คงรูปเป็นเรือนร่างอ่อนช้อยสวยงามตามแบบฉบับของตัวเอง เผยโฉมอวดผลงานชิ้นโบว์แดงของจิตกรเช่นจุลลินทรีย์ผู้ขยันขันแข็งและอดทนต่อการทำงานไม่น้อยไปกว่าใครหน้าไหน
ส่วนที่ร่วงลงน้ำถูกดินเคลือบใบ และกลายเป็นหนึ่งในจำนวนผู้พลัดหลงอย่างไม่ตั้งใจ เช่นเดียวกับปลาอ่อนวัยผู้น่าสงสาร ต่างกันเพียงแต่ใบไม้คงรูปแห่งชีวิตยาวนานกว่าในสถานการณ์เดียวกันแม้น้ำแห้งขอดไปแล้ว ขณะปลาผู้ไม่อาจหวนคืนแหล่งน้ำเก่ายังคงต้องเผชิญกับความหวาดหวั่นในอีกรูปแบบหนึ่งจากนกกินปลาผู้หิวโหยแหล่งน้ำแห้งขอดกลายเป็นภัตตาคารชั้นเลิศที่ควรค่าแก่การแวะเวียน
เจ้าปลาเยาว์วัยเอยเจ้าควรฟังคำทัดทานของผู้มากประสบการณ์บ้าง ความไม่ประสีประสาของเจ้าจะนำพาความวิบัติมาสู่ อย่างที่เจ้าคาดไม่ถึงเลยทีเดียว
ฉันใช้อุ้งมือค่อยๆ ช้อนเจ้าปลาน้อยกลับคืนสู่แหล่งน้ำเก่าแกมหมั่นไส้นิดหน่อย พลางพึมพำคำสอนไปเบาๆ ด้วยเกรงว่าหากใครได้ยินจะหาว่าฉันเพี้ยนนั่นเอง.
***ไม่มีอะไรเหมือนเดิม
“น้ำ-ค้าง”
เม็ดฝนจากลาไปอย่างละล้าละลัง บางคราจากไปเพียงแค่วันหนึ่ง ก็กลับมาเยี่ยมเยือนกันพอให้หายคิดถึงอีกสักวันหนึ่ง หรือเพียงชั่วครู่ยาม ทิ้งน้ำตกค้างไว้เป็นแอ่งตามคูคลอง น้ำที่ไม่อาจหวนคืนกลับได้โดยเร็วพลันเช่นขามา รอวันระเหยหายทีละเล็กน้อย ค้างเติ่งอยู่ตามแอ่งเล็กๆ
น้ำซึ่งเมื่อแรกมาเยือนเคยใสบัดนี้เป็นสีเหลืองขุ่น ด้วยแปดเปื้อนคลุกเคล้ากับดิน บางแอ่งเกิดเป็นสีสนิมแวววาวบนผิวน้ำดูน่าประหลาดใจ เมื่อเอาบางสิ่งบางอย่างแหย่ลงไปจะมองเห็นน้ำที่ใสกว่า ด้านล่างติดกับผืนดินเป็นตะไคร่ลื่นเมือกสีเหลืองหยุ่นๆ เหมือนวุ้น ไม่รู้ถึงต้นกำเนิด
จิงโจ้น้ำขายาวทำน้ำเป็นวงตามแรงสั่นสะเทือนของการเดิน ผืนน้ำคล้ายเป็นแผ่นพลาสติกบางใสสำหรับสัตว์ชนิดนี้ ปลาตัวน้อยผู้ด้อยประสบการณ์แห่งชีวิต ระรี้ระริกตื่นเต้นกับแอ่งน้ำใหม่ที่ทอดต่อไปจากหนองน้ำใหญ่ไม่สนใจคำทัดทานของปลาผู้ใหญ่ ว่ายรี่หัวเราะร่าสนุกสนานกับสถานที่ใหม่ล้วนน่าสนใจน่าค้นหา เช่นเดียวกับหนุ่มสาววัยแสวงหา แสวงหาโลกใหม่ แสวงหาสังคมใหม่ แสวงหาที่ยืนใหม่ ลอยละลิ่วดั่งว่าวสายขาด ปลิวไปกับแรงลมพัดพา
วันนี้กลับตกค้างอยู่ในแอ่งใหม่เมื่อผืนน้ำขาดการเชื่อมต่อ เพียงแต่ว่ายวนไปมาอยู่ในแอ่งเล็กๆ นั่นที่นับวันจะเหือดแห้งลงทุกขณะ ภายในใจคงวิตกกังวล จะหาหนทางกลับไปยังหนองน้ำอย่างไรได้ กำลังไม่พอให้กระโดด สายน้ำถูกตัดขาดไปแล้ว กระเสือกกระสนไปรังแต่จะหมดกำลังและตายไประหว่างทางเท่านั้นเอง
ฉันมองเห็นมันว่ายกลับไปกลับมา จิงโจ้น้ำไม่อาจช่วยอะไรได้ บางครั้งก็ควรปล่อยให้มันเรียนรู้ความผิดพลาดด้วยตัวเองบ้างกระมัง ฉันอดไม่ได้ที่จะนึกไปถึงประโยคที่คล้ายๆ อย่างนี้ เราไม่อาจทำเรื่องผิดพลาดด้วยตัวเองได้ทั้งหมด เพราะฉะนั้นจงเรียนรู้จากความผิดพลาดของคนอื่นบ้าง ฉันจำประโยคนี้ได้ไม่ทั้งหมด แต่โดยรวมๆ ความหมายมันก็คืออย่างนี้ และนี่คือหนึ่งหนทางแห่งความผิดพลาดที่ฉันได้เรียนรู้จากปลาอ่อนวัยด้วยสินะ
ใบไม้พลัดตกจากลำต้นด้วยแรงลมโหมกระหน่ำเมื่อคราวฝนตกหนัก ส่วนหนึ่งร่วงค้างบนพื้นดิน หากแต่จำนวนไม่น้อยพลัดตกลงไปในแอ่งน้ำอย่างช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ ระหว่างใบที่ร่วงบนพื้นดินกับใบที่ร่วงลงในน้ำ อย่างไหนจะย่อยสลายเร็วกว่ากันหนอ ฉันเคยคิดเสมอว่าใบที่อยู่ในน้ำน่าจะเน่าเปื่อยก่อน แต่เปล่าเลย
กลับกลายเป็นว่าพวกที่อยู่บนพื้นดินจากไปก่อน เหลือไว้เพียงเส้นใยโคร่งร่างของใบที่คงรูปเป็นเรือนร่างอ่อนช้อยสวยงามตามแบบฉบับของตัวเอง เผยโฉมอวดผลงานชิ้นโบว์แดงของจิตกรเช่นจุลลินทรีย์ผู้ขยันขันแข็งและอดทนต่อการทำงานไม่น้อยไปกว่าใครหน้าไหน
ส่วนที่ร่วงลงน้ำถูกดินเคลือบใบ และกลายเป็นหนึ่งในจำนวนผู้พลัดหลงอย่างไม่ตั้งใจ เช่นเดียวกับปลาอ่อนวัยผู้น่าสงสาร ต่างกันเพียงแต่ใบไม้คงรูปแห่งชีวิตยาวนานกว่าในสถานการณ์เดียวกันแม้น้ำแห้งขอดไปแล้ว ขณะปลาผู้ไม่อาจหวนคืนแหล่งน้ำเก่ายังคงต้องเผชิญกับความหวาดหวั่นในอีกรูปแบบหนึ่งจากนกกินปลาผู้หิวโหยแหล่งน้ำแห้งขอดกลายเป็นภัตตาคารชั้นเลิศที่ควรค่าแก่การแวะเวียน
เจ้าปลาเยาว์วัยเอยเจ้าควรฟังคำทัดทานของผู้มากประสบการณ์บ้าง ความไม่ประสีประสาของเจ้าจะนำพาความวิบัติมาสู่ อย่างที่เจ้าคาดไม่ถึงเลยทีเดียว
ฉันใช้อุ้งมือค่อยๆ ช้อนเจ้าปลาน้อยกลับคืนสู่แหล่งน้ำเก่าแกมหมั่นไส้นิดหน่อย พลางพึมพำคำสอนไปเบาๆ ด้วยเกรงว่าหากใครได้ยินจะหาว่าฉันเพี้ยนนั่นเอง.
***ไม่มีอะไรเหมือนเดิม
คำยืนยันของเจ้าของเรื่องสั้น
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9.4 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8.4 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ